วีรรัชร์ตื่นเต้นมากที่จะได้ไปดูหนังกับฉัตรรวีแม้ว่าจะมีน้องสาวของเธอไปด้วยแต่เขาก็คิดว่าไม่เป็นปัญหาเพราะเด็กหนุ่มวางแผนจะจองที่นั่งให้ห่างกัน
เขาตื่นนอนแต่เช้าเตรียมรถให้พร้อมก่อนจะไปรับแฟนสาวและน้องของเธอที่หน้าบ้าน พวกเขาจอดรถจักรยานยนต์ทิ้งไว้ที่ตลาดจากนั้นก็ขึ้นรถประจำทางเข้าไปที่ตัวเมืองนครสวรรค์ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงห้างสรรพสินค้า
“เราจะดูหนังกันก่อนหรือเดินเที่ยวกันก่อนล่ะวัชร์” ฉัตรรวีถามเด็กหนุ่มเมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้ากลางในเมืองนครสวรรค์
“ผมว่าพวกเราไปดูที่โรงหนังก่อนดูว่ามีรอบกี่โมงบ้างจะได้วางแผนกันถูก”
“อือ ดีเหมือนกันงั้นไปกันเถอะ”
“ญาดาขอไปเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหมเดี๋ยวจะตามไป”
“แล้วรู้เหรอว่าโรงหนังอยู่ตรงไหนเดี๋ยวก็ได้หลงกันหรอกญาดา” ฉัตรรวีเตือนเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอมาที่นี่
“หนูอ่านป้ายเอาก็ได้ค่ะหรือว่าพี่จะไปเข้าห้องน้ำกับหนูด้วย”
“งั้นพวกเราก็ไปเข้าห้องน้ำกันหมดนี่แหละแล้วค่อยไปจองตั๋วกันนะ” วีรวัชร์และสองพี่น้องเดินพากันไปเข้าห้องน้ำก่อนจะพากันไปจองตั๋ว
“เราจะดูเรื่องไรดีล่ะพี่รวี หนูอยากดูทุกเรื่องเลย”
“พี่อยากดูหนังผีน่ะ”
“แต่หนูไม่อยากดูหนังผี”
“งั้นเราก็ดูกันคนล่ะเรื่องดีไหม แล้วค่อยออกมาเจอกัน” ฉัตรรวีชอบดูหนังผีหรือไม่ก็แนวสยองขวัญและเธอกับวีรวัชร์ก็คุยกันแล้วว่าจะดูเรื่องอะไร
“ไม่ได้หรอก แม่บอกให้หนูคอยดูพี่ งั้นหนูดูหนังผีก็ได้” เพราะไม่อยากแยกกับพี่สาวฉัตรญาดาเลยยอมดูหนังผีทั้งที่ตนเองเป็นคนกลัวผี
“ตกลงดูเรื่องเดียวกันทั้งสามคนเลยนะ”
“ค่ะพี่วัชร์”
“งั้นนั่งรอตรงนี้ก่อนนะรวีเดี๋ยวผมไปซื้อตั๋วให้” วีรวัชร์รีบเดินไปต่อแถวเพื่อซื้อตั๋วดูภาพยนตร์ให้กับทั้งสามคน
“พี่ขอโทษนะญาดาพี่จองที่นั่งติดกันไม่ได้ พี่ให้ญาดานั่งกับรวีก็แล้วกันนะ พี่นั่งคนเดียวก็ได้” วีรวัชร์บอกกับฉัตรญาดาพร้อมกับท่าทางเหมือนตัวเองเองเป็นคนผิดที่ไม่สามารถจองที่นั่งติดกันทั้งสามคนได้
“ไม่เป็นไรค่ะพี่วัชร์นั่งกับพี่รวีเถอะญาดานั่งคนเดียวก็ได้”
“ดูคนได้แน่นะญาดา” วีรวัชร์ถามย้ำ
“ได้ค่ะ คนเต็มโรงญาดาไม่กลัวหรอกค่ะ
