การทำงานวันแรกไม่หนักเท่าไหร่ ฉัตรญาดาคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ไปตลอดก็คงไม่มีปัญหาอะไรในเมื่อเธอเจอเจ้านายที่ใจดี มีเพื่อนร่วมงานที่น่ารักแต่สิ่งที่กวนใจหญิงสาวอยู่ตลอดก็คือใบหน้าและรอยยิ้มของซีอีโอหนุ่มที่มันคุ้นตาเหมือนกับเธอเคยเจอกับเขามาก่อน
หลังจากเลิกงานหญิงสาวก็แวะทานอาหารที่ร้านประจำก่อนจะหลับมาที่คอนโดมิเนียม
เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วฉัตรญาดาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูภาพถ่ายเก่าๆ ที่ย้ายมาจากโทรศัพท์เครื่องเก่าหลายต่อหลายครั้ง เธอเลื่อนไปเรื่อยๆ ย้อนไปนานเผื่อว่าจะเจอภาพถ่ายของภคชนท์บ้างแต่ก็ไม่เจอแม้แต่ภาพเดียว
หญิงสาววางโทรศัพท์ลงก่อนจะเปิดลิ้นชักที่โต๊ะข้างเตียงแล้วหยิบกล่องขนาดเล็กขนาดครึ่งกระดาษเอสี่ขึ้นมาเปิด
ภายในกล่องมีจดหมายอยู่หลายสิบฉบับแต่หญิงสาวไม่ได้สนใจจดหมายเหล่านั้น เธอสนใจแค่ภาพถ่ายที่อยู่ด้านล่างสุดของกล่องซึ่งเป็นภาพถ่ายวันปัจฉิมนิเทศของฉัตรรวีพี่สาวของเธอ ฉัตรญาดาจำได้ว่าภาพนั้นเธอเป็นคนถ่าย
พี่สาวของเธอยิ้มหวานในมือมีช่อดอกไม้อยู่หลายช่อกับตุ๊กตาหมีอีกหนึ่งตัว ด้านข้างของพี่สาวมีเด็กหนุ่มสวมชุดนักเรียนยืนอยู่ด้วย ใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้นมันคล้ายกับเจ้านายของเธอมากแต่ที่ต่างกันก็คือชื่อและนามสกุลที่ต่างกันอีกทั้งเขาคนนั้นจะมาเป็นซีอีโอบริษัทนำเข้าและจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ขนาดใหญ่แบบนี้
พอคิดถึงข้อแตกต่างตรงนี้ฉัตรญาดาก็เก็บภาพถ่ายและจดหมายไว้ที่เดิม ที่ผ่านมาหลายคนอาจจะคิดว่าเธอลืมเรื่องราวในอดีตได้แล้วแต่อันที่จริงเธอไม่เคยลืมช่วงเวลานั้นได้เลยไม่ใช่ว่าเธอลืมไม่ลงแต่เพราะเธอไม่อยากจะลืมมันต่างหาก
ฉัตรญาดาเก็บทุกอย่างเข้าที่เดิมเรียบร้อยก่อนจะหยิบข้อมูลเครื่องมือแพทย์ตัวใหม่ขึ้นมาศึกษารายละเอียด
ข้อมูลที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ส่งรายละเอียดมาให้เพราะพรุ่งนี้เธอจะไปดูเครื่องมือของจริงที่บริษัทจากอเมริกาเพิ่งส่งมาที่โกดังเก็บสินค้า เมื่ออ่านรายละเอียดของสินค้าแล้วจนเข้าใจในระดับหนึ่งแล้วหญิงสาวก็เตรียมชุดสำหรับไปทำงาน
เธอเลือกชุดทำงานเป็นกางเกงเพื่อให้ดูทะมัดทะแมงก่อนจะปิดไฟเตรียมเข้านอนแต่ยังไม่ทันได้หลับตาเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
“นอนหรือยังญาดา”
“ยังเลย ข้าวฟ่างไม่ยุ่งใช่ไหมถึงโทรมาหาญาดาตอนนี้ได้” หญิงสาวจำได้ว่าวันนี้เพื่อนของตนเองทำงานเวรบ่าย
“ไม่หรอกคนไข้ไม่เยอะ”
“โทรมาตอนขึ้นเวรแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า”
“ก็อยากถามญาดาว่าไปทำงานวันแรกเป็นยังไงบ้างเจ้านายใจดีไหม”
“เรื่องงานก็พอได้นะส่วนเจ้านายจะใจดีหรือเปล่าต้องดูกันนานๆ แต่เจ้านายไม่เป็นเหมือนที่ญาดาคิดไว้เลยนะ”
“ไม่เหมือนยังไงล่ะ”
“ก็เจ้านายอายุยังน้อยอยู่เลย ดูแล้วไม่น่าจะเกินสามสิบนะ”
“แล้วเขาหล่อไหม”
“เขาก็หล่อดีนะแต่ชอบทำหน้าเครียดไปหน่อยเขา”
“เป็นถึงซีอีโอก็ต้องมีเรื่องให้คิดเยอะแยะ เขามีแฟนหรือยังล่ะญาดา”
“ไม่รู้สิใครจะกล้าถาม”
“ถ้าเขาไม่มีแฟนญาดาก็จีบเลยสิ”
“จะบ้าเหรอข้าวฟ่างเพิ่งไปทำงานวันแรกจะให้ญาดาจีบเจ้านายตัวเองเนี่ยนะเขารู้ขึ้นมาได้โดนไล่ออกกันพอดี ญาดายังไม่อยากตกงานหรอกนะ”
“แต่คนเราทำงานใกล้ชิดกันทุกวันถ้าเขายังไม่มีแฟนมันก็มีโอกาสเป็นไปได้นะ”
“เราอย่าพูดถึงเขาแบบนี้เลย ญาดาว่าผู้ชายหน้าตาดีอาชีพการงานดีแบบนี้คงไม่โสดหรอก ญาดาไม่อยากเป็นเมียน้อยของใครหรอกนะ”
“ข้าวฟ่างก็แค่ล้อเล่นน่ะ ใครจะให้เพื่อนไปเป็นเมียน้อยคนอื่นกัน สวยๆ อย่างญาดาไม่จำเป็นต้องใช้ผู้ชายร่วมกับคนอื่นหรอก”
“แล้วที่โทรมาหาญาดาคือจะถามแค่เรื่องไปทำงานอย่างเดียวใช่ไหม”
“ไม่ใช่สักหน่อยเรื่องสำคัญคือเรื่องที่ข้าวฟ่างกำลังจะเล่าต่อจากนี้ต่างหากล่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอข้าวฟ่างทำไมทำเสียงตื่นเต้นจัง”
“ก็มันน่าตื่นเต้นจริงๆ นี่ ญาดาจำหมอเมธินทร์ได้ไหม”
“ลูกชายของหมอทรงเกียรติเจ้าของโรงพยาบาลใช่ไหม”
“ใช่ตอนนี้หมอเขาเรียนจบกลับมาแล้วนะ”
“เขาต่อเฉพาะทางด้านไหนเหรอข้าวฟ่าง” ฉัตรญาดามีโอกาสทำงานร่วมกับคุณหมอเมธินทร์อยู่หลายเดือนก่อนที่เขาจะไปเรียนต่อเฉพาะทาง
“หมอเขาไปเรียนศัลยกรรมน่ะ แต่ที่ข้าวฟ่างตื่นเต้นไม่ใช่เพราะหมอเรียนจบหรอกนะ”
“แล้วตื่นเต้นเพราะอะไรกันล่ะ อย่าบอกนะว่าเปลี่ยนใจมาชอบหมอแล้ว” ฉัตรญาดารู้ว่านริศราไม่ชอบคนอาชีพนี้เท่าไหร่เนื่องจากบิดาของเธอมีอาชีพเป็นหมอและไม่ค่อยมีเวลาให้กับครอบครัวเพื่อนของเธอเคยพูดไว้ว่าจะไม่เลือกคนอาชีพนี้มาเป็นคู่ครองอย่างเด็ดขาด
“เลิกคิดเรื่องนั้นไปเลยที่ตื่นเต้นก็เพราะเขาไปเรียนถึงสามปีแต่เขาไม่เคยลืมใครที่นี่เลย เขาทักทายทุกคนได้ถูกต้องและที่สำคัญเขาถามถึงญาดาด้วยนะ”
