หวนพบอีกครา คุณฉือคลั่งรัก

หวนพบอีกครา คุณฉือคลั่งรัก

By:  จิ่นจิ่นไม่ใช่ตัวร้ายUpdated just now
Language: Thai
goodnovel4goodnovel
Not enough ratings
30Chapters
21views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

ฉือเย่า ผู้เกิดมาท่ามกลางเกียรติยศของตระกูลผู้มีอำนาจ เป็นดั่งบุตรแห่งสวรรค์ที่ทุกคนบนหอคอยต่างแหงนมอง ตลอดสี่ปีแห่งความรัก ทั้งโลกต่างรู้ดีว่า สวี่หว่านหนิงคือรักที่ฝังลึกในดวงใจของเขา ทว่าละครแห่งการ “นอกใจ” เพียงฉากเดียว กลับทำให้ทั้งสองต้องแยกจากกันอย่างน่าอับอาย ห้าปีต่อมา เมื่อโชคชะตานำพาให้หวนมาพบกันอีกครั้ง เขากดเธอชิดกำแพง แววตาเต็มไปด้วยความแค้นที่พร้อมทำลายทุกสิ่ง “ในเมื่อเธอเลือกหายไปจากโลกของฉันแล้ว ก็หายไปให้หมดจด อย่าให้ฉันต้องพบเจอเธออีก” คำตอบของเธอเรียบง่ายแต่เด็ดขาด “ได้” เขาเกลียดเธอจนเข้ากระดูก แต่หัวใจกลับยังคลั่งไคล้และสูญเสียการควบคุมเพราะเธอเสมอ
 เมื่อความจริงถูกเปิดเผย ดวงตาของเขาแดงก่ำ พลางกักเธอไว้หน้าประตู “ชดใช้ด้วยทั้งชีวิต แต่งงานกับฉัน แล้วหนี้ของเธอ…ฉันจะเป็นคนแบกรับไว้เอง” #คืนรักครั้งเก่า #ทายาทตระกูลสูงศักดิ์VSทนายสาว #รักเจ็บลึก #ไล่ตามภรรยาหลังหย่า #ไล่ตามสามีที่ห่างเพียงเอื้อมมือ

View More

Chapter 1

บทที่ 1

สี่ปีที่คบกับฉือเย่า คือช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของสวี่หว่านหนิง

หลังจากเลิกรากันไป…

สวี่หว่านหนิงร้องไห้มานานถึงห้าปี

แม้จะไม่ได้ร้องไห้ทุกวัน แต่เพียงแค่คิดถึงฉือเย่า ในใจก็เหมือนมีฝนโปรยลงมา รู้สึกชื้นแฉะ อึดอัด และดวงตาก็พลอยเปียกปอนไปด้วย

เธอไม่เคยคิดเลยว่า ชีวิตนี้จะได้พบเขาอีก

จนกระทั่งในงานเลี้ยงของไป๋ซวี่

ทันทีที่เธอก้าวเข้าไปในห้องส่วนตัวที่อึกทึกครึกครื้น สายตาก็หยุดลงอย่างแม่นยำบนใบหน้าด้านข้างที่คุ้นเคย

วินาทีนั้น หัวใจของเธอเต้นรัวราวกับฟ้าผ่า มันกระหน่ำใส่จนเธอตั้งตัวไม่ทัน คลื่นอารมณ์ถาโถมเข้ามาในใจราวกับสึนามิ

เสียงรอบข้างแปรเปลี่ยนเป็นความเงียบงัน สีสันเลือนหาย

ในสายตาคู่นี้…มีเพียงฉือเย่า

เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสีดำ รูปร่างสูงโปร่งดูแข็งแรง บุคลิกสง่างามและสูงศักดิ์ แฝงด้วยความเย็นชาจาง ๆ ใบหน้าด้านข้างของเขานั้นคมคาย หล่อเหลาจนยากจะละสายตา

เขากำลังก้มมองโทรศัพท์ในมือ

ความทรงจำทับซ้อนขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว เด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยพลัง ความอบอุ่น แสงแดด และรอยยิ้มคนนั้น ราวกับว่าเพิ่งจะโอบกอดเธอเมื่อวาน และก้มหน้ามาออดอ้อนเสียงอ่อน “หนิงหนิง จูบฉันหน่อย”

แต่มันไม่ใช่เรื่องของเมื่อวานแล้ว มันคือห้าปีที่แล้ว

ราวกับผ่านไปอีกภพหนึ่ง…

ปลายนิ้วของเธอสั่นเล็กน้อย ความปวดร้าวขมขื่นลามไปทั่ว ดวงตาร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เธอไม่มีแม้แต่ความกล้าจะเผชิญหน้าเขาอีก เธออยากจะหนีไปให้พ้น...

