“เอวาลูก ช่วยดูแลการแต่งกายของน้องๆให้แม่ทีนะ” เสียงแม่ครูพักพิงเอ่ยบอกเด็กสาวที่ตอนนี้กำลังวุ่นวายกับการเตรียมตัวต้อนรับคุณหญิงมลดา ที่จะเข้ามาบริจาคเงินให้กับบ้านพักเด็กกำพร้าแห่งนี้อยู่เสมอ
“ได้ค่ะแม่ครู” พูดจบเอวาก็เดินออกไปหาเด็กๆที่ห้องพักทันที เพื่อตรวจดูความเรียบร้อย แต่ก็พบว่าทุกคนอยู่ในความเรียบร้อยหน้าตาสะอาดสะอ้านไม่มอมแมมเลย “พี่เอวา เค้ามากันแล้วหรอคะ” บีมเด็กหญิงที่ดูจะโตกว่าทุกคนเอ่ยถามเอวาในทันทีที่เห็นหญิงสาวเดินเข้ามา “ใกล้แล้ว เดี๋ยวพวกเราไปนั่งรอที่ห้องรวมก่อนนะ” พูดจบเด็กๆทุกคนก็เดินกันไปอย่างว่าง่ายและเป็นระเบียบ ตั้งแต่จำความได้เอวาก็รู้ว่าตัวเองอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้แล้ว และเธอก็เติบโตที่นี่มาจนอายุตอนนี้ 23 ปีแล้ว ซึ่งเธอเองคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องออกเดินทางไปทำงานในกรุงเทพเพื่อหาเงินเข้าบ้านพักแห่งนี้ เพราะที่นี่เก่าและทรุดโทรมไปมากแล้วไหนจะค่าใช้จ่ายต่างๆอีก การจะที่รอให้มีผู้ใหญ่ใจดีมาบริจาคเงินให้ที่นี่นั้นก็เหมือนกับการหวังน้ำบ่อหน้า แต่ใจลึกๆเธอเองก็ยังห่วงทุกคนที่นี่ด้วย “สวัสดีค่ะคุณหญิง” เมื่อคุณหญิงมลดาลงจากรถทั้งแม่ครูพักพิงและเอวาก็เดินเข้าไปต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “สวัสดี เจอกันครั้งนี้เอวาโตขึ้นอีกแล้วนะลูก” คุณหญิงมลดาเอ่ยทักทายเด็กสาวที่เห็นและถูกชะตาตั้งแต่ครั้งแรกที่มาบริจาคเงินและสิ่งของต่างๆให้ที่นี่ตั้งแต่เอวาอายุได้ราวๆ11-12ขวบ “คุณหญิงสบายดีใช่ไหมคะ” “สบายดี ส่วนนี่เคเดน ลูกชายคนเดียวของฉัน” มลดาเอ่ยแนะนำคนร่างสูงที่ลงจากรถมายืนข้างกายของเธอ ใบหน้าของเขาเรียบเฉยนิ่งจนเอวาเกิดอาการประหม่าขึ้นเล็กน้อย สายตาคมกริบมองมาที่หญิงสาวอย่างตั้งใจ ในหน้าเล็กเรียบรูปไข่ผมสีดำขลับที่ยาวสลวยมีลูกผมเล็กน้อยตามกรอบหน้าสวย คิ้วสวยได้รูปรับกับดวงตาคมสวยคู่นั้นเป็นอย่างดี “สะ สวัสดีค่ะ” เอวาเอ่ยสวัสดีคนตัวโตกว่าอย่างนอบน้อมเพราะเขานั้นดูโตกว่าเธออย่างแน่นอน คนตัวสูงไม่ได้รับไหว้แต่อย่างไร เพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น “เชิญด้านในดีกว่าค่ะ” แม่ครูพักพิงได้เอ่ยเชิญผู้ใหญ่ใจดีทั้งสองท่านเข้าไปด้านใน มีผู้ชายชุดดำมากมายหลายคนกำลังช่วยกันยกข้าวของเครื่องใช้เข้าไปด้านในตามคำสั่งของผู้เป็นนาย คุณหญิงมลดาและเคเดนได้ทำการบริจาคข้าวของต่างๆเรียบร้อย