“เสร็จซะที เมื่อยจะแย่”
คนตัวบางในชุดเดรสสายเดี่ยวสีชมพูกระโปรงบานสั้นเหนือเข่ามาเป็นคืบ หักนิ้วมือและบิดกายอย่างเมื่อยขบเมื่อต้องนั่งพิมพ์รายงานวิชาสำคัญตั้งแต่เช้าจรดเย็นแทบไม่ได้พัก
“ขวัญเสร็จแล้วเหรอ ของผมยังไม่เสร็จเลย”
“อีกเยอะไหม เอามาสิ ขวัญช่วยพิมพ์”
“ไม่เป็นไรหรอก อีกไม่เยอะแล้ว ขวัญพักเถอะ”
“คุณหนูของขวัญ มาช่วยฉันทำกับข้าวดีกว่า จะได้กินข้าวเย็นกัน เดี๋ยวไอ้นุ๊กก็ต้องกลับบ้านแล้ว”
คุณหนูคนสวยหันขวับมองหน้าคนปากไม่ดีตาขวาง ในแววตาแทบไม่มีความเป็นมิตรหลงเหลืออยู่สักนิด แต่กลับเรียกเสียงหัวเราะในลำคออย่างชอบใจของคนที่ตั้งใจกวนประสาท
“ทำไมมองฉันแบบนั้น อย่าบอกนะว่าคุณหนูของขวัญทำกับข้าวไม่เป็น”
เธอไม่ตอบ แต่ดวงตากลมโตวาววับเอาเรื่องนั้นมองเขาราวกับกำลังจะขู่ให้เขาหุบปาก อย่าพูดมาก ถ้ายังไม่อยากโดนเธอฆ่าตาย
“ทำไม่เป็นจริงๆ เหรอเนี่ย ฮ่าๆๆๆ ไอ้ไฟ มึงไม่คิดจะสอนเพื่อนมึงหน่อยเหรอ แบบนี้ใครจะเอาทำเมียวะ”
“ไอ้เหี้ยฟืน มึงเลิกกวนประสาทขวัญซะที วันนี้เวรมึง ก็ทำไป อย่าลีลา”
คนตัวร้ายมองสบตาน้องชายด้วยแววตาที่รู้กัน แฝดน้องถอนหายใจยาวในความเจ้าเล่ห์ของพี่ชาย สุดท้ายก็ต้องช่วย หมอนั่นปล่อยเวลาผ่านมาเกือบสองปี จนตอนนี้พวกเขาเรียนอยู่ในชั้นปีที่สี่ ท่าทางคงจะเริ่มเอาจริงแล้วสินะ
“กูต้องการผู้ช่วย ไหนมึงคุยนักคุยหนาว่าของขวัญเก่งทุกเรื่อง เก่งยังไงวะ ทำกับข้าวก็ไม่เป็น โคตรกระจอกเลย”
“ฉันทำเป็น”
“หึหึ ใครจะเชื่อครับ คุณหนู”
“เลิกเรียกฉันคุณหนูซะที รำคาญ หุบปาก ไม่ต้องพูดมาก แล้วก็ไปช่วยฉันทำกับข้าว”
คนสวยเชิดหน้าขึ้นแล้วเดินนำหน้าคนปากเสียเข้าไปยังห้องครัว ใครบอกเธอทำกับข้าวไม่เป็น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคืออาหารขึ้นชื่อของเธอ มันจะยากอะไรกับอีแค่ทำกับข้าว ก็แค่หั่นๆ ผัดๆ ปรุงๆ แค่นี้ก็กินได้แล้ว คอยดูฝีมือเชฟของขวัญคนสวยก็แล้วกัน
อัคราตัวร้ายยักคิ้วให้น้องชายอย่างรู้กัน ลุกขึ้นเดินตามเชฟใหญ่เข้าไปในโซนครัวที่จัดไว้อย่างเป็นระเบียบ
“เดี๋ยวฉันช่วยด้วยอีกคนแล้วกัน”
สาวห้าวเสนอตัวช่วยเหลือ เพราะดูท่าทางถ้าปล่อยให้สองคนนี้ทำกับข้าวด้วยกัน ครัวคงเละเทะเป็นสงครามกลางเมืองมากกว่า
“ไม่ต้องหรอก ที่มันแคบ แกนั่งให้กำลังใจไอ้ไฟไปนั่นแหละ ลงไปช่วยมันอ่านรายงานก็ได้ จะได้เสร็จเร็วๆ”
คนตัวบางที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงถูกเพื่อนรักบังคับจับบ่าบอบบางให้ลงไปนั่งอยู่ข้างๆ น้องชายฝาแฝดที่แอบยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจโดยไม่ให้ใครเห็น