เธอลังเล สับสน แล้วกำลังจะหันหลังจะเดินออกไป

“สวี่หว่านหนิง…” ไป๋ซวี่เรียกเธอเสียงดังขึ้น “เพิ่งเข้ามาเอง จะไปไหนล่ะ ? ”

ฝีเท้าของเธอหยุดชะงัก มือที่จับลูกบิดประตูอยู่ถึงกับแข็งค้างไป

ในห้องนั้น แทบทุกสายตาหันมามองเธอ

มีเพียงฉือเย่าคนเดียว ที่หยุดนิ้วโป้งที่กำลังเลื่อนหน้าจอมือถือลงกะทันหัน แล้วนิ่งไป ไม่ขยับอีกเลย

สวี่หว่านหนิงสูดลมหายใจลึก พลางรู้สึกแน่นในทรวงอก ราวกับจะหายใจไม่ออก

การได้พบรักแรกอีกครั้ง ช่างน่าอึดอัดและกระอักกระอ่วน

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนเลิกรากัน พวกเขาจบกันอย่างเลวร้ายเหลือเกิน

“เข้ามาสิ ฮุ่ยฮุ่ยกำลังจะมาถึงแล้ว” ไป๋ซวี่เร่ง

เสิ่นฮุ่ยคือเพื่อนสมัยเด็กและเพื่อนสนิทที่สุดของเธอ เมื่อเดือนก่อน เสิ่นฮุ่ยไปดูตัว และรักไป๋ซวี่เข้าอย่างจังตั้งแต่แรกเจอ ก่อนจะตกลงคบหากันอย่างรวดเร็ว

ความรักที่ร้อนแรงทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจกำหนดวันแต่งงานขึ้นในช่วงกลางเดือนหน้า

งานเลี้ยงวันนี้ เป็นการนัดเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่ายมาพบกัน ทำความคุ้นเคยกันล่วงหน้า และพูดคุยเรื่องการแสดงในงานแต่ง

ตามความคิดของเสิ่นฮุ่ย อยากให้กลุ่มเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นเต้น ส่วนบ่าวสาวก็ร้องเพลงรักบนเวที

ถ้าไม่สนิทกันถึงขั้นสุดจริง ๆ คงไม่มีใครยอมขึ้นไปทำเรื่องน่าเขินอายแบบนั้น

สวี่หว่านหนิงเตรียมใจอยู่นาน ก่อนจะหันกลับไป

ไป๋ซวี่เดินมารับ พลางวางมือไว้ด้านหลังเธอแต่ไม่แตะต้อง และรักษาระยะห่างอย่างสุภาพ อีกมือหนึ่งทำท่าเชื้อเชิญ พาเธอไปนั่งฝั่งผู้หญิง

ทันทีที่นั่งลง เธอก็เห็นว่าข้างฉือเย่ามีผู้หญิงที่ดูสวยสง่าคนหนึ่งนั่งอยู่

ซูเยว่เยว่ เพื่อนสมัยเด็กของเขา

ตอนที่เธอคบกับฉือเย่า ซูเยว่เยว่ก็ไม่เคยเป็นมิตรกับเธอเลย

และตอนนี้ สายตาของซูเยว่เยว่นั้นยิ่งไม่ปิดบังความรังเกียจที่มีต่อเธอ “เดี๋ยวนะ…พี่ซวี่ จะเอาขยะที่ไหนมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวก็ได้งั้นเหรอ ? ”

คำพูดนั้นทำให้ทั้งห้องตกตะลึง

ไป๋ซวี่เองก็อึ้งไปเช่นกัน

นี่เป็นงานรวมเพื่อน ไม่เคยเห็นใครพูดแรงและน่าเกลียดขนาดนี้มาก่อน

ทุกสายตาหันไปมองซูเยว่เยว่

สวี่หว่านหนิงรู้ดีว่าซูเยว่เยว่กำลังด่าใคร หัวใจเหมือนถูกบีบแน่น จนเกิดความอับอาย เธอจึงเงยหน้ามองไปทางฉือเย่า

ฉือเย่าก้มหน้า แสดงท่าทีเหมือนไม่เกี่ยวข้อง ราวกับเรื่องนี้ไม่ใช่ธุระอะไรของเขา พลางจ้องมองโทรศัพท์นิ่ง ๆ

ใบหน้าคมเข้มเย็นชานั้น เมื่ออยู่ภายใต้แสงไฟสีขาว มันทำให้เกิดเงาบาง ๆ บนเส้นผมสั้นนั้น ทั้งร่างแผ่รัศมีห่างเหิน ชนิดที่ว่าคนแปลกหน้าไม่ควรเข้าใกล้

มีผู้หญิงคนหนึ่งไม่พอใจ “เธอหมายถึงใครกัน ? ”

ซูเยว่เยว่เชิดหน้าอย่างหยิ่งผยอง “ฉันหมายถึงใคร สวี่หว่านหนิงน่าจะรู้ดี”

