ภูวริษแยกกับฉัตรญาดาที่หน้าร้านอาหารจากนั้นเขาก็โทรศัพท์นัดให้ภคชนท์ออกมาเจอที่ร้านของกษิเดช ชายหนุ่มเล่าเรื่องที่คุยกับฉัตรญาดาให้เพื่อนฟังมันยิ่งสร้างความสับสนให้กับภคชนท์เอามากๆ
“ตลอดหนึ่งปีที่ฉันอยู่ในสถานพินิจฉันคิดมาตลอดว่าคนที่เขียนจดหมายมาให้กำลังใจฉันคือรวี” ภคชนท์รู้สึกผิดหวังอีกครั้งเพราะเขาคิดมาตลอดว่าถึงแม้ฉัตรรวีจะขาดการติดต่อไปแต่อย่างน้อยในช่วงหนึ่งเธอก็ยังไม่ลืมเขา
“นายคิดไหมว่าคุณญาดาจะโกหก” ภูวริษถามเพื่อนเพราะเขาไม่เคยรู้จักทั้งฉัตรรวีและฉัตรญาดาแบบสนิทสนมมาก่อน
“ญาดาจะโกหกทำไมล่ะ ในเมื่อเธอไม่รู้ว่ากำลังคุยอยู่กับใครนายรู้ไหมภู ถ้าไม่มีจดหมายพวกนั้นฉันก็คงท้อและทิ้งการเรียนไปแล้ว”
“ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้นายจะเอายังไงต่อล่ะ ฉันว่าคนที่นายรู้สึกดีด้วยอาจจะเป็นคุณญาดานะ นายบอกฉันเองนี่ว่าเวลาออกไปไหนก็มักจะไปกันสามคนนะ”
“มันก็ใช่นะแต่คนที่ฉันชอบตอนนั้นก็คือรวีจริงๆ” ภคชนท์นึกย้อนไปเมื่อสิบปีก่อนขณะที่เขาเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
วันปัจฉิมนิเทศ
วันสุดท้ายแล้วนะไอ้วัชร์ถ้ามึงไม่บอกพี่เขาวันนี้มึงก็ไม่มีโอกาสแล้วนะภูวริษในวัย 17 ปีคะยั้นคะยอให้เพื่อนไปสารภาพความรู้สึกกับรุ่นพี่ที่แอบชอบมานาน
“แต่มีคนเอาดอกไม้มาให้พี่รวีเยอะเลยนะ”
“กลัวอะไรล่ะคนอื่นให้ได้นายก็ให้ได้ นายน่ะเป็นนักบาสของโรงเรียนมีสาวๆ หลายคนแอบชอบนะ นายมั่นใจในตัวเองหน่อยสิเอาดอกไม้กับตุ๊กตาหมีไปให้เขาเลย”
ภคชนท์หรือวีรวัชร์ในวัย 17 ปีสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะเดินตรงไปยังรุ่นพี่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เขาแอบชอบ
“พี่วัชร์เอาดอกไม้มาให้พี่รวีเหรอคะ” ฉัตรญาดาเห็นพี่ชายข้างบ้านเดินถือดอกไม้มาก็รีบทักทาย
“อืม” เขาตอบน้องสาวของฉัตรรวีแล้วเดินตรงไปหาเธอ”
“ยินดีด้วยนะครับพี่รวี” เด็กหนุ่มส่งดอกไม้กับตุ๊กตาหมีตัวโตให้กับรุ่น
“พี่ขอบใจนะ” ฉัตรรวียิ้มแล้วรับดอกไม้กับตุ๊กตามาถือไว้
“ถ่ายรูปคู่กับพี่รวีไหมพี่วัชร์ เดี๋ยวญาดาถ่ายให้” ฉัตรญาดาตะโกนถาม
“ได้ไหมครับพี่รวี” วีรวัชร์หันมาถามเธอด้วยความเกรงใจ
“ได้สิ”
ทั้งสองคนยืนถ่ายรูปด้วยกันก่อนที่คนอื่นจะเข้ามาแสดงความยินดีกับฉัตรรวีต่อทำให้วีรวัชร์ต้องเดินถอยออกมา แต่เขาก็ไม่ไปไหนไกลเพราะอยากจะรอให้ทุกคนกลับไปก่อนและจะเข้าไปคุยกับเธออีกครั้ง
