ราเรซ
ตอนนี้ผมกับ บิ๊กไบค์ เลโอ กำลังนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ที่โต๊ะวีไอพีของชั้นสอง ส่วนไอ้โต้งนั้นมันไม่ได้มาด้วยเพราะมันกำลังอินเลิฟ ติดแฟนแจเลย เห็นแล้วหมั่นไส้มันนัก “เฮ้ยๆ นั้นมันน้องปีหนึ่งนี่ว่า เข้ามาได้ไงวะเนี้ย” เลโอพูดขึ้น ผมไม่ได้สนใจสิ่งที่เลโอพูดเลยสักนิด เพราะกำลังโมโหยัยตัวเล็กอยู่ เธอไม่ยอมมารอผมตามที่บอกไว้ แอบหนีกลับบ้านไปก่อนเฉยเลย อย่าให้เจอนะ..ต้าหนิง พี่เรซจะทำโทษให้เข็ดเลย.. “ใครสนกันว่ะ มันก็เข้ามาได้ทั้งนั้นแหละ ถ้ามีคนพามา” บิ๊กไบค์พูดจบก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม “นั้นสินะ ไม่น่าสนเลย ถ้าน้องปีหนึ่งคนนั้นไม่ใช่ ต้าหนิงกับแก้มใส” สิ้นสุดคำพูดของเลโอ ผมกับบิ๊กไบค์ก็หันไปมองยังด้านล่างแทบจะพร้อมกัน มาได้ไง.. ต้าหนิงกำลังเต้นยั่วยวนอยู่บนฟอร์ ผู้ชายต่างก็เต้นรอบเธอพร้อมกับผิวปากอย่างชื่นชม ผมไม่ทนนั่งดูอยู่นานหรอก เห็นแค่นั้นผมก็ลุกออกจากโซฟาเดินลงมายังชั้นล่างตรงไปที่ร่างเล็กของต้าหนิง พอผมเดินมาถึงก็เห็นต้าหนิงกำลังมีเรื่องกับผู้ชาย ก๋ากั่นจังเลยนะ ต้าหนิง ตัวเท่“ทั้งสองอย่างล่ะมั้ง อยากจะลองดูหน่อยไหมล่ะ” พี่ราเรซก้มหน้าลงมาซุกไซ้ซอกคอของฉันอย่างบ้าคลั่ง แขนเล็กก็ดันเขาไว้ไม่อยู่ ฉันจึงใช้กำปั้นทุบที่ไหล่หนาแทน มือหนายึดมือบางของฉันทั้งสองข้างไปตรึงไว้กับเตียงนอน ทำให้ฉันไม่สามารถประทุษร้ายเขาได้อีก ลิ้นชื้นลากไล้ไปมาตามไหล่ปลาร้าและลำคอ ทำให้ขนกายลุกชันด้วยความสยิวปนเสียว ปากหนาพรมจูบดูดแม้มที่ซอกคอขาวเนียนอย่างแรงจนร่างกายของฉันสะดุ้งโหยงด้วยความเจ็บ ปานว่าเขาตั้งใจจะดูดดึงผิวเนื้อหลุดออกมาซะให้ได้ พยายามเตะก็แล้วถีบก็แล้ว แต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี ยิ่งฉันดิ้นเท่าไร ร่างหนาก็ยิ่งแนบชิดกับร่างบางของฉันมากขึ้นเท่านั้น ฉันแทบจะจมหายไปกับเตียงนอนได้แล้วมั้ง “ปล่อยต้านะ พี่เรซ!!” ฉันร้องตะโกนสุดเสียง เขาจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ ฉันไม่ใช่แฟนของเขา อีกอย่างฉันก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย “ทำไมต้องปล่อย...” พี่ราเรซหยุดการกระทำแล้วจ้องหน้าฉันนิ่ง ฉันกัดริมฝีปากล่างแน่นพยายามข่มอารมณ์โกรธเอาไว้สุดๆ ยังมีหน้ามาถามอีก..ว่าทำไมต้องปล
