“โต้ง!!” ฉันเอ่ยชื่อเขาเสียงดังด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่กล้าว่าอะไรเขาอยู่ดี
“หนีทำไม”ป้าบ!! ป้าบ!!“โอ๊ย!! เจ็บนะ!!” ฉันร้องลั่นด้วยความเจ็บ เมื่อโดนมือหนาฟาดก้นอย่างแรง จนน้ำตาแทบซึมเลยทีเดียว นั้นมือหรือเท้ากันแน่ ตีมาได้ เจ็บชะมัดโต้งพาฉันเดินมาหยุดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างหอประชุมของโรงเรียน เขาย่อตัวเล็กน้อยเพื่อให้เท้าของฉันแตะพื้นแล้วยืนด้วยตัวเองได้“เดินหนีทำไม” โต้งถามขึ้นพร้อมกับจ้องหน้าฉันนิ่ง ฉันหลุบตาลงต่ำทันทีไม่กล้าสบตากับเขา“มิริน เงยหน้าขึ้นมาสิ” ฉันค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเขา และเมื่อสายตาเลื่อนไปเห็นร่องรอยที่คอของเขามันก็ทำให้ใจฉันเจ็บจี๊ดขึ้นมาอย่างน่าโมโห โต้งยกมือขึ้นลูบคอตัวเองปอยๆพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม“โกรธหรือเปล่า” โต้งถามขึ้น“เปล่า!! โต้งจะไปที่ไหน ทำอะไรกับใคร ก็เรื่องของโต้งสิ มิรินจะไปโกรธได้ไง..” พูดจบ ฉันก็ก้มหน้าลงมองพื้นตามเดิม“ห๊ะ พูดอะไร ไม่เห็นจะเข้าใจเลย”“น้ำหวานพูดออกมาหมดแล้วล่ะ เรื่องเมื่อคืนนี้” ฉันยังก้มหน้าลงมองพื้นอยู่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาคุยกับเขา“คิดอะไรอยู่ ทำไมหน้าหมุ่ยแบบนั้น” โต้งโน้มหน้ามาถาม เกือบจะโดนแก้มฉันอยู่ละ“โต้ง”“หือ”“เพื่อนของโต้ง เขาชอบเพื่อนของมิรินหรือเปล่า” ฉันไม่รู้จะถามใครดี นอกจากเขา“แล้วโต้งจะรู้ไหมล่ะ ถ้าถามว่าโต้งชอบใคร...มีคำตอบให้แน่” โต้งส่งยิ้มหวานมาให้“อันนั้นรู้อยู่แล้ว” ฉันก็ยิ้มหวานกลับไปให้เขาเหมือนกัน“อยากไปเที่ยวคอนโดโต้งไหม” โต้งถาม พร้อมกับรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์“จะบ้าเหรอ ไม่ไปหรอก” ฉันรีบหันหน้าหนีทันที จู่ๆ ก็มาชวนไปคอนโด อีตาบ้าเอ๊ย...“ไปเถอะ โต้งไม่ทำอะไรหรอก สาบาน” โต้งยกมือขึ้นมาชูนิ้วชี้กับนิ้วกลางแล้วไขว้กันเป็นสัญลักษณ์กากบาท นี้คือการสาบานของเขาใช่ไหม ฉันส่ายหน้าให้เขาอย่างหนายๆ แต่โต้งกลับยืนยิ้มแป้นอย่างอารมณ์ดี“เอาล่ะทุกคน มองมาที่กล้องแล้วก็พูดว่า ชีสสสสส” เสียงตากล้องจำเป็นพูดขึ้น เมื่อเขาทำการตั้งกล้องถ่ายเรียบร้อยแล้ว“เดี๋ยวๆ ๆ รอด้วย” พี่ยูวิ่งมาจากไหนไม่รู้ เขาเข้ามาแทรกกลางระหว่างบัวตองกับเลโอ ซึ่งเลโอก็แสดงสีหน้าไม่พอใจอยู่เล็กน้อยฉันรอบสังเกตเพื่อนรักของตัวเอง