ตอนนี้หลายคนกำลังทยอยกลับบ้านฉัตรญาดากำลังช่วยพี่สาวรวบรวมช่อดอกไม้และของขวัญรวมถึงตุ๊กตาใส่ถุงใบใหญ่
“ญาดาเก็บของไปก่อนนะพี่ขอไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวมา”
“ค่ะพี่รวี”
เมื่อฉัตรรวีเดินแยกออกมาวีรวัชร์ก็สบโอกาสที่จะเข้ามาคุยกับเธอตามลำพัง
“พี่นึกว่ากลับไปแล้ว”
“ยังครับพี่รวีผมมีอะไรจะคุยกับพี่นิดหน่อย”
“ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนรอพี่อยู่ตรงนี้เดี๋ยวกลับมา”
“เอาล่ะจะคุยอะไรเหรอ” ฉัตรรวีถามเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่ยืนรออยู่
เด็กหนุ่มมองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นมีคนอื่นเขาก็รวบรวมความกล้าอีกครั้งก่อนจะพูดออกไป
“ผมชอบพี่ครับ”
“อะไรนะวัชร์”
“ผมบอกว่าผมชอบพี่ ผมรู้ว่าพี่ไม่มีแฟนเรามาคบกันไหม” เขาพูดในสิ่งที่ซ้อมกับตัวเองมาหลายวัน
“พูดจริงเหรอ” ฉัตรรวีตกใจที่เด็กหนุ่มข้างบ้านมาสารภาพรักเพราะเธอกับเขาก็สนิทกันมานานแต่ไม่เคยรู้ความรู้สึกของรุ่นน้องคนนี้มาก่อน
“จริงครับ”
“ทำไมถึงชอบพี่ล่ะ” เธอมองรุ่นน้องและเห็นว่าเขาไม่น่าจะพูดเล่น
“ก็พี่รวีทั้งสวยทั้งเก่งมีใครบ้างเหรอครับที่ไม่ชอบพี่”
คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้ฉัตรรวียิ้ม วีรวัชร์ไม่ใช่คนแรกที่มาพูดกับเธอแบบนี้แต่เธอไม่เคยตอบตกลงคบกับใครเลยเพราะทุ่มเทให้กับการเรียนมาตลอด แต่ในเมื่อตอนนี้เธอเรียนจบแล้วก็เลยอยากจะลองคบใครสักคนดูเพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอมหาวิทยาลัยเปิด
ฉัตรรวีคิดว่าการคบกับวีรวัชร์ก็คงไม่มีอะไรเสียหายเพราะเดิมทีก็สนิทสนมกันอยู่แล้ว
“ถ้าอยากจะคบกันจริงก็ห้ามเรียกพี่ตกลงไหมล่ะ”
“พี่รวีจะคบกับผมจริงๆ เหรอครับ”
“นั่นไงยังเรียกพี่อยู่เลย”
“รวีจะคบกับผมจริงๆ เหรอครับ”
“แล้วอยากให้มันเป็นความจริงไหมล่ะ”
“อยากครับอยากที่สุดเลย”
“ถ้างั้นก็ตกลงแต่รวีมีข้อแม้นะ”
“อะไรครับ”
“ระหว่างคบกันเราจะบอกคนอื่นให้รู้ไม่ได้”
“แล้วเราจะบอกคนอื่นได้ตอนไหนล่ะ”
“ก็ตอนที่เราโตกว่านี้ก่อนไง ขืนเราบอกพ่อกับแม่ว่าเราแอบคบกันเขาคงห้ามแล้วยายของวัชร์เองก็คงจะตกใจแน่”
“เอาอย่างนั้นก็ได้”
เมื่อตกลงกันได้แล้ววีรวัชร์ก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่ารุ่นพี่ที่แอบชอบจะตกตกลงง่ายๆ แบบนี้
“พี่วัชร์ยังไม่กลับเหรอ” เสียงหนึ่งดังทักทายเมื่อเขาเดินคู่มากับฉัตรรวี
“อือ แล้วญาดาจะกลับยังไง”
“ก็คงนั่งรถสองแถวนั่นแหละ”
“ของเยอะแยะแบบนี้นั่งรถสองแถวจะสะดวกเหรอให้พี่ไปส่งดีไหมญาดา”