พี่ราเรซยกตัวฉันให้ขยับไปนั่งตรงกลางหว่างขา สายตาของฉันก็เลือบไปเห็นความเป็นชายที่กำลังแข็งขึง ด้วยขนาดของมันทำให้ฉันเผลอจ้องมองแล้วรอบกลื้นน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว พี่ราเรซจ้องหน้าฉันพร้อมกับยิ้มล้อเลียน ฉันรีบเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอายที่โดนเขาจับได้ที่แอบมองส่วนนั้นของเขา “ขยับมาอีก..” เสียงกระซิบของพี่ราเรซแหบพร่าอย่างเซ็กซี่ ชวนให้หลงใหลและทำตามอย่างว่าง่ายเหมือนโดนพี่ราเรซร่ายมนตร์ใส่ พี่ราเรซจับมือของฉันขึ้นจากข้างลำตัว เขาวางฝ่ามือของฉันลงบนอกแกร่ง ก่อนจะกดมันให้ลูบลงต่ำลงไปเรื่อยๆ เข้ากับแก่นกายของเขาที่กำลังชูชันเพื่อรับให้มือบางของฉันสัมผัส หัวใจสั่นระรัวเมื่อได้มองสิ่งนั้นชัดๆ มือหนานำพามือของฉันสัมผัสกับแก่นกายของเขา ไล่มือขึ้นลงอย่างเชืองช้า ฉันจ้องการกระทำของตัวเองและเขาอย่างตื่นเต้น เพราะไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน “ชิมสิ ต้าหนิง...” ฉันเงยหน้าขึ้นสบตากับพี่ราเรซ ก่อนจะก้มหน้าลงมาสัมผัสกับแก่นกายของเขาด้วยการแลบลิ้นออกมาแตะส่วนปลายเบาๆ ทำเอาร่างหน
ต้าหนิง ทันทีที่รู้สึกตัวขึ้น อาการปวดหัวก็แล่นปี๊ดขึ้นที่สมองย่างเฉียบพลัน นี่สินะ.. ที่เขาเรียกว่าอาการแฮงค์นะ ยังมึนๆ งงๆ อยู่เลย ไอ้เตกีลานี่มันหนักหัวดีแท้ ไม่เอาแล้ว ฉันจะไม่ดื่มมันอีกแล้ว ฉันกำลังจะเอี้ยวตัวลุกออกจากเตียงนอน แต่ก็รุกไม่ได้ เพราะเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างรั้งเอวบางของฉันไว้อยู่ ฉันชำเลืองไปมองที่เอวของตัวเองก็เจอกับแขนแกร่งรัดแน่นที่เอวบาง เห็นแค่นั้น.. ฉันก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร เพราะสมองเริ่มกลับมาทำงานเป็นปกติแล้ว มันกำลังประมวลภาพเหตุการณ์เมื่อคืนมาฉายให้ฉันดู แล้วความร้อนรุ่มก็ขึ้นมากองร่วมกันอยู่ที่หน้า ฉันทำอะไรลงไป... ยัยต้าหนิงเอ๊ยยยย ฉันพยายามยกแขนของพี่ราเรซ ออกจากเอวบางของตัวเอง เหมือนพี่ราเรซจะเหนื่อยมากถึงได้หลับลึกขนาดนี้ เหนื่อยเหรอ.. พอนึกถึงสาเหตุที่ทำให้เขาเหนื่อย ใบหน้าก็เห่อร้อนขึ้นมากอีกครั้ง พอหลุดออกจากแขนแกร่งของพี่ราเรซได้แล้ว ฉันรีบกวาดสายตามองไปรอบห้องเพื่อหาเสื้อผ้าของตัวเอง ซึ่งมันกองอยู่กับพื้นข้างเตียงนอนนี่เอง ฉันรีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่อย่างรวดเร็ว ฉันแอ