ที่จริง... ที่ผมชอบมิรินก็เพราะว่า ผมคิดว่าเธอโสด ส่วนบัวตองนั้น ผมเห็นเธอสนิทกับผู้ชายหลายคนและเธอก็เป็นคนที่คุยเก่งมาก ผู้ชายต่างก็เข้าไปคุยกับเธอ มันทำให้ผมมองเธอผิดไปและในวันนั้น...ผมยอมรับว่า มีความคิดชั่วๆ อยู่ในหัว ผมเห็นเธออยู่ในห้องน้ำชาย และเผลอคิดไปว่าเธอต้องมารอใครสักคน เพื่อมาทำเรื่องอย่างว่า... ตอนที่ได้ยินเสียงห้องข้างๆ กำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันนั่น เมื่อบัวตองรู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือเลโอ เธอมีสีหน้าที่ตกใจมาก ผมคิดว่าบัวตองต้องมารอเลโอแน่ๆ แต่ไอ้หมอนั้นกลับพาสาวอื่นมากินแทนซะงั้นผมจึงตอบสนองบัวตองซะเลย แต่แล้ว... กลับกลายเป็นว่าผมได้ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอซะงั้น ถามว่ารู้สึกผิดไหม ผมรู้สึกผิด..แต่ไม่ได้รู้สึกผิดเพราะพรากความบริสุทธิ์ของบัวตอง แต่ผมรู้สึกผิด...ที่เคยมองบัวตองในแง่ไม่ดี เพราะฉะนั้น ผมถึงอยากจะศึกษาบัวตองให้มากกว่านี้ ผมอยากคบกับบัวตองจริงๆโต้งผมยืนมองคนตัวเล็กที่กำลังกระสับกระส่ายอย่างเป็นกังวล เมื่อเพื่อนรักของตัวเองโดนผู้ชายลากไปไหนแล้วก็ไม่รู้“จะกลับได้ยัง” ผมถามคนตัวเล็กที่เอาแต่ชะเง้อคอมอ
“ต้นหลิว!!” ผมเอ่ยชื่อลูกพี่ลูกน้องของตัวเองที่ไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว เพราะต้นหลิวเรียนอยู่ที่ลอนดอน“ไง หวัดดีพี่ยัง” ต้นหลิวยืนยิ้มแป้นโชว์ฟันขาวที่มีเขี้ยวอยู่หน่อยๆ“พี่ป้าแกดิ” ผมยื่นมือไปยีหัวต้นหลิวเล่นอย่างมั่นเขี้ยวผมกับต้นหลิวเกิดปีเดียวกัน ต้นหลิวเกิดก่อนผมสองเดือน และไอ้แค่สองเดือนของมันนั่นแหละ ที่คอยบังคับให้ผมเรียกมันว่าพี่ เรื่องอะไรผมต้องเรียกมันว่าพี่ด้วย ขนาดคนที่ห่างกับผมหนึ่งปี ผมยังไม่เรียกพี่เลย“ผมยุ่งหมดแล้ว โต้ง!!” ต้นหลิวโวยทันที พร้อมกับพยายามปัดมือผมออกจากหัวน้อยๆ ของเธอ“ฮ่าๆ ๆ” แต่มีเหรอ ที่คนอย่างโต้งจะหยุด ผมรวบตัวต้นหลิวเข้ามาใกล้เพื่อที่ต้นหลิวจะได้ปัดมือผมออกจากหัวของเธอไม่ได้ มือหนาก็ยีผมต้นหลิวเล่นอย่างสนุกสนาน“ไอ้โต้ง!!”ผมหยุดการแกล้งต้นหลิวไว้แค่นั้น ก่อนจะหันไปมองตามเสียงเรียกเมื่อกี้ เพื่อนผมเอง ราเรซ มันเรียกผมซะเสียงดังเชียว พอหันหน้ามาก็เจอกับสีหน้าอย่างใคร่รู้ของเพื่อนทั้งสาม“ใครเหรอ ไอ้โต้ง” บิ๊กไบค์เอ่ยถามขึ้น“ออ นี่ ต้นหลิว ลูกสาวของอากูเอง” ผมหันไปบ
เพี๊ยะ!ฉันรู้สึกชาวาบที่ใบหน้าด้านเพี๊ยะ!ฉันรู้สึกชาวาบที่ใบหน้าด้านซ้าย น้ำตาไม่แม้แต่จะไหลออกมาด้วยซ้ำ เพราะฉันไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บเลยสักนิด เพราะใจของฉันมันชาด้านไปหมดแล้ว ฉันค่อยๆ หันหน้ากลับมามองหน้าผู้เป็นแม่ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกอะไร“มิริน...