ไทเธย์หนุ่มหล่อวิศวะปี 4 ผู้ที่ไม่ชอบสุงสิงกับใคร รักความเงียบ ความมืด เป็นชีวิตจิตใจ แต่แล้วมันก็หายไปหลังจากที่มีรุ่นน้องคนนี้เข้ามา ชะเอม รุ่นน้องสาวปี 1 ผู้ที่เข้ามาทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป เธอน่ารักและสดใส แต่ก็น่ารำคาญด้วยในเวลาเดียวกัน ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกรำคาญได้เท่านี้มาก่อนเลย แต่ในอีกมุมนึง เขากลับรู้สึกว่าชีวิตประจำวันของตัวเองฉันกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เหมือนได้ก้าวออกมาจากมุมมืดของตัวเอง
View More@มหาวิทยาลัย
วันรับน้องเฟรชชี่ใหม่ / วันที่หนึ่ง
เสียงอึกทึกของเหล่านักศึกษาที่เดินเข้ามาเบียดเสียดกันในลานหน้าตึกวิศวกรรมหลังจากที่ได้ยินเสียงของรุ่นพี่ประกาศให้มารวมตัวกัน
"เอาล่ะครับน้องๆ ใครที่มาแล้วก็ช่วยอยู่เงียบๆ แล้วดูเพื่อนในกลุ่มของตัวเองด้วย ว่ามากันครบแล้วหรือยัง" เสียงของพี่ว๊ากดังขึ้น
ก่อนที่ทั้งลานคณะจะเงียบลง ทุกคนมองรอบๆ ตัวเองสำรวจเพื่อนๆ ที่รุ่นพี่ได้แบ่งให้อยู่กันเป็นกลุ่มๆ
กิจกรรมรับน้องที่นักศึกษาใหม่หลายคนมีความสุขที่ได้มาเข้าร่วม เพราะได้เจอเพื่อน ได้เจอรุ่นพี่ ได้ทำกิจกรรม ถือว่าเป็นช่วงเวลาสนุกสนานครั้งหนึ่งในชีวิตเลยก็ว่าได้
"เดี๋ยวกิจกรรมต่อไป จะให้กลุ่มน้องๆ ตามหารุ่นพี่ตามคำใบ้ที่กลุ่มของตัวเองจับฉลากได้ ใครเจอก่อนสามกลุ่มแรกรุ่นพี่มีรางวัลให้ กลุ่มไหนหาได้กลุ่มท้ายจะถูกทำโทษ โดยการให้ปั่นจิ้งหรีดนะครับ"
เสียงนักศึกษารุ่นน้องฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง เพราะช่วงเวลาที่สนุกที่สุดของกิจกรรมรับน้องก็คือตามหารุ่นพี่ตามคำใบ้ที่ได้มา บางคนง่าย บางคนยาก แล้วแต่ดวงจะจับได้ใคร
หลังจากนั้นกลุ่มนักศึกษาก็ส่งตัวแทนออกไปล้วงไหที่ในนั้นมีกระดาษคำใบ้ของรุ่นพี่ที่ตัวเองจะต้องออกไปตามหาให้เจอ ก่อนจะแยกย้ายกันไปตามมุมต่างๆ เพื่อช่วยกันคิด วิเคราะห์ ตามหา มองดู
ตัดมาที่นักศึกษากลุ่มนึง...
"เฮ้ยแก เราได้คำใบ้อะไรวะ?"
'เงียบเหมือนเงา แต่ไม่หายไปไหน ไม่ชอบความวุ่นวาย แต่พร้อมปรากฏตัว'
"โห...มึนจัด ใครวะเนี่ย"
"คำใบ้โคตรยาก"
"โลกทั้งใบมืดสนิทตามคำใบ้เลย"
เป็นคำใบ้ที่เล่นเอาทั้งกลุ่มถึงกับกุมขมับเลย เพราะดันได้คำใบ้ที่โคตรจะยากมาแบบนี้ มองไปที่กลุ่มของรุ่นพี่ก็ไม่เห็นว่าจะมีคนไหนเข้าข่ายเลยสักคนเดียว
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ นักศึกษาบางกลุ่มตามหารุ่นพี่ตามคำใบ้ที่ตัวเองได้จนเจอแล้ว จะเหลือก็แต่เพียงกลุ่มนี้ ที่มองไม่เห็นทางออกเลย ไม่ใช่ว่าจะปล่อยให้เวลามันหมดลงไปเสียเปล่าๆ หรอก แต่มันหาไม่เจอจริงๆ
จนกระทั่งกลุ่มรุ่นพี่นั้นเรียกรวมตัว ซึ่งมันก็แปลว่าหมดเวลาที่จะตามหารุ่นพี่ตามคำใบ้แล้ว
"ไหนใครยังหารุ่นพี่ของตัวเองไม่เจอบ้างครับ" เสียงพี่ว๊ากตะโกน
ทั้งกลุ่มนี้ค่อยๆ ยกมือขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มเดียวด้วยมั้งที่หารุ่นพี่ตามคำใบ้ไม่เจอ
"รบกวนน้องๆ ออกมายืนด้านหน้าด้วยครับ" พี่ว๊ากบอก
"ทำไมถึงหาไม่เจอครับ?"
"มันยากมากค่ะ"
"ทำไมถึงยากครับ ได้คำใบ้อะไรไป?"
รุ่นน้องที่ถือกระดาษคำใบ้อยู่ค่อยๆ ยื่นให้กับพี่ว๊ากได้อ่าน พอรุ่นพี่ได้เห็นสีหน้าก็ดูเหมือนจะคิดหนักอยู่เหมือนกัน แต่ดูเหมือนจะมีคำตอบในใจอยู่แล้ว
"ไอ้ไทแน่ๆ เลย"
"คะ??"
"แต่ก็ต้องตามกฎนะครับ กลุ่มของน้องหาเจอเป็นกลุ่มสุดท้ายก็ต้องถูกทำโทษ ปั่นจิ้งหรีดคนละยี่สิบครั้ง ปฏิบัติ!!"
ทุกคนทำตามที่พี่ว๊ากสั่งโดยที่ไม่มีใครคัดค้านเลยสักคน เพราะทุกคนยอมรับกฎนี้ และมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่เลย ถึงเสร็จแล้วจะมึนหัวอยู่ไม่น้อยก็เถอะ
"คำใบ้ที่น้องๆ ได้มา มองไปที่ตรงนั้นครับ" พี่ว๊ากชี้ออกไป ก่อนที่ทุกคนจะพากันหันมองตามไม่ใช่แค่กลุ่มที่จับได้คำใบ้นี้แต่คือทุกคน
ไทเธย์ ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมดำสนิท ใบหน้าเกลี้ยงเกลาใต้เงาฮู้ดสีดำสนิทที่เขาสวมแทบทุกวัน ราวกับเป็นเกราะกำบังตนเองจากสายตาโลกภายนอก เขายืนอย่างนิ่งเฉย ร่างสูงโปร่งแผ่รังสีเย็นชาออกมาอย่างไม่ต้องพยายาม
"พะ พี่คนนั้น..?"
"ก็ตามคำใบ้ที่น้องๆ ได้ไป"
'เงียบเหมือนเงา แต่ไม่หายไปไหน ไม่ชอบความวุ่นวาย แต่พร้อมปรากฏตัว'
นี่มันใช่เลย ตามคำใบ้เป๊ะ แต่ไม่มีใครเอะใจหรือสังเกตเลยว่ามีเขาอยู่อีกคนที่เป็นรุ่นพี่ของคณะ เพราะเขาเงียบเหมือนเงาจริงๆ และความเงียบก็แผ่รังสีความเย็นยะเยือกน่ากลัวออกมาเป็นนัยๆ
"เอาล่ะครับ กลับไปนั่งที่ตัวเองได้แล้ว เราจะได้เริ่มทำกิจกรรมต่อไป.."