ราเรซ ความอบอุ่นที่อยู่ในอ้อมกอดทั้งคืนได้หายไปเหลือเพียงความว่างเปล่า ผมลืมตาแล้วหันมามองยังอ้อมกอดของตัวเอง ซึ่งในตอนนี้ไร้วี่แววร่างบางแสนนุ่มนิ่มของต้าหนิง ไปไหนวะ หรือว่าจะอยู่ในห้องน้ำ ผมลุกขึ้นจากเตียงนอนกำลังจะเดินตรงไปยังห้องน้ำ แล้วสายตาก็พลันมองไปยังประตูห้องนอนที่ปิดไม่สนิท แสดงว่ามีคนเปิดมันออก ผมรีบก้าวยาวๆ ออกจากห้องนอน มองไปรอบๆ ห้องสูทแสนหรูหรานี้ก็ยังไร้วี่แววของต้าหนิงอยู่ กลับไปแล้วเหรอ ทำไมไม่ปลุกกันก่อนนะ แล้วหูของผมก็เหมือนจะได้ยินเสียงคนพูดคุยกันแว่วๆ มาจากประตูหน้าห้อง พอเปิดประตูออกก็เห็นต้าหนิงกำลังยืนคุยอยู่กับแก้มใส และเมื่อต้าหนิงหันหน้ามาเจอผม เธอกับเพื่อนก็วิ่งหนีเข้าไปในลิฟต์ทันที “ต้าหนิง!” คิดว่าจะหนีไปได้สักเท่าไรกันเชียว เด็กน้อยเอ๊ย... แต่ก็เอาเถอะ! ให้เวลาเธอสักหน่อย ไม่อยากทำให้ต้าหนิงรู้สึกกดดันมาก “ทำไม มึงออกมาสภาพนี้” ผมหันไปถามบิ๊กไบค์ เพราะมันนุ่งเพียงผ้าขนหนูผื่นเดียว สงสัยพึ่งอาบน้ำมา “มึงก็ไม่ได้ต่างจากกูหรอก” แล้วมั
“พี่เรซโมโหใครมาเหรอคะ หน้าบึ้งจัง”พอเข้ามานั่งในรถ เสียงใสๆ ของน้องสาวตัวน้อยก็ถามขึ้น ผมได้แต่ส่งยิ้มบางๆ ไปให้ไดน่า เพราะไม่รู้จะตอบน้องยังไงเหมือนกัน แล้วความคิดชั่วๆ ก็แล่นเข้าหัวเมื่อหันมามองหน้าน้องสาว ผมรู้แล้ว ว่าจะพาต้าหนิงกลับไปด้วยยังไง หึๆ ๆห้านาทีต่อมา....“คุณลุงยามขา... ช่วยพาไดน่าไปหาพี่สาวหน่อยสิคะ ไดน่าจำห้องพี่สาวไม่ได้”ผมซุ่มดูไดน่าอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ นี่แหละครับ แผนของผม ให้ไดน่าไปพาเธอออกมา“แล้วพี่สาวชื่ออะไรล่ะครับ”“พี่ต้าหนิงค่ะ คนที่ขาวๆ สวยๆ หน้าหมวยๆ หน่อย”“ออ... ลุงพอจะนึกออกล่ะ ว่าคนไหน เดี๋ยวลุงพาไปนะ”แล้วลุงยามก็จูงมือไดน่าขึ้นบันไดไปยังชั้นบนของหอพัก ทีนี้ก็แค่รอให้เธอเดินลงมาหาอย่าง งงๆ ฮ่าๆ ๆต้าหนิงพออาบน้ำแต่งตัวเสร็จแพรวกับน้ำก็โทรมาบอกให้ลงไปเอาอาหารที่เพื่อนซื้อมา พวกเธอจะกลับไปที่ร้านอาหารอีกรอบเพราะดันสั่งของแล้วลืมเอามาด้วยพอลงมารับของจากเพื่อนเรียบร้อยแล้ว ฉันหันหลังกำลังจะเดินขึ้นบันได ก็มีมือใครบางคนมารั้งข้อมื
“นี่เธอ..”“พี่ซินดี้”พอฉันปัดเนื้อตัวให้ไดน่าเสร็จ ก็เงยหน้าขึ้นไปมอง ที่แท้ก็พี่ซินดี้นี่เอง“นี่น้องเธอเหรอ”“ค่ะ”“หัดดูแลน้องให้ดีๆ หน่อย ไม่ใช่ปล่อยให้มาวิ่งเผ่นผ้านไปทั่วแบบนี้ ที่นี่มันห้างนะไม่ใช่สนามเด็กเล่น แล้วนี่ ดูสิ กระเป๋าของฉันเปื้อนหมดแล้ว รู้ไหมว่ากระเป๋าใบนี้ราคาเท่าไร บนโลกนี้มีแค่ห้าใบเท่านั้นนะ เธอจะรับผิดชอบยังไง ห๊ะ!!”แล้วฉันก็โดนพี่ซินดี้เทศมาเป็นชุด หูนี่แทบหลุดออกมาเลยทีเดียว ฉันก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนรับฟังพี่ซินดี้ด่าอย่างเลี่ยงไม่ได้“เดี๋ยวไดน่าไปขอแม่ขวัญให้ก็ได้ค่ะ กระเป๋าแบบนี้แม่ขวัญเหลืออยู่สามใบ เพราะว่าแม่ขวัญให้ป้าไลลาไปสองใบเมื่องานวันเกิดของป้าไลลา”ฉันมองหน้าสาวน้อยไดน่าอย่างอึ้งๆ กับคำพูดของเธอ แสดงว่ากระเป๋าห้าใบที่ว่านั่น อยู่กับแม่ขวัญของไดน่าหมดเลยนะสิ แล้วที่พี่ซินดี้ถือล่ะ ของปลอมใช่มะ... พี่ซินดี้บอกว่ามีแค่ห้าใบนิ เด็กโกหกไม่เป็น...จริงไหม“ยัยเด็กบ้า แกเอาอะไรมาพูด แม่แกจะมีกระเป๋าทั้งหมดได้ไง ยัยเด็กขี้โกหก!”“ไดน่าเปล่าโกหกนะ! พ่อมอนด์เป็