“ไหนล่ะ พิมพ์ถึงไหนละ ชักช้ายืดยาด”
“หงุดหงิดอะไร หงุดหงิดที่ต้องลงมาช่วยฉันพิมพ์รายงาน หรือหงุดหงิดที่ไม่ได้ไปเสนอหน้าทำกับข้าวอี๋อ๋อกับไอ้ฟืน”
“หุบปาก”
“หึ กระโดกกระเดกเป็นม้าดีดกะโหลกแบบนี้ ไอ้ฟืนมันคงชอบลงหรอก”
“นี่นาย”
คนตัวบางที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นม้าดีดกะโหลกตวัดสายตามองเขาอย่างเอาเรื่อง เห็นไหม เธอบอกแล้วว่าผู้ชายคนนี้มันไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษน่ารักน่าปรารถนาเหมือนที่สาวๆ มองเห็นหรอก เสแสร้งแกล้งทำทั้งนั้น
“ว่า..”
“ฉันจะเป็นอะไรมันก็เรื่องของฉัน แต่ถ้ามันไปหนักหัวนายก็บอก เผื่อจะช่วยสงเคราะห์เอาเลือดหัวออกให้ จะได้โล่งๆ”
“หึหึ วิธีทำให้หัวของฉันโล่งมีหลายวิธีที่เธอช่วยได้ โดยไม่ต้องเสียเลือดสักนิด”
“ไอ้หื่น”
“คิดอะไรอยู่ ทอมอย่างเธอ คิดได้ไงว่าผู้ชายอย่างฉันจะคิดหื่นๆ กับเธอ ใครจะไปเอาลง”
“พูดมาก จะทำไหม รายงานน่ะ หุบปากแล้วนั่งเงียบๆ”
หนุ่มสาวคู่ไม้เบื่อไม้เมาช่วยกันทำรายงานต่อไปเงียบๆ ต่างจากไม้เบื่อไม้เมาอีกคู่ที่เกือบจะพังห้องครัวเพราะทนความกวนประสาทของคนบ้าไม่ไหว
“จะทำอะไรกินล่ะ”
“แล้วคุณหนูของขวัญทำอะไรเป็นบ้างล่ะ”
“ก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ มันจะไปยากอะไร”
“หึ งั้นวันนี้เราทำผัดผักรวม กับหมูกระเทียมแล้วกัน มีต้มยำในตู้เย็น แม่ฉันเพิ่งเอามาให้เมื่อเช้า”
“อือ ให้ฉันทำอะไร”
“ล้างผัก หั่นผัก ทำได้ไหม”
“สบาย”
คนตัวบางหันไปที่อ่างล้างจานเพื่อล้างผักทันที แต่กลับถูกมือใหญ่รั้งข้อมือเอาไว้เสียก่อน
เธอตกใจ ค่อยๆ หันกลับมามองใบหน้าหล่อเหลาของเขาแล้วก้มลงมองข้อมือที่ถูกมือใหญ่อบอุ่นกำเอาไว้จนมิด
“ใส่ผ้ากันเปื้อนก่อนสิ เคยเข้าครัวจริงๆ ไหม”
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่ามี อยู่ไหนล่ะ เอามาให้ฉันสิ”
เขาเปิดลิ้นชักหยิบผ้ากันเปื้อนสีขาวมีชายระบายน่ารักมาใส่ให้เธออย่างถือวิสาสะ คนตัวบางเบิกตากว้างแล้วยืนนิ่งแทบลืมหายใจเมื่อเขาเอื้อมมือไปมัดโบที่ด้านหลังให้กับเธอ
จมูกโด่งอ้อยอิ่งอยู่ที่ข้างขมับ ผมยาวดัดเป็นลอนสวยส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ผสมกับกลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่เข้ากันได้ดีราวกับฟีโรโมนชั้นเลิศทำเอาเขาเผลอตัวสูดหายใจเข้าปอดจนลึก
“หอม..”