แม่...” แม่เฌอรีนพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเนียนของแม่“พูดจบแล้วใช่ไหมคะ มิรินจะได้พักผ่อน” ฉันเอ่ยพูดกับผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงที่แสนจะเย็นชา แล้วค่อยๆ หันหลังให้ก่อนจะก้าวเดินขึ้นมายังห้องนอนของตัวเองทันทีที่เท้าก้าวเข้ามาแตะพื้นห้องนอนอันแสนคุ้นเคยของตัวเอง น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ไหลออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆเราพึ่งจะเริ่มคบกันเองนะ ทำไมต้องมีอุปสรรคด้วย ฉันยังไม่อยากเลิกกับโต้ง ฉันควรจะทำอย่างไรดีเช้าวันรุ่นขึ้น....ไม่รู้ว่าฉันเผลอหลับไปตอนไหน แต่ที่รู้ๆ ก็คือฉันนอนร้องไห้ทั้งคืนหลังจากที่ทะเลาะกับแม่เฌอรีน ไม่อยากจะลุกออกจากที่นอนเลยเฮะฉันลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำ เพ
“ทำไมครับ ทำไม...” ผมเผลอก้าวเดินเข้าไปหาแม่ของมิรินด้วยท่าทีคุกคาม จนท่านถึงกลับก้าวถอยหลังไปด้วยความตกใจ“แกจะทำอะไรนะ!!” ไอ้เฟยเดินเข้ามาขว้างหน้าผมอย่างกล้าๆ กลัวๆ พร้อมกับก้างแขนออกปกป้องแม่เฌอรีนอย่างวีรษุร“ไอ้โต้ง” ราเรซรั้งแขนผมไว้ก่อนที่จะเดินเข้าไปถึงตัวของแม่เฌอรีน“เป็นเพราะผมใช่ไหม” ผมไม่แม้แต่จะหลบสายตา ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงของท่านอย่างต้องการคำตอบ“มาคุยกันหน่อย”แม่ของมิรินบอกกับผมก่อนที่ท่านจะเดินนำไปยังสวนด้านหลังของบ้าน ผมรีบเดินตามท่านไปในทันที ท่านเดินเข้าไปนั่งในศาลาริมน้ำของสวนหลังบ้าน พร้อมกับส่งสายตาบอกให้ผมนั่งลงตรงกันข้ามกับท่าน“ทำไมต้องส่งมิรินไปเรียนที่ต่างประเทศด้วยครับ” ผมเปิดประเด็นถามก่อนด้วยความร้อนใจ“ฉันอยากให้มิรินไปเรียนในที่ดีๆ สังคมดีๆ และอยู่กับคนดีๆ” แม่เฌอรีนจ้องหน้าบอกด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง“เธอเองอายุก็ยังน้อย ยังมีโอกาสที่จะได้เจอคนใหม่ๆ อีกเยอะ”“แล้วไงครับ”“มิรินเป็นหลานสาวของตระกูลผู้ดีเก่า ฉันก็อยากจะให้ลูกสาวเจอคนที่ดีและเหมาะสมกัน ครอบครัวขอ
“เราเลิกกันเถอะ มิริน” ผมกลั้นใจพูดประโยคที่ไม่เคยคิดที่จะพูดมันออกมาเลย มันทำใจได้ยากเหลือเกิน มันอ่อนแรงแทบยืนไม่ไหว ต้องเข้มแข็งแค่ไหน ถึงจะพูดคำนี้ออกมาได้ ถ้าสำหรับคนที่หมดรักกันแล้ว ก็คงพูดออกมาได้ไม่ยาก แต่สำหรับผม...คนที่รักมิรินหมดหัวใจ มันยากเหลือเกิน...“ไม่เอา!! มิรินไม่เลิก ทำไมโต้งถึงพูดแบบนี้ แม่ใช่ไหม แม่บังคับให้โต้งพูดใช่ไหม” เสียงมิรินโวยวายดังมาจากด้านในห้องนอนของเธอ ผมสงสารมิรินเหลือเกินผมรู้ดีว่าคำพูดของผมมันทำร้ายจิตใจมิรินเพียงใด และมันส่งผลต่อผมด้วย มันบาดใจผม จุกจนพูดไม่ออก ไม่คิดเลยว่าตัวผมเอง จะเป็นคนทำร้ายมิริน ผมมันเลวที่สุด“ไม่มีใครบังคับโต้งได้ มิรินก็รู้นิ อะไรที่โต้งไม่อยากทำ โต้งจะไม่ทำ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พยายามที่จะไม่แสดงความรู้สึกใดใด“ทำไมล่ะโต้ง ทำไมต้องเลิกกันด้วย ฮือออ มิรินทำอะไรผิด ฮือออ มิรินขอโทษ...”ผมกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ได้แต่เอื้อมมือหนาขึ้นลูบที่บานประตู อยากจะบอกเธอเหลือเกิน ว่าเธอไม่ผิด ผมผิดเองที่ดีไม่พอ ผมเป็นสาเหตุที่ทำให้มิรินต้องถูกขังอยู่ในห้องแบบนี้“เธ