สายตาทุกคู่หันกลับมาที่สวี่หว่านหนิงอีกครั้ง

สวี่หว่านหนิงเป็นผู้หญิงที่สวยอย่างไม่โอ้อวด ราวกับดอกกระดิ่งหายากในหุบเขาลึก ผมยาวสีดำขลับถูกรวบไว้ด้านหลัง บุคลิกดูสะอาดบริสุทธิ์ แม้จะเป็นทนายด้านการกุศล แต่กลับดูอ่อนโยน เรียบง่าย ให้ความรู้สึกสงบ ไม่แก่งแย่งชิงดีกับใคร

แต่คนที่รู้จักเธอดี ต่างรู้ว่า นิสัยจริงของเธอแตกต่างจากรูปลักษณ์ภายนอกอย่างสิ้นเชิง

ทุกคนเริ่มอยากรู้ว่าพวกเธอมีเรื่องบาดหมางอะไรกัน ถึงได้เจอกันปุ๊บก็ด่าสวี่หว่านหนิงว่าเป็นขยะแบบนั้น

พอถูกด่าว่าเป็นขยะ เธอควรโกรธ และควรโต้กลับ

แต่เธอรู้ดีว่า ซูเยว่เยว่กำลังพูดแทนฉือเย่า

และก็…ไม่ได้ด่าผิดนัก

เมื่อเทียบกับฉือเย่าแล้ว เธอก็เป็นเพียงขยะจริง ๆ

ไป๋ซวี่ทำหน้าอึดอัด “ที่แท้ก็รู้จักกันมาก่อนนี่เอง สวี่หว่านหนิงเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของภรรยาผม ไว้หน้าผมสักนิดเถอะ เรื่องเก่า ๆ ที่มี วันนี้ดื่มสามแก้ว เพื่อลบความแค้น จับมือคืนดีกันได้ไหม ? ”

ซูเยว่เยว่หัวเราะเยาะ “ฉันไม่ได้มีเรื่องกับเธอ และก็ไม่รู้จักผู้หญิงเลว ๆ แบบนี้ด้วย คนที่มีเรื่องกับเธอคือพี่เย่า ถามพี่เย่าดูสิว่าจะยอมลบรอยแค้นนี้ไหม”

ผู้หญิงเลวงั้นเหรอ ?

ความสัมพันธ์ยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก ไป๋ซวี่หน้าแข็งทื่อ ก่อนจะยิ้มฝืน ๆ แล้วถาม “ฉือเย่า นายรู้จักสวี่หว่านหนิงงั้นเหรอ ? ”

อันที่จริงเขาอยากถามมากกว่านั้น ว่านายเคยโดนเธอทำเรื่องเลว ๆ ใส่งั้นเหรอ

สวี่หว่านหนิงกำหมัดไว้ใต้โต๊ะ แน่นจนเล็บจิกฝ่ามือ ไม่กี่วินาทีที่รอฉือเย่าเอ่ยปาก สถานการณ์นั้นตึงเครียดยิ่งกว่าตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีก

ราวกับอากาศเบาบางลง ความกดดันที่มองไม่เห็นนั้นกดทับเข้ามา

เมื่อถูกเอ่ยชื่อถึง ไฟก็ลามมาถึงตัวฉือเย่า เขาหลบไม่พ้นอีกต่อไป

เขาวางโทรศัพท์ลงอย่างช้า ๆ ก่อนจะเชยตาขึ้นมองสวี่หว่านหนิง

ดวงตาสีดำสนิทเย็นยะเยือกราวกับน้ำค้างเดือนสิบสอง แววตาคมกริบ เต็มไปด้วยความห่างเหินที่อ่านไม่ออก

“ไม่รู้จัก” เสียงของเขานั้นทุ้มต่ำ ไร้ซึ่งความอบอุ่นใด ๆ

เพียงคำว่า ‘ไม่รู้จัก’ คำเดียว ทำให้หัวใจของสวี่หว่านหนิงราวกับถูกของหนักกระแทกอย่างแรง เจ็บจนสั่นไหว พลางถูกความว่างเปล่ากลืนกิน

เมื่อสบตากับเขา เบ้าตาของเธอร้อนผ่าว เพราะอยากร้องไห้จนแทบกลั้นไม่อยู่ เธอกดอารมณ์นั้นไว้ กำหมัดแน่นจนสั่น แล้วรีบก้มหน้าลง

มันทรมานเกินไป จนเธออยากจะออกจากตรงนี้

บรรยากาศในห้องเย็นลงทันที ทุกคนล้วนเป็นผู้ใหญ่ เพียงได้เห็นสีหน้าและอารมณ์ก็พอจะเดาเรื่องราวได้บ้าง