“แล้วจะไปกันยังไงล่ะตั้งสามคนไหนจะของพะรุงพะรังอีก”
“ก็ให้พี่ไปส่งญาดาก่อนแล้วค่อยกลับมารับรวีส่วนของก็ช่วยกันถือไปดีไหมล่ะ”
ฉัตรญาดามองไปทางพี่สาวเมื่อเห็นเธอพยักหน้าก็ถือของเดินตามวีรวัชร์ไปยังลานจอดรถจักรยานยนต์ที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้
“พี่วัชร์ใจดีแปลกๆ แล้วยังเรียกพี่รวีว่ารวีเฉยๆ อีกมีอะไรที่ญาดาไม่รู้หรือเปล่า”
“เปล่านี่”
“ไม่มีอะไรแน่นะ”
“อย่าถามเซ้าซี้เลยน่าญาดา รีบขึ้นมาเถอะพี่ไม่อยากให้รวีรอนาน”
ระยะทางระหว่างบ้านของทั้งสองกับโรงเรียนไม่ได้ไกลมากเท่าไหร่ วีรวัชร์ใช้เวลาไม่นานก็จอดรถส่งฉัตรญาดาที่หน้าบ้านก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ไปรับฉัตรรวีที่โรงเรียนอีกครั้ง
“รอนานไหมไม่นานหรอก”
“หิวหรือเปล่ารวี”
“ทั้งเหนื่อยมากๆ เลยแหละ”
“เราไปหาอะไรกินกันก่อนกลับบ้านดีไหม”
“ไม่ได้หรอกถ้ากลับค่ำเดี๋ยวแม่จะว่าเอา”
“แต่ผมอยากฉลองให้รวี”
“เราไปฉลองกันวันอื่นก็ได้นะวัชร์วันนี้มันค่ำแล้วรวีไม่อยากโดนแม่ดุ”
“เอาอย่างงั้นก็ได้ตกลงว่ารวีรับนัดผมแล้วนะ”
“อืมแต่จะเป็นวันไหนเดี๋ยวรวีจะบอกนะ”
“ผมขอไลน์ของรวีได้ไหมล่ะ”
“ได้สิ”
ทั้งสองแลกไลน์กันก่อนที่ฉัตรรวีจะซ้อนรถจักรยานยนต์ของชายหนุ่มกลับมาที่บ้าน
“ขอบใจมากนะวัชร์”
“คืนนี้ผมโทรหาได้ไหมรวีนอนห้องเดียวกับญาดาหรือเปล่า”
“เปล่าเรานอนกันคนละห้อง”
“ดึกๆ ผมโทรหานะ ผมอยากคุยกับรวี”
“ได้สิ รวีขอเข้าบ้านก่อนนะ ขอบใจมากนะวัชร์” หญิงสาวโบกมือให้เขาก่อนจะเดินเข้าบ้าน
วีรวัชร์จูงรถจักรยานจากหน้าบ้านของหญิงสาวเข้ามาในบ้านของตนเองซึ่งตอนนี้คุณยายกำลังทำกับข้าวรออยู่แล้ว
“กลับค่ำเลยนะวัชร์ไปไหนมาเหรอลูก”
“วันนี้ที่โรงเรียนมีงานปัจฉิมครับยายผมก็เลยอยู่ร่วมงาน”
“แต่ยายเห็นเราขับรถเข้ามาในซอยแล้วครั้งหนึ่งนะ”
“ผมมาส่งญาดาแล้วก็กลับไปรับรวี”
“นี่หนูรวีเธอเรียนจบ ม. 6 แล้วใช่ไหมล่ะ”
“ใช่ครับคุณยาย”
“เธอจะไปเรียนต่อที่ไหนรู้หรือเปล่า”
“ยังไม่รู้เลยครับเห็นว่ากำลังดูอยู่”
“เราเองก็เหลืออีกปีเดียวที่จะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วนะตั้งใจเรียนหน่อยล่ะ จบแล้วจะได้ไปต่อมหาวิทยาลัยที่ตัวเองตั้งใจไว้”
“ครับคุณยาย ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับยายเดี๋ยวจะออกมากินข้าวด้วย”
“ได้จ้ะวัชร์อาบน้ำเสร็จกับข้าวนี้ก็น่าจะทำเสร็จพอดี”