“ไม่เห็นน่าตื่นเต้นตรงไหนเลยข้าวฟ่างบอกเองว่าเขาจำทุกคนได้พอเขาไม่เจอญาดาเขาก็เลยถามถึงไงล่ะ”
“มันก็ใช่นะแต่เขาทำหน้าผิดหวังตอนที่ข้าวฟ่างบอกว่าญาดาลาออกไปแล้ว ข้าวฟ่างว่าหมอเขายังไม่เลิกชอบญาดานะ”
“แต่ญาดาก็เคยบอกเขาไว้แล้วว่าญาดาไม่คิดอะไรกับเขา ข้าวฟ่างอย่าพยายามเปลี่ยนแม่สื่ออีกเลยนะ”
ก่อนที่คุณหมอเมธินทร์จะไปเรียนต่อเขามีท่าทีว่ากำลังจีบฉัตรญาดาโดยมีนริศราเป็นคนช่วยสนับสนุนแต่ฉัตรญาดาไม่เคยมองเขาเป็นคนอื่นนอกจากเพื่อนร่วมงาน
“ข้าวฟ่างก็แค่อยากให้ญาดามีแฟนหมอ เขาไม่มีอะไรเสียหายเลยนะ หน้าตาก็หล่อเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ชอบเขา”
“แต่ญาดาไม่ชอบนี่”
“งั้นขอถามอีกข้อก่อนวางสายนะ”
“ถามมาสิ”
“ระหว่างหมอเมธินทร์กับเจ้านายของญาดาใครหล่อกว่ากัน”
“ก็หล่อพอกันแหละหมอเขาหล่อขาวเหมือนหนุ่มเกาหลีส่วนเจ้านายของญาดาหล่อเข้มดูดีกันไปคนละแบบ”
ฉัตรญาดาคุยกับนริศราอีกไม่กี่ประโยคก็วางสาย
การที่นริศราพูดถึงหมอเมธินทร์วันนี้ทำให้เธอนึกย้อนไปเมื่อสามปีก่อนในวันที่คุณหมอหนุ่มนัดเธอออกมาทานอาหารตามลำพัง เขาสารภาพว่าชอบเธอและให้แล้วจะมาฟังคำตอบหลังจากเรียนจบแต่หญิงสาวก็บอกไปตั้งแต่วันนั้นว่าเธอไม่คิดอะไรกับเขาและไม่อยากให้เขาต้องรอ
หมอเมธินทร์ไม่มีข้อเสียให้เธอต้องปฏิเสธเลยแต่เพราะเขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่เธอชอบ ฉัตรญาดาไม่ชอบผู้ชายที่มีชีวิตสมบูรณ์แบบเหมือนกับคุณหมอที่เกิดมาในตระกูลร่ำรวยเธอกลัวความแตกต่างและกลัวเขาจะไม่เข้าใจชีวิตของเธอซึ่งมันไม่สวยหรูชีวิตที่ครอบครัวไม่สมบูรณ์แบบมีครอบครัวแตกแยก
ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเธอยังไม่พร้อมที่จะมีครอบครัวหรือมีคนรักเพราะที่ผ่านเธอเห็นว่าความรักของบิดา มารดารวมถึงความรักของพี่สาวมันล้มเหลวเลยไม่คิดจะเอาตัวเองเข้าไปในวังวนนั้น ฉัตรญาดาขอใช้ชีวิตคนเดียวไปแบบนี้ดีกว่าแม้จะเหงาบ้างแต่เธอยังมีงานและมีเพื่อน หญิงสาวกลัวความรักที่มันมาพร้อมกับความทุกข์และอาจเปลี่ยนหรือทำร้ายชีวิตของใครบางคนที่เธอเคยรู้จักไปตลอดกาล