ไป๋ซวี่รีบคลี่คลายสถานการณ์ทันที “วันนี้ที่เรียกเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวมารวมกัน ก็เพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกันดีขึ้น และอยู่ร่วมกันอย่างราบรื่นนะ เพื่อให้สนิทกันเร็วขึ้น ก่อนเริ่มกินข้าว เรามาเล่นเกมกันหน่อยดีกว่า”

เกมที่ทำให้คนหนุ่มสาวสนิทกันเร็วที่สุด และสร้างบรรยากาศได้ดี คงหนีไม่พ้น เกมพูดความจริงหรือรับคำท้า

“ผมเริ่มก่อนแล้วกัน…” ไป๋ซวี่หยิบขวดเหล้า วางไว้กลางโต๊ะกลม แล้วหมุนสุดแรง

นอกจากสวี่หว่านหนิง แทบทุกคนต่างหวังให้ขวดชี้ไปที่ฉือเย่า

เมื่อขวดค่อย ๆ หยุดลง เสียงเฮก็ดังขึ้นอย่างสมใจ “ฉือเย่า! อยากพูดความจริงหรือรับคำท้า”

ฉือเย่ามีสีหน้าสงบ เขาไม่อยากเปิดเผยความในใจต่อหน้าคนอื่น “รับคำท้า”

ไป๋ซวี่หยิบกระดาษออกมา อ่านแล้วถึงกับตกใจ “ใช้กระดาษทิชชู่คั่น แล้วจูบผู้หญิงหนึ่งคนในที่นี้ เป็นเวลาสองนาที”

คิ้วของฉือเย่าขมวดเข้าหากัน ใบหน้าหล่อเหลาดูหม่นหมองลง

มือของสวี่หว่านหนิงที่วางบนต้นขาค่อย ๆ กำกางเกงแน่น กระดูกนิ้วออกแรงไม่หยุด ความปวดร้าวเอ่อท่วมอก

เธอรู้สึกว่าตัวเองคงบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่ยังนั่งอยู่ที่นี่ แล้วแบกรับความทรมานไม่รู้จบ ความคิดที่อยากจากไปนั้นพุ่งถึงขีดสุด

ซูเยว่เยว่หยิบทิชชู่ขึ้นมา พลางยิ้มอย่างสดใส “พวกเธอหมดสิทธิ์แล้ว พี่เย่าต้องจูบฉันแน่นอน”

