“ใจเย็นๆหนูแพร เพิ่งเริ่มเอง”เขาหัวเราะในลำคอแล้วเบี่ยงกางเกงชั้นในตัวน้อยออกไปเพื่อสอดใส่แท่งสีชมพูให้มันสั่นในโพรงสวาท มือเรียวเล็กจิกที่โซฟา ดวงตาคู่หวานจ้องมองภาพเบื้องหน้า สาวสวยหุ่นเร้าใจ สองมือประคองหน้าอกอวบใหญ่เข้าหาจนปลายถันเสียดสีกันไปมา ตรัยภูมิใช้อีกมือที่ว่างขย้ำหน้าอกให้แพรวา หญิงสาวเสียวซ่านได้แต่ครางกระเส่า ร่องรักหลั่งน้ำหวานออกมามาก แพรวาไม่เหลือความอดทนใดๆอีก เธอยกสะโพกขึ้นรับจังหวะจ้วงแทงแท่งสีชมพู สายตาของเธอมองสองสาวที่อยู่หลังบานกระจกใช้แท่งเสียวเสียบในร่องรักของกันและกัน ช่วยกันกระแทกดุ้นสวาทขณะจูบปากแลกลิ้น “อา ซี๊ดดด คุณป๋า หนูแพรจะแตก...อ๊า”เธอหวีดร้องเมื่อถูกเขาปรนเปรอจนน้ำแตก ร่างกายเกร็งกระตุกคาแท่งสีชมพู ริมฝีปากอิ่มเผยอขึ้น ตรัยภูมิไม่รอช้าโน้มหน้าลงจูบกลีบปากหวานฉ่ำ เธอจูบตอบเล่นลิ้นอย่างเร้าร้อน มือใหญ่เลื่อนรูดซิปชุดเดรสของเธอลงเพื่อให้ชุดกระโปรงสีไวน์แดงออกไปพ้นร่าง หน้าอกคู่สวยมีจุกปิดปลายถันอยู่ เขาจัดการมันออกแล้วบี้ปลายถันเล่นทำให้ร่างอรชนบิดเร้าไปมา เธอเสียวซ่านจนต้องขย้ำต้นขาใหญ่ของเขา “ป๋าขา...ใส่เถอะ หนูแพรอยาก
เสียงหวานครางสุดเสียงร่องรักขยิบรัวทำให้ตรัยภูมิคำรามไปด้วย เขาถอนแก่นกายออกจากร่องสวาท น้ำเมือกวาวใสอาบลำเอ็นเปียกชุ่ม ชายหนุ่มลงไปยืนข้างเตียงแล้วจับข้อเท้าของแพรวา ดึงร่างเล็กมาที่ขอบเตียง แยกเรียวขาออกกว้างจนเห็นกลีบเนื้อสีอ่อนที่บวมแดงเพราะถูกบดขยี้ แพรวากัดริมฝีปาก เวลานี้เธอไม่สนใจว่าอีกด้านของผนักกระจกจะนัวเนียสลับคู่กันขนาดไหน แต่เวลานี้เธอมีแต่เขาเท่านั้นหนุ่มใหญ่จับเอวคอดไม่ให้หลบหนีแล้วเสียบลำเอ็นเข้าไปจนมิดด้าม หญิงสาวขย้ำหน้าอกตัวเองพลางส่งเสียงเผ็ดร้อนออกมา เขากระแทกลำเอ็นจนร่างเล็กสั่นไหว ในห้องแอร์ที่เย็นฉ่ำแต่ร่างเปลือยสองร่างเปียกไปด้วยเหงื่อและน้ำกาม“ป๋าขา...”“เรียกผัวสิ” เขาสั่งอย่างเอาแต่ใจ น้ำรักไหลอาบลำเอ็นทำให้เขายิ่งซอยเอวได้สาแก่ใจ“ผัว...ผัวขา...”เขากระแทกหนักหน่วงขึ้น เสียงเนื้อกระทบเนื้อดัง ตับ ตับ ตับ เคล้ากับเสียงครางกระเส่า ความเสียดเสียวทำให้โพรงสาวร้อนฉ่าเช่นเดียวกับแก่นกายของเขาที่ร้อนระอุจนในที่สุดก็พ่นลาวาออกมาพร้อมกับร่างเล็กที่เกร็งกระตุกเพราะถึงจุดสุดยอดอีกครั้งตรัยภูมิค่อยๆ ถอนแก่นกายออกช้าๆ มองคราบรักที่ไหลออกมา เขาประคองร่างที่ไร้เรี่ย