เมื่อถึงเวลาดูหนังฉัตรญาดาแทบจะดูไม่รู้เรื่องเพราะเธอเอามือปิดหน้าไว้ตลอด หญิงสาวไม่ได้หันขึ้นมามองว่าพี่สาวนั่งตรงไหนเพราะกลัวจนไม่กล้าขยับตัวและถ้าเธอหันขึ้นมามองก็จะเห็นว่าที่นั่งมันว่างและไม่จำเป็นที่เธอจะต้องนั่งห่างไปถึงสามแถว
เมื่อออกจากโรงภาพยนตร์แล้วทั้งสามคนก็พากันไปเดินเที่ยวและไปรับประทานพิซซ่าก่อนจะตบท้ายด้วยไอศกรีมคนละถ้วยโดยทั้งหมดนี้วีรวัชร์เป็นคนจ่าย
“วันนี้สนุกมากเลยนะ ขอบใจวัชร์มากที่พารวีกับน้องมาเที่ยว” ฉัตรรวีพูดกับเด็กหนุ่มระหว่างที่รอน้องสาวเข้าห้องน้ำ
“ผมก็สนุกมากเลย”
“รวีอยากมาเที่ยวบ่อยๆ”
“ได้สิเรามากันอีกก็ได้”
“แต่รวีเกรงใจวัชร์นะที่จ่ายให้ทุกอย่างทั้งของรวีและของญาดาครั้งหน้าให้รวีจ่ายบ้างนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่าน้องของรวีก็เหมือนน้องสาวของผม”
“วัชร์เอาตังค์มาจากไหน”
“ผมพอมีเงินเก็บน่ะ อาทิตย์หน้าเรามากันอีกนะ”
“รวีจะกลับไปขอแม่”
“แล้วถ้าแม่ไม่ให้มาล่ะ” เด็กหนุ่มกังวลว่ามารดาของเธอจะให้ออกบ้านมากับเขาอีกเพราะครั้งนี้ก็พาเธอมาเที่ยวข้ามจังหวัดแล้ว
“เราก็แอบมาสิออกจากบ้านทีหลังแม่และกลับก่อนแม่ถ้าไม่ถามเราก็บอกว่าเราเที่ยวแค่ใกล้ๆ” ในเมื่อมีโอกาสฉัตรรวีก็อยากออกมาเที่ยวบ่อยๆ
“ถ้าเราหนีเที่ยวญาดาจะไม่บอกแม่แน่นะ”
“ไม่หรอกญาดาจะช่วยเราเก็บทุกอย่างไว้เป็นความลับแต่งคงต้องพาญาดามาด้วยเผื่อแม่จับได้อย่างน้อยก็ยังมีญาดาคอยช่วยพูด”
ทั้งสามคนออกจากห้างสรรพสินค้าในตอนบ่ายจากนั้นก็พากันนั่งรถประจำทางกลับมาที่ตัวอำเภอก่อนจะนั่งรถจักรยานยนต์กลับมาถึงบ้านในเวลาเกือบหกโมงเย็น
“ไปเที่ยวไหนกันมาเหรอรวีกลับมืดเชียว” สุชาดาที่นั่งรอลูกสาวอยู่หน้าบ้านรีบถาม
“พวกเราไปดูหนังมาค่ะ”
“แม่ดูหนังเหรอ” สุชาดาตกใจเพราะจังหวัดที่เธออยู่นั้นไม่มีโรงภาพยนตร์เลยสักโรง
“เราไปเที่ยวนครสวรรค์กันมาค่ะ”
“ไปกันยังไงลูกแล้วทำไมไปไกลขนาดนั้น”
ฉัตรรวีเล่าให้มารดาฟังว่าเธอเดินทางไปยังไงไปไหนและไปทำอะไรมาบ้างเพื่อให้ท่านสบายใจและไว้ใจ เพราะต่อจากนี้เธอจะชวนวีรวัชร์ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ
“ญาดาไปกับพี่ด้วยใช่ไหม” เธอหันมาถามลูกสาวคนเล็ก
“ไปสิคะแม่ วันนี้หนูสนุกมากเลยค่ะ หนูขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ เย็นนี้หนูคงไม่ได้กินข้าวแล้วล่ะค่ะหนูกินพิซซ่ากับกินไอติมมาจนท้องจะแตกแล้วค่ะแม่”
“รวีล่ะจะกินข้าวไหมลูก”
“ไม่ค่ะแม่รวีก็อิ่มเหมือนกันขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