พูดจบ เธอก็แนบทิชชู่ไว้ที่ริมฝีปาก พลางเอียงกายเข้าหาฉือเย่า
Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters
No Comments
30 Chapters
บทที่ 1
สี่ปีที่คบกับฉือเย่า คือช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของสวี่หว่านหนิง
หลังจากเลิกรากันไป…สวี่หว่านหนิงร้องไห้มานานถึงห้าปีแม้จะไม่ได้ร้องไห้ทุกวัน แต่เพียงแค่คิดถึงฉือเย่า ในใจก็เหมือนมีฝนโปรยลงมา รู้สึกชื้นแฉะ อึดอัด และดวงตาก็พลอยเปียกปอนไปด้วย
เธอไม่เคยคิดเลยว่า ชีวิตนี้จะได้พบเขาอีกจนกระทั่งในงานเลี้ยงของไป๋ซวี่ทันทีที่เธอก้าวเข้าไปในห้องส่วนตัวที่อึกทึกครึกครื้น สายตาก็หยุดลงอย่างแม่นยำบนใบหน้าด้านข้างที่คุ้นเคยวินาทีนั้น หัวใจของเธอเต้นรัวราวกับฟ้าผ่า มันกระหน่ำใส่จนเธอตั้งตัวไม่ทัน คลื่นอารมณ์ถาโถมเข้ามาในใจราวกับสึนามิเสียงรอบข้างแปรเปลี่ยนเป็นความเงียบงัน สีสันเลือนหาย
ในสายตาคู่นี้…มีเพียงฉือเย่าเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสีดำ รูปร่างสูงโปร่งดูแข็งแรง บุคลิกสง่างามและสูงศักดิ์ แฝงด้วยความเย็นชาจาง ๆ ใบหน้าด้านข้างของเขานั้นคมคาย หล่อเหลาจนยากจะละสายตา
เขากำลังก้มมองโทรศัพท์ในมือความทรงจำทับซ้อนขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว เด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยพลัง ความอบอุ่น แสงแดด และรอยยิ้มคนนั้น ราวกับว่าเพิ่งจะโอบกอดเธอเมื่อวาน และก้มหน้ามาออดอ้อนเสียงอ่อน “หนิงห
Read more
บทที่ 2
ท่ามกลางสายตาของทุกคน ฉือเย่าหยิบแก้วเหล้าตรงหน้าขึ้นมา ก่อนจะกระดกดื่มจนหมดในอึกเดียว
ถ้าใช้การดื่มเหล้าเป็นบทลงโทษ ก็เท่ากับว่าเขาไม่ต้องจูบใครคนอื่น ๆ พากันหัวเราะ
ซูเยว่เยว่โยนกระดาษทิชชู่ทิ้ง พลางพูดอย่างงอน ๆ “พี่เย่า พี่นี่น่าเบื่อจริง ๆ จะอายอะไรขนาดนั้น?”ฉือเย่าหายใจออกลึก ๆ พลางปรับลมหายใจให้เข้าที่
เกมดำเนินต่อไป ผลัดกันเล่นอยู่หลายตา เมื่อมาถึงตาสวี่หว่านหนิง เธอกลัวว่าถ้าเลือกรับคำท้าจะรุนแรงเกินไป และก็กลัวดื่มไม่ไหวเลยพูดออกไปว่า “ฉันเลือกพูดความจริงค่ะ”ซูเยว่เยว่คว้าโอกาสทันที ก่อนจะถามด้วยท่าทีดุดัน “ฉันขอถามนะ สวี่หว่านหนิง เรื่องเมื่อห้าปีก่อนน่ะ เธอเคยเสียดายบ้างไหม ? ”มือของฉือเย่ากำแน่นขึ้นเล็กน้อย เขาก้มตามองเหล้าดีกรีสูงที่เพิ่งรินเต็มแก้ว พลางคิ้วขมวดแน่นคำถามนี้ทำให้ทุกคนงง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางสวี่หว่านหนิงด้วยความอยากรู้
ในวินาทีนั้น หัวใจของสวี่หว่านหนิงราวกับตกลงสู่ห้วงลึกมืดมิด ดิ่งลงไม่หยุด“ไม่เสียใจ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ถ้าย้อนกลับไปอีกครั้ง ฉันก็จะเลือกแบบเดิม”ซูเยว่เยว่พอใจอย่างยิ่ง มุมปากยกยิ้มบาง ๆ ด้วยความอารมณ์ดี
Read more
บทที่ 3
ฉือเย่าคว้าข้อมือที่ดิ้นรนของเธอไว้ กดแน่นขึ้นไปชิดผนังเหนือศีรษะ
จูบเธออย่างบ้าคลั่งราวกับสัตว์ร้ายที่ควบคุมตัวเองไม่ได้น้ำตาเอ่อล้นอีกต่อไปไม่ไหว ไหลรินออกจากดวงตาที่ปิดแน่นของสวี่หว่านหนิง
เขาไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสวี่หว่านหนิงทนไม่ไหวอีกแล้ว จึงกัดลงบนริมฝีปากของเขาอย่างแรง
“ซี้ด” ความเจ็บแล่นวาบ ฉือเย่าจึงผละออกจากริมฝีปากของเธอฉือเย่าที่เธอรู้จักมาโดยตลอด เป็นคนอ่อนโยน
