พนักงานต่างแปลกใจที่ท่านประธานใจดีแจกแซนด์วิชพนักงานติดต่อกันหลายวัน บางวันก็แจกสบู่สมุนไพร บางวันก็เป็นยาสีฟัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแซนด์วิช ซึ่งก็อร่อยถูกปากพนักงานจึงไม่มีใครกล้าวิจารณ์พูดอะไร ที่สำคัญคือฟรีทุกคนจึงเต็มใจรับ “บอสค่ะ จะให้สั่งแซนด์วิชของคุณนานาอีกไหมคะ” เจนขวัญเป็นเลขาหน้าห้องเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มนิด เธออายุมากกว่าเจ้านาย เป็นเลขาหน้าห้องตั้งแต่รุ่นพ่อของท่านประธานคนปัจจุบัน ตอนนี้ก็ยังรับตำแหน่งเดิมอยู่เพิ่มเติมคือเงินเดือนที่มากขึ้นและอายุที่มากขึ้นเช่นกัน “ถ้าผมสั่งอีกพนักงานจะบ่นอะไรไหมครับ” จิรายุพูดไปตามที่คิด สำหรับเขา เจนขวัญเป็นมากกว่าเลขา เป็นเหมือนที่ปรึกษาของเขาด้วย “ของฟรีไม่มีคนบ่นหรอกค่ะ” เจนขวัญหัวเราะเบาๆ “แต่บอสจะจีบแม่ค้าขายแซนด์วิชแบบนี้เหรอคะ” “เอ่อ...ดูชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอครับ” คราวนี้จิรายุยกมือขึ้นลูบท้ายทอยแก้เขิน เขาเป็นพวกบ้างาน หากเป็นเรื่องงานเขาตัดสินใจได้รวดเร็ว แต่เป็นเรื่องผู้หญิง เขาเกรงจะทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่พอใจ กลายเป็นดูเป็นกังวลไปเสียหมด “ค่ะ” เลขาพยักหน้ารับ เพราะเธ
แม่ส่ายหน้าไปมาแล้วเดินไปหาลูกชายที่ไม่ค่อยกลับบ้านนัก เดือนสองเดือนจะแวะมาบ้านสักหน แม้ว่าปกติจะคุยโทรศัพท์กันบ่อย แต่ก็ไม่เหมือนกับได้เจอกันจริงๆ ทว่าทั้งสามก็ต้องชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงกรนเบาๆ คนที่บ่นนอนไม่หลับเวลานนี้หลับสนิทอยู่บนโซฟาตัวยาวใหญ่ โดยมีโทรศัพท์มือถือที่ยังเปิดเสียงไลฟ์สดของแม่ค้าอยู่“ไหนบอกว่านอนไม่หลับ นั้นเสียงกรนไม่ใช่เรอะ”“ลูกคงเหนื่อยนะพ่อ ให้ลูกนอนไปก่อนเถอะ เดี๋ยวตื่นแล้วก็ขึ้นไปนอนที่ห้องเองนั้นแหละ” แม่พูดแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ “ยัยอุ่นบอกแม่บ้านเอาผ้าห่มแพรมาให้ทีสิ หลับแบบนี้ไม่รู้จะตื่นตอนไหน เอาผ้าห่มให้พี่เราหน่อย”“ค่ะแม่” ไออุ่นรับคำสั่งจากแม่ พ่อที่ดูปากร้ายแต่ก็เป็นห่วงลูกชายอยู่ไม่น้อยจึงไม่คิดปลุกลูกชายให้มาคุยกัน พ่อกับแม่เดินกลับไปพักที่ห้องของตนเองไออุ่นมองดูพี่ชายที่หลับสบายจนไม่อยากปลุก เธอเรียกแม่บ้านให้ไปเอาผ้าห่มแพรมาให้พี่ชายที่ไม่รู้จะตื่นตอนไหน เมื่อได้ของที่สั่งแล้วเธอก็ค่อยๆ ห่มผ้าให้พี่ชาย มือเรียวเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเอง เสียงไลฟ์สดขายสินค้ายังดังอยู่ เสียงหวานใสส่งเสียงด้วยประโยคที่คุ้นเคย‘สนใจรับทักได้ค่ะ’คนเ