“คุยกับแม่แล้วใช่ไหมญาดา”“ค่ะญาดาบอกแม่แล้วแม่จะรีบกลับมาพรุ่งนี้ค่ะ แล้วบอสคุยกับพี่โอปอแล้วพี่เขาเป็นยังไงบ้างเขา”“ก็ยังร้องไห้อยู่คงกลัวจะติดคุกนั่นแหละ”“ญาดาขอไปคุยกับพี่ก่อนได้ไหม”“ได้สิผมนั่งรอตรงโน้นนะ”“ค่ะ”ฉัตรญาดาเดินไปหาพี่สาวที่นั่งร้องไห้อยู่ภายในลูกกรง“พี่โอปอเป็นยังไงบ้าง”“ญาดาเธอรู้มั้ยว่าผู้ชายที่เป็นเจ้านายเธอน่ะก็คือวีรวัชร์”“เขาบอกพี่โอปอแบบนั้นเหรอคะ”“ใช่เขาเพิ่งบอกพี่เมื่อกี้ ที่เขาเข้ามาในชีวิตพวกเราก็เพื่ออยากจะทำลายครอบครัวของเรา”“ญาดารู้ค่ะว่าเขาคือพี่วัชร์”“เธอรู้แต่ทำไมเธอไม่บอกพี่”“ก็เขาไม่ให้บอกนี่คะ”“แล้วเธอก็ทำตามเขาอย่างงั้นเหรอ”“ที่ญาดาทำตามที่เขาบอกก็เพราะญาดารู้สึกสงสารและเห็นใจที่เขาต้องมารับโทษแทนพี่”“เธอกำลังถูกเขาหลอกใช้ได้นะญาดาเขาเห็นเธอแค่เป็นทางผ่านเพื่อมาแก้แค้นพี่เท่านั้นแหละ”“ญาดาขอโทษ”“เธอรู้เหรอว่าเขาจะแก้แค้น”“ญาดารู้ค่ะว่าเขาจะแก้แค้นพี่เขาบอกญาดาแล้วและที่เขานัดออกมาเจอวันนี้ก็เพื่อจะบอกความจริงทุกอย่าง แต่เรื่องมันก็เกิดขึ้นมาเสียก่อน ญาดาขอโทษนะคะที่บอกพี่ช้าไปทำเลยให้พี่กับพี่อาร์ทต้องทะเลาะกัน”“พี่เพิ่งรู้นะว่า
“บอสคะญาดาว่าถ้าบอสจะคุยกับพี่โอปอ บอสน่าจะคุยกันตามลำพังนะไม่น่าจะต้องพาญาดามาด้วยเลย” หญิงสาวนั่งบ่นหลังจากเขาไปรับเธอที่คอนโดเพื่อมายังร้านอาหารที่นัดกับลดาภัสน์“ไว้ก็ผมบริสุทธิ์ใจนี่ ผมอยากให้ญาดารู้ว่าผมคุยอะไรกับพี่สาวคุณบ้างและเราจบกันจริงๆ”“แต่ญาดากลัวพี่โอปอโกรธ”“ผมรู้ว่าเขาจะต้องโกรธมาก แต่ถ้าเราไม่พูดตอนนี้เรื่องมันก็จะไปกันใหญ่ ญาดาคงไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้นใช่ไหม”“ค่ะแต่บอสมั่นใจแล้วใช่ไหม”“มั่นใจเรื่องอะไรก็มั่นใจว่าเราจะคบกันจริงๆ บอสจะไม่นึกถึงอดีต”“ไม่หรอกญาดาเรื่องทุกอย่างมันจบไปแล้วแต่ที่ผมคิดจะแก้แค้นพี่สาวของญาดาก็เพราะคำพูดของเขาที่พูดกับผมวันนั้นมันทำให้ผมรู้สึกเจ็บ แต่ตอนนี้ญาดาก็ทำให้ความรู้สึกเจ็บของผมหายไปแล้วผมรู้มันฟังดูแปลกที่ผู้ชายคนหนึ่งจะคบกับน้องสาวของคนที่ทำลายชีวิตเขา แต่ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยญาดาอย่าคิดมากเลยนะ”ภคชนท์ขับรถใกล้จะถึงร้านที่นัดไว้แต่โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาเสียก่อน“ทำไมไม่รับสายล่ะคะ”“เดี๋ยวก็ถึงร้านแล้วผมว่าไปคุยกันที่ร้านดีกว่านะ” ชายหนุ่มไม่อยากคุยขณะขับรถแต่ดูเหมือนลดาภัสน์จะไม่ยอมง่ายๆ เธอยังคงกดโทรศัพท์มาหาเขาอีกห