ผมหันกลับมาที่ต้าหนิงหยักหน้าไปทางประตูบอกให้เธอเปิดออก พอประตูห้องของผมเปิดออก ผมก็เดินตรงดิ่งไปยังห้องนอน ค่อยๆ วางไดน่าลงกับเตียงนอนอย่างเบามือ พร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้น้องสาวตัวน้อย“เดี๋ยวพี่มา ฝากดูไดน่าให้หน่อยนะ” ผมลุกจากเตียงนอนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของต้าหนิง“ให้ต้าไปด้วยไหม” เธอเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล“ไม่เป็นไร รอพี่อยู่นี่แหละ เดี๋ยวพี่มา นะครับ” ผมส่งยิ้มไปให้ต้าหนิง เพื่อให้เธอคลายความกังวล พร้อมกับดึงร่างบางเข้ามากอดอย่างต้องการกำลังใจ เรียวแขนเล็กก็ยกขึ้นกอดตอบผมเหมือนกัน เพียงแค่นี้ก็ทำให้ผมชื่นใจแล้วผมรวบรวมความอยู่สักพักก็เดินเข้าไปในห้องของไอ้โต้ง ผมเอื้อมมือไปปิดประตูลง แต่พอหันตัวกลับมาเท่านั้นแหละ...พลัว!! พลัว!! พลัว!!หมัดหนักๆ จากไอ้โต้งใส่เข้าเต็มหน้าหล่อๆ ของผมมาเป็นชุดเลย ถึงกับเซนิดหน่อย ได้รสเลือดปะแล่มๆ อยู่ในปาก“หมัดมึงห่วยลงนะ ไอ้โต้ง”ผมหันมาเผชิญหน้าคุยกับมันตรงๆ เมื่อทรงตัวยืนนิ่งได้เหมือนเดิม ผมปล่อยให้ไอ้โต้งต่อยได้อย่างตามใจ โดยท
“เฮียทำเกินไปแล้ว..”ฉันกำลังจะก้าวเดินไปที่ประตูเพื่อไปหาเฮียโต้ง เรียวแขนยาวๆ ก็โอบรอบเอวบางของฉันไว้ซะก่อน ทำให้แผ่นหลังชิดกับอกแกร่งความอุ่นแผ่ออกมาจนรู้สึกได้“พี่เคลียร์แล้ว ไม่ต้องไปหรอก อยู่กับพี่นะ”ฉันหันไปมองหน้าพี่ราเรซ นัยน์ตาของพี่ราเรซในตอนนี้แลดูอบอุ่นและมีความสุข จู่ๆ ก็รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาที่กลางใจ ไหวหวั่นอีกแล้ว ฉันไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อพี่ราเรซได้อีกแล้ว“ฮะ แฮ่ม! ไม่ได้อยู่กันสองคนนะครับ มีเด็กอยู่ด้วย” เสียงน้าไดมอนด์พูดขึ้นฉันรีบผละตัวออกจากอ้อมกอดพี่ราเรซทันที แต่มือหนาก็เอื้อมมือมากุมมือของฉันไว้อยู่ดี เหมือนกลับกลัวว่าฉันจะหายไปอย่างนั้นแหละ“ไม่เป็นไรค่ะ พ่อมอนด์ ไดน่าชินแล้ว”แล้วผู้ใหญ่ทั้งสี่คนก็หันไปมองที่ไดน่าก่อนที่น้าของขวัญกับน้าไดมอนด์จะหันกลับมามองที่ฉันกับพี่ราเรซ สีหน้าแสดงเป็นคำถามว่า เราสองคนทำอะไรให้ไดน่าเห็น...“เรซไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”“แล้วน้องเห็นอะไรล่ะ ไอ้เรซ”“พี่เรซชอบกอดพี่ต้าจากด้านหลังค่ะ” แล้วก็เป็นไดน่าที่ตอบพ่อของเธ