แต่วันนี้กลับโหดร้ายกับเธอถึงเพียงนี้ ยิ่งคิดได้แบบนี้ ก็ยิ่งรู้ว่าเขาคงเกลียดเธอถึงที่สุด หัวใจของสวี่หว่านหนิงเจ็บปวดเป็นระลอกฉือเย่ายังกดมือของเธอไว้ ไม่คิดจะปล่อย พลางหายใจลมร้อนผ่าวพ่นรดแก้มเธอ“ในเมื่อเธอหายไปจากโลกของฉันแล้ว ก็หายไปให้หมด อย่าให้ฉันต้องเจอเธออีก”เสียงของฉือเย่าแหบต่ำ เย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง เหมือนคมมีดที่กรีดลงบนหัวใจของเธออย่างโหดเหี้ยมใต้แผ่นอก เป็นความเจ็บปวดราวกับถูกฉีกขาด เจ็บจนแทบหายใจไม่ออก“ได้” ลำคอของสวี่หว่านหนิงแน่นขมปร่า แต่ก็ตอบอย่างเด็ดขาดมีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้
ว่าในโลกของเธอ…ฉือเย่าไม่เคยหายไปเลยเธอเพิ่งเข้าใจคำพูดหนึ่ง วัยเยาว์ไม่ควรได้พบใครที่ดีเ
Read more
บทที่ 4
ในโรงพยาบาล
สวี่หว่านหนิงชำระเงินเสร็จ ถือใบเสร็จเดินออกมาจากโรงพยาบาลเฉินจื่อหาวรีบตามมา คว้าจับแขนเธอไว้ “ข้อเสนอที่ผมพูดกับคุณครั้งก่อน คิดยังไงบ้าง?”สวี่หว่านหนิงสะบัดมือเขาออกอย่างโมโห หันกลับไปจ้อง “ประสาทหรือไง!”ใบหน้าของเฉินจื่อหาวคล้ำลงทันที เขากัดกรามแน่น เอามือเท้าสะเอว ท่าทางหยิ่งผยองราวกับเธอเป็นฝ่ายติดหนี้ “สวี่หว่านหนิง แค่คุณแต่งงานกับผม เงินชดเชย 4 ล้านบาท ผมไม่เอา ค่ารักษาพ่อผมก็ไม่ต้องให้คุณจ่าย ผมยังจะทำตามที่แม่คุณขอ ไปกู้ธนาคาร 3.3 ล้าน มาเป็นค่าสินสอด ความแค้นระหว่างสองครอบครัวเราจะจบกันแค่นี้”สวี่หว่านหนิงไม่คิดจะเสียเวลาพูดกับเขา
แค่มองก็รู้สึกคลื่นไส้
เธออดกลั้น พลางเดินต่อไปข้างหน้าเฉินจื่อหาวก้าวตามมา คว้าแขนเธออีกครั้ง เสียงแข็งกร้าว “แม่คุณยังเห็นด้วย คุณจะทำหยิ่งอะไรนักหนา”สวี่หว่านหนิงตะคอกตัดบท “งั้นก็ไปแต่งกับแม่ฉันสิ”เฉินจื่อหาวโกรธจนมุมปากกระตุก สายตาแน่วแน่ดุดัน เขาคว้าหลังศีรษะของเธอ ดึงเข้ามาใกล้ “ผมสนใจคุณ นั่นเป็นบุญของคุณแล้ว ความอดทนผมมีจำกัด อย่าบังคับให้ผมใช้กำลัง ถึงตอนนั้น กลัวว่าคุณจะรับไม่ไหว”มือสกปรกของเขากุมท้ายทอ
Read more
บทที่ 5
สวี่หว่านหนิงกลัวจริง ๆ แล้ว
ครั้งก่อน ต่อหน้าผู้คนมากมายในโรงแรมใหญ่ เขายังทำร้ายเธอได้ถึงเพียงนั้น
ตอนนี้ตีสองกว่า ทางเดินของอพาร์ตเมนต์เงียบงันไร้ผู้คน เธอไม่รู้เลยว่าเขาจะทรมานเธออย่างไรอีก“ฉะ…ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมาด้วย” เสียงของสวี่หว่านหนิงสั่น เธอแนบหลังชิดประตูแน่น ราวกับพร้อมจะทุบประตูร้องขอความช่วยเหลือทุกเมื่อ “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปรากฏตัวต่อหน้าคุณ”สีหน้าของฉือเย่าหม่นลง เขาหันไปที่ถังขยะมุมทางเดิน ดับบุหรี่แล้วทิ้งลงไป
จากนั้นเขาก็กดลิฟต์ เมื่อประตูลิฟต์เปิด เขาหันกลับมามองสวี่หว่านหนิง พูดเสียงเรียบว่า “ไม่ไปเหรอ?”สวี่หว่านหนิงสูดหายใจลึก ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น เธอก้าวเดินเข้าไปอย่างช้า ๆ
เขาจะไม่คลุ้มคลั่งอีกแล้วใช่ไหม
หรือว่า…เขากำลังรอเธอ?เข้าไปในลิฟต์แล้ว สวี่หว่านหนิงยืนชิดด้านในสุด สายตายังคงจับจ้องแผ่นหลังของฉือเย่าอย่างไม่อาจผ่อนคลายเขาสูงมาก ผมสั้นตัดอย่างเรียบร้อย ท้ายทอยดูดี ไหล่กว้าง เอวคอด ร่างกายกำยำแน่น ให้ความรู้สึกสุขุมเย็นชาแผ่นหลังของเขา ทำให้คนรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาดเมื่อก่อน เวลาฉือเย่าทำอาหาร เธอมักแอบกอดเขาจากด้านหลั