บ้านวีรวัชร์
“ไปเที่ยวมาสนุกไหมลูก” คุณยายอำภาถามหลานชาย
“สนุกครับยาย”
“แล้วหิวหรือเปล่านะลูกยายทำกับข้าวเสร็จพอดีเลยนะ”
“ผมกินมาอิ่มแล้วครับยาย”
“กินอะไรมาล่ะ”
“พิซซ่าครับ”
“อาหารแบบนั้นมันจะอิ่มเหมือนกินข้าวได้ยังไงยายไม่เข้าใจวัยรุ่นเลยจริงๆ แล้วพรุ่งนี้จะไปเที่ยวอีกไหม”
“ไม่ครับผมว่าพรุ่งนี้จะไปทำงานที่โกดังเสี่ยส่ง”
“จะไหวเหรอวัชร์งานยกของแบบนั้น”
“ไหวครับยาย”
“ปิดเทอมทั้งทีก็น่าจะพักอยู่บ้านนะ”
“ก็ผมอยากได้เงินเพิ่มนี่ครับยาย”
“ที่แม่ส่งมาให้ใช้ไม่พอเหรอลูก ขาดเหลือก็มาเอาที่ยายได้ไม่ต้องไปทำงานให้ลำบากหรอก”
“พอครับยายแต่ผมอยากเก็บไว้เผื่อมีเรื่องต้องใช้ตอนเปิดเทอมผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับยาย”
วีรวัชร์กลับเข้ามาในห้องเขาเปิดกระเป๋าสตางค์ดูเพื่อคำนวณเงินที่เหลือตอนนี้ยังพอมีเงินเก็บเหลืออยู่บ้างแต่ถ้าต้องออกไปเที่ยวกับฉัตรรวีทุกอาทิตย์เด็กหนุ่มคิดว่าเงินก็น่าจะไม่พอ เขาจำเป็นต้องไปทำงานพิเศษเพิ่มที่โกดังของเสี่ยส่งซึ่งจ้างลูกจ้างรายวันให้มาช่วยขนของในโกดังอยู่เป็นประจำและเขาก็เคยไปทำงานเมื่อปิดเทอมครั้งก่อน
ช่วงปิดเทอมแบบนี้เป็นช่วงที่วีรวัชร์จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับฉัตรรวีมากที่สุด เขาต้องรีบทำให้เธอประทับใจและรักเขาอย่างที่เขารักเธอ เพื่อที่ว่าตอนที่ฉัตรญาดาเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยแล้วเธอจะได้ไม่มองคนอื่น
วีรวัชร์พยายามใช้เงินกับตนเองและประหยัดที่สุดเขาพาฉัตรญาดาและฉัตรรวีเข้าไปเที่ยวที่นครสวรรค์มาแล้วถึงสี่ครั้งแม้จะออกจากบ้านด้วยกันแต่พอไปถึงที่นั่นพวกเขาก็แยกกันเที่ยวแล้วจะนัดมาเจอกันที่หน้าห้างก่อนเวลากลับบ้าน
เด็กหนุ่มรู้สึกขอบคุณฉัตรญาดามากที่เข้าใจและเปิดโอกาสให้เขาอยู่กับพี่สาวของเธอตามลำพัง
วันนี้ก็เหมือนกับทุกครั้งที่วีรวัชร์ไปเที่ยวกับฉัตรรวีและกลับมาจนค่ำ
“อาบน้ำแล้วออกมาคุยกับยายหน่อยนะลูก”
“ได้ครับยาย”
“บอสคุยอะไรกับพี่โอปอทำไมหน้าตาเครียดจังคะ” ฉัตรญาดาเก็บของเข้าที่แล้วลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงผู้ป่วย สายตาเธอจ้องเจ้านายที่ดูเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก“ก็หลายเรื่อง”“เรื่องปัจจุบันหรืออดีตค่ะ”“อดีต”“บอสบอกพี่โอปอแล้วเหรอคะ” ฉัตรญาดาตกใจเพราะเขาเองเป็นเคยบอกเธอว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับลดาภัสน์“ผมยังไม่ได้บอกหรอก