“อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวใส่ตะขอให้” ผมกระซิบบอกชิดริมหู ผมไม่รู้หรอกว่ามิรินมีสีหน้ายังไง เพราะเธอหันหลังให้อยู่ แต่ผมมั่นใจว่า เธอต้องเขินอยู่แน่ๆ
ผมค่อยๆ เลือนมือเข้าไปในเสื้อนักศึกษาของมิรินอีกครั้ง แกล้งลากนิ้วผ่านเข้าไปอย่างเชืองช้า สร้างความสยิวให้กับร่างบางเล่น ผมชำเลืองมองไปด้านหน้าผ่านหัวทุ่ยก็เห็นมือน้อยๆ ของมิรินกำลังกำหมัดแน่น เหมือนกับว่า เธอกำลังอดกลั้นกับอะไรสักอย่าง... ผมยกยิ้มแอบขำอยู่ในใจ อดทนให้ได้ตลอดนะ มิริน เพราะว่าต่อจากนี้ไป มันคือของจริง... “บอกไม่จำ ก็ต้องโดนแบบนี้แหละ” ผมกระซิบบอกมิรินอีกครั้ง เมื่อใส่ตะขอให้เธอเสร็จแล้ว ทันทีที่ผมปล่อยมือออกจากเอวบาง มิรินก็รีบวิ่งหนีไปโดยที่ไม่หันกลับมามองแม้แต่น้อย ผมเดานะ เธอต้องวิ่งไปเข้าห้องน้ำแน่นอน เพราะเสื้อนักศึกษาของมิรินหลุดลุ่ยออกมาจากขอบกระโปรงด้วยฝีมือของผม นึกว่าจะโดนมิรินตบซะแล้ว ผมคิดเอาไว้ว่า ถ้าเธอหันมาตบ แสดงว่าเธอไม่ได้แค่ไม่ชอบ แต่เธอต้องรังเกียจผมเลยล่ะ และการที่เธอไม่ตบผม แสดงว่าลึกๆแล้ว เธอก็ต้องมีชอบผมบ้างล่ะน่า... ไม่มากก็น้อยล่ะวะ เตรียมรับมือโต้งไว้ให้ดีล่ะ มิริน มิริน ฉันยืนจ้องหน้าตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ในห้องน้ำหญิง ฉันกำลังแปลกใจตัวเองอยู่ว่าเมื่อกี้ทำไม ฉันไม่ตบหน้าเขาไป เพื่อแสดงให้เขารู้ว่าฉันโกรธ แต่พอเจอกับสายตาที่โหยหานั่น มันทำให้มือของฉันอ่อนแรงลงอย่างน่าอัศจรรย์ นี่อย่าบอกนะ ว่าฉันรู้สึกดีกับเจ้าเด็กบ้านั่นนะ ฉันไม่ควรรู้สึกอะไรสิ... เธอปฏิเสธเขาไปแล้วนะ มิริน เธอจะทำตัวไม่มีเหตุผลไม่ได้ นั่นเพื่อนน้องชายนะ เขายังเด็ก เธอไม่ชอบคนที่อายุน้อยกว่านิ อีกอย่าง.. เขาไม่ใช่สเป๊กเธอ แถมยังตรงกันข้ามกับทุกอย่างที่เธอชอบอีก “ไม่ๆ ๆ ๆ ๆ” ฉันยืนส่ายหน้าไปมาอยู่หน้ากระจกเหมือนคนบ้าเลย “อ้าว มิรินมาอยู่นี่เอง” เสียงน้ำหวานเพื่อนร่วมคณะของฉันทักขึ้น “มีไรหรอก” “เปล่า ไม่มีไร แล้วทำโทษน้องปีหนึ่งคนนั้นแล้วเหรอ” น้ำหวานพูดอย่างตื่นเต้น นัยน์ตาของเพื่อนร่วมคณะเป็นประกายวิงๆ เห็นแล้วมันรู้สึกขัดตาจัง “อื้ม” ฉันตอบสั้นๆ พลางแต่งตัวจัดกระโปรงทรงเอให้เข้าที่ จะว่าไป เหมือนจะเป็นฉันซะมากกว่าที่โดนทำโทษ ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย... จะอะไรนักหนา กับคำนพูดแทนตัวเองของฉันเนี้ย “มิริน เธอปลื้มคนไหนมากกว่ากัน ระหว่างโต้งกับราเรซ” น้ำหวานถามโดยที่เธอไม่ได้หันหน้ามามอง เพราะกำลังปัดแก้มสีพีชของเธออยู่ “ราเรซน่ะ น้องชายฉัน” ฉันหันไปตอบน้ำหวาน เมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว “จริงเหรอ แล้วโต้งล่ะ เธอสนใจเขาหรือเปล่า” น้ำหวานยังตั้งคำถามต่อ “ฉันไม่ชอบกินเด็ก” พอตอบเสร็จฉันก็หันไปฉีกยิ้มหวานให้เพื่อนร่วมคณะ “กินเด็กมันดีนะ จะบอกให้” น้ำหวานหันมาขยิบตาให้ฉันหนึ่งทีก่อนจะหันกลับไปแต่งหน้าตัวเองต่อ “เชิญเธอกินเถอะ ฉันชอบคนที่ดูเป็นผู้ใหญ่ พูดจาสุภาพ อ่อนโยนกับเพศตรงข้าม ประมาณนี้” “ลุคคุณชายแบบนั้น มันจะไปเร้าใจอะไรล่ะ สู้แบบแบดๆ ก็ไม่ได้เร้าใจกว่ากันเยอะ” น้ำหวานบอก “ชอบเถื่อนๆ เหรอ” “ว๊ายยย เขาเรียกว่าแบดบอยย๊ะ แบบโต้งเนี้ย สเป๊กฉันเลย” น้ำหวานพูดพร้อมกับทำท่าทางเพ้อฝันกลางวัน “ฉันไปดีกว่า” พูดจบฉันก็เดินออกมาจากห้องน้ำหญิงทันที Rrrrrrrrrrrr (My mom) “ค่ะ แม่” “มิริน วันนี้หนูเลิกเรียนกี่โมงค่ะ” (My mom) “บ่ายสามค่ะ แม่มีอะไรรึเปล่า” “ลูกจำพี่เฟยหลานชายเพื่อนคุณตาได้ไหม ที่พี่เขาไปเรียนต่อเมืองนอกน่ะ ตอนนี้พี่เขากลับมาแล้ว ทางบ้านโน้นเขาจัดงานเลี้ยงต้อนรับก็เลยชวนเราไปร่วมงานด้วย” (My mom) คลุมถุงชนอีกแล้ว? “ถ้ากลับไปทันนะคะ” ฉันต้องอย่างบ่ายเบี่ยงเพราะไม่อยากไปร่วมงานอะไรแบบนี้สักเท่าไร “ทันอยู่แล้ว เพราะว่าพี่เฟยกำลังไปรับลูกที่มหาลัย” (My mom) “ห๊ะ! แม่ล้อมิรินเล่นใช่ไหม” อะไรของแม่อีกล่ะ ให้เขามารับฉันทำไม ฉันไม่อยากไปกับเขาสักหน่อย ทำไมผู้ใหญ่ชอบจัดการอะไรเอาเองแบบนี้นะ คิดถึงพ่อมิโน่จัง อยากจะหนีไปนอนบ้านพ่อแล้วค่อยกลับดีไหม ถ้าไม่กลัวทะเลาะกับแม่น่ะนะ “ทำหน้าสวยๆ รอพี่เขาด้วยล่ะ....ตุ๊ดๆ ๆ ๆ ๆ” (My mom) แม่วางสายไปแล้ว เฮ้ออออ นี่ล่ะ คือความต่างระหว่างพ่อกับแม่ ฉันอยากจะอยู่กับพ่อมากกว่า แต่ก็สงสารคุณตา เพราะท่านมีฉันเป็นหลานสาวเพียงคนเดียว พ่อกับแม่ของฉันท่านหย่ากันก่อนที่ฉันจะลืมตามาดูโลกซะอีก ฉันไม่รู้เหตุผลจริงๆ หรอกว่า...ทำไม และก็ไม่เคยถามด้วย เพราะฉันคิดว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ซึ่งพวกท่านก็คงจะเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว ถึงได้กลายมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” ฉันเดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมกับใบหน้าบูดบึ้ง จนเพื่อนสนิทของฉัน บัวตอง สังเกตเห็นได้ชัด “ก็แม่นะสิ หาเรื่องจับคู่ให้ฉันอีกแล้ว” ฉันหันไปเล่าให้เพื่อนสนิทฟังอย่างไม่คิดจะปิดบัง “แม่เขาก็หวังดีแหละ ถ้ายังไม่ถูกใจ แกก็ปฏิเสธได้นี่” บัวตองแนะนำ “แต่คนนี้ คงจะปฏิเสธยากอยู่แหละ เพราะเป็นหลานชายเพื่อนคุณตา ไม่ใช่ลูกชายเพื่อนแม่ อย่างคนก่อนๆ” นี่แหละ ที่ฉันกังวล ไม่รู้ว่าคุณตาเห็นด้วยหรือเปล่า เพราะทุกครั้งที่แม่พยายามจับคู่ให้ฉัน คุณตาก็จะเข้าข้างฉันตลอด แต่ครั้งนี้ พี่เฟย เขาคือหลานชายเพื่อนตุณตา ไม่รู้ว่าคุณตาจะยังเข้าข้างฉันอยู่อีกไหม “แกก็รีบหาแฟนซะสิ แม่เฌอรีนจะได้เลิกหาคู่ให้สักที” บัวตองบอก ความคิดบัวตองก็เข้าท่าดีนะ แต่ว่า ฉันจะเอาใครมาเป็นแฟนดีล่ะ ใครสักคนที่จะยอมเล่นละคร โดยที่ไม่คิดจริงจังกับฉัน “พูดนะมันง่าย” ฉันหันไปมองหน้าเพื่อนอย่างเซ็งๆ “คนสวยอย่างแกเนี้ย จำเป็นต้องมานั่งคิดมากด้วยเหรอ แค่แกกระดิกนิ้ว ก็เดินเรียงมาให้แกเลือกรายตัวแล้วไหม” ใบตองพูดด้วยอารมณ์หมั่นไส้ “พอล่ะ ตั้งใจเรียนก่อน เรื่องนั่นเอาไว้ทีหลัง” ฉันบอกปัดเพื่อนไป ฉันรู้... ว่าแค่ฉันเอ่ยปากก็มีคนอยากจะเป็นแฟนกับฉันแล้ว แต่ว่า ฉันไม่ได้ต้องการแบบนั้นนิ ฉันอยากได้แฟนจริงๆ ซะมากกว่า . . . .โต้งเลื่อนมือเข้ามาลูบไล้บริเวณต้นขาอ่อนพร้อมกับพยายามที่จะถอดกางเกงซับตัวนอกของฉัน โต้งย่อตัวลงคุกเข่าตรงหน้าเพื่อรั้งกางเกงซับสีดำให้หลุดพ้นขาเรียวขางาม ฉันกัดฟันแน่นพยายามไม่มองหน้าเขายามที่ใบหน้าคมจ้องมองส่วนนั้นที่มีเพียงแพนตี้ตัวจิ๋วปกปิดอยู่แทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะสายตาอันร้อนแรงนั้นจ้องมองซะจนแทบทะลุปรุโปร่งอยู่ล่ะ โต้งกลับมายืนเต็มความสูงอีกครั้งพร้อมกับรั้งมือบางของฉันไปกุมที่ตะขอกางเกงของเขาที่สวมใส่อยู่ ฉันถึงกับมือสั่นเล็กน้อย ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกก็ตาม แต่ฉันก็ประหม่าทุกครั้ง มันยังไม่ชินอยู่ดี และดูเหมือนว่าการกระทำของฉันเริ่มไม่ทันใจเขา โต้งจึงถอดกางเกงเองพร้อมกับชั้นในด้วย “คนบ้า!!” ฉันรีบยกมือขึ้นปิดหน้าแทบไม่ทัน “ทำอย่างกะไม่เคยเห็นไปได้” “มิรินไม่ได้หน้าด้านเหมือนโต้งนะ!!” ฉันแอบแขวะเขาซะเลย “มานี่ดิ” “ว๊าย!!!” ฉันถูกมือหนารั้งเอวให้ไปนอนทับตัวเขาบนเตียงนอน แล้วความรู้สึกร้อนวูบวาบก็แล่นไปทั่วใบหน้าและลำตัวเมื่อส่วนนั้นของเขาจ่ออยู่ที่ท้องน้อยของฉัน
หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ โต้งก็พาฉันมาที่คอนโดของเขาไม่ยอมไปส่งฉันที่บ้าน ซึ่งที่บ้านของฉันเองก็ไม่มีใครกล้าว่าอะไรแล้วตอนนี้ ยิ่งทำให้เขาได้ใจเข้าไปใหญ่“ทำไมไม่ไปส่งมิรินที่บ้าน” ฉันเอ่ยถามขึ้นเมื่อโต้งเดินมาเปิดประตูให้ฉัน“กินข้าวเสร็จใหม่ๆ ก็ต้องออกกำลังกายให้อาหารมันย่อยก่อนสิ” โต้งส่งยิ้มแพรวพราวมาให้“ไม่อยากออกกำลังอ่ะ อยากนอนมากกว่า มิรินง่วง”“ได้นะ ทุกทีก็ให้นอนอยู่แล้วนิ” โต้งยกยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีเลสนัย ทำให้ฉันต้องก้าวขาออกจากตัวรถแล้วฟาดลงที่ต้นแขนเขาอย่างหมั่นเคี้ยว คนอะไรก็ไม่รู้ ทะลึ่งได้ตลอดเวลาจริงๆ โต้งยืนหัวเราะชอบใจที่ยั่วอารมณ์ทำให้ฉันโมโหได้ในจังหวะที่กำลังจะเดินไปที่ลิฟต์ ฉันก็เห็นน้องชายของตัวเองกำลังอุ้มสาวน้อยน่ารักคนหนึ่งเข้าไปในลิฟต์ก่อนโดยที่เขาไม่ทันเห็นฉันกับโต้งเลยสักนิด“ไอ้เรซ!!!” จู่ๆ โต้งก็ตะโกนเรียกราเรซเสียงดังลั่น แต่ว่าราเรซไม่ทันได้ยินเพราะประตูลิฟต์ปิดตัวลงก่อนโต้งรีบเดินไปกดปุ่มหน้าลิฟต์อย่างรวดเร็วจนฉันตกใจว่าเขาเป็นอะไรไปทำไมถึงได้ดูอารมณ์ร้อนขนาดนี้ แล้วสาวน้อยน่ารักที่ร