“เราเลิกกันเถอะ มิริน” ผมกลั้นใจพูดประโยคที่ไม่เคยคิดที่จะพูดมันออกมาเลย มันทำใจได้ยากเหลือเกิน มันอ่อนแรงแทบยืนไม่ไหว ต้องเข้มแข็งแค่ไหน ถึงจะพูดคำนี้ออกมาได้ ถ้าสำหรับคนที่หมดรักกันแล้ว ก็คงพูดออกมาได้ไม่ยาก แต่สำหรับผม...คนที่รักมิรินหมดหัวใจ มันยากเหลือเกิน... “ไม่เอา!! มิรินไม่เลิก ทำไมโต้งถึงพูดแบบนี้ แม่ใช่ไหม แม่บังคับให้โต้งพูดใช่ไหม” เสียงมิรินโวยวายดังมาจากด้านในห้องนอนของเธอ ผมสงสารมิรินเหลือเกิน ผมรู้ดีว่าคำพูดของผมมันทำร้ายจิตใจมิรินเพียงใด และมันส่งผลต่อผมด้วย มันบาดใจผม จุกจนพูดไม่ออก ไม่คิดเลยว่าตัวผมเอง จะเป็นคนทำร้ายมิริน ผมมันเลวที่สุด “ไม่มีใครบังคับโต้งได้ มิรินก็รู้นิ อะไรที่โต้งไม่อยากทำ โต้งจะไม่ทำ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พยายามที่จะไม่แสดงความรู้สึกใดใด “ทำไมล่ะโต้ง ทำไมต้องเลิกกันด้วย ฮือออ มิรินทำอะไรผิด ฮือออ มิรินขอโทษ...” ผมกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ได้แต่เอื้อมมือหนาขึ้นลูบที่บานประตู อยากจะบอกเธอเหลือเกิน ว่าเธอไม่ผิด ผมผิดเองที่ดีไม่พอ ผมเป็นสาเหตุที่ทำให้มิรินต้องถูกขังอยู่ในห้องแบบนี้ “เธอไม่ผิดหรอก... ฉันแค่ เบื่อเธอแล้ว” พูดจบผมก
“นะ..อุ๊บ!!”ฉันยังเอ่ยไม่ทันจบประโยคก็ถูกริมฝีปากหนาช่วงชิ่งประกบปิดปากฉันไว้ซะก่อน ลิ้นชื้นแทรกผ่านกรีบปากบางเข้ามากวาดต้อนเอาทุกอย่างไปจนหมด ก่อนจะป้อนความหวานเข้ามาอย่างอ่อนนุ่ม ฉันรู้สึกวูบโวงไปทั่วท้องน้อยอย่างปั่นป่วนเมื่อโดนร่างสูงรุกรานอย่างไม่ทันตั้งตัว“แฮ่ก...” เสียงหายใจหอบแรงจากร่างสูงเมื่อเขาถอนริมฝีปากออก เขาจ้องมองหน้าฉัน แววตาดูไหวสั่นเหมือนคนร้องไห้ฉันมองหน้าเขาด้วยความตกใจป่นความไม่เข้าใจ ฉันมึนงงไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ ถึงได้จูบฉันแบบนี้ คนเลิกกันเขาทำกันแบบนี้เหรอ“ทะ ทำไม..” ฉันเอ่ยถามร่างสูงอย่างตะกุกตะกัก เพราะยังตกใจไม่หาย“ออกไปได้แล้ว” โต้งไม่ตอบฉันแต่กลับไล่ให้ฉันออกไปฉันก้มหน้ามองพื้นด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกอย่างไรดี ฉันเลื่อนมือบางขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของตัวเองเบาๆ ความรู้สึกเหมือนอยากจะดีใจ แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมา ได้แต่เม้มปากเป็นเส้นตรงแล้วยิ้มอยู่ในใจ“หูหนวกหรือไง”ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงโกรธไปแล้วที่เขาพูดจาขวานผ่าซากแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉันกลับรู้สึกช