พี่ราเรซเลี้ยวรถเข้ามาจอดในโรงรถของบ้านหลังหนึ่ง ในโรงรถมีรถจอดอยู่เรียงกันอยู่ห้าคันรวมคันที่พี่ราเรซขับด้วย บ้านหลังนี้ใหญ่โตพอสมควร ดูก็รู้ว่าเป็นบ้านของคนมีเงิน พี่ราเรซลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาฝั่งฉันเพื่อเปิดประตูรถให้“ขอบคุณค่ะ” ฉันกล่าวขอบคุณ พี่ราเรซเอื้อมมือหนามากุมมือบางของฉันไว้แล้วพาฉันเดินเข้ามาภายในบ้าน ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในบ้านฉันก็รับรู้ถึงความอบอุ่นของบ้านหลังนี้ได้ทันที กลิ่นหอมจางๆ จากดอกไม้ที่อยู่ในแจกันข้างประตู ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย ลดอาการตื่นเต้นได้นิดหน่อย ฉันเดาว่าอีกไม่กี่นาทีนี้ฉันจะได้เจอกับแม่ของพี่ราเรซแน่นอน“แม่ครับ” พี่ราเรซเอ่ยเรียกผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังจัดจานชามบนโต๊ะอาหารอย่างสวยงาม เหมือนกับว่าวันนี้จะมีแขกคนพิเศษมาอย่างนั้นแหละ เธอหันมามองฉันกันพี่ราเรซ ฉันเผลอบีบมือพี่ราเรซแน่นด้วยความตื่นเต้น พี่ราเรซบีบมือฉันคืนเบาๆ เพื่อให้ผ่อนคลาย“มากันแล้วเหรอ” เธอส่งยิ้มหวานมาให้ ผู้หญิงคนนี้ยิ้มสวยจังเลย ถึงจะอายุไม่น้อยแล้วก็ตามแต่เธอกลับดูสวยมากจริงๆ ฉันรู้ล่ะ ว่าพี่ราเรซยิ้มสวยเหมือนใคร เหมือนแม่เขานี่เอง“ต้าหนิง
“เรียนเสร็จแล้วใช่ไหม” พี่ราเรซเลิกเล่นกับเฮียโต้งแล้วหันมาถามฉัน “ค่ะ” “พี่โต้งครับ ผมขออนุญาตพาต้าหนิงไปบ้านผมนะครับ แล้วจะมาส่งวันพรุ่งนี้เช้า” พี่ราเรซหันไปคุยกับเฮียโต้งอีกครั้ง “โห.. งั้นไม่ต้องมาส่งแล้วล่ะ ไอ้เรซ..” เฮียโต้งตอบแบบประชด “จริงป่ะ กูจะได้พาต้าไปเก็บเสื้อผ้าแล้วย้ายมาอยู่กับกูเลย” พี่ราเรซพูดอย่างดีใจ ดูก็รู้ว่าตั้งใจกวนทีน... “มึงกล้าสาบานป่ะ ว่าไม่รู้จริงๆ ที่เมื่อกี้กูประชด” เฮียโต้งแกล้งทำหน้าตึงนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้โกรธจริงจังอะไร “เผื่อฟลุคไง” พี่ราเรซตอบ “ไอ้ห่านี่ น้องกูยังเรียนไม่จบเลย เพราะแบบนี้ไง กูถึงไม่อยากให้น้องกูมีแฟน โดยฉะเพราะมีแฟนแบบมึงเนี้ย” “แบบคนหล่อๆ อย่างกู ใช่ไหมล่ะ” พี่ราเรซตอบ “หล่อตายแหละมึงอ่ะ สู้กูก็ไม่ได้ พวกมึงด้วย” แล้วเฮียโต้งก็หันไปอวดความหล่อของตัวเองกับเพื่อนๆ “อ้าว.. ไอ้โต้งพูดงี้ก็สวยดิ น้องแก้มใสครับ บอกมาเลยว่าใครหล่อสุด ยกเว้นไอ้เรซไม่ต้องนับมัน” พี่เลโอหันไปถามความคิดเห็นแก้มใส “เออ... ก็แล้วแต่คนมองล่ะค่ะ พวกพี่ก็ดูดีกันคนล่ะแบบ” แก้มใสตอบแบบเลี่ยงๆ “ไม่เอาดิ ตอบมาเลยพี่สามคนนี้ ใครหล่อสุด” พี่เลโอยังไม่ล่ะควา