"ครับ/ค่ะ"
กิจกรรมวันรับน้องวันที่หนึ่งผ่านไป สองวันผ่านไป สามวันผ่านไป จนกระทั่งกิจกรรมรับน้องแสนสนุกสนานนี้จบลง และเวลาก็ผ่านไปอีกสองอาทิตย์เป็นช่วงเวลาที่นักศึกษาเปิดเรียนกันพอดี
ณ บ้านหลังหนึ่ง ที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย
"ชะเอมเสร็จหรือยังลูก"
"เสร็จแล้วแม่ มาแล้วๆ" เด็กสาววิ่งลงบันไดมาด้วยความเร่งรีบ
"เสร็จแล้วก็มากินข้าว"
"มหาลัยอยู่ใกล้แค่นี้เอง เดินไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว แม่อย่าเร่งสิ"
"ก็ตื่นให้มันเช้าๆ จะได้เป็นนิสัย"
"โหยแม่ ยังไงเอมก็ไปเรียนทันอยู่แล้วไม่ต้องกลัว"
"เรานี่นะ!"
"คุณก็ จะบ่นลูกทำไมนักหนา ลูกมันเข้ามหาลัยแล้วนะ มันโตขนาดนี้แล้วก็ให้มันคิดเองบ้าง เอาแต่บ่นลูกอายคนนะ"
"พ่อพูดถูกที่สุด"
"คุณก็อีกคน ให้ท้ายลูกจนเสียนิสัย"
"ก็แค่บอก" พูดเสียงเอื่อยๆ ดูเหมือนจะเก่งกล้า สุดท้ายก็แพ้คำพูดของเมียอยู่ดี
"เร็วๆ เลยเราน่ะ มัวแต่นั่งยิ้มอยู่นั่นแหละ"
"จ้าคุณอิ่มใจ"
#มหาวิทยาลัย
คณะวิศวกรรมศาสตร์
"นี่พี่ไทเธย์ใช่มั้ย...วิศวะปีสี่น่ะ หล่อขนาดนี้ยังไม่มีแฟนเลยเหรอ?" เสียงกระซิบของกลุ่มสาวๆ ปีหนึ่งดังแว่วมาจากมุมบันได
"เขาไม่ค่อยคุยกับใครเลยนะ เห็นอยู่คนเดียวตลอด..." อีกเสียงหนึ่งเสริม
ไม่มีคำตอบจากเขา ไม่มีแม้แต่แววตาที่จะบ่งบอกว่าได้ยิน
ไทเธย์เดินผ่านพวกเธอไปเหมือนไร้อากาศรอบตัว ความเงียบของเขาเหมือนแรงดึงดูดที่น่าค้นหา และน่ากลัวในคราวเดียว
หากไม่ใช่เพราะความเก็บตัวจนแทบจะล่องหนเขาอาจเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในคณะนี้ไปแล้ว
ชะเอมคืออีกคนนึงที่ยืนมองอยู่ เธอได้ยินสิ่งที่กลุ่มนักศึกษากลุ่มหนึ่งกำลังพูดกัน และก็ได้เห็นบุคคลนั้นที่กำลังถูกพูดถึง ซึ่งก็คือรุ่นพี่เจ้าของคำใบ้แสนยากเย็นที่เธอได้มาตอนที่มีกิจกรรมรับน้อง คิดว่าบุคลิกแบบนี้จะมีแค่ตอนนั้นซะอีก ไม่คิดว่าจะเป็นบุคลิกโดดเด่นของเขาเลย
"เฮ้ยเอม! ยืนทำไรตรงนี้ ขึ้นเรียนได้แล้ว"
"เออๆ ขึ้นไปก่อนเลยเดี๋ยวตามไป"
"มองอะไรของแกวะ?"
"มองรุ่นพี่คนนั้นน่ะ ที่เราได้คำใบ้มาตอนกิจกรรมรับน้อง"
"อ๋อ..มองทำไม?"
"ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ"
#ช่วงบ่ายๆ ของวันศุกร์ ทั้งสองจะต้องเดินทางกันในวันศุกร์ เพื่อที่จะได้ไปร่วมกิจกรรมในเช้าวันเสาร์และวันอาทิตย์ การเดินทางก็ไม่ได้ใช้เวลาอะไรมากมายแต่ทว่าก็มาถึงกันจนเย็นอยู่ดี"สวัสดีครับอาจารย์""สวัสดีค่ะอาจารย์"ไทเธย์กับชะเอมเข้ามาทักทายประธานชมรมและกลุ่มอาจารย์ที่มาร่วมชมรมนี้ด้วย แต่ชมรมของไทเธย์ไม่ได้มีอาจารย์มาด้วยเพราะเป็นเพียงชมรมเล็กๆ และก็ประสงค์จะมาดูงานเองไม่เกี่ยวกับทางมหาวิทยาลัย"ขึ้นพักกันเถอะ""เราจะพักกันที่นี่หรอคะ""ใช่ กิจกรรมมันอยู่ที่นี่ก็พักมันซะที่นี่แหละ""อ๋อ..."ไทเธย์พารุ่นน้องไปที่หน้าเคาน์เตอร์ก่อนจะบอกรายละเอียดต่างๆ ที่ได้ทำการจองเอาไว้ล่วงหน้ากับพนักงานแต่ทว่ากลับมีบางอย่างที่ชะเอมได้ยินแล้วถึงกับหูผึ่งในทันที"ห๊ะ! ห้องเดียว?""จะเสียงดังเพื่อ?""แต่รุ่นพี่ไม่ได้บอกนี่คะ ว่าเราจะพักห้องเดียวกัน""ตอนแรกฉันจองไว้แบบนี้ไง" ก่อนที่จะมาเขาได้จัดการอะไรๆ ไว้เรียบร้อยหมดแล้ว จะมาเปลี่ยนเอากระทันหันมันก็ไม่ทันหรอก จะยกเลิกโรงแรมนี้แล้วไปหาโรงแรมอื่นพักก็เสียเวลาแถมเสียเงินเพิ่มด้วย"ยะ แยกไม่ได้หรอ" พูดเสียงอ้อนๆ แต่ก็แผ่วเบามาก"ต้องขออภัยด้วยนะคะ ทางห
ในบ่ายวันหนึ่ง ณ ชมรมหุ่นยนต์ครืด~ ( ข้อความใหม่เข้า )ไทเธย์กำลังนั่งอ่านข้อความที่ถูกส่งเข้ามาในโทรศัพท์มือถือ เขาขมวดคิ้วย่นเหมือนกำลังคิดหนักเอามากๆ ราวกับว่าในนั้นมีเรื่องคอขาดบาดตายTon : ขอโทษว่ะ แม่กูเข้าโรงพยาบาลด่วน ไม่มีใครเฝ้าด้วยกูก็เลยต้องอยู่เฝ้า เรื่องกิจกรรมชมรมมึงช่วยหาคนอื่นไปแทนกูก่อนนะ ขอโทษจริงๆ ว่ะ แต่มันกระทันหันจริงๆ Thaithey : ไม่เป็นไร ขอให้แม่มึงหายไวๆ นะ มีอะไรให้ช่วยก็บอก เรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นหรอก ไทเธย์ไม่ได้ว่าอะไรเพื่อนสนิทเลย เพราะมันก็ฉุกละหุกกระทันหันจริงๆ บวกกับพอจะรู้เรื่องเพื่อนสนิทคนนี้มาอยู่บ้าง ว่าแม่ของเพื่อนคนนี้นั้นเจ็บออดๆ แอดๆ เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น เคยแว๊บไปเยี่ยมอยู่ 2-3 ครั้งเหมือนกัน ถึงได้เข้าใจแต่ที่หนักใจอยู่ตอนนี้คือ เขาจะหาใครไปแทนได้ เพราะตอนที่ดีลกับทางปลายทางเอาไว้คือจะไปกันสองคน และทางนั้นก็เตรียมทุกอย่างรอเอาไว้เรียบร้อยหมดแล้วด้วย"เสร็จแล้วค่ะรุ่นพี่ไท ช่วยดูหน่อยพอได้ไหม" ชะเอมยื่นเอกสารไปตรงหน้าของรุ่นพี่ไทเธย์ เพราะเพิ่งเข้ามาชมรมใหม่ๆ หน้าที่ของเธอก็เลยไม่ได้มีอะไรมาก นอกจากคอยจดหลักสูตรและเอา