โต้งเลื่อนมือเข้ามาลูบไล้บริเวณต้นขาอ่อนพร้อมกับพยายามที่จะถอดกางเกงซับตัวนอกของฉัน โต้งย่อตัวลงคุกเข่าตรงหน้าเพื่อรั้งกางเกงซับสีดำให้หลุดพ้นขาเรียวขางาม ฉันกัดฟันแน่นพยายามไม่มองหน้าเขายามที่ใบหน้าคมจ้องมองส่วนนั้นที่มีเพียงแพนตี้ตัวจิ๋วปกปิดอยู่แทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะสายตาอันร้อนแรงนั้นจ้องมองซะจนแทบทะลุปรุโปร่งอยู่ล่ะ โต้งกลับมายืนเต็มความสูงอีกครั้งพร้อมกับรั้งมือบางของฉันไปกุมที่ตะขอกางเกงของเขาที่สวมใส่อยู่ ฉันถึงกับมือสั่นเล็กน้อย ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกก็ตาม แต่ฉันก็ประหม่าทุกครั้ง มันยังไม่ชินอยู่ดี และดูเหมือนว่าการกระทำของฉันเริ่มไม่ทันใจเขา โต้งจึงถอดกางเกงเองพร้อมกับชั้นในด้วย “คนบ้า!!” ฉันรีบยกมือขึ้นปิดหน้าแทบไม่ทัน “ทำอย่างกะไม่เคยเห็นไปได้” “มิรินไม่ได้หน้าด้านเหมือนโต้งนะ!!” ฉันแอบแขวะเขาซะเลย “มานี่ดิ” “ว๊าย!!!” ฉันถูกมือหนารั้งเอวให้ไปนอนทับตัวเขาบนเตียงนอน แล้วความรู้สึกร้อนวูบวาบก็แล่นไปทั่วใบหน้าและลำตัวเมื่อส่วนนั้นของเขาจ่ออยู่ที่ท้องน้อยของฉัน
หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ โต้งก็พาฉันมาที่คอนโดของเขาไม่ยอมไปส่งฉันที่บ้าน ซึ่งที่บ้านของฉันเองก็ไม่มีใครกล้าว่าอะไรแล้วตอนนี้ ยิ่งทำให้เขาได้ใจเข้าไปใหญ่“ทำไมไม่ไปส่งมิรินที่บ้าน” ฉันเอ่ยถามขึ้นเมื่อโต้งเดินมาเปิดประตูให้ฉัน“กินข้าวเสร็จใหม่ๆ ก็ต้องออกกำลังกายให้อาหารมันย่อยก่อนสิ” โต้งส่งยิ้มแพรวพราวมาให้“ไม่อยากออกกำลังอ่ะ อยากนอนมากกว่า มิรินง่วง”“ได้นะ ทุกทีก็ให้นอนอยู่แล้วนิ” โต้งยกยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีเลสนัย ทำให้ฉันต้องก้าวขาออกจากตัวรถแล้วฟาดลงที่ต้นแขนเขาอย่างหมั่นเคี้ยว คนอะไรก็ไม่รู้ ทะลึ่งได้ตลอดเวลาจริงๆ โต้งยืนหัวเราะชอบใจที่ยั่วอารมณ์ทำให้ฉันโมโหได้ในจังหวะที่กำลังจะเดินไปที่ลิฟต์ ฉันก็เห็นน้องชายของตัวเองกำลังอุ้มสาวน้อยน่ารักคนหนึ่งเข้าไปในลิฟต์ก่อนโดยที่เขาไม่ทันเห็นฉันกับโต้งเลยสักนิด“ไอ้เรซ!!!” จู่ๆ โต้งก็ตะโกนเรียกราเรซเสียงดังลั่น แต่ว่าราเรซไม่ทันได้ยินเพราะประตูลิฟต์ปิดตัวลงก่อนโต้งรีบเดินไปกดปุ่มหน้าลิฟต์อย่างรวดเร็วจนฉันตกใจว่าเขาเป็นอะไรไปทำไมถึงได้ดูอารมณ์ร้อนขนาดนี้ แล้วสาวน้อยน่ารักที่ร