เธอเงยหน้าขึ้นอย่างงุนงงในคำพูดของเขา แต่ดวงตาเป็นประกายที่ก้มมองทำให้เธอร้อนผ่าวทั่วใบหน้า “ขอบคุณที่ให้เราเป็นคนแรกของเธอ” จันทร์เจ้าทำหน้าไม่ถูก ได้แต่แสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้กับสิ่งที่ได้ยิน “เราอ่อนด้อยประสบการณ์จนนายก็ดูออกเหรอ” “ไม่ใช่อย่างนั้น” เขาหัวเราะเบาๆ พลิกตัวนอนตะแคงเพื่อจะได้เห็นใบหน้าของเธอชัดๆ “เราชอบเธอ” “ชอบเรา?” “อื้ม ชอบตั้งแต่ตอนเรียนม.ปลายแล้ว” เขายิ้มกริ่ม “อกหักตั้งแต่ยังไม่ได้บอกรัก” “ล้อเล่นน่า” “จริงๆ” เขาถอนหายใจ ใช้ปลายนิ้วเกี่ยวผมเส้นผมยาวสลวยของเธอเล่น “เธอเป็นรักแรกของเรา แต่ยังไม่ทันได้บอกรัก เธอก็ลาออกไปก่อน ไม่คิดว่าคืนนี้จะได้พบกันแบบนี้” ‘และก็จบลงบนเตียง’ จันทร์เจ้าไม่ได้พูดในสิ่งที่อยากพูด เธอไม่แน่ใจว่าเขาต้องการอะไร หรือแค่ติดค้างความรู้สึกในวันวานที่อยากทำให้มันเป็นจริงและจบลงไป เพื่อที่จะได้ไม่มีอะไรติดค้างต่อกัน “จันทร์เจ้า” “หือ?” “เราจีบเธอนะ” “หา”
ลิ้นร้อนของเขาทำให้ร่างเล็กสั่นสะท้าน ทั้งหวาดหวั่นและตื่นเต้นไปพร้อมกัน ผิวกายที่โผล่พ้นผ้าขนหนูเย้ายวนน่าลูบไล้ เขากดจูบหนักหน่วงขึ้นเมื่อคนใต้ร่างไร้การต่อต้าน มือกร้านลูบไล้ผิวกายอ่อนนุ่มแผ่วเบาแต่เรียกเสียงครางหวานในลำคอของหญิงสาว เธอหอบหายใจ มือเล็กเกาะไหล่ของเขาไว้อย่างไม่รู้ตัวทำให้ทรวงอกคู่สวยแนบชิดกับแผ่นอกกำยำ ฐานทัพถอนจูบแล้วสูดลมหายใจดวงตาเป็นประกายมองหญิงสาวที่กระสับกระส่ายอยู่เบื้องล่าง เขายันกายขึ้น สองขาคร่อมร่างของเธอไว้แล้วถอดเสื้อยืดออกเผยเรือนร่างเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ สายตามองไปที่ยอดตูมสีชมพูอ่อนที่สะท้อนขึ้นลงเพราะแรงหายใจของหญิงสาว เขายื่นปลายนิ้วไปลูบไล้บริเวณนั้นเบาๆ แต่ทำให้ร่างของเธอบิดเร่า เขาไม่ได้เร่งเร้า แต่เธอกลับต้องการเขาอย่างเหลือล้น ฐานทัพก้มหน้าลงจูบที่ซอกคอขาวผ่อง มือข้างหนึ่งกระตุกให้ผ้าขนหนูหลุดออกไปพ้นร่างเย้ายวนที่เวลานี้เปลือยเปล่าไร้สิ่งใดปกปิด แอร์ในห้องทำหน้าที่ของมันดีเยี่ยม แต่คนสองคนกำลังเร่าร้อนด้วยไฟเสน่หา ปลายนิ้วที่แตะต้องร่างกายกำยำยิ่งปลุกเร้าให้ชายหนุ่มเคลื่อนริมฝีปากครอบครองยอดอกสีชมพู ความเสียวซ่านที่ไม่เคยพานพบท
ดวงตาของเขาร้อนแรงจ้องมองอย่างเคร่งเครียดแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “...ได้ไหม?” จันทร์เจ้ายังมึนงงอยู่ได้แต่มองเขาด้วยสายตาที่สับสน จนกระทั่งเขาจับมือเธอที่วางอยู่บนอกของเขาขึ้นมาจูบกลางฝ่ามือแล้วเอ่ยซ้ำอีกครั้ง “ถ้าเราทำมากกว่าจูบได้ไหม” หากเป็นคนอื่น เขาคงไม่เอ่ยถามแบบนี้ ภาษากายของเธอคือ Yes แต่เขาไม่มั่นใจ ฐานทัพยอมรับว่าเขากลัว...