แต่เธอเล่าเรื่องในอดีตของเธอนะและมันเลยทำให้ผมรู้ว่าว่าแต่ก่อนพี่สาวของญาดาไม่เคยรู้สึกอะไรกับผมเลย” น้ำเสียงฟังดูผิดหวัง“พี่โอปอบอกบอสเหรอคะ”“ใครจะบอกตรงๆ กันล่ะญาดา พี่ของคุณก็แค่เล่าถึงเรื่องในอดีตของเธอกับเด็กรุ่นน้องคนหนึ่งที่มาชอบเธอแต่เธอก็ไม่ได้คิดจะคบด้วยแต่ที่ยอมไปไหนมาไหนด้วยก็เพราะรู้สึกสงสารและคิดว่าเป็นการใช้ชีวิตสนุกในช่วงปิดเทอมนะ เขาไม่เคยผมมองว่าเป็นคนรักเลยสักนิด”“บอสอย่าคิดมากเลยค่ะ พี่เขาก็พูดไปเรื่อย ตอนนั้นญาดาคิดว่าพี่เขาก็ชอบบอสจริงๆ นะคะถ้าอย่างนั้นคงไม่ยอมไปไหนมาไหนด้วยหรอกค่ะ”“ผมรู้ว่ายังไงญาดาก็ต้องเข้าข้างที่สาวตัวเอง แต่ลองมาคิดดูอีกทีนะเป็นผมเองนั่นแหละญาดาที่โง่ มองไม่ออกว่าเธอกำลังหลอกใช้เธอหลอกให้ผมพาไปเที่ยวให้ผมพาไปดูหนัง ตอนนั้น
ประตูห้องผู้ป่วยปิดลงเมื่อฉัตรญาดาเดินออกไปแล้ว ภคชนท์ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง เมื่อคืนหลังจากไปทานอาหารกับฉัตรญาดาและกลับมาถึงห้องเขาก็อาบน้ำเข้านอนตามปกติแต่หลังจากนอนไปได้สามชั่วโมงก็รู้สึกปวดท้องมาก เขาโทรศัพท์ไปถามภูวริษว่าจะต้องทานยาอะไรเพราะในห้องเขามียาเก็บไว้เกือบทุกชนิดซึ่งภูวริษนั่นแหละที่เป็นคนจัดให้แต่หลังจากทานยาไปแล้วอาการก็ไม่ดีขึ้น เขาทั้งปวดท้องจนตัวงอและยังอาเจียนจนแทบหมดแรงในที่สุดเลยตัดสินใจขับรถมาโรงพยาบาลในเวลาเกือบจะตีสองขณะกำลังคิดถึงประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้งคนที่เดินเข้าคือผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่เพราะสั่งฉัตรญาดาไปแล้วว่าห้ามบอก“สวัสดีค่ะ คุณชนท์เป็นยังไงบ้างคะ”“ดีขึ้นแล้วครับ คุณโอปอรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่”“โอปอเห็นคุณที่หน้าห้องส่องกล้องค่ะแต่เพิ่งจะว่างมาเยี่ยมขอโทษนะคะที่มาช้าไปหน่อย”“ไม่เป็นไรครับ แค่คุณแวะมาเยี่ยมผมก็ขอบคุณมากแล้วครับ”“แล้วนี่คุณชนท์อยู่คนเดียวเหรอคะ”“ครับ”“แย่จังนะคะถ้าเป็นอะไรตอนกลางคืนขึ้นมาจะทำยังไง”“ก็แค่กดออดนี่ไงครับ”“แต่ตามกฎแล้วห้องพิเศษแบบนี้ต้องมีคนเฝ้าตลอดนะคะ ให้โอปอเฝ้าคุณนะคะ”“ไม่เป็นไรครับ
