เอวาตื่นลืมตาขึ้นในช่วงเช้าของวัน เมื่อคืนกว่าเธอจะข่มตาหลับได้ก็ใช้เวลาล่วงเลยมาถึงตีสอง ด้วยความที่แปลกที่แปลกทางแต่สุดท้ายก็หลับด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อนึกได้ว่าวันนี้เธอจะต้องหางานทำให้ได้ก็รีบลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวไปสมัครงานในแถวนี้ทันที
เอวาตอนนี้เดินออกมาหน้าตึกที่ใช้หลับนอนเมื่อคืน ก็เจอป้ากิมนั่งอยู่ที่หน้าตึกอย่างเดิม เธอจึงเดินไปทักทายทันที “สวัสดีค่ะป้ากิม” เมื่อได้ยินเสียงเล็กเอ่ยขึ้นจากด้านหลังป้ากิมก็เงยหน้าจากหนังสือพิมทันที “ตื่นเช้าเชียว จะรีบออกไปไหนล่ะ” “สมัครงานค่ะป้า” ใบหน้าสวมพูดตอบกลับพร้อมใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มอยู่เสมอ “เมื่อคืนนี้นอนเป็นไงล่ะ หลับสบายไหม” “ก็นอนไม่ค่อยหลับค่ะ หนูคงรู้สึกแปลกที่แปลกทาง” เอวาตอบไปด้วยน้ำเสียงปกติ ความจริงเธอแทบไม่ได้นอนด้วยซ้ำ “ข้าลืมถาม เอ็งไม่มีชุดเครื่องนอนมาและนอนยังไง” “นอนพื้นค่ะ” “ข้าว่าแล้ว ทำไมไม่ไปเรียกข้าล่ะ” ป้ากิมพูดเสียงดังขึ้นทันทีเมื่อรู้ว่าเด็กสาวนอนที่พื้นเย็นๆแทนที่จะมาขอความช่วยเหลือจากเธอ “หนูเกรงใจ อีกอย่างก็ดึกแล้วไม่อยากรบกวนป้าค่ะ” ใบหน้ายังคงพูดด้วยรอยยิ้มบางๆส่งให้ป้ากิม “วันนี้ข้าจะเตรียมไว้ให้ เอ็งมาเอาด้วยไว้มีเงินไปซื้อค่อยมาคืนข้าไม่ได้ใช้หรอก” “ขอบคุณค่ะป้า หนูไปก่อนนะคะ” เอวายกมือขึ้นขอบคุณป้ากิมก่อนที่จะเดินออกมาจากตึกเพื่อไปหาสมัครงานใกล้ๆแถวนี้ก่อน สองเท้าเล็กย่ำไปตามถนนอย่างระมัดระวังเพราะต่อให้เป็นบนทางเท้าก็ยังมีรถขับขึ้นมา ก่อนจะเห็นร้านอาหารร้านหนึ่งที่ติดป้ารับสมัครพนักงาน เอวาไม่รอช้าเดินก้าวเข้าไปด้านในทันที “สวัสดีค่ะ คือหนูมาสมัครงานค่ะ” เอวาเห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ภายในร้านจึงเอ่ยสอบถามทันที “อ่อ ตามมาพี่จะพาไปหาเจ๊” ชายหนุ่มมองที่เด็กสาวแล้วยิ้มออกมา หวังจะให้เธอได้ทำงานที่นี่ คงทำให้เจริญหูเจริญตาไม่น้อย “เจ๊ครับ มีคนมาสมัครงาน” เอวาเดินตามเข้ามาด้านในร้านก่อนจะยกมือสวัสดีเจ๊เจ้าของร้านร่างท้วมที่นั่งอยู่บริเวณโต๊ะเก็บเงิน “สวัสดีค่ะ หนูสนใจสมัครงานเสิร์ฟอาหารค่ะ” มือเรียวสวยยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อมทันที “เคยทำมาก่อนรึเปล่าล่ะ” “ไม่เคยค่ะ แต่สอนหนูได้หมดเลยนะคะ หนูจะพยายามค่ะ” เมื่อมองไปด้านหลังก็เห็นผู้ชายมีอายุคนหนึ่งใส่ทองเต็มตัว เธอคิดว่าคงเป็นเฮียเจ้าของร้านส่งยิ้มหวานส่งมาให้เธอ ก่อนที่เอวาจะส่งยิ้มกลับไปบางๆตามมารยาท แต่เมื่อเจ๊เห็นนั้นก็เกิดอาการฟึดฟัดทันที “ยังไม่รับ” เจ๊พูดออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดทันที “คือว่า..” “ก็บอกว่ายังไม่รับ!!” ยังไม่ทันที่ร่างบางจะเอ่ยอะไรก็ถูกขึ้นเสียงใส่เสียก่อน เธอพยักหน้ารับรู้และเดินก้มหน้าออกมาเงียบๆ เธอเดินออกมาเรื่อยๆจนตอนนี้ได้มาหยุดที่ป้ายรถเมย์สาธารณะเพื่อหลบแดดในช่วงสายของวัน เธอนั่งก้มหน้าเพียงเล็กน้อยไม่รู้ว่าวันนี้เธอจะหางานได้ไหมนะ เข้าใจแล้วว่าทำไมแม่ครูถึงเอาแต่พร่ำพูดว่าเป็นห่วงเธอ “โอ๊ย ร้อนมาก” เสียงบุคคลที่เดินเข้ามาใหม่พูดขึ้น ก่อนที่เอวาจะหันไปมองเพียงเล็กน้องและรีบหันหน้ากลับมาทันที “ใจเย็นก่อนเจ้ อย่าวีน เดี๋ยวรถก็มา” “หงุดหงิด ทำไมรถต้องมาเสียวันนี้ด้วย” “ไหนจะต้องหาเด็กไปทำงานที่ร้านอีก” เสียงสาวสองทั้งคู่ยังต่างพากันพูดด้วยน้ำเสียงออกรสชาต เอวาที่ก้มหน้าอยู่ก็เงยหน้าขึ้นทันที หลังจากได้ยินทั้งคู่พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องงาน เธอรวบรวมความกล้าหันไปเอ่ยถามทั้งคู่ทันที “เอ่อ พี่รับคนทำงานหรอคะ” เอวาหันไปถามทั้งคู่ก่อนที่จะถูกมองเป็นตาเดียวในทันที “ว๊ายยย/เจ้!!! ” ทั้งสองคนหันมาเห็นเอวาก็ร้องขึ้นในทันที่ก่อนจะรีบขยับมาจับตัวเด็กสาว เอวาในตอนนี้อยู่ในอาการตกใจเพราะทั้งสองคนตอนนี้มาจับเนื้อจับตัวเธอ ก่อนจะหันไปยิ้มให้กันอย่างดีใจมาก “อีตอง กูเจอช้างเผือกแล้ว” “จริงเจ้ รอดแล้วเรา” “คือ หนูกำลังหาสมัครงานอยู่ค่ะ” เอวาที่เห็นทั้งคู่ดีใจแต่เธอก็เกิดความงุนงงในใจ แต่ก็ถามย้ำไปเพื่อรอคำตอบ “อายุเท่าไหร่ 18 แล้วใช่ไหมเนี่ย” เสียงแหลมเอ่ยถามคนตัวเล็กหน้าของเธอสวยใสราวกับเด็กน้อย จึงต้อถามย้ำก่อนเสี่ยงคุกมาก “หนูอายุ 23 ปีแล้วค่ะ พี่สบายใจได้” “เห้อ โล่งอกไปที” “แต่อยากทำงานจริงๆหรอ” “ใช่ค่ะ งานอะไรหนูไม่เกี่ยงเลย ขอแค่มีงานทำ” เอวาที่รีบเอ่ยตอบกลับทันทีราวกับกลัวว่าโอกาสนี้จะหลุดมือไป “ไปกับเจ้ เจ้จะพาไปทำงานเงินดีแน่นอน” พูดจบเอวาก็พยักหน้ารับในทันทีจนลืมถามถึงรายละเอียดของงาน ตอนนี้เอวาเดินตามหลังเจ้ลูกนก และเจ้ตองเข้ามาเงียบๆสถานที่นี้แปลกตาเธอมากมันคล้ายกับผับหรือสถานบันเทิงที่เคยเห็นตามโซเชียลเลย แต่ตอนนี้ปิดไฟมืดไร้ผู้คนมีเพียงแค่พนักงานที่ทำความสะอาดตามโซนต่างๆ แต่ก็หันมามองเธอบ้างคงเพราะมีบุคคลเข้ามาใหม่ก็สงสัยเป็นธรรมดา “คือ เจ้คะ คืองานอะไรหรอหนูลืมถามค่ะ” เอวาที่ระหว่างทางได้มีการพูดคุยมาบ้างแล้วแต่เรื่องรายละเอียดของงานยังไม่มีใครบอกเธอจึงเลือกถามไป “เป็นงานดูแลลูกค้าที่มาดื่มเหล้าที่นี่ ไม่ต้องกลัวไม่มีการขายบริการหรอกหากเอวาไม่เต็มใจ” “เจ้าของที่นี่โหดมาก คุณเลโอหากใครไม่เคารพกฎตายเท่านั้นคือคำตอบ” เอวากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อได้ฟังคำบอกกล่าวนี้ “เลยไม่ต้องห่วงเรื่องโดนลวนลาม เจ้รับรองเงินดี ไหนจะทิปจากลูกค้าอีก” “ค่ะเจ้” “พาเด็กสมัครงานมาให้นายดูค่ะพี่เจไดรูปหล่อของน้องลูกนก” เจ้ลูกนกเอ่ยบอกคนใส่ชุดดำสวมใส่แว่นตาสีดำบ่งบอกถึงความหล่อได้เป็นอย่างดีด้วยท่าทีหยอกล้ออย่างเป็นกันเอง “เชิญด้านในครับคนสวย” เจไดพูดด้วยทีเล่นทีจริงก่อนจะเปิดประตูให้เข้าไปยังด้านในห้อง “นายคะ หนูพาเด็กมาให้นายดู แทนยัยเมลที่ออกไป” เจ้ลูกนกพูดด้วยท่าทีสุภาพกว่าในตอนแรก ก่อนที่คงที่นั่งอยู่บริเวณโต๊ะทำงานจะเงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้มที่ดูเยือกเย็นพอสมควร จนเอวาขัยบตัวไปหลบหลังเจ้ตองเล็กน้อย “ทำงานไวดี สมกับที่อยู่ด้วยกันมานาน” “ไหนล่ะ” ใบหน้าคมเอ่ยถามหาเด็กสาวที่บอกว่ามาสมัครงาน “สะ สวัสดีค่ะ หนูชื่อเอวา”ใบหน้าหล่อยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าเด็กสาวพรางให้เค้านั้นนึกถึงในหน้าของเพื่อนเค้าว่าหากเห็นเธอจะมีสีหน้าแบบไหนกัน “แนะนำตัวมา” ใบหน้าคมเอ่ยขึ้นก่อนจะพิงตัวเอนไปกับเก้าอี้ที่นั่งอยู่ด้วยท่าทางสบาย “อายุ 23 ปี หนูเป็นเด็กกำพร้าพึ่งเข้ามากรุงเทพเพื่อจะหางานทำและถ้าได้ทำงานที่นี่ก็จะเป็นงานแรกของหนูค่ะ” ใบหน้าหล่อหรี่ตามองเด็กสาวเล็กน้อยถึงประวัติของเธอ ทั้งที่ใบหน้าที่สวละมุนผิวขาวละเอียดของเธอหากบอกว่าเป็นลูกหลานจากครอบครัวฐานะดีเค้าเองก็อาจจะเชื่อ “พร้อมเริ่มงานเมื่อไหร่” “หนูพร้อมเริ่มงานเลยค่ะ” เอวาที่ยิ้มขึ้นอย่างมีหวังเรื่องงาน “เริ่มพรุ่งนี้ ให้เธอไปดูแลแขก VVIP” ก่อนที่ใบหน้าคมจะหันไปบอกเจ้ทั้งสองว่าให้เธอเริ่มงานได้ “ได้ค่ะ พรุ่งนี้จะจัดการแต่งหน้าแต่งตัวให้น้องด้วยตัวเองเลยค่ะนาย” เจ้ทั้งสองหันมามองที่เอวาอย่างภูมิใจที่ได้ไปเจอช้างเผือกที่ป้ายรถเมย์วันนี้“ไปอยู่กับฉันไหม...” เอวาในตอนนี้เกิดความงุนงงเป็นอย่างมากกับประโยคเมื่อสักครู่ เธอเงยหน้ามองคลาสอย่างไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ฟรานและเรียวตะก็งงกับประโยคที่เพื่อนพูดออกไป“ว่ายังไง” คลาสยังใช้สายตากดดันและถามย้ำเอวาต่อ “เอ่อ คือหนู” “ฉันแค่ถูกชะตากับเธอเท่านั้น”“เธอเหมือน.... น้องสาวของฉันที่หายไป” เอวาที่ได้ยินแบบนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองคลาสที่ตอนนี้แววตาของเค้านั้นฉายความเจ็บปวดออกมาอย่างชัดเจน “ฉันไม่บังคับ ถ้าอยากมาอยู่กับฉันในฐานะน้องสาวเมื่อไหร่ก็ติดติดต่อมา” มือหนาส่งนามบัตรยืนให้เด็กสาวตรงหน้าก่อนจะลุกและเดินออกไปทันที เอวาในตอนนี้เธอยืนมองไปที่ท้องถนนเพื่อเรียกแท็กซี่กลับไปยังห้องพัก ในเวลานี้ผู้คนที่มาเที่ยวยังผับแห่งนี้ก็ต่างพากันกลับ เอี๊ยด.. เสียงรถที่ถูกขับมาจอดตรงหน้าเอวาทำให้เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเห็นรถหรูเลื่อนลดกระจกลงให้เห็นคนที่อยู่ในรถ“คุณเคเดน” เอวาที่ตกใจที่อยู่ๆคุณเคเดนก็ขับรถมาจอที่ตรงหน้าเธอ “ขึ้นรถ” เอวาที่เกินความงุนงงก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ก่อนที่ไวกว่าความคิดรู้ตัวอีกทีมือหนาก็จับเข้าที่แขนเรียวเล็กแล้ว “ฉันจะไปส่ง ขึ้นรถ”เอวาที่ถูกจับยั
ร่างเล็กในตอนนี้ที่เกิดอาการตกใจจากเรื่องในห้อง เกรซได้พากลับมาพักยังห้องแต่งตัวทันที “เอวารู้จักกับคุณเคเดนมาก่อนงั้นหรอ” “คุณเคเดนเคยไปบริจาคเงินและของให้กับบ้านเด็กกำพร้าที่หนูโตมาค่ะ”ร่างเล็กตอบไปตามจริงด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังมาก เนื่องจากเธอนั้นไม่รู้ว่าหากเกรซรู้ว่าเธอนั้นเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าจะนึกรังเกียจไหม“บังเอิญจังเลยนะ เรานั่งพักอยู่ที่นี่แหล่ะ นายไม่ว่าอะไรหรอก” อีกด้านเคเดนในตอนนี้ยืนสูบบุหรี่ที่ริมระเบียงเพ้นส์เฮ้าส์สุดหรูของตน พรางนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านแล้วเกือบ 20 ปีเห็นจะได้ ในตอนที่เค้ากับเลโอถูกผู้เป็นพ่อส่งไปฝึกเพื่อเอาตัวรอดในป่าที่ต่างจังหวัดนั้น แต่กลับถูกลอบทำร้ายจริงๆจนพวกเค้าทั้งสองคนแทบเอาชีวิตไม่รอด ทั้งสองคนพากันลัดเลาะหลบหนีมาตามแนวป่าเรื่อยๆเพราะคนที่ตามมานั้นต้องการฆ่าทั้งสองคนเท่านั้น เพื่อป้องการการขึ้นรับตำแหน่งทายาทมาเฟียที่จะขยายอำนาจในอนาคตนั่นเอง ทั้งสองคนต่างดิ้นรนจนมาพบกับบ้านหลังหนึ่งซึ่งค่อนข้างใหญ่เรียกว่าคฤหาสน์ก็ยังได้ เด็กหนุ่มทั้งสองคนมองหน้ากันเห็นเพียงแค่นี่คือทางรอดเท่านั้น“ว๊าย ตายจริง” แม่บ้านคนหนึ่งหันมาเห็นว่ามีเด็
เอวาที่กลับมายังห้องพักตอนนี้เธอมีหมอนใบเล็กและที่นอนฟูกเล็กที่ป้ากิมเอามาให้เธอ ก่อนโทรศัพท์เครื่องเล็กที่วางข้างกายจะสั่นแสดงว่ามีสายโทรเข้ามา แม่ครูพักพิงนั่นเอง “ค่ะแม่”“เป็นไงบ้างลูก” น้ำเสียงอบอุ่นใจดีถูกถ่ายทอดออกมาส่งถึงคนปลายสายจนมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาที่ใบหน้าสวย “ดีค่ะ หนูได้งานทำแล้วเริ่มงานพรุ่งนี้ค่ะ” “ถ้าไม่ไหวก็กลับมานะเอวา” “ค่ะ หนูอยู่ได้จะไปเยี่ยมบ่อยๆนะคะ”“งั้นแม่ไม่กวนแล้ว พักผ่อนเถอะลูก” ก่อนแม่ครูจะวางสายไปก็ยังคงสร้างรอยยิ้มให้คนตัวเล็กได้อย่างดีเอวาล้มตัวลงนอนเพื่อพักผ่อนเพราะวันพรุ่งนี้เธอนั้นจะต้องไปหาเจ้ทั้งสองเวลาบ่ายสองเพื่อแต่งตัวทำงาน ขอให้การทำงานของเธอนั้นราบรื่นด้วยเถอะ เดวาเดินเข้ามาภายในร้านก่อนจะเห็นว่าเจ้ทั้งสองรอเธออยู่ก่อนแล้ว “สวัสดีค่ะเจ้” เด็กสาวเอ่ยทักทายและสวัสดีอย่างนอบน้อม“มาพอดี เจ้พาไปเตรียมตัว” ร่างเล็กเดินตามไปอย่างเงียบๆเมื่อเข้ามายังห้องแต่งตัวก็เห็นผู้หญิงคนอื่นๆอยู่5-6คนในนี้ ทุกคนสวยมากแบบที่เอวาแทบไม่เคยเห็นเลย สายตาทุกคู่มองมายังคนที่เข้ามาใหม่ทันที “นี่เดวา น้องใหม่ อายุ 23 คงเป็นน้องพวกเธอ”“ฝากด้วยนะ น้องยังไม่เคยทำ