“อย่าเพิ่งหลับนะ กูแบกคนเมาขึ้นคอนโดไม่ไหว” หญิงสาวแสร้งทำเสียงดุทั้งที่ใจสั่นไหว ขับรถเก๋งคันเล็กมุ่งหน้าสู่คอนโดที่อยู่ไม่ไกลมหาวิทยาลัยนัก เพราะบ้านอยู่ไกลที่เรียน พ่อกับแม่จึงตัดสินใจซื้อคอนโดให้ลูกสาวอยู่ ตั้งใจว่าถ้าลูกเรียนจบก็เอาไว้ปล่อยให้เช่าได้ ถนนยามค่ำคืนรถราไม่มากนักจึงใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่หมาย หญิงสาวจอดรถเรียบร้อยก็หันไปปลดเข็มขัดนิรภัยให้เพื่อน เพราะคิดว่าอีกฝ่ายหลับ แต่เขากลับลืมตามองเธออีกครั้ง “มึงก็ยังดีกับกูเสมอเลยนะ” “พูดอะไรเพ้อเจ้อน่า” น้ำมนต์หันไปหยิบกระเป๋าของตัวเองแล้วลงจากรถ รอจนเพื่อนชายลงมายืนแล้วจึงล็อกรถแล้วเดินนำมาที่ลิฟต์ แต่เห็นท่าทางเดินโซเซทำให้ต้องเดินย้อนกลับมาประคองไหล่ของเพื่อนให้เข้าไปด้านใน “มึงตัวหนักขึ้นอีกหรือเปล่าวะ” หญิงสาวบ่นเพราะรู้สึกว่าเพื่อนตัวหนักขึ้น “เมื่อก่อนหิ้วปีกมึงกูยังหิ้วได้สบาย” “เมื่อก่อนนะ มันสมัยออกค่ายปีหนึ่งไม่ใช่เหรอ” อัคคีหัวเราะแล้วเปลี่ยนมาโยกหัวเพื่อนสาวเล่น ถึงจะเรียนคนละคณะ แต่อยู่ชมรมเดียวกัน ได้ไปทำค่ายอาสาด้วยกันอยู่สองสามครั
อัคคีเรียกเพื่อนเพราะเห็นว่าเงียบไป เขายันตัวขึ้นก้มมองจึงรู้ว่าน้ำมนต์หลับไปแล้ว เอื้อมมือข้ามร่างเล็กไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะเพื่อดูเวลาซึ่งก็เลยเที่ยงคืนมาแล้ว เขาวางโทรศัพท์ลงที่เดิม ก้มมองคนที่นอนเบียดอยู่จึงพบสายตาของเพื่อนสนิทจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว“กูทำมึงตื่นเหรอ” น้ำมนต์สบตากับอัคคี นี่มันคงคิดว่าแฟนเก่าจะส่งข้อความมาหาละมั้งถึงได้วางโทรศัพท์ไว้ห่างมือไม่ได้ เธออ้าปากเหมือนจะพูดแต่เปลี่ยนใจ ขยับตัวนอนหงายแล้วยกมือขึ้นคล้องคออัคคีไว้ เหนี่ยวตัวให้มันก้มลงมาหา แล้วยื่นริมฝีปากไปประกบกับริมฝีปากหยักสวยของชายหนุ่มอัคคีทำตาปริบๆ แต่แรงขบเม้มที่ริมฝีปากทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้ฝันไป น้ำมนต์ผละริมฝีปากอุ่นแล้วพูดเบาๆ“...มึง...โสดแล้วนี่...ก็ทำแบบนี้ได้ใช่ไหม...”ในห้องที่มีเพียงแสงสว่างจากหน้าจอโทรทัศน์ แต่ก็ยังทำให้เห็นแก้มนวลแดงปลั่ง ท่าทีเขินอายดูน่ารักและน่าแทะเล็ม สายตารอคอยทำให้เขาตัดสินใจได้ในทันที“อืม กูโสดแล้ว”ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาโพรงปากของหญิงสาว หัวใจของน้ำมนต์เต้นแรงเมื่อมือใหญ่เลื่อนเสื้อนอนของเธอขึ้นเพื่อลูบไล้หน้าอกอวบอิ่มที่ไร้บราเซียปกปิด เสียงครางหวานห