รถยนต์หรูจอดสนิทที่หน้าร้านกาแฟร้านหนึ่ง ซึ่งเป็นตึกคูหาสามชั้น ข้างๆ ตึกนั้นมีสนามฟุตบอลหญ้าเทียมอยู่หลายสนามซึ่งก็ใหญ่โตพอสมควร ฉันลงมายืนอยู่ข้างรถแล้วมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มาบ้านของโต้ง รู้สึกประหม่าจังแฮะ พ่อแม่ของเขาจะชอบฉันหรือเปล่านะ ความกังวลเริ่มก่อตัวขึ้นอยู่ในใจ“ป่ะ เข้าบ้านกัน” โต้งเดินมาจับมือฉันแล้วเดินนำเข้าไปยังร้านกาแฟที่อยู่ชั้นล่างสุดของตึกคูหา“ม๊า” โต้งเอ่ยเรียกหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ซึ่งกำลังเช็ดตู้กระจกอยู่“อ้าว โต้ง กลับมาตั้งแต่เมื่อไร” โต้งเดินเข้าไปสวมกอดแม่ของเขาพร้อมกับหอมแก้มเสียงดังฟอด เวลาอยู่กับแม่นี่ เป็นหมาน้อยเชียวนะ“สาวสวยคนนี้ คือมิรินใช่ไหม” แม่ของโต้งหันมามองฉัน“สวัสดีค่ะ” ฉันรีบยกมือไหว้ท่านทันที“สวยจังเลย มิน่าล่ะ ตาโต้งถึงได้ตามหวงนักหวงหนา ถึงขนาดโทรไปขู่ต้นหลิวให้ส่งบอดี้การ์ดไปค่อยดูแลให้เนะ!” แม่ของโต้งพูดไปด้วยยิ้มไปด้วย นี่แม่เขารู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ ฉันแอบส่งสายตาดุไปให้โต้ง แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้านอะไรหรอกแถมยังยิ้มหวานกลับมาให้อีก โต้งยิ้มหวานเหมือนแ
“สวัสดีครับ ผมธนาธร บรรณาลักษณ์ หรือจะเรียกว่า โต้ง ก็ได้ครับ”“คุณธนาธร ยังเด็กอยู่เลยนะครับเนี้ย” มีเสียงหนึ่งจากผู้ร่วมประชุมเอ่ยขึ้น“จะไม่เด็กได้ไง มันยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ” พี่เฟยพูดแทรกขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์“จริงเหรอครับ แล้วแบบนี้ คุณจะทำงานได้เหรอ”“ผมยังเรียนไม่จบก็จริงครับ แต่ผมก็สามารถทำงานร่วมกับทุกคนได้ ซึ่งผมก็พิสูจน์ให้ได้เห็นแล้ว ในช่วงสามปีที่ผ่านมา” โต้งหันไปตอบคำถามจากผู้ร่วมประชุม“ยังไงก็...ช่วยเป็นคุณครูสอนวิชาให้ผมเพิ่มเติมหน่อยนะครับ ผมเชื่อว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ต่อให้ผมเรียนจบ ผมก็ยังต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกเยอะ เพราะในตำรากับชีวิตจริงมันต่างกัน จริงไหมครับ ท่านรองประธาน” โต้งพูดกับผู้ร่วมประชุมด้วยท่าทีสุภาพ และท้ายประโยคนั้นได้หันมาพูดกับแม่เฌอรีน พร้อมรอยยิ้มแม่เฌอรีนถึงกลับพูดไม่ออก ก่อนจะหันมามองหน้าฉันเชิงเป็นคำถามว่า ฉันรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า ฉันจึงส่ายหน้าตอบกลับแม่ไปตามความจริง“นี่มันอะไรกันค่ะ คุณพ่อ!!”เมื่อการประชุมจบลง แม่เฌอรีนรีบเดินมาหาคุณตาที่ห้
“ถ้าคิดว่าทำให้ถอยได้ก็ลองดูสิ”“โต้ง อือออ”ใบหน้าคมโน้มลงมาซุกไซร์ซอกคอฉันทันทีพร้อมกับที่มือบางถูกมือหนาตรึงไว้กับเตียงนอนที่ข้างหัว ทำให้ฉันไม่สามารถขัดขืนเขาได้ ใจอยากจะต่อต้านเขาเหลือเกินแต่เรี่ยวแรงกลับมีไม่พอที่จะผลักไสเขาออกไป ร่างกายของฉันถูกมือหนาถอดเสื้อผ้าออกไปทีล่ะชิ้นจนไม่เหลือสิ่งใดปกปิด ทุกส่วนบนร่างกายถูกริมฝีปากหนาครอบครองและทิ้งร่องรอยความเป็นเจ้าของไว้ทุกที่ที่ริมฝีปากสัมผัส“คิดถึงโต้งหรือเปล่า หื้อ..” ริมฝีปากหนากระซิบถามพร้อมกับงับเข้ากับติ่งหูอย่างหยอกล้อ“คิดถึง..