และตอนนี้ก็ได้เตรียมตัวจะเดินทางกลับเอวาและแม่ครูก็ได้เดินออกมาเพื่อส่งทั้งคู่ขึ้นรถและกล่าวขอบคุณ “ขอบพระคุณมากนะคะ หากไม่มีคุณหญิงและคุณเคเดนพวกเราก็คงรำบากไม่น้อย” แม่ครูพักพิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม เพราะตัวเธอเองก็มีอายุมากขึ้นเรื่อยๆไม่รู้ว่าจะมีกำลังดูแลเด็กๆได้อีกนานแค่ไหน “หากติดขัดอะไรก็ให้เอวาติดต่อฉันไปนะ ไม่ต้องเกรงใจ” มลดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงใจดี “ขอบคุณค่ะคุณหญิง เดินทางปลอดภัยนะคะ” เด็กสาวเอ่ยขอบคุณด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มแต่ก็ชะงักและหลุบตาลง เมื่อหันไปเห็นสายตาของเขาที่จ้องเธอไม่วางตา เธอรู้สึกได้ตั้งแต่ที่เขามาว่าเหมือนมีคนมองเธอแต่ก็เป็นเอวาที่หลบสายตาของเขาอยู่ตลอด และทั้งคู่ก็ได้ขึ้นรถและออกเดินทางกลับกัน เหลือเพียงเด็กที่ไร้เดียงสาเท่านั้น ใบหน้าของทุกคนตอนนี้เปื้อนรอยยิ้มอย่างมีความสุข ไม่ว่าจะขนมของเล่นเสริมพัฒนาการต่างๆพวกนี้หากไม่ใช่คุณหญิงนำมาบริจาคพวกเค้าก็คงไม่มีโอกาสแบบนี้ เวลาล่วงเลยผ่านมาจนถึงช่วงค่ำ เอวาที่ส่งน้องๆเข้านอนเรียบร้อยก็เดินออกมารับลมเย็นยามค่ำคืนพลางมีเรื่องให้คิด เธอตัดสินใจแล้วว่าอยากจะขอลาจากแม่ครูพักพิงเพื่อเข้ากรุงเทพไปทำงาน และกลับมาเยี่ยมน้องๆบางครั้งคราวเธอจะต้องทำให้ทุกคนที่นี่อิ่มท้องและไม่ลำบากให้ได้ ช่วงสายของอีกวัน เอวาเดินเข้ามาหาแม่ครูพักพิงเพื่อบอกถึงเรื่องที่เธอนั้นได้คิดมาสักพักแล้ว “แม่ครูคะ” “ว่าไงลูก มีเรื่องอะไรจะคุยกับแม่เหรอ” “แม่เห็นพักนี้เหมือนเอวามีเรื่องในใจ บอกแม่ได้นะ” แม่ครูเองที่เห็นเด็กสาวมาตั้งแต่อายุเพียง 2 ขวบ มองแค่แวบเดียวก็รู้แล้วว่าเด็กสาวนั้นมีเรื่องที่คิดอยู่ในใจ เพียงแค่ไม่ต้องการถามหากเธอต้องการบอกก็คงมาบอกหรือปรึกษาเอง “คือหนู อยากไปทำงานที่กรุงเทพค่ะ” “แต่หนูไม่ได้ต้องการจะทิ้งทุกคนไปนะคะ หนูแค่เพียงต้องการไปทำงานหาเงินมาให้น้องๆได้กินอิ่มนอนหลับโดยไม่ต้องรอว่าหากไม่มีใครมาช่วยเหลือพวกเราจะลำบาก” เอวาวาที่พูดออกพรางอธิบายด้วยความที่กลัวว่าแม่ครูจะคิดว่าเธออยากทิ้งทุกคนไป “เอวาพร้อมแล้วเหรอลูก แม่ไม่ได้ว่าอะไรหากเอวาต้องการจะไปแล้วไม่กลับมาก็ตาม” “เพราะเอวาโตมากแล้ว และแม่ก็ไม่ได้เลี้ยงหนูเพียงเพราะต้องการให้หนูมารับผิดชอบเลี้ยงทุกคนต่อ” “แต่หนูไม่มีทางทิ้งทุกคนแน่นอนค่ะ ทุกคนก็คือครอบครัวของหนู” “จะไปเมื่อไหร่ลูก” เมื่อที่เหี่ยวย่นเล็กน้อยเอ่ยพรางลูบหัวเด็กสาวอย่างเอ็นดูถึงความคิดของเด็กสาว ที่ความจริงแล้วเธอนั้นเลือกที่จะไปจากทุกคนที่นี่เพื่อไปมีชีวิตที่ดีคนเดียวก็ได้ แต่เธอกลับนึกถึงทุกคนมากกว่าตัวเอง “พรุ่งนี้ค่ะ หนูพอมีเงินเก็บอยู่ก้อนนึงจากที่ไปรับทำรายงานพิเศษให้กับนักศึกษา หนูจะลองไปหาห้องเช่าและหางานค่ะ” “แม่เป็นห่วงนะลูก หากไม่ไหวก็กลับมาหาแม่กับน้องๆนะ” คำพูดใจดีของแม่ครูพักพิงทำให้เด็กสาวเกิดอาการร้อนขอบตาซึ่งน้ำตาก็ใกล้เอ่อล้นขึ้นมาทุกที “ค่ะแม่ หนูจะติดต่อแม่กับน้องๆไม่ขาดเลยค่ะ” เอวาในตอนนี้เธออยู่ในเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนส์สีเข้มรองเท้าผ้าใบ รวบผมสูงขึ้นโชว์ลำคอระหงส์ของเธอใบหน้าสวยแต่งเติมเครื่องสำอางเพียงนิด ยืนรอเพื่อจะขึ้นรถตู้ประจำทางเพื่อเข้าไปยังกรุงเทพเมืองหลวงที่ผู้คนต่างจังหวัดมากมายเลือกจะเดินทางจากบ้านเกิดเพื่อมาทำงานเลี้ยงปากท้องและครอบครัว รวมถึงเธอเองก็ด้วย เวลาช่วงเย็นของวันในตอนนี้เอวาพยายามเดินทางเพื่อหาห้องพักราคาถูกใช้หลับนอนในคืนนี้และพรุ่งนี้เธอจะออกไปหาสมัครงานในทันที โดยที่ไม่ปล่อยให้เวลาให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ เดินเท้าตามริมฟุตบาตใจกลางเมืองหลวงได้ไม่นานเธอก็เหลือบไปเห็นป้ายประกาศห้องว่างให้เช่า บริเวณเสาไฟฟ้าและมีเครื่องหมายชี้เข้าไปในซอยเล็กๆเอวาเลือกที่จะเดินเข้าไปเพื่อสอบถามอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย “เอ่อ สวัสดีค่ะ หนูสนใจเช่าห้องพักค่ะ” เอวาที่เดินเข้ามาไม่ลึกมากก็เห็นตึกเขียนว่างให้เช่า และมีคุณป้าท่าทางใจดีนั่งอยู่บริเวณด้านหน้า จึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมในทันทีอย่างไม่ลัง “อ่อ อยู่กี่คนล่ะหนู” ป้าเงยหน้าขึ้นจากวิทยุคู่ใจขึ้นมาเอ่ยถามเด็กสาวท่าทางน่ารัก “คนเดียวค่ะ” เอวาที่ตอบกลับไปทันทีหากเธอได้พักที่นี่วันพรุ่งเธอก็จะได้หาสมัครงานทันที “มีแต่ห้องเปล่านะสองพันต่อเดือน พัดลมอยู่ไหมไหมนังหนู” เอวาที่ผิวพรรณรูปร่างหน้าตาดูดีผิวขาวละเอียดจนป้าเอ่ยถามเพราะกลัวเธอจะทนอยู่ไม่ได้ “อยู่ได้ค่ะ หนูเองพึ่งมาจากต่างจังหวัดไม่เรื่องมากอะไรอยู่ได้หมดเลย” เอวาที่ตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทันที อย่างน้อยวันนี้เธอก็มีที่หลับนอนแล้ว “มาป้าจะพาไปดูห้อง อยู่ติดกับห้องป้านี่แหล่ะ” พูดจบป้าก็เดินนำเด็กสาวเข้าไปด้านในตึกทันที “นี่ห้องเอ็งนังหนู