“คุยกับแม่แล้วใช่ไหมญาดา”“ค่ะญาดาบอกแม่แล้วแม่จะรีบกลับมาพรุ่งนี้ค่ะ แล้วบอสคุยกับพี่โอปอแล้วพี่เขาเป็นยังไงบ้างเขา”“ก็ยังร้องไห้อยู่คงกลัวจะติดคุกนั่นแหละ”“ญาดาขอไปคุยกับพี่ก่อนได้ไหม”“ได้สิผมนั่งรอตรงโน้นนะ”“ค่ะ”ฉัตรญาดาเดินไปหาพี่สาวที่นั่งร้องไห้อยู่ภายในลูกกรง“พี่โอปอเป็นยังไงบ้าง”“ญาดาเธอรู้มั้ยว่าผู้ชายที่เป็นเจ้านายเธอน่ะก็คือวีรวัชร์”“เขาบอกพี่โอปอแบบนั้นเหรอคะ”“ใช่เขาเพิ่งบอกพี่เมื่อกี้ ที่เขาเข้ามาในชีวิตพวกเราก็เพื่ออยากจะทำลายครอบครัวของเรา”“ญาดารู้ค่ะว่าเขาคือพี่วัชร์”“เธอรู้แต่ทำไมเธอไม่บอกพี่”“ก็เขาไม่ให้บอกนี่คะ”“แล้วเธอก็ทำตามเขาอย่างงั้นเหรอ”“ที่ญาดาทำตามที่เขาบอกก็เพราะญาดารู้สึกสงสารและเห็นใจที่เขาต้องมารับโทษแทนพี่”“เธอกำลังถูกเขาหลอกใช้ได้นะญาดาเขาเห็นเธอแค่เป็นทางผ่านเพื่อมาแก้แค้นพี่เท่านั้นแหละ”“ญาดาขอโทษ”“เธอรู้เหรอว่าเขาจะแก้แค้น”“ญาดารู้ค่ะว่าเขาจะแก้แค้นพี่เขาบอกญาดาแล้วและที่เขานัดออกมาเจอวันนี้ก็เพื่อจะบอกความจริงทุกอย่าง แต่เรื่องมันก็เกิดขึ้นมาเสียก่อน ญาดาขอโทษนะคะที่บอกพี่ช้าไปทำเลยให้พี่กับพี่อาร์ทต้องทะเลาะกัน”“พี่เพิ่งรู้นะว่า
“บอสคะญาดาว่าถ้าบอสจะคุยกับพี่โอปอ บอสน่าจะคุยกันตามลำพังนะไม่น่าจะต้องพาญาดามาด้วยเลย” หญิงสาวนั่งบ่นหลังจากเขาไปรับเธอที่คอนโดเพื่อมายังร้านอาหารที่นัดกับลดาภัสน์“ไว้ก็ผมบริสุทธิ์ใจนี่ ผมอยากให้ญาดารู้ว่าผมคุยอะไรกับพี่สาวคุณบ้างและเราจบกันจริงๆ”“แต่ญาดากลัวพี่โอปอโกรธ”“ผมรู้ว่าเขาจะต้องโกรธมาก แต่ถ้าเราไม่พูดตอนนี้เรื่องมันก็จะไปกันใหญ่ ญาดาคงไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้นใช่ไหม”“ค่ะแต่บอสมั่นใจแล้วใช่ไหม”“มั่นใจเรื่องอะไรก็มั่นใจว่าเราจะคบกันจริงๆ บอสจะไม่นึกถึงอดีต”“ไม่หรอกญาดาเรื่องทุกอย่างมันจบไปแล้วแต่ที่ผมคิดจะแก้แค้นพี่สาวของญาดาก็เพราะคำพูดของเขาที่พูดกับผมวันนั้นมันทำให้ผมรู้สึกเจ็บ แต่ตอนนี้ญาดาก็ทำให้ความรู้สึกเจ็บของผมหายไปแล้วผมรู้มันฟังดูแปลกที่ผู้ชายคนหนึ่งจะคบกับน้องสาวของคนที่ทำลายชีวิตเขา แต่ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยญาดาอย่าคิดมากเลยนะ”ภคชนท์ขับรถใกล้จะถึงร้านที่นัดไว้แต่โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาเสียก่อน“ทำไมไม่รับสายล่ะคะ”“เดี๋ยวก็ถึงร้านแล้วผมว่าไปคุยกันที่ร้านดีกว่านะ” ชายหนุ่มไม่อยากคุยขณะขับรถแต่ดูเหมือนลดาภัสน์จะไม่ยอมง่ายๆ เธอยังคงกดโทรศัพท์มาหาเขาอีกห