เสียงทุ้มแหบพร่าดังอยู่ข้างใบหู ทำเอาคนตัวบางร้อนวูบวาบไปทั้งร่าง จึงผลักอกเขาออกห่างจากตัวอย่างแรง แต่คนตัวโตกลับผละห่างไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ความเขินอายทำเอาใบหน้าสวยหวานแดงซ่าน เรียกรอยยิ้มมีเสน่ห์แต่งแต้มมุมปากของคนเจ้าเล่ห์
เธอเม้มปากแน่น อยากจะข่วนหน้าหล่อๆ นั่นให้เป็นรอยเล็บ ไหนจะแววตาล้อเลียนที่มองมาทำราวกับเธอเป็นขนมหวานให้เขาเคี้ยวเล่นนั่นอีก
“ไอ้โรคจิต ถอยไปสิ ฉันจะล้างผัก”
คนหล่อยกมือทั้งสองข้างเป็นเชิงยอมแพ้ ถอยออกห่างจากเธอแล้วไปเปิดตู้เย็นเลือกของสดเอามาทำอาหาร โดยที่มุมปากยังคงแต้มรอยยิ้มสมใจอยู่ตลอดเวลา
หลังจากที่เขาหุงข้าวเสร็จแล้ว หันกลับมามองแผ่นหลังของคนตัวบางที่กำลังยืนหั่นผักด้วยท่าทางตั้งใจ ก็นึกอยากแกล้งให้เธอหน้าแดงเล่นๆ จึงขยับตัวเข้าชิดเธอจากทางด้านหลังแล้วกระซิบเสียงแหบพร่าใกล้ใบหูของเธออีกครั้ง
“เสร็จหรือยัง”
“ว้าย ไอ้บ้า”
“อุบ..แหวะ”อัคราสะดุ้งตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ในวันหยุดเพราะภรรยาคนสวยวิ่งพรวดพราดเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำอย่างเอาเป็นเอาตาย“ขวัญครับ ไหวไหม”เขารีบวิ่งมาลูบหลังให้ภรรยาที่อาเจียนจนเหลือแต่น้ำย่อย ก่อนจะส่งแปรงสีฟันให้เธอเพื่อดับกลิ่นน่าเวียนหัวในปากและลำคอ“แปรงฟันก่อนครับ”เธอรับแปรงสีฟันมาแปรง ก่อนจะรีบบ้วนปาก เพราะน้ำย่อยในกระเพาะอาหารมันตีวนขึ้นมาจุกที่คอหอยจนอยากอาเจียนอีกแล้ว“ไม่ไหวแล้ว ขวัญจะอ้วก”“ไปหาหมอไหม อยู่ๆ ก็อ้วก อาหารเป็นพิษหรือเปล่า”“แต่ขวัญไม่ได้ท้องเสีย”“ขวัญยังให้นมลูกอยู่ ถ้าเป็นอะไรเดี๋ยวลูกจะป่วยไปด้วย เราไปหาหมอกันเถอะ”“แต่ขวัญเป็นห่วงลูก”“ที่รักครับ เรามีพี่เลี้ยงมาช่วยดูแลเด็กๆ แล้วนะ แล้วลูกเราก็ห้าเดือนแล้ว พวกแกเก่งและเข้ากับคนง่ายจะตาย”ที่เขาและเธอต้องหาพี่เลี้ยงเด็ก เพราะในวันหยุด เขาและเธอต้องไปเรียนต่อในระดับปริญญาโทแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ให้แม่ของเขาและแม่บ้านเก่าแก่ของเธอมาช่วยดูแลให้เป็นครั้งคราวในเวลาที่เธอกับเขาไปเรียน“งั้นก็ได้ค่ะ”“ยินดีด้วยนะคะ คุณแม่ตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้วค่ะ”ขวัญชนกชะงักไปเพราะกำลังช็อก แต่อีกคนกลับยิ้มกว้างอย่างยินดี“ขอบค