ป้าชื่อกิมนะ มีอะไรก็มาเรียก” “ขอบคุณค่ะป้า หนูชื่อเอวาค่ะ” “แล้วเงินมัดจำต้องเท่าไหร่คะ” “ข้าไม่เก็บแล้วกัน เห็นมาจากต่างจังหวัดช่วยๆกัน” น้ำเสียงของป้ากิมเอ่ยบอกด้วยความใจดี ดูแล้วเอวาก็เป็นเด็กอ่อนน้อมถ่อมตนสร้างความเอ็นดูให้ป้ากิมที่เสียหลานสาวไปจากโรคร้ายเมื่อหลายปีก่อนทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง “ขอบคุณค่ะป้า” เอวายกมือขึ้นไหว้ป้ากิมอีกครั้ง ก่อนที่ป้ากิมจะเดินออกไปทิ้งให้เอวายืนอยู่ที่หน้าห้อง ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปด้านในห้อง “คืนนี้นอนไปก่อนแล้วกัน ยังดีกว่าไม่มีที่ให้นอน” เอวาพูดจบก็ทำการเอาผ้าออกมาปูที่พื้น กระเป๋าเสื้อผ้าที่นำมาด้วยวางเป็นหมอน และคืนนี้คงต้องใช้ผ้าห่มอีกครึ่งที่เหลือพับมาห่มหลับนอนกันหนาว ก่อนที่เด็กสาวจะเดินเข้าไปอาบน้ำเพื่อชำระร่างกายที่วันนี้เดินทางมาทั้งวัน“ไปอยู่กับฉันไหม...” เอวาในตอนนี้เกิดความงุนงงเป็นอย่างมากกับประโยคเมื่อสักครู่ เธอเงยหน้ามองคลาสอย่างไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ฟรานและเรียวตะก็งงกับประโยคที่เพื่อนพูดออกไป“ว่ายังไง” คลาสยังใช้สายตากดดันและถามย้ำเอวาต่อ “เอ่อ คือหนู” “ฉันแค่ถูกชะตากับเธอเท่านั้น”“เธอเหมือน.... น้องสาวของฉันที่หายไป” เอวาที่ได้ยินแบบนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองคลาสที่ตอนนี้แววตาของเค้านั้นฉายความเจ็บปวดออกมาอย่างชัดเจน “ฉันไม่บังคับ ถ้าอยากมาอยู่กับฉันในฐานะน้องสาวเมื่อไหร่ก็ติดติดต่อมา” มือหนาส่งนามบัตรยืนให้เด็กสาวตรงหน้าก่อนจะลุกและเดินออกไปทันที เอวาในตอนนี้เธอยืนมองไปที่ท้องถนนเพื่อเรียกแท็กซี่กลับไปยังห้องพัก ในเวลานี้ผู้คนที่มาเที่ยวยังผับแห่งนี้ก็ต่างพากันกลับ เอี๊ยด.. เสียงรถที่ถูกขับมาจอดตรงหน้าเอวาทำให้เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเห็นรถหรูเลื่อนลดกระจกลงให้เห็นคนที่อยู่ในรถ“คุณเคเดน” เอวาที่ตกใจที่อยู่ๆคุณเคเดนก็ขับรถมาจอที่ตรงหน้าเธอ “ขึ้นรถ” เอวาที่เกินความงุนงงก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ก่อนที่ไวกว่าความคิดรู้ตัวอีกทีมือหนาก็จับเข้าที่แขนเรียวเล็กแล้ว “ฉันจะไปส่ง ขึ้นรถ”เอวาที่ถูกจับยั