ช่วงวันหยุดยาวลดาภัสน์ไม่ได้ติดต่อไปหาภคชนท์เลยเพราะสามีของเธอกลับมาที่บ้าน บรรยากาศระหว่างสามีภรรยายังคงมึนตึงกันอยู่เพราะคนกลางอย่างคุณสุชาดามารดาของหญิงสาวไปทำบุญกับเพื่อนที่ต่างจังหวัดหลายวันทำให้ลดาภัสน์และอรรถพลอยู่กันตามลำพังในบ้านลดาภัสน์ตัดสินใจได้แล้วว่าเธอจะหย่าขาดจากสามีและไปเริ่มต้นใหม่กับภคชนท์หญิงสาวมั่นใจว่าชายหนุ่มไม่รังเกียจที่เธอเป็นแม่หม้ายและเขาพร้อมที่จะคบหากับเธอ จากการที่เขาแสดงออกหลายหลายอย่างมันทำให้ลดาภัสน์รู้ว่าเขาเองไม่ได้คิดกับเธอแค่เพื่อนอีกต่อไปเพราะคงไม่มีผู้ชายคนไหนยอมเสียเวลา เสียเงินพาไปช้อปปิ้งโดยไม่หวังอะไรในตัวเธอ“จะเอาอย่างนี้จริงๆ เหรอโอปอ ทำไมไม่นึกถึงวันเก่าๆ ของเราว่าที่ผ่านเรามีความสุขกันมากแค่ไหน” อรรถพลพยายามยื้อเพราะเขาไม่อยากจะเสียเธอไป“คำว่าวันเก่าๆ มันก็คืออดีตค่ะอาร์ทแต่ปัจจุบันโอปอไม่มีความสุขเลย อาร์ทไม่มีเวลาให้โอปอเหมือนเคย”“ผมก็พยายามหาเวลาให้โอปอมากขึ้นแล้วนะ อดทนรออีกนิดไม่ได้เหรอ”“โอปอเบื่อกับคำนี้เหลือเกินแล้วนะ”“ที่คุณอยากจะเลิกกับผมเพราะคุณมีผู้ชายคนใหม่ใช่โอปอ อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะ ผมให้เพื่อนตามสืบมาแล้ว คุณไปกับผู้
เมื่อได้พูดความรู้สึกออกไปแล้วภคชนท์ก็รู้สึกสบายใจขึ้น ตลอดระยะเวลาที่อยู่ภูเก็ตเขากับฉัตรญาดาตกลงกันว่าจะลืมเรื่องทุกอย่างไปก่อนแล้วจะเที่ยวด้วยกันอย่างสนุก ส่วนปัญหาที่มันยังค้างคาอยู่ค่อยกลับมาจัดการที่กรุงเทพทีหลังบ่ายวันอาทิตย์หลังจากที่ตระเวนเที่ยวกันรอบเกาะแล้ว ฉัตรญาดากับภคชนท์ก็กลับมาที่โรงแรมทั้งสองทานอาหารเย็นด้วยกันและนั่งมองพระอาทิตย์ตกดินด้วยกันอยู่บริเวณหาดทรายหน้าโรงแรม“ญาดาดูเหมือนจะชอบทะเลมากนะ แต่ทำไมไม่เห็นจะลงไปเล่นน้ำหรือไม่ได้เตรียมชุดว่ายน้ำมา ให้ผมพาไปซื้อก็ได้นะ”“ญาดาเตรียมชุดว่ายน้ำมาค่ะ แต่เห็นคนเล่นน้ำทะเลแล้วก็เลยเปลี่ยนใจ”“ทำไมล่ะ”“คนมันเยอะไปหน่อย”“แสดงว่าชุดที่เตรียมมาต้องเซ็กซี่มากๆ เลยใช่ไหมล่ะถึงไม่กล้าใส่ลงมาเล่นน้ำ”“ก็ประมาณหนึ่งค่ะ”“ถ้าอยากเล่นน้ำจริงๆ เราย้ายไปเช่ารีสอร์ทกันไหม เอาที่ที่มีหาดส่วนตัวญาดาเราจะได้เล่นน้ำ”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะบอสพรุ่งนี้เราก็ต้องเริ่มต้นทำงานแล้ว แค่ได้นั่งมองพระอาทิตย์ตกดินแบบนี้ญาดาก็มีความสุขมากๆ แล้วค่ะ บอสล่ะคะ”“ผมมีความสุขมาก เราคงต้องอาหโอกาสมาเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ แล้วนะ”“บอสไม่เบื่อเหรอคะพี่ต้องขับรถพาญ