“ขวัญครับ ผมกลับมาแล้ว”ว่าที่คุณพ่อมือใหม่เลิกงานแล้วก็ตรงไปยังห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของบางอย่างที่เพื่อนแนะนำ“วันนี้ทำไมกลับสายคะ งานเยอะเหรอ”ว่าที่คุณแม่ที่ท้องใหญ่ด้วยอายุครรภ์ห้าเดือนกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่ที่พรมขนสัตว์นุ่มฟูที่ห้องนั่งเล่นเพื่อเตรียมตัวสอบเข้าเรียนในระดับปริญญาโท ไม่รู้ว่าปีนี้จะพร้อมจริงๆ หรือเปล่า แต่เธอก็จะลองดู“เยอะเหมือนเดิมครับ ดีนะที่พ่อเห็นใจผมให้มาเรียนรู้งานบริหารแล้ว พ่อบอกจะได้ไม่เหนื่อยมาก เพราะอีกเดี๋ยวขวัญคลอดลูกมาแล้วเราสองคนจะยิ่งเหนื่อย”เพราะเธอกับเขาซื้อบ้านแยกตัวออกมาสร้างครอบครัวกันเองสองคนสามีภรรยา ด้วยอยากใช้ชีวิตแบบไม่ต้องมีใครวุ่นวายหรือต้องเกรงใจใคร โดยเฉพาะการเลี้ยงลูก ซึ่งพ่อแม่มือใหม่อย่างพวกเธอต้องการอิสระและไร้ความกดดัน“ดีจังเลยค่ะ ขวัญดีใจกับฟืนด้วยนะคะ”“อีกอย่าง ผมแวะห้างไปซื้อไอ้นี่มา”ว่าที่คุณพ่อขี้เห่อที่จะต้องมีของติดไม้ติดมือมาแทบทุกวัน ทั้งสั่งออนไลน์และไปเลือกซื้อหามาด้วยตัวเอง และวันนี้ มีของเล่นใหม่มานำเสนอว่าที่คุณแม่วัยใสอีกแล้ว“อะไรอีกแล้วคะ ของเล่นเหรอ ลูกเราเพิ่งห้าเดือนเองนะคะ อีกนานกว่าจะคลอด”“ไม่ใช่ของเ
“ที่รัก ไม่ต้องกลัว ใจเย็นๆ ตอนนี้เราทั้งคู่เรียนจบแล้ว ผมมีงานทำและขวัญก็มีงานรออยู่ เรากำลังจะเรียนโทต่อเพื่ออนาคตของเรา เรียนโทขวัญท้องได้และมีลูกได้ ไม่ได้เป็นปัญหาเลยครับ อีกอย่างผมอยู่ตรงนี้ ไม่ได้หนีไปไหน ผมพร้อมรับผิดชอบขวัญและลูก เราแต่งงานกันนะที่รัก”อัคราดึงขวัญชนกเข้าสู่อ้อมกอด ทั้งยังลูบหลังเพื่อปลอบใจให้เธอคลายความกังวล ดวงตาสับสนวุ่นวายใจคู่นั้นทำเอาเขารู้สึกสงสาร แต่เขาอยากมีลูกและสร้างครอบครัวกับเธอจริงๆ ถึงได้ตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป“ฟืนพร้อมแล้วจริงๆ หรือคะ ถ้าฟืนยังไม่พร้อม..ขวัญจะ..”