อัคคีครางอย่างพอใจที่รู้ว่าเพื่อนสาวเสร็จคาลำเอ็นไปแล้ว เขาเปลี่ยนท่าจับเรียวขาลงจากบ่า เรียวขางามรัดเอวไว้ เขาเร่งจังหวะกระแทกสุดๆ น้ำมนต์เด้งเอวรับ เธอเพิ่งเสร็จไปและถูกเขากระหน่ำจวนจะเสร็จไปอีกรอบ ร่องเสียวขมิบบีบรัดแก่นกายที่ผลุบเข้าออกสร้างความเสียวซ่าน เสียงครางของคนสองคนดังผสานกัน มือใหญ่บีบเคล้นหน้าอกอวบอิ่ม ลีลาการกระแทกลำทำให้น้ำมนต์สะบัดหน้าไปมา ร่องรักปล่อยน้ำเสียวออกมามาก ความรู้สึกคับตึงหายไปหมดสิ้น เหลือแต่ความเสียวที่แล่นพล่านไปทั่วร่าง“ไฟ...จะ...จะเสร็จอีกแล้ว”“เสร็จพร้อมกัน กูจะแตกแล้ว อ๊ะ ...”“อร๊ายยย” น้ำมนต์แอ่นกายขึ้นเกร็งกระตุกปับๆๆๆๆเขาโหมแรงเด้าเนินเนื้อไม่ยั้ง บดขยี้โหนกเนื้อที่เปียกชุ่มคราบน้ำรักที่แยกไม่ออกว่าของใคร ก่อนที่จะน้ำแตก เขาชักลำเอ็นออกจากร่องเสียวแล้วใช้มือชักลำเอ็นต่อจนน้ำรักขาวขุ่นพุ่งออกมาเปื้อนเปรอะหน้าท้องของน้ำมนต์ น้ำรักอุ่นร้อนทำให้เธอปรือตาขึ้นมอง เห็นอัคคีแหงนหน้าคำรามอย่างสุขสมขณะที่เธอหอบหายใจจนตัวโยน เขาปรับลมหายใจครู่หนึ่งแล้วโน้มหน้าลงจูบหน้าผากของเธอก่อนจะดึงร่างเปลือยเปล่าเข้ามาไว้ในอ้อมกอด แต่มือไม้ที่เปะที่หน้าอกและ
“ไอ้ไฟ” “พอเห็นหน้ากูยิ้มไม่ออกเลยหรือไง” “มึงมาทำอะไรที่นี่” น้ำมนต์กดเสียงให้เบาลงเกรงว่าจะไปรบกวนคนอื่น แต่เธออยู่ในซอกด้านในแทบไม่มีใครเดินผ่านมา “คนมาห้องสมุดให้มาทำอะไรล่ะ” อัคคีถามยิ้มๆ เริ่มอารมณ์ดีขึ้นที่เห็นใบหน้าหวานแดงระเรื่อ ท่าทางเขินอายอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก ยิ่งดูก็ยิ่งน่ารักยังไงไม่รู้ น้ำมนต์ไม่รู้จะทำหน้ายังไง หลังจากเรื่องคืนนั้น ก็ไม่เคยคุยเรื่องความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นอีก หรือจะว่าไปเธอก็ไม่รู้ว่าจะคุยอะไร มันก็คงเป็นแค่เซ็กส์เท่านั้น ซึ่ง...เวลานั้นอาจ...ต่อให้ไม่ใช่เธอ เขาก็คงมีอะไรกับใครก็ได้ “มีอะไรหรือเปล่า” อัคคีถามอย่างเป็นห่วง แล้วก้มหน้ากระซิบที่ข้างหู “ยังเจ็บอยู่ไหม” “ถามอะไรของมึง” น้ำมนต์ขึงตาใส่ แต่ไม่อาจสะกดไม่ให้ตัวเองหน้าแดง ถึงจะพูดออกมาไม่หมดแต่ก็เข้าใจได้ว่าอัคคีหมายถึงเรื่องอะไร “ก็กูเป็นห่วงนี่”เขาพูดไปตามที่คิด ถึงจะผ่านมาหลายวัน แต่พอนึกถึงคืนนั้น ที่เขาจับร่างอวบอิ่มกินหลายรอบ ตอนเช้าตื่นมาเห็นสภาพอ่อนเพลียจนน่าสงสาร จากเดิมที่คิดว่าจะ
น้ำมนต์ก็อธิบายไม่ถูก แค่รู้สึกแปลกๆ ปกติอัคคีมาห้องเธอไม่กี่ครั้ง ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันแต่เรียนคนละคณะ ก็เจอกันน้อยลง เพียงแค่ยังคุยเล่นผ่านไลน์หรือทักไปที่เฟซบุ๊คอยู่เสมอ แล้วเธอก็เจ็บทุกครั้งที่เห็นมันลงรูปคู่กับแฟน“เป็นไรไปอยู่ดีๆก็เงียบ”“เปล่า” น้ำมนต์ส่ายหน้า “แล้วมึงล่ะเป็นยังไง คราวนี้ง้อแฟนด้วยอะไร”อัคคีหน้าตึงขึ้นมาทันที “ทำไมกูต้องง้อเขาด้วย”“ทุกทีมึงง้อเขานี่” น้ำมนต์ทำหน้าเบื่อหน่อย “ซื้อกระเป๋าถือให้ รองเท้าใหม่ นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ น้ำหอม เครื่องสำอาง...”