ภคชนท์มีท่าทางคิดหนักและลังเลว่าจะบอกความจริงฉัตรญาดาไปตอนนี้ดีหรือเปล่า บรรยากาศในร้านอาหารมันก็ค่อนข้างโรแมนติกมีเสียงเพลงสากลจากทางร้านคลอเบาๆ อีกทั้งยังได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่งอยู่ไกลๆ“บอสเป็นอะไรคะทำไมนิ่งไปมีอะไรบอกญาดาตรงๆ ได้นะคะ”เขามองหน้าเธอก่อนตัดสินใจรวบรวมความกล้าแล้วพูดออกไป“ให้ผมพูดตรงๆ ใช่ไหม”“ใช่ค่ะ ญาดาพร้อมจะฟัง”“แล้วถ้าผมบอกว่าผมชอบญาดาล่ะ”“อะไรนะคะ” หญิงสาวตกใจจนช้อนที่อยู่ในมือแทบจะร่วง“บอสต้องล้อเล่นแน่ๆ เลย” เธอไม่เชื่อในสิ่งที่ภคชนท์พูดสายตาที่มองมีแต่ความสงสัย“ทำไมต้องคิดว่าล้อเล่นด้วยล่ะ”“ก็บอสเคยชอบพี่สาวของญาดานี่คะ”“ตัดอดีตทิ้งออกไปก่อนได้ไหมตอนนี้เราพูดกันถึงเรื่องปัจจุบัน”“บอสคะบอสเมาหรือเปล่า”“เราไม่ได้กินเหล้ากันนะ ไวน์ก็หมดไปแค่ครึ่งแก้วเอง”“บอสจะมาชอบญาดาได้ยังไง” เธอยังคงสงสัย“แล้วทำไมผมจะชอบคุณไม่ได้ล่ะ”“ไม่รู้สิคะ ญาดากับบอสอายุห่างกันตั้งเยอะนะคะ อีกอย่างญาดาก็เป็นแค่ผู้ช่วยของบอสเองมันไม่มีอะไรเหมาะสมกับบอสหรอก”“เมื่อกี้ในสเปกของญาดาไม่มีความว่าเหมาะสมเลยนะ แล้วผมก็ตรงสเปกของญาดาทุกอย่าง”“แล้วญาดาตรงสเปกของบอสตรงไหน”“ก็ตรงที่
ภคชนท์และฉัตรญาดามาถึงภูเก็ตในเวลาค่ำของวันศุกร์ทั้งสองเช็กอินเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งคุณแพรพรรณเลขาของชายหนุ่มได้จองไว้ให้แล้ว ห้องพักของทั้งสองเป็นห้องพักที่อยู่ติดกันและเมื่อเก็บของเข้าที่แล้วเขาก็พาเธอไปร้านอาหารที่อยู่ห่างออกไปจากโรงแรมโดยรถเช่าจองไว้ล่วงหน้าแล้ว“เป็นไงชอบร้านนี้ไหมญาดา”“ชอบค่ะบรรยากาศดีมากอาหารก็อร่อยบอสเคยมาทานที่นี่บ่อยไหม”“ก็ทุกครั้งที่มาภูเก็ตผมก็จะมาทานร้านนี้แหละ”“แล้วแต่ก่อนบอสมากับใครคะมากับพี่แพรหรือเปล่า”“มากับคุณแพรสองครั้งน่ะ จากนั้นก็มาคนเดียวอีกหน่อยญาดาอาจจะต้องมากับผมบ่อยขึ้น”“ไม่มีปัญหาค่ะ”“ถ้าต้องเดินทางบ่อยๆ สะดวกไหมมีใครว่าอะไรหรือเปล่า”“สะดวกค่ะ ญาดาไปได้ทุกที่” เธออยากจะพูดต่อว่าสามารถไปที่ไหนก็ได้ทุกที่ถ้าหากมีเขาไปด้วยแต่ก็หยุดคำพูดนั้นไว้แค่นั้นเพราะรู้ว่ามันไม่เหมาะสมที่จะสารภาพความรู้สึกของตนเองออกไป“เดือนหน้าก็จะต้องไปอเมริกาแล้วภาษาอังกฤษเป็นยังไงบ้างล่ะ”“สบายมากค่ะตอนนี้ญาดากำลังคิดว่าอยากจะเรียนเพิ่ม”“อ้าวไหนบอกว่าสบายมากแล้วทำไมอยากจะเรียนเพิ่มอีกล่ะ”“ญาดาไม่ได้อยากจะเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มสักหน่อย ญาดาคิดว่าจะเรียนภ