“น่าพิศวาสตายแหละ”“จริงอ่ะ สักนิดก็ไม่มีเลยเหรอ” พี่ราเรซลุกขึ้นนั่งแล้วเอียงคอถามอย่างทะเล้น“ไม่!!”ฉันลุกขึ้นไปนั่งบนโซฟาข้างร่างหนา เอื้อมมือบางไปจับคางพี่ราเรซให้หันหน้ามาตรงๆ“โอ๊ะ โอ๊ย..” ทันทีที่มือฉันโดนคางพี่ราเรซก็ร้องลั่น“เจ็บเหรอ ต้าขอโทษ...”“พี่ล้อเล่น แฮ่ๆ ๆ”“คนบ้า!!”ตุบ!! ตุบ!! ตุบ!!ฉันรัวกำปั้นใส่อกเขาไปหลายที เจ้าเล่ห์จริงๆ เลย ไอ้เราก็ตกใจ อุตส่าห์เป็นห่วง มาแกล้งกันซะได้พี่ราเรซรวบมือของฉันเพียงมือข้างเดียวของเขา แล้วออกแรงดึงทำให้ตัวฉันเข้าไปชิดกับอกแกร่ง มือหนาอีกข้างก็เลื่อนผ่านมาด้านหลังเพื่อโอบกอดตัวฉัน“ปล่อย!!” ฉันส่งสายตาดุไปให้“ไม่ปล่อย..” พี่ราเรซลอยหน้าลอยตาตอบ“ถ้าไม่ปล่อยต้าจะตะโกนเรียกเฮียโต้งให้ลงมาลากพี่ขึ้นไปเลย” ฉันพูดขู่เขา“ก็เรียกสิ” พี่ราเรซยักไหล่ตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน“เฮะ.. อุ๊บ..”ริมฝีหนาโฉบลงมาปิดปากฉันทันที ลิ้นชื้นแทรกผ่านกรีบปากเข้ามาตวัดดูดดึงลิ้นเล็กอย่างช่ำชอง ลิ้นหนาเกี่ยวกวัดหยอกล้อกับลิ้นเล็กไปมาอยู่ในโพรงปากของฉัน เขาสูบเอาทุกอย่างที่อยู่ในโพรงปากของฉันไม่เหลือแม้แต่อากาศหายใจ ฉันผลักไหล่หนาออกเมื่อเริ่มขาดอากาศหายใจจริง
“พี่ไม่เคยเห็นต้าเป็นแค่สิ่งของนะ พี่จริงจังกับต้า แต่ในขณะเดียวกันพี่ก็กลัวด้วย” พี่ไผ่สบตากับฉัน นัยน์ตาของพี่ไผ่สั่นไหวเหมือนเขาแอบร้องไห้อยู่ภายใน มันทำให้ฉันรู้สึกผิดต่อเขาอย่างมหัน ฉันมันคนนิสัยไม่ดี ฉันทำร้ายเขา..“กลัวอะไรคะ” ฉันถามพี่ไผ่“กลัวจะเสียต้าไป”ฉันถึงกลับจุกจนพูดไม่ออก เพราะเขาดีมาก ฉันจึงไม่มีความกล้าพอที่จะบอกเลิกเขา“พี่ไผ่..” ฉันเอ่ยชื่อเขาเสียงเบาหวิว“ตั้งแต่คบกันมา เราไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้ง มันเหมือนจะดีนะ แต่สำหรับพี่กลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น” พี่ไผ่เงยหน้าขึ้นมองฟ้า เมื่อน้ำตาเขากำลังจะไหลออกมา“ต้าไม่เคยงอน ไม่เคยโกรธ หรือหึงพี่เลย มันทำให้พี่เสียใจนะรู้ไหม”“ทำไมล่ะคะ”“เพราะต้าไม่ได้สนใจพี่ตั้งแต่แรกแล้วไง”ฉันหลุบตาลงต่ำไม่อาจสบตากลับพี่ไผ่ได้อีกต่อไป เพราะสิ่งที่พี่ไผ่พูดมามันคือความจริง“แต่พี่ก็ยังดื้อดึงที่จะคบกับต้าต่อ เพราะคิดว่าสักวันหนึ่ง ต้าต้องหันมาสนใจพี่บ้าง แต่แล้ว สิ่งที่พี่กลัวก็กลับมาอีกครั้ง” พี่ไผ่หันไปจ้องหน้าพี่ราเรซ“ต้าขอโทษ..”