เอวาตื่นลืมตาขึ้นในช่วงเช้าของวัน เมื่อคืนกว่าเธอจะข่มตาหลับได้ก็ใช้เวลาล่วงเลยมาถึงตีสอง ด้วยความที่แปลกที่แปลกทางแต่สุดท้ายก็หลับด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อนึกได้ว่าวันนี้เธอจะต้องหางานทำให้ได้ก็รีบลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวไปสมัครงานในแถวนี้ทันที เอวาตอนนี้เดินออกมาหน้าตึกที่ใช้หลับนอนเมื่อคืน ก็เจอป้ากิมนั่งอยู่ที่หน้าตึกอย่างเดิม เธอจึงเดินไปทักทายทันที “สวัสดีค่ะป้ากิม” เมื่อได้ยินเสียงเล็กเอ่ยขึ้นจากด้านหลังป้ากิมก็เงยหน้าจากหนังสือพิมทันที “ตื่นเช้าเชียว จะรีบออกไปไหนล่ะ”“สมัครงานค่ะป้า” ใบหน้าสวมพูดตอบกลับพร้อมใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มอยู่เสมอ “เมื่อคืนนี้นอนเป็นไงล่ะ หลับสบายไหม”“ก็นอนไม่ค่อยหลับค่ะ หนูคงรู้สึกแปลกที่แปลกทาง” เอวาตอบไปด้วยน้ำเสียงปกติ ความจริงเธอแทบไม่ได้นอนด้วยซ้ำ “ข้าลืมถาม เอ็งไม่มีชุดเครื่องนอนมาและนอนยังไง” “นอนพื้นค่ะ” “ข้าว่าแล้ว ทำไมไม่ไปเรียกข้าล่ะ” ป้ากิมพูดเสียงดังขึ้นทันทีเมื่อรู้ว่าเด็กสาวนอนที่พื้นเย็นๆแทนที่จะมาขอความช่วยเหลือจากเธอ “หนูเกรงใจ อีกอย่างก็ดึกแล้วไม่อยากรบกวนป้าค่ะ” ใบหน้ายังคงพูดด้วยรอยยิ้มบางๆส่งให้ป้ากิม “วันนี้ข้าจะเตรี
“เอวาลูก ช่วยดูแลการแต่งกายของน้องๆให้แม่ทีนะ” เสียงแม่ครูพักพิงเอ่ยบอกเด็กสาวที่ตอนนี้กำลังวุ่นวายกับการเตรียมตัวต้อนรับคุณหญิงมลดา ที่จะเข้ามาบริจาคเงินให้กับบ้านพักเด็กกำพร้าแห่งนี้อยู่เสมอ “ได้ค่ะแม่ครู” พูดจบเอวาก็เดินออกไปหาเด็กๆที่ห้องพักทันที เพื่อตรวจดูความเรียบร้อย แต่ก็พบว่าทุกคนอยู่ในความเรียบร้อยหน้าตาสะอาดสะอ้านไม่มอมแมมเลย “พี่เอวา เค้ามากันแล้วหรอคะ” บีมเด็กหญิงที่ดูจะโตกว่าทุกคนเอ่ยถามเอวาในทันทีที่เห็นหญิงสาวเดินเข้ามา “ใกล้แล้ว เดี๋ยวพวกเราไปนั่งรอที่ห้องรวมก่อนนะ” พูดจบเด็กๆทุกคนก็เดินกันไปอย่างว่าง่ายและเป็นระเบียบ ตั้งแต่จำความได้เอวาก็รู้ว่าตัวเองอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้แล้ว และเธอก็เติบโตที่นี่มาจนอายุตอนนี้ 23 ปีแล้ว ซึ่งเธอเองคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องออกเดินทางไปทำงานในกรุงเทพเพื่อหาเงินเข้าบ้านพักแห่งนี้ เพราะที่นี่เก่าและทรุดโทรมไปมากแล้วไหนจะค่าใช้จ่ายต่างๆอีก การจะที่รอให้มีผู้ใหญ่ใจดีมาบริจาคเงินให้ที่นี่นั้นก็เหมือนกับการหวังน้ำบ่อหน้า แต่ใจลึกๆเธอเองก็ยังห่วงทุกคนที่นี่ด้วย “สวัสดีค่ะคุณหญิง” เมื่อคุณหญิงมลดาลงจากรถทั้งแม่ครูพักพิงและเ