ช่วงวันหยุดยาวลดาภัสน์ไม่ได้ติดต่อไปหาภคชนท์เลยเพราะสามีของเธอกลับมาที่บ้าน บรรยากาศระหว่างสามีภรรยายังคงมึนตึงกันอยู่เพราะคนกลางอย่างคุณสุชาดามารดาของหญิงสาวไปทำบุญกับเพื่อนที่ต่างจังหวัดหลายวันทำให้ลดาภัสน์และอรรถพลอยู่กันตามลำพังในบ้านลดาภัสน์ตัดสินใจได้แล้วว่าเธอจะหย่าขาดจากสามีและไปเริ่มต้นใหม่กับภคชนท์หญิงสาวมั่นใจว่าชายหนุ่มไม่รังเกียจที่เธอเป็นแม่หม้ายและเขาพร้อมที่จะคบหากับเธอ จากการที่เขาแสดงออกหลายหลายอย่างมันทำให้ลดาภัสน์รู้ว่าเขาเองไม่ได้คิดกับเธอแค่เพื่อนอีกต่อไปเพราะคงไม่มีผู้ชายคนไหนยอมเสียเวลา เสียเงินพาไปช้อปปิ้งโดยไม่หวังอะไรในตัวเธอ“จะเอาอย่างนี้จริงๆ เหรอโอปอ ทำไมไม่นึกถึงวันเก่าๆ ของเราว่าที่ผ่านเรามีความสุขกันมากแค่ไหน” อรรถพลพยายามยื้อเพราะเขาไม่อยากจะเสียเธอไป“คำว่าวันเก่าๆ มันก็คืออดีตค่ะอาร์ทแต่ปัจจุบันโอปอไม่มีความสุขเลย อาร์ทไม่มีเวลาให้โอปอเหมือนเคย”“ผมก็พยายามหาเวลาให้โอปอมากขึ้นแล้วนะ อดทนรออีกนิดไม่ได้เหรอ”“โอปอเบื่อกับคำนี้เหลือเกินแล้วนะ”“ที่คุณอยากจะเลิกกับผมเพราะคุณมีผู้ชายคนใหม่ใช่โอปอ อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะ ผมให้เพื่อนตามสืบมาแล้ว คุณไปกับผู้
เมื่อได้พูดความรู้สึกออกไปแล้วภคชนท์ก็รู้สึกสบายใจขึ้น ตลอดระยะเวลาที่อยู่ภูเก็ตเขากับฉัตรญาดาตกลงกันว่าจะลืมเรื่องทุกอย่างไปก่อนแล้วจะเที่ยวด้วยกันอย่างสนุก ส่วนปัญหาที่มันยังค้างคาอยู่ค่อยกลับมาจัดการที่กรุงเทพทีหลังบ่ายวันอาทิตย์หลังจากที่ตระเวนเที่ยวกันรอบเกาะแล้ว ฉัตรญาดากับภคชนท์ก็กลับมาที่โรงแรมทั้งสองทานอาหารเย็นด้วยกันและนั่งมองพระอาทิตย์ตกดินด้วยกันอยู่บริเวณหาดทรายหน้าโรงแรม“ญาดาดูเหมือนจะชอบทะเลมากนะ แต่ทำไมไม่เห็นจะลงไปเล่นน้ำหรือไม่ได้เตรียมชุดว่ายน้ำมา ให้ผมพาไปซื้อก็ได้นะ”“ญาดาเตรียมชุดว่ายน้ำมาค่ะ แต่เห็นคนเล่นน้ำทะเลแล้วก็เลยเปลี่ยนใจ”“ทำไมล่ะ”“คนมันเยอะไปหน่อย”“แสดงว่าชุดที่เตรียมมาต้องเซ็กซี่มากๆ เลยใช่ไหมล่ะถึงไม่กล้าใส่ลงมาเล่นน้ำ”“ก็ประมาณหนึ่งค่ะ”“ถ้าอยากเล่นน้ำจริงๆ เราย้ายไปเช่ารีสอร์ทกันไหม เอาที่ที่มีหาดส่วนตัวญาดาเราจะได้เล่นน้ำ”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะบอสพรุ่งนี้เราก็ต้องเริ่มต้นทำงานแล้ว แค่ได้นั่งมองพระอาทิตย์ตกดินแบบนี้ญาดาก็มีความสุขมากๆ แล้วค่ะ บอสล่ะคะ”“ผมมีความสุขมาก เราคงต้องอาหโอกาสมาเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ แล้วนะ”“บอสไม่เบื่อเหรอคะพี่ต้องขับรถพาญ