ร่างเล็กในตอนนี้ที่เกิดอาการตกใจจากเรื่องในห้อง เกรซได้พากลับมาพักยังห้องแต่งตัวทันที “เอวารู้จักกับคุณเคเดนมาก่อนงั้นหรอ” “คุณเคเดนเคยไปบริจาคเงินและของให้กับบ้านเด็กกำพร้าที่หนูโตมาค่ะ”ร่างเล็กตอบไปตามจริงด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังมาก เนื่องจากเธอนั้นไม่รู้ว่าหากเกรซรู้ว่าเธอนั้นเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าจะนึกรังเกียจไหม“บังเอิญจังเลยนะ เรานั่งพักอยู่ที่นี่แหล่ะ นายไม่ว่าอะไรหรอก” อีกด้านเคเดนในตอนนี้ยืนสูบบุหรี่ที่ริมระเบียงเพ้นส์เฮ้าส์สุดหรูของตน พรางนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านแล้วเกือบ 20 ปีเห็นจะได้ ในตอนที่เค้ากับเลโอถูกผู้เป็นพ่อส่งไปฝึกเพื่อเอาตัวรอดในป่าที่ต่างจังหวัดนั้น แต่กลับถูกลอบทำร้ายจริงๆจนพวกเค้าทั้งสองคนแทบเอาชีวิตไม่รอด ทั้งสองคนพากันลัดเลาะหลบหนีมาตามแนวป่าเรื่อยๆเพราะคนที่ตามมานั้นต้องการฆ่าทั้งสองคนเท่านั้น เพื่อป้องการการขึ้นรับตำแหน่งทายาทมาเฟียที่จะขยายอำนาจในอนาคตนั่นเอง ทั้งสองคนต่างดิ้นรนจนมาพบกับบ้านหลังหนึ่งซึ่งค่อนข้างใหญ่เรียกว่าคฤหาสน์ก็ยังได้ เด็กหนุ่มทั้งสองคนมองหน้ากันเห็นเพียงแค่นี่คือทางรอดเท่านั้น“ว๊าย ตายจริง” แม่บ้านคนหนึ่งหันมาเห็นว่ามีเด็
เอวาที่กลับมายังห้องพักตอนนี้เธอมีหมอนใบเล็กและที่นอนฟูกเล็กที่ป้ากิมเอามาให้เธอ ก่อนโทรศัพท์เครื่องเล็กที่วางข้างกายจะสั่นแสดงว่ามีสายโทรเข้ามา แม่ครูพักพิงนั่นเอง “ค่ะแม่”“เป็นไงบ้างลูก” น้ำเสียงอบอุ่นใจดีถูกถ่ายทอดออกมาส่งถึงคนปลายสายจนมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาที่ใบหน้าสวย “ดีค่ะ หนูได้งานทำแล้วเริ่มงานพรุ่งนี้ค่ะ” “ถ้าไม่ไหวก็กลับมานะเอวา” “ค่ะ หนูอยู่ได้จะไปเยี่ยมบ่อยๆนะคะ”“งั้นแม่ไม่กวนแล้ว พักผ่อนเถอะลูก” ก่อนแม่ครูจะวางสายไปก็ยังคงสร้างรอยยิ้มให้คนตัวเล็กได้อย่างดีเอวาล้มตัวลงนอนเพื่อพักผ่อนเพราะวันพรุ่งนี้เธอนั้นจะต้องไปหาเจ้ทั้งสองเวลาบ่ายสองเพื่อแต่งตัวทำงาน ขอให้การทำงานของเธอนั้นราบรื่นด้วยเถอะ เดวาเดินเข้ามาภายในร้านก่อนจะเห็นว่าเจ้ทั้งสองรอเธออยู่ก่อนแล้ว “สวัสดีค่ะเจ้” เด็กสาวเอ่ยทักทายและสวัสดีอย่างนอบน้อม“มาพอดี เจ้พาไปเตรียมตัว” ร่างเล็กเดินตามไปอย่างเงียบๆเมื่อเข้ามายังห้องแต่งตัวก็เห็นผู้หญิงคนอื่นๆอยู่5-6คนในนี้ ทุกคนสวยมากแบบที่เอวาแทบไม่เคยเห็นเลย สายตาทุกคู่มองมายังคนที่เข้ามาใหม่ทันที “นี่เดวา น้องใหม่ อายุ 23 คงเป็นน้องพวกเธอ”“ฝากด้วยนะ น้องยังไม่เคยทำ