Read more
บทที่ 6
วันถัดมาหลังจากจัดการงานเสร็จ สวี่หว่านหนิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาซิ่นฮุ่ย“ฮุ่ยฮุ่ย ตื่นหรือยัง?”
“ฟื้นแล้วล่ะ”
“เธอกับไป๋ซวี่เป็นยังไงบ้าง”
“คุยกันแล้ว เขายอมน่ะ งานแต่งเลยยังจัดตามกำหนด”
“ขอโทษนะฮุ่ยฮุ่ย ฉันมีคดีสำคัญมาก เดือนหน้าอาจต้องเดินทางต่างจังหวัด คงไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ไม่ได้ เธอจะโกรธฉันไหม”
“เพื่อนเจ้าสาวกับเพื่อนเจ้าบ่าวที่หน้าตาดีที่สุดสองคน บอกว่ามาไม่ได้พร้อมกัน พวกเธอนัดกันหรือไง?”
“หมายความว่ายังไง”“ฉือเย่าก็บอกว่ามีธุระ มาไม่ได้เหมือนกัน”บางที ฉือเย่าก็ไม่อยากเจอเธอเหมือนกันหัวใจของสวี่หว่านหนิงหนักอึ้งขึ้นมา……เมืองเซินเฉิงกว้างใหญ่ ผู้คนมากมาย ถ้าตั้งใจหลบกันจริง ๆ ก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะได้พบกันอีกเธอยุ่ง ฉือเย่าก็ยุ่งมากเหมือนกันพวกเขาเหมือนเส้นขนานสองเส้น ดูราวกับจะไม่มีวันตัดกันได้และสวี่หว่านหนิงเอง ก็จงใจหลบเลี่ยงเขาเหมือนกันมื้ออาหารที่ซิ่นฮุ่ยกับไป๋ซวี่ชวนนั้น เธอหาข้ออ้างปฏิเสธทั้งหมด แม้แต่เพื่อนนัด เธอก็ต้องถามให้แน่ชัดว่าใครไปบ้าง เพื่อตัดโอกาสที่จะได้เจอฉือเย่าอีกครั้งจนกระทั่งครึ่งเดือนต่อมาผู้อำนวยการหลัวถือ
Read more
บทที่ 7
อากาศราวกับหยุดนิ่งลงในชั่วขณะ รอบด้านเงียบงัน ไร้สีสันใด ๆในสายตามีเพียงฉือเย่าเขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้าอ่อน กางเกงขายาวสีดำ ดูสดใส หล่อเหลา สง่างาม
แม้จะเป็นเพียงชุดทำงานธรรมดา แต่ด้วยใบหน้าหล่อคมไร้ที่ติและรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรง กลับยิ่งขับให้เขาดูสุขุมสูงศักดิ์ดวงตาของเขาลึกมืด มองจนสวี่หว่านหนิงรู้สึกอึดอัด เคร่งเกร็งไปทั้งตัวซูเยว่เยว่หยิบรองเท้าแตะมาวางตรงหน้าเขา “พี่เย่า เปลี่ยนรองเท้าสิคะ”ฉือเย่าไม่ตอบสนอง สายตายังคงจับจ้องสวี่หว่านหนิงไม่กะพริบซูเยว่เยว่ฝืนยิ้มอธิบาย “พอดีมีคดีเครื่องหมายการค้าถูกละเมิดค่ะ เพื่อนแนะนำสำนักงานกฎหมายมา ฉันก็ไม่คิดว่าจะส่งเธอมาเหมือนกัน”สวี่หว่านหนิงขมวดคิ้ว พลางมองซูเยว่เยว่อย่างขุ่นเคืองคำว่า ‘ไม่คิดว่าจะส่งเธอมา’ ช่างพูดออกมาได้หน้าด้านจริง ๆฉือเย่าหันไปมองซูเยว่เยว่ ด้วยน้ำเสียงเย็นจัด “เธอมีบริษัทตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงมีคดีเครื่องหมายการค้า?”ซูเยว่เยว่ชะงัก ก่อนจะยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “เอ่อ…”“ฉันไม่รบกวนพวกคุณแล้ว ขอตัวกลับก่อนนะคะ” สวี่หว่านหนิงรู้สึกอัดอั้น ไม่อยากอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว แต่ฉือเย่ายืนอยู่ตรงตู้รอ
Read more
บทที่ 8
ขึ้นมาถึงชั้นบน หยุดอยู่หน้าประตู
สวี่หว่านหนิงถึงกับนิ่งงันในขณะนั้น ฉือเย่ากำลังกดสแกนลายนิ้วมือเปิดประตูของห้องที่อยู่ตรงข้ามห้องของซูเยว่เยว่ที่แท้…พวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันเสียง ‘ติ๊ด’ ดังขึ้น ประตูเพิ่งปลดล็อกได้ไม่ทันไร
ฝั่งซูเยว่เยว่ก็มีเสียงวิ่งเร่งรีบ ก่อนจะดึงประตูเปิดออกอย่างรวดเร็ว“พี่เย่า คุณ…” ซูเยว่เยว่าวิ่งออกมาด้วยสีหน้าดีใจ แต่ยังพูดไม่ทันจบ พอเห็นสวี่หว่านหนิง สีหน้าก็ชะงัก รอยยิ้มแข็งค้าง ก่อนจะหม่นลงในทันทีเมื่อเห็นว่าทั้งสองเปียกปอนตั้งแต่หัวจรดเท้า