รถยนต์หรูจอดสนิทที่หน้าร้านกาแฟร้านหนึ่ง ซึ่งเป็นตึกคูหาสามชั้น ข้างๆ ตึกนั้นมีสนามฟุตบอลหญ้าเทียมอยู่หลายสนามซึ่งก็ใหญ่โตพอสมควร ฉันลงมายืนอยู่ข้างรถแล้วมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มาบ้านของโต้ง รู้สึกประหม่าจังแฮะ พ่อแม่ของเขาจะชอบฉันหรือเปล่านะ ความกังวลเริ่มก่อตัวขึ้นอยู่ในใจ“ป่ะ เข้าบ้านกัน” โต้งเดินมาจับมือฉันแล้วเดินนำเข้าไปยังร้านกาแฟที่อยู่ชั้นล่างสุดของตึกคูหา“ม๊า” โต้งเอ่ยเรียกหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ซึ่งกำลังเช็ดตู้กระจกอยู่“อ้าว โต้ง กลับมาตั้งแต่เมื่อไร” โต้งเดินเข้าไปสวมกอดแม่ของเขาพร้อมกับหอมแก้มเสียงดังฟอด เวลาอยู่กับแม่นี่ เป็นหมาน้อยเชียวนะ“สาวสวยคนนี้ คือมิรินใช่ไหม” แม่ของโต้งหันมามองฉัน“สวัสดีค่ะ” ฉันรีบยกมือไหว้ท่านทันที“สวยจังเลย มิน่าล่ะ ตาโต้งถึงได้ตามหวงนักหวงหนา ถึงขนาดโทรไปขู่ต้นหลิวให้ส่งบอดี้การ์ดไปค่อยดูแลให้เนะ!” แม่ของโต้งพูดไปด้วยยิ้มไปด้วย นี่แม่เขารู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ ฉันแอบส่งสายตาดุไปให้โต้ง แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้านอะไรหรอกแถมยังยิ้มหวานกลับมาให้อีก โต้งยิ้มหวานเหมือนแ
“สวัสดีครับ ผมธนาธร บรรณาลักษณ์ หรือจะเรียกว่า โต้ง ก็ได้ครับ”“คุณธนาธร ยังเด็กอยู่เลยนะครับเนี้ย” มีเสียงหนึ่งจากผู้ร่วมประชุมเอ่ยขึ้น“จะไม่เด็กได้ไง มันยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ” พี่เฟยพูดแทรกขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์“จริงเหรอครับ แล้วแบบนี้ คุณจะทำงานได้เหรอ”“ผมยังเรียนไม่จบก็จริงครับ แต่ผมก็สามารถทำงานร่วมกับทุกคนได้ ซึ่งผมก็พิสูจน์ให้ได้เห็นแล้ว ในช่วงสามปีที่ผ่านมา” โต้งหันไปตอบคำถามจากผู้ร่วมประชุม“ยังไงก็...ช่วยเป็นคุณครูสอนวิชาให้ผมเพิ่มเติมหน่อยนะครับ ผมเชื่อว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ต่อให้ผมเรียนจบ ผมก็ยังต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกเยอะ เพราะในตำรากับชีวิตจริงมันต่างกัน จริงไหมครับ ท่านรองประธาน” โต้งพูดกับผู้ร่วมประชุมด้วยท่าทีสุภาพ และท้ายประโยคนั้นได้หันมาพูดกับแม่เฌอรีน พร้อมรอยยิ้มแม่เฌอรีนถึงกลับพูดไม่ออก ก่อนจะหันมามองหน้าฉันเชิงเป็นคำถามว่า ฉันรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า ฉันจึงส่ายหน้าตอบกลับแม่ไปตามความจริง“นี่มันอะไรกันค่ะ คุณพ่อ!!”เมื่อการประชุมจบลง แม่เฌอรีนรีบเดินมาหาคุณตาที่ห้