กลัวว่าหากล้ำเส้นไปแล้ว เธอจะหายไปไม่กลับมาอีก เธอคือรักแรกของเขา กว่าจะรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองรู้สึกในวันวานคืออะไร เธอก็หายไปจากชีวิตของเขาแล้ว “เราอยากได้คำตอบ” จันทร์เจ้าไม่เคยถูกใครถามแบบนี้ เธออาจเป็นเด็กเรียนดี ทำงานในห้องแล็ป แต่เรื่องความสัมพันธ์กับผู้คนนั้นบอกได้เลยว่าเธอสอบตก แต่พอรู้สึกได้ว่าเขากำลังจะปล่อยมือ เธอก็พยักหน้ารับเบาๆ การตอบรับที่ไร้เสียงแต่ทำให้หัวใจของฐานทัพเต้นรัวแรง เขายิ้มแล้วเอื้อมมือไปปลดเข็มขัดนิรภัยให้ จันทร์เจ้าก้มหน้างุดหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองทั้งที่มันวางอยู่บนตักนานแล้ว ฐานทัพเอี้ยวตัวไปเบาะด้านหลังหยิบเป้ใบย่อมของตนแล้ว
“ไม่ไหวแล้ว ไว้คราวหน้าแล้วกัน” “ไว้นัดเจอกันอีก” “อืม” จันทร์เจ้ายืนส่งเพื่อนๆ ที่หน้าร้าน หลายคนรู้ว่าจันทร์เจ้าเป็นญาติกับเจ้าของร้านจึงเข้าใจว่าเธอคงจะอยู่ต่อเพื่อช่วยพี่สาวเก็บร้าน แต่ความจริง เธอแค่ยืนโงนเงนอยู่หน้าร้าน และพี่เดือนวาดก็ไม่ได้อยู่ดูแลร้าน เพียงแค่ให้เด็กๆ ในร้านคอยดูแลลูกค้าที่เหมาร้านในคืนนี้ “กลับยังไง” เสียงทุ่มต่ำเอ่ยถามทำให้จันทร์เจ้าหันไปมองทางต้นเสียง ฐานทัพกำลังสวมเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์สีเข้ม หญิงสาวกวาดตามองอย่างพิจารณา คนตัวสูงสวมเสื้อยืดสีขาวมีเสื้อแจ็กเก็ตยีนสวมทับสีเดียวกับกางเกงยีนที่สวมอยู่ “เอ่อ...จะเรียกแท็กซี่นะ” “หือ? แท็กซี่นี่นะ” ฐานทัพเบิกตากว้าง “เธอคิดจะเดินออกไปโบกแท็กซี่เหรอ นี่ไม่ใช่กรุงเทพฯ นะ” “ก็...ตอนมา...เรามาแท็กซี่นะ พี่เดือนเรียกให้” ฐานทัพโคลงศีรษะไปมาจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก เพราะสีหน้าอีกฝ่ายไร้เดียงสาเหลือเกิน“อยู่ที่นี่ถ้าเธอจะเรียกแท็กซี่ต้องโทรตามนะ ไม่ใช่ไปยืนริมถนนแล้วรอโบกรถเอา” “อ้าว...เหรอ...” จันทร์เ
“ฐานทัพ”เดินลงจากเวทีเดินเร็วๆ มาตรงดิ่งมาทางจันทร์เจ้า ใบหน้าคมเข้มระบายยิ้มกว้าง และเมื่อเขาหยุดยืนเบื้องหน้าทำให้จันทร์เจ้ารู้สึกได้ว่า เขาสูงขึ้นกว่าเดิม ไหล่ก็กว้าง ร่างกายกำยำบึกบึน ไม่รู้ว่าเขายังเล่นบาสเก็ตบอลอยู่ไหม? หรือเข้าฟิตเนต หรือเพราะทำงานก่อสร้างถึงได้ดูกำยำมากขนาดนี้ จันทร์เจ้าจำได้ว่าพี่เดือนวาดบอกว่าเขาทำงานเป็นหัวหน้าผู้รับเหมาก่อสร้าง สืบทอดกิจการของครอบครัว “ไปนั่งข้างในสิ” ฐานทัพเอ่ยชวนแต่คว้าข้อมือเรียวเล็กของเธอกึ่งลากกึ่งจูงให้ไปนั่งที่โต๊ะของเขา เขาเลื่อนเก้าอี้ให้แล้วกดไหล่ให้เธอนั่งลง “ดื่มไหม?” “ได้...ได้สิ” “เหล้าหรือเบียร์” “เอ่อ...” “ค็อกเทลไหม อืม เราเลือกให้แล้วกันนะ” ราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ เจ้าของร่างสูงโปร่งหมุนตัวเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์สั่งเครื่องดื่มให้หญิงสาว จันทร์เจ้านั่งอยู่กับเพื่อนผู้หญิงร่วมชั้น เธอจำคนอื่นๆได้หมด แต่เหมือนหลายคนจะจำเธอไม่ได้ ใครจะไปจำเธอได้กันเล่า ตอนเรียนมัธยมเธอไม่ค่อยสนิทกับใครนัก ชีวิตเธอมีแค่โรงเรียนและบ้าน