@คณะวิศวะกรรม หลังเลิกเรียนชะเอมกำลังจะเดินกลับบ้านตามปกติ ทว่าก้าวยังไม่พ้นบันได เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้เธอและกลุ่มเพื่อนต้องชะงักในทันที"เสื้อสวยดีนะ""???""ตั้งใจลงรูปแบบนั้นให้ใครดูล่ะ?"เสียงที่ฟังดูเหมือนกำลังยิ้ม แต่เป็นการประชดประชันมากกว่า ดูก็รู้ว่ามาดักรอแบบนี้กำลังหาเรื่องกันเรื่องอยู่ชะเอมหันไปพร้อมกับถอนหายใจ เห็นรุ่นพี่เมษายืนพิงราวบันไดอยู่กับกลุ่มเพื่อนกลุ่มเดิม แขนกอดอกมองด้วยสายตาที่เย็นเฉียบ"ก็ไม่ได้ตั้งใจให้ใครดูค่ะ แค่ลงรูปเฉยๆ เหมือนปกติ" เธอตอบนิ่งๆ"แค่ลงเฉยๆ? แน่ใจเหรอว่าไม่จงใจ" พี่เมษาเลิกคิ้ว พลางเดินเข้ามาใกล้ขึ้นทีละก้าวเหมือนกำลังหาเรื่อง"....." ชะเอมยืนนิ่ง เธอไม่ได้ถอยหนี และก็ไม่ได้กลัวด้วย"หลังจากที่ฉันเตือนเธอไปแล้ว ว่าอย่ามายุ่งกับไทอีก ทำไมเธอถึงไม่ฟัง?"ชะเอมเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ "รุ่นพี่ไทไม่ใช่ของใคร เขายังไม่มีแฟนนะคะ ถ้าพี่กำลังชอบตามจีบอยู่เหมือนกัน เราก็อยู่ในสถานะเดียวกัน เพราะฉะนั้น...ให้ผู้ชายเขาตัดสินเถอะค่ะ ว่าชอบใคร""เขาก็ต้องชอบฉันอยู่แล้ว" พูดด้วยความมั่นใจ"เหรอคะ แต่รุ่นพี่ก็อยู่มาตั้งนานแล
ตกค่ำที่บ้านของชะเอม หลังจากที่ทำอะไรๆ เสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ชะเอมก็กลับขึ้นมาบนห้องนอนของตัวเองพร้อมกับเสื้อฮู้ดของรุ่นพี่ที่เพิ่งจะซักเสร็จ เธอตั้งใจซักมากยิ่งกว่าเสื้อผ้าของตัวเองที่โยนลงถังแล้วปล่อยให้เครื่องมันปั่นเองซะอีก จากนั้นก็เพิ่มความละมุนด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นโปรดของเธอ เหมือนจะเป็นน้ำหอมประจำตัวของเธอด้วยซ้ำ เพราะเธอไม่ได้ฉีดน้ำหอม กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่โชยมาจากตัวเธอก็เป็นกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มเนี่ยแหละคนตัวเล็กหยิบเสื้อตัวใหญ่มาสวมอีกครั้ง เสื้อฮู้ดของรุ่นพี่ไทเธย์ พรุ่งนี้เธอจะเอาไปคืนเขา แต่วันนี้ขอได้สัมผัสการสวมใส่อีกครั้งเถอะ เพราะก่อนหน้านั้นมันเปียกไปหมดเลยแต่จะว่าไปเสื้อตัวนี้มันใหญ่เกินไปสำหรับเธอมาก แขนยาวคลุมเลยมือไปครึ่งหนึ่ง แต่กลับรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาด เหมือนยังมีกลิ่นของเจ้าของติดอยู่เลยเธอหมุนตัวไปมาเบาๆ ส่องกระจกแล้วยิ้มกับเงาตัวเองที่ได้ใส่เสื้อของรุ่นพี่ มันรู้สึกดีจนพูดไม่ถูกเลยขณะที่กำลังมีความสุขอยู่นั้น ก็ดันนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ เธอจำคำพูดของรุ่นพี่ผู้หญิงได้ และก็เจ็บใจมากด้วย แค่ตอนนั้นไม่ได้ตอบโต้เท่านั้นเอง"หึ! เป็นของตัวเองงั้นหรอ