อืออออ” ฉันถึงกลับครางเสียงแผ่ว เมื่อช่วงล่างถูกนิ้วร้ายล่วงล้ำเข้าไปสร้างความปั่นป่วนอย่างวาบหวิว“อยากกลับมาหาโต้งไหม..อ่า..” ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารินรดอยู่บริเวณดอกบัวคู่งาม ชวนให้ขนกายรุกชันไปทั่วร่าง“อยากสิ... อ๊ะ!!” ช่วงล่างบิดเร่าตามจังหวะจากมือหนา“ยังรักโต้งอยู่ไหม..” ฉันเลือนสายตาขึ้นมาสบเข้ากับตาคมอย่างแน่วแน่“มิรินรักโต้ง...” โต้งยกยิ้มอย่างพอใจกับคำตอบที่ได้รับ“ขอกินหน่อยนะ” โต้งถอดนิ้วเรียวออกจากส่วนนั้นแล
“จริง ถ้าเธอไม่เชื่อ ถามไลลาดูก็ได้ เพราะตอนที่มิรินบอกกับฉันไลลาก็อยู่ด้วย”ผมหันไปมองหน้าแม่ไลลาที่ผมรักและเคารพท่านเหมือนแม่แท้ๆ ซึ่งเมื่อผมหันหน้าไปหาแม่ไลลา ท่านก็พยักหน้าให้เพื่อเป็นการยืนยันในสิ่งที่แม่เฌอรีนพูด ว่ามันคือเรื่องจริง“ทำไมครับ ทำไมมิรินถึงอยากไป” ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดี และยังต้องการคำตอบที่มากกว่านี้ ผมยังไม่ปักใจเชื่อ“ฉันขอโทษนะ ที่ผิดคำพูดกับเธอ แต่มันคือความต้องการของมิริน ซึ่งฉันเองก็ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้ มิรินก็ดื้อดึงไม่ว่าจะทำอย่างไร มิรินก็ไม่ยอมไป แต่ครั้งนี้ มิรินเป็นคนขอไปเอง”“มันเป็นความต้องการของคุณน้าอยู่แล้วนี่ครับ คงจะสมใจแล้วล่ะซิ” ผมจ้องหน้าแม่เฌอรีนตาเขม็งด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ“ไอ้โต้ง ใจเย็น” ราเรซเดินเข้ามาจับไหล่ผมไว้ เมื่อผมเผลอก้าวเดินเข้าหาแม่เฌอรีนอย่างลืมตัว“งั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องรักษาคำพูดอีกต่อไป”“นั้นก็แล้วแต่เธอ” แม่เฌอรีนตอบกลับมาด้วยใบหน้าและท่าทีที่ไม่สะทกสะท้านอะไร ท่านคงคิดว่า การที่ส่งมิรินไปไกลผมแบบนั้น คิดว่าผมจะตามไปไม่ได้ล่ะสิ“ผมขอบอก
“แม่ค่ะ”“มิริน”ฉันเดินเข้าไปหาแม่ทั้งสอง ก่อนจะนั่งลงข้างๆ กับแม่เฌอรีน พร้อมกับสวมกอดแม่อย่างแนบแน่น ฉันเข้าใจแล้ว ฉันเข้าใจในสิ่งที่แม่พยายามจะบอกฉันแล้ว“เป็นอะไรไปล่ะ หื้อออ” แม่ลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน“มิรินขอโทษนะคะ ที่มิรินดื้อกับแม่” ฉันเงยหน้ามองผู้เป็นแม่พร้อมรอยยิ้ม ถึงแม้ว่า...ลึกๆ แล้วฉันจะเจ็บปวดอยู่ก็ตาม แต่ฉันต้องผ่านมันไปให้ได้“ไม่เป็นไรหรอกลูก แม่ไม่เคยโกรธลูกเลย”“มิรินตัดสินใจแล้วค่ะ”“อะไรลูก”“มิรินจะไปเรียนต่อที่ลอนดอน”“จริงเหรอลูก” แม่สวมกอดฉันกลับอย่างดีใจฉันไม่อาจทนความเจ็บปวดแบบนี้ได้อีกแล้ว ในเมื่อตอนนี้เขาก็มีคนที่ยืนอยู่ข้างกายเขาแล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรออีกต่อไป เรื่องของฉันกับโต้ง มันคงจบแล้วจริงๆ ฉันไม่อาจทนเห็นเขาไปไหนมาไหนกับผู้หญิงคนอื่นได้ เพราะฉันทำใจไม่ได้จริงๆหนึ่งอาทิตย์ต่อมา.... ณ สนามบิน“ทำไมมันเร็วแบบนี้อ่ะแก แล้วฉันจะอยู่ยังไง...” เสียงบัวตองพูดด้วยร้องไห้ไปด้วย ซึ่งด้านหลังของเธอก็มีพี่ยูคอยดูแลไม่ห่าง“