เอวาตื่นลืมตาขึ้นในช่วงเช้าของวัน เมื่อคืนกว่าเธอจะข่มตาหลับได้ก็ใช้เวลาล่วงเลยมาถึงตีสอง ด้วยความที่แปลกที่แปลกทางแต่สุดท้ายก็หลับด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อนึกได้ว่าวันนี้เธอจะต้องหางานทำให้ได้ก็รีบลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวไปสมัครงานในแถวนี้ทันที เอวาตอนนี้เดินออกมาหน้าตึกที่ใช้หลับนอนเมื่อคืน ก็เจอป้ากิมนั่งอยู่ที่หน้าตึกอย่างเดิม เธอจึงเดินไปทักทายทันที “สวัสดีค่ะป้ากิม” เมื่อได้ยินเสียงเล็กเอ่ยขึ้นจากด้านหลังป้ากิมก็เงยหน้าจากหนังสือพิมทันที “ตื่นเช้าเชียว จะรีบออกไปไหนล่ะ”“สมัครงานค่ะป้า” ใบหน้าสวมพูดตอบกลับพร้อมใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มอยู่เสมอ “เมื่อคืนนี้นอนเป็นไงล่ะ หลับสบายไหม”“ก็นอนไม่ค่อยหลับค่ะ หนูคงรู้สึกแปลกที่แปลกทาง” เอวาตอบไปด้วยน้ำเสียงปกติ ความจริงเธอแทบไม่ได้นอนด้วยซ้ำ “ข้าลืมถาม เอ็งไม่มีชุดเครื่องนอนมาและนอนยังไง” “นอนพื้นค่ะ” “ข้าว่าแล้ว ทำไมไม่ไปเรียกข้าล่ะ” ป้ากิมพูดเสียงดังขึ้นทันทีเมื่อรู้ว่าเด็กสาวนอนที่พื้นเย็นๆแทนที่จะมาขอความช่วยเหลือจากเธอ “หนูเกรงใจ อีกอย่างก็ดึกแล้วไม่อยากรบกวนป้าค่ะ” ใบหน้ายังคงพูดด้วยรอยยิ้มบางๆส่งให้ป้ากิม “วันนี้ข้าจะเตรี
“เอวาลูก ช่วยดูแลการแต่งกายของน้องๆให้แม่ทีนะ” เสียงแม่ครูพักพิงเอ่ยบอกเด็กสาวที่ตอนนี้กำลังวุ่นวายกับการเตรียมตัวต้อนรับคุณหญิงมลดา ที่จะเข้ามาบริจาคเงินให้กับบ้านพักเด็กกำพร้าแห่งนี้อยู่เสมอ “ได้ค่ะแม่ครู” พูดจบเอวาก็เดินออกไปหาเด็กๆที่ห้องพักทันที เพื่อตรวจดูความเรียบร้อย แต่ก็พบว่าทุกคนอยู่ในความเรียบร้อยหน้าตาสะอาดสะอ้านไม่มอมแมมเลย “พี่เอวา เค้ามากันแล้วหรอคะ” บีมเด็กหญิงที่ดูจะโตกว่าทุกคนเอ่ยถามเอวาในทันทีที่เห็นหญิงสาวเดินเข้ามา “ใกล้แล้ว เดี๋ยวพวกเราไปนั่งรอที่ห้องรวมก่อนนะ” พูดจบเด็กๆทุกคนก็เดินกันไปอย่างว่าง่ายและเป็นระเบียบ ตั้งแต่จำความได้เอวาก็รู้ว่าตัวเองอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้แล้ว และเธอก็เติบโตที่นี่มาจนอายุตอนนี้ 23 ปีแล้ว ซึ่งเธอเองคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องออกเดินทางไปทำงานในกรุงเทพเพื่อหาเงินเข้าบ้านพักแห่งนี้ เพราะที่นี่เก่าและทรุดโทรมไปมากแล้วไหนจะค่าใช้จ่ายต่างๆอีก การจะที่รอให้มีผู้ใหญ่ใจดีมาบริจาคเงินให้ที่นี่นั้นก็เหมือนกับการหวังน้ำบ่อหน้า แต่ใจลึกๆเธอเองก็ยังห่วงทุกคนที่นี่ด้วย “สวัสดีค่ะคุณหญิง” เมื่อคุณหญิงมลดาลงจากรถทั้งแม่ครูพักพิงและเ