#เช้าวันรุ่งขึ้น ชะเอมตื่นแต่เช้าเช่นเคย เธอรีบเอาเสื้อที่แขวนไว้ตรงหน้าต่างออกไปซักแล้วตากแดดแต่เช้า เพราะวันนี้อากาศปลอดโปร่งมากไม่มีเค้าฝนเลยสักนิด เหมือนที่เขาพูดกันว่า ต่อให้ฝนจะตกหนักแค่ไหนแต่สุดท้าย 'ฟ้าหลังฝนมักสวยงามเสมอ'เสื้อของรุ่นพี่ไทเธย์ที่เธอซักแล้วตากไว้ให้ คงได้คืนให้พรุ่งนี้เพราะเพิ่งจะได้ซัก ถึงยังไงก็ได้เจอกันที่มหาลัยทุกวันอยู่แล้ว"กินข้าวอิ่มแล้วเหรอลูก" แม่ถามขึ้นเมื่อเห็นลูกสาววางช้อนลง เธอดูกินน้อยกว่าปกติ จนอดถามไม่ได้"ค่ะแม่""จะรีบไปไหนแต่เช้า" ผู้เป็นพ่อเอ่ยถาม"ไม่ได้ไปไหนค่ะ ก็ไปเรียนตามเวลาปกติแหละ แค่ไม่ค่อยหิวเฉยๆ" เธอตอบ"ไม่สบายหรือเปล่าลูก""ก็ปกตินะคะ แค่ไม่ค่อยหิวแค่นั้นเอง"ไม่สบายเหรอ? ไม่นะเพราะเธอไม่ได้รู้สึกแย่อะไรเลย ก็รู้สึกปกติเหมือนเดิม เหมือนทุกเช้าที่เธอตื่นขึ้นมา"ถ้ารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ก็อยู่บ้านสักวัน ไลน์ไปลาอาจารย์เอาไว้ คนไม่สบายไปเรียนไม่ได้อาจารย์คงไม่ว่าหรอกมั้ง""อาจารย์ไม่ว่าหรอกค่ะ จะเข้าเรียนหรือไม่เข้าเรียนก็แล้วแต่ ขอแค่มีงานส่งก็พอ""เราก็อย่าทำแบบนั้นเชียวนะ" ผู้เป็นพ่อพูดเสียงเข้มเหมือนดุ"เอมไม่ใช่คนแบบนั้นส
กึก ~เสียงประตูบ้านปิดลงพร้อมกับเสียงฝนเบาลงจากด้านนอก ชะเอมเดินตัวเปียกเข้าไปในบ้าน ถือเสื้อฮู้ดไว้แนบอกอย่างระมัดระวัง ทั้งกลัวลื่น กลัวทำบ้านเลอะด้วย เพราะคนที่ทำความสะอาดก็คือแม่ของเธอ"กลับมาจนได้นะลูก" เสียงผู้เป็นแม่ดังมาจากห้องนั่งเล่น ก่อนเจ้าตัวจะเดินออกมาพร้อมผ้าขนหนู"แหะๆ เอมเปียกหมดเลยค่ะ" เธอได้แต่ยิ้มแห้งๆ ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน สภาพตอนนี้ก็เปียกฉ่ำไปหมดเลย ดีนะที่ไม่ถูกรถเหยียบน้ำฝนที่ขังอยู่ตามพื้นถนนแล้วกระเด็นเข้าใส่ ไม่งั้นงานหนักตกไปที่แม่ของเธอแน่ๆ"แม่โทรหาตั้งหลายรอบ ทำไมไม่รับ? จะให้พ่อเอาร่มออกไปรอรับที่มหาลัย จะได้กางร่มกลับ""ขอโทษค่ะ มือเปียกหมดเลย เอมเลยไม่ได้หยิบโทรศัพท์ดู กลัวมันเปียกด้วย" ชะเอมตอบเสียงอ่อย ก่อนจะยื่นมือไปรับผ้าแล้วเช็ดหัวเช็ดหน้าให้แห้ง"เอาผ้ามาแม่จะเอาไปผึ่งให้ จะได้เอาไว้ซัก""เอ่อ เสื้อตัวนี้เดี๋ยวเอมซักเองค่ะ มัน...มันค่อนข้างสำคัญ""หืม...""มะ ไม่มีอะไรค่ะ พอดีต้องเอาซักแล้วไปคืนเขา"ผู้เป็นแม่มองแล้วยิ้มกริ่มเหมือนจะคาดเดาสายตาของลูกสาวออก ก็เลยไม่ได้ซักไซ้ถามอะไรมากมาย คงจะเป็นเสื้อของใครสักคนที่มีความสำคัญกับหัวใจดวงน้อย
Comments