“นี่เธอ...”ผมถึงกลับชาวาบไปทั้งตัวเมื่อเจอกับแม่เฌอรีนพร้อมทั้งแม่ไลลา ราเรซและมิริน ผมจึงยกมือไหว้แม่ๆ ทั้งสองซึ่งแม่ไลลาเองก็ส่งยิ้มมาให้อย่างใจดีเหมือนอย่างเคย ส่วนแม่เฌอรีนนั้น ไม่ต้องพูดถึงหรอกครับ มองจิกผมอย่างเอาเรื่องเลยล่ะ ผมนึกว่าพากันกลับไปแล้วซะอีก ซวยแล้วไหมล่ะ ท่านต้องเดาออกแน่ๆ ว่าเมื่อคืนนี้มิรินอยู่กับผมไม่ใช่ราเรซ“เธอพักอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” แม่เฌอรีนมองหน้าผมด้วยสายตาดุร้าว ก่อนจะหันมองหน้ามิรินอย่างจับผิด“ครับ” ผมพยายามซ่อนความตื่นกลัวเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่ใครๆ ก็มองว่าหยิ่งนี้“แสดงว่า....”“รอด้วยสิ โต้ง!!” ท่านกำลังจะถามอะไรผมต่อ ก็มีเสียงของต้นหลิวตะโกนขึ้นมาขัดซะก่อน“อุ๊ย!! ขอโทษค่ะ มีแขกอยู่เหรอ” ต้นหลิวยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนจะหันมาถามผมอย่างสงสัย“เปล่าหรอก ไปกันเถอะ” ผมคว้ามือต้นหลิวกำลังจะพาเธอเดินออกจากตรงนี้ แต่ว่า.. ก้าวไปได้เพียงก้าวเดียวเท่านั้น ผมก็ต้องชะงักกับคำพูดของแม่เฌอรีน“อยู่กับแฟนนี่เอง”“อ้อ ไม่ชะ....” ต้นหลิวกำลังจะปฏิเสธ ผมจึงพูดขัดขึ้นทันที เพราะถ้าห
โต้ง“จำไว้นะ ไม่มีใครแทนที่มิรินได้”ผมเอ่ยพูดกับร่างบางที่กำลังค่อยๆ หลับตาลงอย่างหมดแรง ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อกี้มิรินจะได้ยินหรือเปล่า เพราะดูเหมือนว่า ผมได้ทำให้เธอสลบคาอกไปแล้วความจริงยาที่ผมกินเข้าไปไม่ได้รุนแรงอะไรมากหรอก ผมพอจะควบคุมมันได้อยู่ แต่ยัยตัวเล็กนี้สิ ดันมายั่วผมสะงั้น แล้วใครมันจะไปทนได้ล่ะครับ บอกให้กลับบ้านก็ไม่ยอมกลับอีก ก็เลยโดนจัดหนักเข้าให้จริงๆ แล้วคงเป็นเพราะผมคิดถึงมิรินมากกว่า ผมหยุดไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีกไหม ไหนๆ ไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสามของผมมันก็อุตส่าห์ช่วยขนาดนี้แล้วจะทำให้พวกมันผิดหวังได้ไงผมรู้ทันพวกมันสามตัวดี โดยฉะเพราะบิ๊กไบค์มันรู้ว่าในแก้วเหล้านั้นมียาปลุกเซ็กส์อยู่และที่มันไม่ยอมบอกตั้งแต่แรกเพราะมันอยากให้ผมกับมิรินได้มีช่วงเวลานี้ด้วยกันบิ๊กไบค์ถึงได้ยุยงให้ผมดื่มแทน เพราะถ้าหากมิรินดื่มเข้าไป เธออาจจะเป็นอันตรายได้ ก็อ่อนแอซะขนาดนั้นน่ะนะ แต่จะอย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณในความฉลาดของไอ้บิ๊กไบค์ เพราะมันผมถึงได้อยู่กับมิรินในคืนนี้ ถ้าหากผมไม่ดื่มสิ่งนั้