เธอขยับตัวออกจากอ้อมกอด พูดจาลนลานสับสน มือเย็นเยียบกำแน่นด้วยความกดดัน“อย่าแม้แต่จะคิดนะ เขาเป็นลูกของผม ผมตั้งใจทำให้เขาเกิดมา นอกจากขวัญแล้ว ลูกก็เป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิตของผม อย่าเอาเขาไปจากผมเลยนะที่รัก”ทั้งคำพูด น้ำเสียง และแววตาจริงจัง ติดจะดูเศร้าด้วยซ้ำเมื่อเธอคิดจะทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา มันทำให้เธอเสียใจและรู้สึกผิดมากที่คิดอะไรเอาแต่ได้ชั่ววูบ จนต้องนึกขอโทษลูกในใจ“ฟืนอยากมีลูกจริงๆ เหรอคะ”“อยากมีสิ คิดว่าผมไม่รู้หรือไงว่าการที่ผมแตกในใส่ขวัญทุกครั้งมันจะไม
บนโต๊ะดินเนอร์ที่ตกแต่งด้วยเชิงเทียนและดอกกุหลาบสีขาวนำเข้าช่อโตส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ขวดไวน์แดงแช่อยู่ในถังที่มีน้ำแข็งอัดจนเต็ม สเต๊กเนื้อวากิว A5 จานใหญ่ส่งกลิ่นยั่วยวนชวนน้ำลายสอ แต่น่าแปลกที่วันนี้มันกลับทำให้คนตัวบางรู้สึกพะอืดพะอมจนต้องวิ่งไปโก่งคออาเจียนที่ชักโครกเอาอาหารมื้อก่อนหน้านี้ออกมาจนหมดกระเพาะ“ของขวัญ..เป็นอะไรครับ”อัครารีบวิ่งตามแฟนสาวมาลูบหลังให้ด้วยความตกใจ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ช่วงที่เธออ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบปลายภาคครั้งสุดท้ายของชีวิตนักศึกษา เธอเคร่งเครียดเกินไปหรือเปล่า จนทำให้เธอกลายเป็นโรคกระเพาะอาหารแบบนี้“ขวัญคลื่นไส้ค่ะ มันเหม็น”“เหม็นอะไรครับ ดอกไม้เหรอ มันมียาฆ่าแมลงหรือเปล่า เดี๋ยวผมเอาไปทิ้งให้นะ”“ไม่ได้เหม็นดอกไม้ค่ะ เหม็นสเต๊ก ขวัญว่ามันบูด”อัคราเลิกคิ้วสูงสเต๊กเนื้อวากิว A5 ของโปรดของเธอ มันส่งกลิ่นหอมยั่วยวนออกปานนั้น จะเสียได้อย่างไร อีกอย่างเขาเลือกมาเปิดห้องพักสุดหรูของโรงแรมชื่อดังและให้ทางโรงแรมจัดโต๊ะดินเนอร์ส่วนตัวให้ในห้อง อาหารจานนั้นราคาเหยียบหมื่น ทางโรงแรมไม่มีทางนำเนื้อวัวเสียมาทำอาหารให้กับลูกค้าระดับนี้แน่ๆ“เนื้อไม่บูดหรอกครับขวั
“ทำศพค่ะ ขวัญจะเป็นเจ้าภาพข้าวต้มคืนแรกให้”“โห ที่รักใจร้ายจัง”เขาก้มหน้าลงมาหาเธอที่เงยหน้าขึ้นมองเขาพอดิบพอดี จึงจูบหน้าผากมนอย่างแผ่วเบาครั้งหนึ่ง“ก็ฟืนเป็นของขวัญ ขวัญหวง”เธออมยิ้มแล้วยกตัวขึ้นจูบปลายคางเขาอย่างออดอ้อน การกระทำที่แสนน่ารักของเธอทำเอาหัวใจแกร่งอุ่นวาบไปทั้งดวง“ผมก็หวงขวัญเหมือนกัน ทั้งรักทั้งหวงเลยรู้ไหม”“รู้สิคะ วันนี้ขอบคุณฟืนมากจริงๆ นะ ที่เอะใจเรื่องนี้จนตามไปช่วยขวัญไว้ได้ทัน ตอนนั้นขวัญกลัวมาก ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าโดนมันปล้ำจริงๆ แล้วขวัญจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง ตอนนั้นขยะแขยงแทบอ้วก”“ขวัญอย่าคิดแบบนี้รู้ไหม ต่อให้ผมตามไปช่วยขวัญไม่ทันแล้วขวัญต้องโดนมันทำอะไรจริงๆ ผมก็ไม่อยากให้ขวัญคิดว่าตัวเองสกปรกไม่มีค่า เพราะขวัญมีค่าสำหรับผมเสมอ และผมไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ผมยังรักขวัญเหมือนเดิมและรับได้ทุกอย่าง”“ขวัญโชคดีจังที่คืนนั้นห้าวไปแย่งเหล้าของฟืนมากิน ไม่อย่างนั้นเราก็คงไม่มีวันนี้”“ฮ่าๆๆ ต่อให้คืนนั้นขวัญไม่โดนมอมยา ยังไงเราก็ต้องได้คบกันแบบนี้อยู่แล้ว”“ทำไมล่ะ คืนนั้นฟืนตั้งใจจะปล้ำขวัญอยู่แล้วหรือ”“เปล่าซะหน่อย ถ้าขวัญไม่ยอม ผมก็ไม่ทำหรอก ขวัญก็รู้
เมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้งอัคราก็พาขวัญชนกกลับคอนโดมิเนียม เกศรินและอัคคีรอคนทั้งคู่อยู่แล้วที่ห้องชุดของฝาแฝด เขาจึงพาเธอมาหาเพื่อนก่อน“ยัยขวัญ เป็นไงบ้าง ฉันเป็นห่วงแกแทบแย่ เจ็บตรงไหนไหม”เกศรินตรงเข้ามากอดแล้วสำรวจร่างกายบอบบางเพื่อหาร่องรอยการถูกทำร้าย เมื่อเห็นมุมปากแตกยับเริ่มมีสีม่วงช้ำก็รู้สึกโกรธเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ไม่ต่างจากอัคคีเลย“นี่มันตบแกเหรอ ไอ้ชลัชมันชั่วจริงๆ”“ใจเย็นเกรซ ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว โชคดีมากที่ฟืนไหวตัวทันโทรหาพ่อ เลยรู้ว่าฉันโดนหลอก ไม่อย่างนั้นฉันต้องตกเป็นเมียของไอ้ชลัชมันแน่ๆ”“ไอ้เลว โดนฟืนยำตีนมันยังน้อยไป แล้วทำไมแกไม่ลากคอมันเข้าคุกไปซะ จะปล่อยให้มันลอยนวลทำไม”“ฉันไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย เกิดถึงหูนักข่าวขึ้นมาก็มีแต่เสียกับเสีย ทั้งบ้านฉันบ้านฟืน ไหนจะคุณตาอีก”“แล้วพ่อแกว่ายังไง”“หย่ากับยัยนั่นแล้ว ตอนนี้พวกนั้นก็กำลังเก็บของออกจากบ้านของฉันอยู่”“ยังดีนะที่คราวนี้พ่อเลือกแก”“ก็หลักฐานมันเห็นคาตาขนาดนั้น ถ้าพ่อยังไม่เชื่อฉันกับฟืนอีกก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว ที่จริงถ้ายัยชนิสากับลูกๆ ไม่เป็นคนแบบนี้ ฉันก็คงปล่อยให้อยู่กับพ่อต่อไ