ต้าหนิงทีที คลับ 19:50 PMฉันรอให้ป๊ากับม๊าเข้านอนก่อนถึงค่อยกลับมาบ้าน ถ้าขืนเจอป๊ากับม๊าในสภาพนี้นะ เป็นต้องโดนท่านโกรธแน่นอน ถึงท่านจะใจดี แต่เรื่องแบบนี้ คงไม่มีใครใจดีได้หรอกพี่ราเรซขับรถมาส่งฉันถึงหน้าบ้านที่มีร้อนกาแฟตั้งอยู่ ซึ่งตอนนี้ร้านปิดแล้ว ที่สนามก็ไม่มีใครแล้วในตอนนี้“ต้าเข้าบ้านก่อนนะ” ฉันเปิดประตูลงจากรถทันทีที่บอกเขาเสร็จ“เดี๋ยวต้า” พี่ราเรซลงจากรถแล้วเดินอ้อมรถมาหาฉัน“ค่ะ” ฉันมองหน้าเขาอย่างสงสัยพี่ราเรซโฉบริมฝีปากลงมาบรรจงจูบที่หน้าผากมนของฉันอย่างอ่อนโยน ฉันยืนหลับตาพริ้มเหมือนเด็กน้อยชั่งฝัน“ฝันดีนะครับ”“ไอ้เรซ!!”พลัว!! พลัว!! พลัว!! ตุบ!! พี่ราเรซล้มลงไปกองกับพื้นทันที“พี่ไผ่หยุด!!” ฉันร้องห้ามรั้งแขนพี่ไผ่เอาไว้ เมื่อเขาเตรียมจะชกพี่ราเรซอีกรอบพี่ราเรซยันตัวเองยืนขึ้นเต็มความสูง แล้วก็ถุยน้ำลายปนเลือดออกมา พร้อมกับยกหลังมือขึ้นเช็ดที่มุมปากอย่างไม่แยแส“เล่นทีเผลอนี้ว้า..” พอทรงตัวได้ก็ทำปากดีซะงั้น“มึงกล้าดียังไง มายุ่งกั
“ถอดมือเดียวได้ที่ไหนล่ะ มือพี่ไม่ว่าง” ผมส่งยิ้มกวนๆไปให้พร้อมกับยกมือข้างที่กำบราสีหวานไว้อยู่ ให้ต้าหนิตะลึงงันดูว่ามือผมไม่ว่างจริงๆ แล้วต้าหนิงก็ทำหน้าง้อบูดบึ้งกลับมาต้าหนิงขยับตัวเข้ามาใกล้ เธอยื่นมือข้างหนึ่งมาเพื่อแกะกระดุมเสื้อให้ผม แต่มันก็ทำได้ยากเหลือเกิน เพราะใช้แค่มือเดียว“แกะมือเดียวมันก็แกะไม่ได้นะสิ” ผมแกล้งพูดท้วงไป ทำให้ใบหน้างามชักสีหน้าใส่อย่างหงุดหงิด“หลับตาก่อนสิ” ต้าหนิงต่อรอง“ทำไมต้องหลับตา” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าหวานจนจมูกโด่งชิดกับจมูกเชิดงอนของต้าหนิง“ต้าไม่ใช่พี่เรซนิ จะได้เปลือยร่างกายต่อหน้าคนอื่นโดยที่ไม่รู้สึกอะไร” นี่แอบด่าว่าผมหน้าด้านอยู่ใช่ไหมเนี้ย ร้ายจริงๆ“คนอื่นที่ไหน นี่ก็ผะ...”“พี่เรซ..”“ครับ” ผมยิ้มหน้าระรื่นอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสีหน้าดุของต้าหนิง“หลับตาสิคะ” ต้าหนิงสั่งอีกครั้ง ผมค่อยๆหลับตาลงตามที่ต้าหนิงบอก เดี๋ยวจะนอยไปมากกว่านี้ ยอมๆให้หน่อยก็แล้วกันมือบางที่แกะกระดุมเสื้ออยู่มีอาการสั่นหน่อยๆ ตื่นเต้นล่ะสิ เห็นบ่อยแล้วนะยังไม่
“ต้าเจ็บ อึก...อือ..” ในที่สุดฉันก็ร้องไห้ออกมาจนได้พี่ราเรซหยุดการกระทำแล้วหันมาจ้องหน้าฉันนิ่ง ฉันใช้หลังมือปาดน้ำตาอย่างลวกๆ พยายามไม่สนใจหยดน้ำใสที่ไหลออกมาตามหางตาราเรซ“ต้าเจ็บ อึก...อือ..”ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ออกมาจากริมฝีปากหวาน มันก็ทำให้ผมได้สติขึ้นมา ผมเผลอทำรุนแรงกับต้าหนิงเพราะความโมโหที่เห็นต้าหนิงอยู่กับผู้ชายคนอื่น และโมโหที่เธอดื้อกับผม“เจ็บมากไหม...” ผมจ้องมองใบหน้าหวานที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา พอได้เห็นน้ำตาของต้าหนิงทีไร มันก็ทำให้ผมปวดหัวใจทุกที“คนใจร้าย”“ก็อยากดื้อกับพี่ทำไมล่ะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง“มายุ่งกับต้าทำไม