เช้าวันใหม่ฉัตรญาดาตื่นนอนเร็วกว่าทุกวันแม้จะเข้านอนดึกกว่าทุกครั้งเพราะเอาแต่คิดเรื่องที่คุยกับภคชนท์แต่เธอก็ตื่นมาด้วยความสดชื่นหญิงสาวมีเวลาเหลือพอที่จะจอดรถแวะซื้อมัฟฟินร้านโปรดไปฝากภคชนท์เพื่อให้เขาได้ทานกับกาแฟในตอนเช้าเพราะปกติแล้วแพรพรรณจะเป็นคนจัดหาอาหารเช้ามาให้เขาทานคู่กับกาแฟเพราะเจ้าตัวจะไม่ทานอะไรก่อนมาทำงาน แต่ฉัตรญาดาก็ไม่ได้ซื้อไปฝากแค่เจ้านายเพราะเธอซื้อไปฝากเลขาของเขาด้วยเพราะถ้าซื้อไปฝากแต่เจ้านายก็กลัวว่าแพรพรรณจะสงสัยในความสัมพันธ์“สวัสดีค่ะพี่แพร ญาดาซื้อขนมมาฝากพี่แพรค่ะ” เธอส่งขนมถุงแรกให้แพรพรรณ“ขอบใจจ้ะ กลิ่นหอมน่ากินจัง” แพรพรรณเปิดถึงขนมออกแล้วกลิ่นหอมก็ลอยมาปะทะจมูก“ส่วนถุงนี้ของบอสค่ะ”“ดีเลยพี่จะได้ไม่ต้องสั่งร้านข้างล่างให้ขึ้นมาส่ง”“พอดีวันนี้ญาดาตื่นเช้ากว่าทุกวันค่ะก็เลยมีเวลา ถ้าญาดาไม่ตื่นสายจะแวะซื้อมาอีกนะคะบอสจะได้เปลี่ยนเมนูบ้าง ร้านนี้ขนมอร่อยทุกอย่างเลยค่ะ”“ถ้าซื้อมาบ่อยๆ ญาดาต้องไปเบิกเงินค่าขนมกับฝ่ายบัญชีด้วยนะ”“ขนมแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่แพร” ฉัตรญาดาอยากตอบแทนภคชนท์บ้างเพราะในอดีตเขาก็ซื้อขนมให้เธอทานเป็นประจำและยังพาเธอไปเที่ยว
“ก่อนที่จะบอกว่าเพราะอะไรถึงทำแบบนั้น พี่อยากให้เราตกลงกันก่อน”“ตกลงอะไรคะ”“เรื่องนี้ญาดาห้ามบอกใครได้ไหม”“แล้วพี่คิดว่าญาดาจะบอกใครล่ะคะ”“ก็พี่สาวของญาดาไงล่ะ”“ได้ค่ะ ญาดาไม่บอกหรอกค่ะเพราะบอกไปมันก็คงเปลี่ยนอะไรไม่ได้พี่ก็รู้แล้วนี่ว่าพี่ของญาดาไม่ใช่คนเดิมแล้ว”“ก็เหมือนกับพี่ที่ไม่ใช่คนเดิม พี่อยากให้ญาดาลืมพี่วัชน์คนเก่าตอนนี้พี่คือภคชนท์บอสของญาดา”“พี่จะเอาแบบนั้นจริงๆ ใช่ไหม”“ญาดาคิดว่าทำได้ไหมล่ะ”“มันทำยากนะคะแต่ญาดาก็จะทำ”“ชอบใจนะญาดา ที่นี่บอกผมว่าทำไมถึงต้องเป็นคนเขียนจดหมาย” ภคชนท์รู้มาจากภูวริษแล้วแต่ก็อยากจะฟังจากปากของหญิงสาวอีกครั้ง“ญาดาไม่อยากเล่าเลย เรื่องมันผ่านมาแล้ว”“ไม่ต้องกลัวผมเสียใจหรอกน่า ผมพอรู้มากจากหมอภูแล้ว ที่ถามก็แค่อยากฟังจากปากของญาดา”“ก็ได้ค่ะ”ฉัตรญาดาเล่าให้ภคชนท์ฟังว่าหลังจากได้รับจดหมายของเขาเธอก็เอาไปให้พี่สาวแต่เธอไม่ยอมตอบจดหมายและบอกกับเธอว่าไม่อยากจะติดต่อหรือพูดถึงชายหนุ่มอีก พี่สาวของเธออยากลืมเรื่องทุกอย่าง“แล้วญาดาจะตอบจดหมายทำไมล่ะ”“ญาดาก็แค่สงสารพี่ ญาดารู้ว่าพี่ไม่ผิดแต่ญาดาก็ไม่กล้าบอกใคร”“ญาดารู้เหรอ”“ตอนแรกก็ไม่รู้ห