“ถ้าคิดว่าทำให้ถอยได้ก็ลองดูสิ”“โต้ง อือออ”ใบหน้าคมโน้มลงมาซุกไซร์ซอกคอฉันทันทีพร้อมกับที่มือบางถูกมือหนาตรึงไว้กับเตียงนอนที่ข้างหัว ทำให้ฉันไม่สามารถขัดขืนเขาได้ ใจอยากจะต่อต้านเขาเหลือเกินแต่เรี่ยวแรงกลับมีไม่พอที่จะผลักไสเขาออกไป ร่างกายของฉันถูกมือหนาถอดเสื้อผ้าออกไปทีล่ะชิ้นจนไม่เหลือสิ่งใดปกปิด ทุกส่วนบนร่างกายถูกริมฝีปากหนาครอบครองและทิ้งร่องรอยความเป็นเจ้าของไว้ทุกที่ที่ริมฝีปากสัมผัส“คิดถึงโต้งหรือเปล่า หื้อ..” ริมฝีปากหนากระซิบถามพร้อมกับงับเข้ากับติ่งหูอย่างหยอกล้อ“คิดถึง..อืออออ” ฉันถึงกลับครางเสียงแผ่ว เมื่อช่วงล่างถูกนิ้วร้ายล่วงล้ำเข้าไปสร้างความปั่นป่วนอย่างวาบหวิว“อยากกลับมาหาโต้งไหม..อ่า..” ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารินรดอยู่บริเวณดอกบัวคู่งาม ชวนให้ขนกายรุกชันไปทั่วร่าง“อยากสิ... อ๊ะ!!” ช่วงล่างบิดเร่าตามจังหวะจากมือหนา“ยังรักโต้งอยู่ไหม..” ฉันเลือนสายตาขึ้นมาสบเข้ากับตาคมอย่างแน่วแน่“มิรินรักโต้ง...” โต้งยกยิ้มอย่างพอใจกับคำตอบที่ได้รับ“ขอกินหน่อยนะ” โต้งถอดนิ้วเรียวออกจากส่วนนั้นแล
“จริง ถ้าเธอไม่เชื่อ ถามไลลาดูก็ได้ เพราะตอนที่มิรินบอกกับฉันไลลาก็อยู่ด้วย”ผมหันไปมองหน้าแม่ไลลาที่ผมรักและเคารพท่านเหมือนแม่แท้ๆ ซึ่งเมื่อผมหันหน้าไปหาแม่ไลลา ท่านก็พยักหน้าให้เพื่อเป็นการยืนยันในสิ่งที่แม่เฌอรีนพูด ว่ามันคือเรื่องจริง“ทำไมครับ ทำไมมิรินถึงอยากไป” ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดี และยังต้องการคำตอบที่มากกว่านี้ ผมยังไม่ปักใจเชื่อ“ฉันขอโทษนะ ที่ผิดคำพูดกับเธอ แต่มันคือความต้องการของมิริน ซึ่งฉันเองก็ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้ มิรินก็ดื้อดึงไม่ว่าจะทำอย่างไร มิรินก็ไม่ยอมไป แต่ครั้งนี้ มิรินเป็นคนขอไปเอง”“มันเป็นความต้องการของคุณน้าอยู่แล้วนี่ครับ คงจะสมใจแล้วล่ะซิ” ผมจ้องหน้าแม่เฌอรีนตาเขม็งด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ“ไอ้โต้ง ใจเย็น” ราเรซเดินเข้ามาจับไหล่ผมไว้ เมื่อผมเผลอก้าวเดินเข้าหาแม่เฌอรีนอย่างลืมตัว“งั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องรักษาคำพูดอีกต่อไป”“นั้นก็แล้วแต่เธอ” แม่เฌอรีนตอบกลับมาด้วยใบหน้าและท่าทีที่ไม่สะทกสะท้านอะไร ท่านคงคิดว่า การที่ส่งมิรินไปไกลผมแบบนั้น คิดว่าผมจะตามไปไม่ได้ล่ะสิ“ผมขอบอก