ซูเยว่เยว่ก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง พลางฝืนยิ้มอย่างอึดอัด “สวี่หว่านหนิง เธอยังไม่กลับอีกเหรอ”“ข้างนอกมีพายุไต้ฝุ่น ฝนตกหนัก” สวี่หว่านหนิงตอบเรียบ ๆก่อนหน้านี้อยู่ในบ้านของซูเยว่เยว่ หน้าต่างถูกปิด ม่านก็ปิด เลยไม่ทันสังเกตสภาพอากาศด้านนอกฉือเย่าไม่สนใจซูเยว่เยว่ พลางยกมือเปิดประตูห้องของตัวเองซูเยว่เยว่ร้อนใจ เลยรีบพูดขึ้น “พี่เย่า ให้สวี่หว่านหนิงไปพักที่ฝั่งฉันดีกว่านะ ฉันเป็นผู้หญิง มีเสื้อผ้าให้เธอเปลี่ยน ไปฝั่งฉันจะเหมาะกว่านะ”สวี่หว่านหนิงคิดว่าซูเยว่เยว่พูดมีเหตุผล
“งั้นก็รบกวนด้
Read more
บทที่ 9
นอกหน้าต่างมืดสนิท ลมพายุคำรามกระหน่ำสวี่หว่านหนิงเดินไปดึงผ้าม่านปิดลงเธอกลับมาที่ตู้เสื้อผ้า ก่อนจะเปิดออกดูข้างในมีเสื้อผ้าอยู่จริง แต่มีไม่มาก มีเพียงชุดราตรีราคาแพงสองชุด และชุดนอนสายเดี่ยวสีขาวนวลหนึ่งตัวไม่มีเสื้อผ้าอื่นอีก และยิ่งไม่ต้องพูดถึงชุดชั้นในใหม่ ๆเธอหยิบชุดนอนออกมาแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำในตู้ใต้อ่างล้างหน้า มีอุปกรณ์อาบน้ำและผ้าเช็ดตัวแบบใช้แล้วทิ้งพอเธออาบน้ำเสร็จ เป่าผมให้แห้งแล้วค่อยเดินออกจากห้อง ตอนนี้เป็นเวลา สองทุ่มครึ่งแล้วปกติเธอแทบไม่เคยกินข้าวตรงเวลา จนเป็นโรคกระเพาะ ถ้าเกิดหิวเกินไป มักจะปวดท้องทันทีวันนี้เธอยังไม่ได้กินมื้อเย็น กรดในกระเพาะเริ่มกัดเยื่อบุเลยรู้สึกเจ็บจาง ๆ อย่างทรมานในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหัวใจสวี่หว่านหนิงสะดุ้งวูบ ตอนนี้เธอไม่ได้ใส่ชุดชั้นใน บนตัวมีเพียงชุดนอนสายเดี่ยวบางเบาและดูเย้ายวน“มีอะไรหรือคะ?” เธอไม่กล้าเปิดประตู จึงเดินไปถามอยู่หลังบานประตู“ผมทำอาหารเยอะไป กินไม่หมด คุณจะกินสักหน่อยไหม”เสียงของฉือเย่าดังมาอย่างเย็นชา ไร้ซึ่งความอบอุ่นใด ๆสวี่หว่านหนิงงงเล็กน้อยเธอจำได้ชัด ว่าตอนอย
Read more
บทที่ 10
หลังจากสวี่หว่านหนิงกินมื้อเย็นเสร็จ เธอเก็บกวาดโต๊ะอาหารและล้างชามตะเกียบจนสะอาดเรียบร้อยออกจากครัวมา สายตาของเธอก็เผลอไปหยุดอยู่ที่ฉือเย่าโดยไม่รู้ตัวเขาเปลี่ยนท่านั่งเป็นแบบสบาย ๆ เอนตัวพิงโซฟา ใช้มือข้างหนึ่งค้ำศีรษะ ดวงตายังคงจับจ้องหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่วอกแวกสวี่หว่านหนิงอดสงสัยไม่ได้ว่าเขากำลังดูอะไร ถึงได้ตั้งใจขนาดนั้นตอนที่เธอเดินผ่านหน้าโซฟา เขาแทบไม่แม้แต่จะกะพริบตาพูดกันตามตรง ฉือเย่านับว่ามีมารยาทและการอบรมดีมากแล้ว วันพายุไต้ฝุ่นแบบนี้ยังยอมให้เธอค้างคืน แถมทำอาหารให้กินอีกถ้าเป็นคนอื่น เจอแฟนเก่าอย่างเธอ ต่อให้เห็นเธอห้อยอยู่ปากเหว ก็คงเอาหินก้อนใหญ่มาถ่วงให้ร่วงลงไปเร็วกว่าเดิมแล้วเธอไม่อยากรบกวนความสงบของเขา สวี่หว่านหนิงจึงเดินกลับไปที่ห้องแต่เมื่อมือเพิ่งจะจับลูกบิด เธอก็นึกขึ้นได้ว่ากลางคืนอาจกระหายน้ำก่อนหน้านี้ที่บอกว่ามีน้ำติดตัว ก็แค่พูดเพื่อให้ซูเยว่เยว่หยุดพูดมากเท่านั้นเธอลังเลเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองฉือเย่าการหันตัวกะทันหัน ทำให้สายตาของเธอปะทะเข้ากับแววตาร้อนแรงของเขาโดยไม่ทันตั้งตัวเพียงเสี้ยววินาที ฉือเย่าก็เบือนสายตาหนีก่อนจะ
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status