“พอๆ มึงไม่ต้องรื้อฟื้นแล้ว” อัคคีกุมขมับ นี่เขาเป็นบ้าไปจริงๆ ทำไมต้องทุมเทให้ผู้หญิงที่ไม่ได้จริงใจกับเขาขนาดนี้“ดูมึงซื้อให้กูดิ แคนตาลูป แตงโม แก้วมังกร มะม่วงดอง ฝรั่งแช่บ๊วย”“แล้วมึงอยากได้อะไร กูซื้อให้ก็ได้”“แล้วมึงจะมาซื้อของให้กูทำไม วันเกิดกูก็เลยมาแล้วด้วย”“อ้าว...ทำไมมึงไม่บอกกู”“แล้วทำไมกูต้องบอกมึง” น้ำมนต์เบ้ปากใส่ “เพื่อนกันลืมวันเกิดกันก็ไม่ตายหรอก”“เป็นเพื่อนกันยิ่งต้องห้ามลืมวันเกิด” อัคคีรู้สึกผิดไม่น้อย “วันเกิดกู มึงยังจำได้”‘เพราะเป็นคนสำคัญไง’แต่น้ำมนต์ไม่ได้พูดอย่างที่คิ
หน้าตึกคณะ “ไม่ต้องมารับก็ได้” น้ำมนต์บ่นจ้องหน้าคนที่ยืนรออยู่หน้าคณะ เพื่อนคนอื่นๆของน้ำมนต์ต่างพากันหัวเราะคิกคัก พวกเขาเห็นทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกันมานาน พอรู้ว่าตกลงเป็นแฟนกันก็อดหยอกล้อกันไม่ได้ “ก็เป็นแฟนไงถึงต้องมารับ” เพื่อนคนอื่นแซวแล้วแกล้งผลักไหล่น้ำมนต์ให้เข้าไปใกล้อัคคี “ไปเถอะๆ พวกเราจะกลับแล้วเหมือนกัน” “อื้ม” อัคคีส่งยิ้มให้เพื่อนของน้ำมนต์แล้วหันมาสบตากับ...เอ่อ..แฟนหมาดๆ ของตัวเอง “ทำไมไม่อยากให้มารับ หรือกลัวคนอื่นรู้ว่าเราคบกัน หรือว่าแอบมีใครอีก” “ละเทอะน่า” น้ำมนต์ส่ายหน้าไปมา “ก็เรียนคนละคณะอยู่คนละฟากเลย เลิกเรียนก็ไม่ตรงกัน ไหนจะมีกิจกรรมอีก ไม่ต้องมาเทียวรับเทียวส่งก็ได้ คุยกันเหมือนเดิมนั้นแหละ อีกอย่างกูขับรถมา มึงจะขับรถตามกูอีกเหรอ” “งั้นคราวหน้ากูขับรถไปรับมึงมาเรียนดีไหม แล้วตอนกลับกูก็จะได้ไปส่งมึงไง” “ไอ้ไฟ กูไม่ได้เป็นง่อย” บ่นแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ “มึงเองก็งานเยอะนี่ ปีสามแล้ว แล้ว...ตอนดึกมึงก็มาหากูอยู่แล้วนี่” ท้ายประโยคเสียงแผ่วเบาแถมแก้มยังแดงเรื่อ
“อื้ม! มีต้มแซ่บกระดูกอ่อนเป็นพยานไง” อัคคีทำหน้าจริงจัง “กูชอบมึง ชอบเวลาอยู่กับมึง ชอบที่มึงเป็นตัวเองแบบนี้ด้วย” “มาพูดแบบนี้ก็เขินแย่” น้ำมนต์อายจึงเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินอาหารของตัวเอง “กินเยอะๆ” อัคคีใช้ส้อมจิ้มเสื้อร้องไห้วางใส่จานของน้ำมนต์ “จะได้มีแรง” “แรง? แรงอะไร” “มาถึงนี่แล้วก็ขึ้นห้องกูไง” “ไอ้ลามก” “มึงก็เอาของใช้เสื้อผ้าของมึงมาไว้ห้องกูบ้างก็ได้” อัคคีกลับมาพูดเหมือนเดิม “กูก็เอาเสื้อผ้าของกูไว้ห้องมึงไง” “เอางั้นก็ได้”“หรือไม่ก็ย้ายมาอยู่ด้วยกัน” “บ้าสิ พ่อแม่รู้ได้ด่าตาย” “พ่อแม่มึงน่ารักจะตาย ตอนนั้นกูไปบ้านมึงยังทำกับข้าวให้กูกิน เรียกกูลูกทุกคำเลย” “พ่อแม่กูเรียกเพื่อนกูว่าลูกทุกคน” “ก็อีกหน่อยก็เป็นลูกเขยไง” “มึงนี่...” “กูจริงจังแล้วก็จริงใจด้วย” เขายิ้ม “สาบานต่อหน้าตำหอยแครงเลย” “อย่าพูดเล่น” น้ำมนต์ทำตาดุใส่ “กูไม่อยากเล่นกับไฟ” “มึงก็เป็นน้ำ น้ำก็คู่กับไฟ” เขาพูดไ
หน้าตึกคณะ “ไม่ต้องมารับก็ได้” น้ำมนต์บ่นจ้องหน้าคนที่ยืนรออยู่หน้าคณะ เพื่อนคนอื่นๆของน้ำมนต์ต่างพากันหัวเราะคิกคัก พวกเขาเห็นทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกันมานาน พอรู้ว่าตกลงเป็นแฟนกันก็อดหยอกล้อกันไม่ได้ “ก็เป็นแฟนไงถึงต้องมารับ” เพื่อนคนอื่นแซวแล้วแกล้งผลักไหล่น้ำมนต์ให้เข้าไปใกล้อัคคี “ไปเถอะๆ พวกเราจะกลับแล้วเหมือนกัน” “อื้ม” อัคคีส่งยิ้มให้เพื่อนของน้ำมนต์แล้วหันมาสบตากับ...เอ่อ..แฟนหมาดๆ ของตัวเอง “ทำไมไม่อยากให้มารับ หรือกลัวคนอื่นรู้ว่าเราคบกัน หรือว่าแอบมีใครอีก” “ละเทอะน่า” น้ำมนต์ส่ายหน้าไปมา “ก็เรียนคนละคณะอยู่คนละฟากเลย เลิกเรียนก็ไม่ตรงกัน ไหนจะมีกิจกรรมอีก ไม่ต้องมาเทียวรับเทียวส่งก็ได้ คุยกันเหมือนเดิมนั้นแหละ อีกอย่างกูขับรถมา มึงจะขับรถตามกูอีกเหรอ” “งั้นคราวหน้ากูขับรถไปรับมึงมาเรียนดีไหม แล้วตอนกลับกูก็จะได้ไปส่งมึงไง” “ไอ้ไฟ กูไม่ได้เป็นง่อย” บ่นแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ “มึงเองก็งานเยอะนี่ ปีสามแล้ว แล้ว...ตอนดึกมึงก็มาหากูอยู่แล้วนี่” ท้ายประโยคเสียงแผ่วเบาแถมแก้มยังแดงเรื่อ
น้ำมนต์ก็อธิบายไม่ถูก แค่รู้สึกแปลกๆ ปกติอัคคีมาห้องเธอไม่กี่ครั้ง ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันแต่เรียนคนละคณะ ก็เจอกันน้อยลง เพียงแค่ยังคุยเล่นผ่านไลน์หรือทักไปที่เฟซบุ๊คอยู่เสมอ แล้วเธอก็เจ็บทุกครั้งที่เห็นมันลงรูปคู่กับแฟน“เป็นไรไปอยู่ดีๆก็เงียบ”“เปล่า” น้ำมนต์ส่ายหน้า “แล้วมึงล่ะเป็นยังไง คราวนี้ง้อแฟนด้วยอะไร”อัคคีหน้าตึงขึ้นมาทันที “ทำไมกูต้องง้อเขาด้วย”“ทุกทีมึงง้อเขานี่” น้ำมนต์ทำหน้าเบื่อหน่อย “ซื้อกระเป๋าถือให้ รองเท้าใหม่ นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ น้ำหอม เครื่องสำอาง...”“พอๆ มึงไม่ต้องรื้อฟื้นแล้ว” อัคคีกุมขมับ นี่เขาเป็นบ้าไปจริงๆ ทำไมต้องทุมเทให้ผู้หญิงที่ไม่ได้จริงใจกับเขาขนาดนี้“ดูมึงซื้อให้กูดิ แคนตาลูป แตงโม แก้วมังกร มะม่วงดอง ฝรั่งแช่บ๊วย”“แล้วมึงอยากได้อะไร กูซื้อให้ก็ได้”“แล้วมึงจะมาซื้อของให้กูทำไม วันเกิดกูก็เลยมาแล้วด้วย”“อ้าว...