ภคชนท์มีท่าทางคิดหนักและลังเลว่าจะบอกความจริงฉัตรญาดาไปตอนนี้ดีหรือเปล่า บรรยากาศในร้านอาหารมันก็ค่อนข้างโรแมนติกมีเสียงเพลงสากลจากทางร้านคลอเบาๆ อีกทั้งยังได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่งอยู่ไกลๆ“บอสเป็นอะไรคะทำไมนิ่งไปมีอะไรบอกญาดาตรงๆ ได้นะคะ”เขามองหน้าเธอก่อนตัดสินใจรวบรวมความกล้าแล้วพูดออกไป“ให้ผมพูดตรงๆ ใช่ไหม”“ใช่ค่ะ ญาดาพร้อมจะฟัง”“แล้วถ้าผมบอกว่าผมชอบญาดาล่ะ”“อะไรนะคะ” หญิงสาวตกใจจนช้อนที่อยู่ในมือแทบจะร่วง“บอสต้องล้อเล่นแน่ๆ เลย” เธอไม่เชื่อในสิ่งที่ภคชนท์พูดสายตาที่มองมีแต่ความสงสัย“ทำไมต้องคิดว่าล้อเล่นด้วยล่ะ”“ก็บอสเคยชอบพี่สาวของญาดานี่คะ”“ตัดอดีตทิ้งออกไปก่อนได้ไหมตอนนี้เราพูดกันถึงเรื่องปัจจุบัน”“บอสคะบอสเมาหรือเปล่า”“เราไม่ได้กินเหล้ากันนะ ไวน์ก็หมดไปแค่ครึ่งแก้วเอง”“บอสจะมาชอบญาดาได้ยังไง” เธอยังคงสงสัย“แล้วทำไมผมจะชอบคุณไม่ได้ล่ะ”“ไม่รู้สิคะ ญาดากับบอสอายุห่างกันตั้งเยอะนะคะ อีกอย่างญาดาก็เป็นแค่ผู้ช่วยของบอสเองมันไม่มีอะไรเหมาะสมกับบอสหรอก”“เมื่อกี้ในสเปกของญาดาไม่มีความว่าเหมาะสมเลยนะ แล้วผมก็ตรงสเปกของญาดาทุกอย่าง”“แล้วญาดาตรงสเปกของบอสตรงไหน”“ก็ตรงที่
ภคชนท์และฉัตรญาดามาถึงภูเก็ตในเวลาค่ำของวันศุกร์ทั้งสองเช็กอินเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งคุณแพรพรรณเลขาของชายหนุ่มได้จองไว้ให้แล้ว ห้องพักของทั้งสองเป็นห้องพักที่อยู่ติดกันและเมื่อเก็บของเข้าที่แล้วเขาก็พาเธอไปร้านอาหารที่อยู่ห่างออกไปจากโรงแรมโดยรถเช่าจองไว้ล่วงหน้าแล้ว“เป็นไงชอบร้านนี้ไหมญาดา”“ชอบค่ะบรรยากาศดีมากอาหารก็อร่อยบอสเคยมาทานที่นี่บ่อยไหม”“ก็ทุกครั้งที่มาภูเก็ตผมก็จะมาทานร้านนี้แหละ”“แล้วแต่ก่อนบอสมากับใครคะมากับพี่แพรหรือเปล่า”“มากับคุณแพรสองครั้งน่ะ จากนั้นก็มาคนเดียวอีกหน่อยญาดาอาจจะต้องมากับผมบ่อยขึ้น”“ไม่มีปัญหาค่ะ”“ถ้าต้องเดินทางบ่อยๆ สะดวกไหมมีใครว่าอะไรหรือเปล่า”“สะดวกค่ะ ญาดาไปได้ทุกที่” เธออยากจะพูดต่อว่าสามารถไปที่ไหนก็ได้ทุกที่ถ้าหากมีเขาไปด้วยแต่ก็หยุดคำพูดนั้นไว้แค่นั้นเพราะรู้ว่ามันไม่เหมาะสมที่จะสารภาพความรู้สึกของตนเองออกไป“เดือนหน้าก็จะต้องไปอเมริกาแล้วภาษาอังกฤษเป็นยังไงบ้างล่ะ”“สบายมากค่ะตอนนี้ญาดากำลังคิดว่าอยากจะเรียนเพิ่ม”“อ้าวไหนบอกว่าสบายมากแล้วทำไมอยากจะเรียนเพิ่มอีกล่ะ”“ญาดาไม่ได้อยากจะเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มสักหน่อย ญาดาคิดว่าจะเรียนภ