“ไม่เป็นไรหรอก อย่าดื้อแล้วไปรอที่ห้อง” เด็กหนุ่มไม่กล้าขัด เขาหันมาสบตากับใบเฟิร์นแล้วยอมปล่อยมือกันตธีร์แล้วเดินตรงไปที่ลิฟต์ตามคำสั่งของกันตธีร์“มีร้านกาแฟหน้าคอนโด นั่งคุยเงียบๆได้” กันตธีร์เอ่ยเสียงแหบแห้งแล้วเดินนำไปก่อน ร้านกาแฟอยู่ไม่ไกลเดินไปไม่ถึงห้านาทีก็ถึง เดย์กุมมือใบเฟิร์นเดินตามร่างของกันตธีร์เข้ามาในร้าน เขาสั่งเอสเพรสโซร้อนให้ตัวเองและลาเต้เย็นให้ใบเฟิร์นอย่างเคยชิน “เดย์อยากดื่มอะไรก็สั่งเอานะ” กันตธีร์พูดยิ้มๆ แต่เป็นรอยยิ้มฝืดๆ “ผมเอาเอสเพรสโซร้อนเหมือนกันฮะ”“พี่หมอ” ใบเฟิร์นร้อนใจ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมานั่งคุยไปจิบกาแฟไป“พี่รู้เรื่องของใบเฟิร์นกับนายเดย์นานแล้ว” หมอหนุ่มยิ้มเจือน“พี่หมอ...” ใบเฟิร์นพูดอะไรไม่ออก แต่เพราะเดย์กุมมือเธออยู่ตลอดเวลา เขาคอยอยู่ข้างๆ ไม่ทอดทิ้งให้เธอเผชิญปัญหาคนเดียว“น้องใบเฟิร์นไม่ผิดหรอกค่ะ” เขายังคงพูดน้ำเสียงอ่อนโยนกับเธอเช่นที่ผ่านมา “พี่เองก็...ก็อาศัยใช้น้องใบเฟิร์นบังหน้าให้คนในครอบครัวพี่สบายใจ”“อะไรนะคะ”กันตธีร์รอพนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่มเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยขึ้น“พี่คบกับดิว...เอ่อ เด็กคนเมื่อกี้มาสี่
ความเร่าร้อนละความอายไปหมดสิ้น เธอไม่เคยรู้สึกร้อนแรงอย่างนี้กับใครมาก่อน จนมาเจอเด็กรุ่นน้องอย่างเดย์ ไม่ใช่ว่าเด็กกว่าแล้วแรงดี แต่ลีลายังเด็ด ทั้งบดส่ายเอวและสาวลำกระแทก ขยี้จุดเสียวของเธออีก ชายหนุ่มกระแทกกระทั้นรุนแรง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดัง ตับ ตับ ตับ ภายในห้องที่มีเพียงแสงสลัวจากนอกหน้าต่างสาดเข้ามา ใบเฟิร์นส่งเสียงครวญครางไม่หยุด แต่เกร็งสะโพกรับความใหญ่โตที่กระแทกเข้ามาจนสุด แท่งเอ็นร้อนอาบน้ำรักผลุบเข้าออกในร่องที่บวมแดงเพราะรองรับแรงกระแทกจากคนด้านหลัง สองมือจับเอวไว้มั่นแล้วโยกสะโพกอัดความเป็นชายใส่ ช่องทางคับแคบขมิบรัวจนเขาไม่อาจทนกลั้นได้อีก ปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นใส่กลีบเนื้อหวานฉ่ำ จนมันล้นทะลักเปื้อนเปรอะเรียวขา หญิงสาวรับความร้อนแรงอีกไม่ไหวแล้ว เธอฟุบหน้าไปโซฟาเบด ครั้งนี้มันร้อนแรงกว่าครั้งก่อน และไม่เคยมีครั้งไหนที่เธอจะรู้สึกถึงใจมากเท่านี้เดย์ถอนแก่นกายออกมาช้าๆ เขาประคองร่างที่หมดเรี่ยวแรงลงนอนแล้วกอดเธอไว้ กระซิบที่ใบหูของหญิงสาว“ผมรักพี่นะฮะ” ว่ากันว่าคำบอกรักตอนมีเซ็กส์ไม่น่าเชื่อถือ แต่สำหรับเดย์มันคือความรู้สึกจริงในใจที่มีต่อใบเ