ทำไมมึงไม่บอกกู”“แล้วทำไมกูต้องบอกมึง” น้ำมนต์เบ้ปากใส่ “เพื่อนกันลืมวันเกิดกันก็ไม่ตายหรอก”“เป็นเพื่อนกันยิ่งต้องห้ามลืมวันเกิด” อัคคีรู้สึกผิดไม่น้อย “วันเกิดกู มึงยังจำได้”‘เพราะเป็นคนสำคัญไง’แต่น้ำมนต์ไม่ได้พูดอย่างที่คิ
“ไอ้ไฟ” “พอเห็นหน้ากูยิ้มไม่ออกเลยหรือไง” “มึงมาทำอะไรที่นี่” น้ำมนต์กดเสียงให้เบาลงเกรงว่าจะไปรบกวนคนอื่น แต่เธออยู่ในซอกด้านในแทบไม่มีใครเดินผ่านมา “คนมาห้องสมุดให้มาทำอะไรล่ะ” อัคคีถามยิ้มๆ เริ่มอารมณ์ดีขึ้นที่เห็นใบหน้าหวานแดงระเรื่อ ท่าทางเขินอายอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก ยิ่งดูก็ยิ่งน่ารักยังไงไม่รู้ น้ำมนต์ไม่รู้จะทำหน้ายังไง หลังจากเรื่องคืนนั้น ก็ไม่เคยคุยเรื่องความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นอีก หรือจะว่าไปเธอก็ไม่รู้ว่าจะคุยอะไร มันก็คงเป็นแค่เซ็กส์เท่านั้น ซึ่ง...เวลานั้นอาจ...ต่อให้ไม่ใช่เธอ เขาก็คงมีอะไรกับใครก็ได้ “มีอะไรหรือเปล่า” อัคคีถามอย่างเป็นห่วง แล้วก้มหน้ากระซิบที่ข้างหู “ยังเจ็บอยู่ไหม” “ถามอะไรของมึง” น้ำมนต์ขึงตาใส่ แต่ไม่อาจสะกดไม่ให้ตัวเองหน้าแดง ถึงจะพูดออกมาไม่หมดแต่ก็เข้าใจได้ว่าอัคคีหมายถึงเรื่องอะไร “ก็กูเป็นห่วงนี่”เขาพูดไปตามที่คิด ถึงจะผ่านมาหลายวัน แต่พอนึกถึงคืนนั้น ที่เขาจับร่างอวบอิ่มกินหลายรอบ ตอนเช้าตื่นมาเห็นสภาพอ่อนเพลียจนน่าสงสาร จากเดิมที่คิดว่าจะ
อัคคีครางอย่างพอใจที่รู้ว่าเพื่อนสาวเสร็จคาลำเอ็นไปแล้ว เขาเปลี่ยนท่าจับเรียวขาลงจากบ่า เรียวขางามรัดเอวไว้ เขาเร่งจังหวะกระแทกสุดๆ น้ำมนต์เด้งเอวรับ เธอเพิ่งเสร็จไปและถูกเขากระหน่ำจวนจะเสร็จไปอีกรอบ ร่องเสียวขมิบบีบรัดแก่นกายที่ผลุบเข้าออกสร้างความเสียวซ่าน เสียงครางของคนสองคนดังผสานกัน มือใหญ่บีบเคล้นหน้าอกอวบอิ่ม ลีลาการกระแทกลำทำให้น้ำมนต์สะบัดหน้าไปมา ร่องรักปล่อยน้ำเสียวออกมามาก ความรู้สึกคับตึงหายไปหมดสิ้น เหลือแต่ความเสียวที่แล่นพล่านไปทั่วร่าง“ไฟ...จะ...จะเสร็จอีกแล้ว”“เสร็จพร้อมกัน กูจะแตกแล้ว อ๊ะ ...”“อร๊ายยย” น้ำมนต์แอ่นกายขึ้นเกร็งกระตุกปับๆๆๆๆเขาโหมแรงเด้าเนินเนื้อไม่ยั้ง บดขยี้โหนกเนื้อที่เปียกชุ่มคราบน้ำรักที่แยกไม่ออกว่าของใคร ก่อนที่จะน้ำแตก เขาชักลำเอ็นออกจากร่องเสียวแล้วใช้มือชักลำเอ็นต่อจนน้ำรักขาวขุ่นพุ่งออกมาเปื้อนเปรอะหน้าท้องของน้ำมนต์ น้ำรักอุ่นร้อนทำให้เธอปรือตาขึ้นมอง เห็นอัคคีแหงนหน้าคำรามอย่างสุขสมขณะที่เธอหอบหายใจจนตัวโยน เขาปรับลมหายใจครู่หนึ่งแล้วโน้มหน้าลงจูบหน้าผากของเธอก่อนจะดึงร่างเปลือยเปล่าเข้ามาไว้ในอ้อมกอด แต่มือไม้ที่เปะที่หน้าอกและ