ฉัตรญาดากลับมาทำงานตามปกติในเช้าวันอังคารซึ่งเธอก็ยังไม่ได้นามบัตรจากครูวิทยาเลยยังไม่รู้ว่าภคชนท์กับวีรวัชร์ใช่คนเดียวกันหรือเปล่า“กลับบ้านมาเป็นยังไงบ้างล่ะ”“ก็ดีค่ะ ญาดาไม่ได้กลับบ้านนานก็เลยมีเรื่องให้คุยกับที่บ้านเยอะเลยค่ะ”“ก็ดีแล้วครับการกลับไปหาครอบครัวก็เหมือนการไปเติมกำลังใจ”“จริงค่ะแล้วบอสล่ะคะวันหยุดได้ไปเที่ยวที่ไหนหรือเปล่า”“ผมก็ไปหาอาหารทะเลแถวหัวหินน่ะ”“ช่วงนี้ทะเลคงกำลังสวยนะคะ ญาดาไม่ได้ไปทะเลนานแล้ว”“ชอบไปทะเลเหรอ”“มีใครไม่ชอบบ้างคะ ยิ่งได้เดินบนพื้นทรายนิ่มๆ ได้นั่งมองพระอาทิตย์ยิ่งดีเลยค่ะ เวลาคลื่นมันมากระทบเท้าและมันก็สลายไปทำให้ความรู้สึกเหมือนว่าเวลาเราเจอปัญหาแล้วสักพักมันก็จะหายไปเหมือนคลื่นลูกใหญ่ที่มันซัดมาหาแต่สุดท้ายมันก็หายไป”“คุณกำลังเจอปัญหาอะไรเหรอญาดาบอกผมได้ไหม บางทีผมอาจช่วยได้นะ”“ไม่มีหรอกค่ะ ญาดาก็แค่พูดไปตามที่อ่านเจอในหนังสือค่ะ ไม่มีอะไรหรอก ญาดาขอทำงานก่อนนะคะ”หญิงสาวนั่งทำงานต่อแต่สายตาก็คอยจ้องโทรศัพท์เพราะครูวิทยาบอกว่าเขาเริ่มเปิดกล่องของทั้งหมดและให้ลูกสาวกับลูกเขยมาช่วยกันหาและคิดว่าอีกไม่นานจะเจอนามบัตรของลูกศิษย์ใจบุญที่มอ
บรรยากาศบ้านสวนของคุณนิวัฒน์และภัทราดูมีชีวิตชีวาเมื่อลูกสาวคนโตของบ้านกับน้องสาววัยสิบห้ากำลังคุยกันอย่างออกรส“พลอยอยากให้พี่ญาดากลับมาบ้านบ่อยๆ” พลอยภัทรานั่งเกาะแขนพี่สาวไว้ไม่ยอมปล่อย“พี่เขาต้องทำงานนะพลอยจะให้กลับมาบ่อยๆ คงไม่ได้หรอก” ภัทราบอกกับลูกสาวที่เอาแต่เกาะติดพี่สาวต่างมารดาไม่ยอมปล่อยตั้งแต่ฉัตรญาดากลับมาถึงบ้าน“ก็พลอยเหงานี่คะ อยู่กับพ่อและแม่น่าเบื่อจะตาย ขอออกไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างก็ไม่ได้”“จริงเหรอคะพ่อ” ฉัตรญาดาหันไปถามบิดาเพราะตอนที่เธออายุเท่ากับพลอยภัทราบิดาไม่ได้เข้มงวดขนาดนี้“ไม่หรอกน่า น้องก็พูดเกินไป”“ไม่เกินไปเลยค่ะ พ่อห้ามไม่ให้พลอยออกไปเที่ยวกับเพื่อนหรือถ้าให้ไปก็ไปนั่งเฝ้าพลอยอึดอัดนะ”“ก็พ่อเป็นห่วงพลอย”“แต่พลอยโตแล้ว” เด็กสาวเถียงเพราะเพื่อนๆ ของเธอไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ“พลอยจ้ะ พี่ว่าเอางี้ดีไหมล่ะ” ฉัตรญาดากำลังหาทางออกให้บิดาและน้องสาว“ยังไงคะ”“ก็เวลาที่พลอยจะไปไหนพลอยก็บอกพ่อและนัดเวลารับส่งที่แน่นอน ส่วนพ่อก็ต้องไว้ใจน้องนะคะ ญาดาว่าน้องก็โตพอที่จับผิดชอบตัวเองได้แล้ว ตอนที่ญาดาอายุเท่าน้องพ่อยังให้ญาดาขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวกับเพื่อนเลยน