ทำแบบนี้กับต้าทำไม ผู้หญิงของพี่ก็มีตั้งเยอะ ไปทำกับผู้หญิงของพี่สิ” คำพูดเหมือนน้อยใจเลยแฮะ“พี่อยากทำกับต้านิ” ต้าหนิงมองค้อนให้หนึ่งทีก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น“พี่ขอโทษ ที่รุนแรงกับต้า ก็พี่โมโหอ่ะ” ผมพยายามพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนสุดๆ“โมโหอะไรคะ ต้าต่างหากที่ต้องโมโห” ต้าหนิงหันกลับมามองหน้าผมอย่างโกรธเคือง“แล้วต
“ต้าหนิง”เสียงผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยชื่อฉัน พร้อมกับมองหน้าฉันอย่างตะลึงงัน คงจะตกใจมากล่ะสิที่ได้เห็นหน้าฉัน ไหนบอกฉันว่างานยุ่งไง แต่ที่เห็นในตอนนี้นี่มันคืออะไร... ไอ้ยุ่งๆ ที่ว่าก็คงจะเป็นเรื่องนี้สินะ เขามันไม่เคยพอเลยจริงๆผู้หญิงที่นั่งขนาบข้างพี่ราเรซกับพี่เลโอหันมาหลับตาชังใส่ฉันหนึ่งที แล้วก็หันไปเล้าโลมผู้ชายในมือของหล่อนต่อ พวกนั้นคือพริตตี้ที่ถูกจ้างมาในงานวันนี้เพราะเจอกันในห้องแต่งตัว ฉันจำพวกหล่อนได้“อ้าว พวกเฮียๆ มาทำอะไรกันในห้องนี้ครับ ที่เช่จ้องให้มันอีกห้องหนึ่งนิ ห้องนี้เช่จะไว้ดูการแข่งสองคนกับสาวสวยของเช่นะ” ปอร์เช่เดินเข้ามายืนข้างฉันแล้วพูดขึ้น เด็กนี่ตัวสูงเป็นบ้าเลย“มึงว่าไงนะ ไอ้เช่” พี่ราเรซพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดโมโห“เราจะดูการแข่งรถในห้องนี้สองคนค่ะ”ฉันสอดมือเข้าไปคล้องแขนหนาของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างฉันในตอนนี้ ปอร์เช่เลิกคิ้วขึ้นสูงมองหน้าฉันอย่าง งงๆ แต่ก็แค่แป๊บเดียว หนุ่มน้อยก็ดึงแขนออกจากการเกาะกุมของฉันเปลี่ยนมาโอบรอบเอวฉันแทน เด็กนี่ร้ายชะมัด ฉันทำเป็นยิ้มรับอย่างเต็มใจ ทั้งที่ความจริงไม่ได้รู
“มึงเคลียร์นานไปนะ” พอเดินขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้า เฮียโต้งก็ทักขึ้นทันที“มึงก็เลยส่งไอ้เลโอลงไปตามว่างั้น” พี่ราเรซเอียงคอถามอย่างกวนทีน...“เปล่า กูใช้มันไปเอาน้ำแข็งเฉยๆ” เฮียโต้งตอบพร้อมกับรอยยิ้มกวนๆ เหมือนกัน“ไงมึง ไปเจอช็อตเด็ดมาล่ะสิ” พี่บิ๊กไบค์ถามพี่เลโอ เมื่อพี่เลโอเดินขึ้นมา“สรุปยังไง ไอ้เลโอ” พี่ราเรซหันไปเอาเรื่องพี่เลโอต่อ“ไอ้โต้งมันใช้กูไปขวางมึงนั่นแหละ”“ไอ้เลโอ!!” แล้วพี่เลโอก็โดนเฮียโต้งตะคอก แต่ก็ไม่ได้โมโหจริงจัง เหมือนจะหยอกล้อกันมากกว่า“เฮีย ขอคุยด้วยหน่อย”ฉันเดินเข้าไปหาพี่ชาย ซึ่งเฮียก็เดินเข้ามากอดคอฉันให้เดินไปคุยกับที่ขอบระเบียงดาดฟ้า แล้วพี่ราเรซก็เดินตามมาด้วย แถมยังเอื้อมมือมาโอบเอวฉันอีกต่างหากฟุบ!!! แล้วก็โดนเฮียโต้งเหวี่ยงมือหนาไปใส่หัวหนึ่งที แต่พี่ราเรซกลับหลบได้ซะก่อน“อย่าเยอะไอ้เรซ กูไม่เห็นไม่เป็นไร แต่อย่ามาทำให้กูเห็น เดี๋ยวมึงได้แดกตีนกูแทนข้าว” เฮียโต้งหันไปขู่พี่ราเรซ ซึ่งรายนั้นก็ยืนยิ้มหน้าระรื่นไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งนั้น“ไงเรา มีอะไรจะ