อัคคีเรียกเพื่อนเพราะเห็นว่าเงียบไป เขายันตัวขึ้นก้มมองจึงรู้ว่าน้ำมนต์หลับไปแล้ว เอื้อมมือข้ามร่างเล็กไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะเพื่อดูเวลาซึ่งก็เลยเที่ยงคืนมาแล้ว เขาวางโทรศัพท์ลงที่เดิม ก้มมองคนที่นอนเบียดอยู่จึงพบสายตาของเพื่อนสนิทจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว“กูทำมึงตื่นเหรอ” น้ำมนต์สบตากับอัคคี นี่มันคงคิดว่าแฟนเก่าจะส่งข้อความมาหาละมั้งถึงได้วางโทรศัพท์ไว้ห่างมือไม่ได้ เธออ้าปากเหมือนจะพูดแต่เปลี่ยนใจ ขยับตัวนอนหงายแล้วยกมือขึ้นคล้องคออัคคีไว้ เหนี่ยวตัวให้มันก้มลงมาหา แล้วยื่นริมฝีปากไปประกบกับริมฝีปากหยักสวยของชายหนุ่มอัคคีทำตาปริบๆ แต่แรงขบเม้มที่ริมฝีปากทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้ฝันไป น้ำมนต์ผละริมฝีปากอุ่นแล้วพูดเบาๆ“...มึง...โสดแล้วนี่...ก็ทำแบบนี้ได้ใช่ไหม...”ในห้องที่มีเพียงแสงสว่างจากหน้าจอโทรทัศน์ แต่ก็ยังทำให้เห็นแก้มนวลแดงปลั่ง ท่าทีเขินอายดูน่ารักและน่าแทะเล็ม สายตารอคอยทำให้เขาตัดสินใจได้ในทันที“อืม กูโสดแล้ว”ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาโพรงปากของหญิงสาว หัวใจของน้ำมนต์เต้นแรงเมื่อมือใหญ่เลื่อนเสื้อนอนของเธอขึ้นเพื่อลูบไล้หน้าอกอวบอิ่มที่ไร้บราเซียปกปิด เสียงครางหวานห
“อย่าเพิ่งหลับนะ กูแบกคนเมาขึ้นคอนโดไม่ไหว” หญิงสาวแสร้งทำเสียงดุทั้งที่ใจสั่นไหว ขับรถเก๋งคันเล็กมุ่งหน้าสู่คอนโดที่อยู่ไม่ไกลมหาวิทยาลัยนัก เพราะบ้านอยู่ไกลที่เรียน พ่อกับแม่จึงตัดสินใจซื้อคอนโดให้ลูกสาวอยู่ ตั้งใจว่าถ้าลูกเรียนจบก็เอาไว้ปล่อยให้เช่าได้ ถนนยามค่ำคืนรถราไม่มากนักจึงใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่หมาย หญิงสาวจอดรถเรียบร้อยก็หันไปปลดเข็มขัดนิรภัยให้เพื่อน เพราะคิดว่าอีกฝ่ายหลับ แต่เขากลับลืมตามองเธออีกครั้ง “มึงก็ยังดีกับกูเสมอเลยนะ” “พูดอะไรเพ้อเจ้อน่า” น้ำมนต์หันไปหยิบกระเป๋าของตัวเองแล้วลงจากรถ รอจนเพื่อนชายลงมายืนแล้วจึงล็อกรถแล้วเดินนำมาที่ลิฟต์ แต่เห็นท่าทางเดินโซเซทำให้ต้องเดินย้อนกลับมาประคองไหล่ของเพื่อนให้เข้าไปด้านใน “มึงตัวหนักขึ้นอีกหรือเปล่าวะ” หญิงสาวบ่นเพราะรู้สึกว่าเพื่อนตัวหนักขึ้น “เมื่อก่อนหิ้วปีกมึงกูยังหิ้วได้สบาย” “เมื่อก่อนนะ มันสมัยออกค่ายปีหนึ่งไม่ใช่เหรอ” อัคคีหัวเราะแล้วเปลี่ยนมาโยกหัวเพื่อนสาวเล่น ถึงจะเรียนคนละคณะ แต่อยู่ชมรมเดียวกัน ได้ไปทำค่ายอาสาด้วยกันอยู่สองสามครั
เสียงหวานครางสุดเสียงร่องรักขยิบรัวทำให้ตรัยภูมิคำรามไปด้วย เขาถอนแก่นกายออกจากร่องสวาท น้ำเมือกวาวใสอาบลำเอ็นเปียกชุ่ม ชายหนุ่มลงไปยืนข้างเตียงแล้วจับข้อเท้าของแพรวา ดึงร่างเล็กมาที่ขอบเตียง แยกเรียวขาออกกว้างจนเห็นกลีบเนื้อสีอ่อนที่บวมแดงเพราะถูกบดขยี้ แพรวากัดริมฝีปาก เวลานี้เธอไม่สนใจว่าอีกด้านของผนักกระจกจะนัวเนียสลับคู่กันขนาดไหน แต่เวลานี้เธอมีแต่เขาเท่านั้นหนุ่มใหญ่จับเอวคอดไม่ให้หลบหนีแล้วเสียบลำเอ็นเข้าไปจนมิดด้าม หญิงสาวขย้ำหน้าอกตัวเองพลางส่งเสียงเผ็ดร้อนออกมา เขากระแทกลำเอ็นจนร่างเล็กสั่นไหว ในห้องแอร์ที่เย็นฉ่ำแต่ร่างเปลือยสองร่างเปียกไปด้วยเหงื่อและน้ำกาม“ป๋าขา...”“เรียกผัวสิ” เขาสั่งอย่างเอาแต่ใจ น้ำรักไหลอาบลำเอ็นทำให้เขายิ่งซอยเอวได้สาแก่ใจ“ผัว...ผัวขา...”เขากระแทกหนักหน่วงขึ้น เสียงเนื้อกระทบเนื้อดัง ตับ ตับ ตับ เคล้ากับเสียงครางกระเส่า ความเสียดเสียวทำให้โพรงสาวร้อนฉ่าเช่นเดียวกับแก่นกายของเขาที่ร้อนระอุจนในที่สุดก็พ่นลาวาออกมาพร้อมกับร่างเล็กที่เกร็งกระตุกเพราะถึงจุดสุดยอดอีกครั้งตรัยภูมิค่อยๆ ถอนแก่นกายออกช้าๆ มองคราบรักที่ไหลออกมา เขาประคองร่างที่ไร้เรี่ย
“ใจเย็นๆหนูแพร เพิ่งเริ่มเอง”เขาหัวเราะในลำคอแล้วเบี่ยงกางเกงชั้นในตัวน้อยออกไปเพื่อสอดใส่แท่งสีชมพูให้มันสั่นในโพรงสวาท มือเรียวเล็กจิกที่โซฟา ดวงตาคู่หวานจ้องมองภาพเบื้องหน้า สาวสวยหุ่นเร้าใจ สองมือประคองหน้าอกอวบใหญ่เข้าหาจนปลายถันเสียดสีกันไปมา ตรัยภูมิใช้อีกมือที่ว่างขย้ำหน้าอกให้แพรวา หญิงสาวเสียวซ่านได้แต่ครางกระเส่า ร่องรักหลั่งน้ำหวานออกมามาก แพรวาไม่เหลือความอดทนใดๆอีก เธอยกสะโพกขึ้นรับจังหวะจ้วงแทงแท่งสีชมพู สายตาของเธอมองสองสาวที่อยู่หลังบานกระจกใช้แท่งเสียวเสียบในร่องรักของกันและกัน ช่วยกันกระแทกดุ้นสวาทขณะจูบปากแลกลิ้น “อา ซี๊ดดด คุณป๋า หนูแพรจะแตก...อ๊า”เธอหวีดร้องเมื่อถูกเขาปรนเปรอจนน้ำแตก ร่างกายเกร็งกระตุกคาแท่งสีชมพู ริมฝีปากอิ่มเผยอขึ้น ตรัยภูมิไม่รอช้าโน้มหน้าลงจูบกลีบปากหวานฉ่ำ เธอจูบตอบเล่นลิ้นอย่างเร้าร้อน มือใหญ่เลื่อนรูดซิปชุดเดรสของเธอลงเพื่อให้ชุดกระโปรงสีไวน์แดงออกไปพ้นร่าง หน้าอกคู่สวยมีจุกปิดปลายถันอยู่ เขาจัดการมันออกแล้วบี้ปลายถันเล่นทำให้ร่างอรชนบิดเร้าไปมา เธอเสียวซ่านจนต้องขย้ำต้นขาใหญ่ของเขา “ป๋าขา...ใส่เถอะ หนูแพรอยาก