วันที่สองของการทำงานเป็นผู้ช่วยผ่านไปได้แบบสบายๆ ช่วงเช้าภคชนท์พาฉัตรญาดาไปดูเครื่องมือทางการแพทย์ชิ้นใหม่ที่โกดังเพื่อศึกษารายละเอียดของเครื่องมือซึ่งนอกจากจะมีเธอและเจ้านายแล้วยังมีฝ่ายการตลาดและเซลล์เข้าฟังอีกหลายคน
เมื่องานช่วงเช้าเสร็จภคชนท์ก็พาพนักงานมาทานอาหารโดยมีคุณแพรพรรณจองโต๊ะไว้เรียบร้อยแล้ว
“ครั้งต่อไปเวลาออกนอกสถานที่แบบนี้ญาดาจะต้องเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้นะ เดี๋ยวพี่จะส่งรายชื่อร้านอาหารและรายการอาหารโปรดของเจ้านายให้นะ”
“ได้ค่ะพี่แพร แล้วพี่แพรจะออกมาด้วยทุกครั้งมั้ยคะ” หญิงสาวอุ่นใจถ้าหากแพรพรรณจะออกมาด้วยทุกครั้ง
“ไม่จ้ะ หน้าที่ตามเจ้านายเป็นหน้าที่ของผู้ช่วยถ้าพี่ออกมาทุกครั้งแล้วใครจะคอยประสานงานในบริษัทล่ะ”
“ญาดาเข้าใจค่ะ”
“แต่ญาดาอย่าพึ่งกังวลไปนะทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป”
“แล้วญาดาก็ไม่ต้องเกรงใจพี่เลยนะ ญาดาถามพี่ได้ทุกอย่าง”
“ขอบคุณค่ะพี่แพร”
ช่วงบ่ายฉัตรญาดายังคงอยู่ที่โกดังเพื่อดูสาธิตการใช้งานของเครื่องมือแพทย์ชิ้นใหม่ส่วนเจ้านายของเธอและเลขานุการนั้นกลับเข้าบริษัทไปแล้ว ก่อนกลับเขามอบหมายให้เธอศึกษาการใช้งานจนเข้าใจเพราะการไปเจอลูกค้าครั้งต่อไปเธอจะต้องเป็นตัวแทนของเขาเข้าไปเจอลูกค้ากับเซลล์มือหนึ่งของบริษัท
“พี่เกศเก่งจังเลยนะคะฟังแป๊บเดียวก็เข้าใจหมดเลย” ฉัตรญาดาชมเกศราเซลล์รุ่นพี่ที่สามารถอธิบายทุกอย่างที่ฟังออกมา ได้แบบเข้าใจง่ายและเป็นภาษาของตนเอง
“ก็พี่ทำงานมานานแล้วนี่คะ อีกหน่อยญาดาก็เก่ง” เกศรายิ้มอย่างใจดีให้กับผู้ช่วยของเจ้านาย
“ญาดาขอฝากตัวกับทุกคนด้วยนะคะญาดายังใหม่กับงานด้านนี้มากอาจจะต้องขอคำแนะนำจากพี่บ่อยๆ นะคะ”
“ไม่เป็นไรครับเราทำงานด้วยกันก็ต้องช่วยเหลือกัน” นฤนาทรุ่นพี่อีกคนพูดขึ้น
“ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนนะคะญาดาจะตั้งใจและทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่เลยค่ะ” ฉัตรญาดาสบายใจมากที่พี่ๆ เซลล์และการตลาดทุกคนดูเป็นมิตรและพร้อมจะช่วยเหลือให้คำแนะนำพนักงานใหม่อย่างเธอ
กลับจากโกดังสินค้าฉัตรญาดาก็เข้ามาในบริษัทซึ่งเป็นเวลาที่ทุกคนใกล้จะกลับบ้านแล้วหญิงสาวเดินกลับเข้ามาที่หน้าห้องทำงานก็เจอกับแพรพรรณที่กำลังวุ่นอยู่กับเอกสารตรงหน้า
“พี่แพรคะมีอะไรให้ญาดาช่วยมั้ย”
“ญาดาช่วยเอาแฟ้มพวกนี้ไปให้ฝ่ายบัญชีนะแล้วก็ถามฝ่ายบัญชีด้วยว่ามีเอกสารอะไรฝากให้บอสไหมจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเอามาให้”
“ได้ค่ะ”
ฉัตรญาดาเดินเอาเอกสารไปให้หัวหน้าฝ่ายบัญชีซึ่งแพรพรรณแนะนำให้เธอรู้จักแล้วตั้งแต่เมื่อวาน เมื่อส่งแฟ้มให้แล้วก็รับแฟ้มของฝ่ายบัญชีกลับมาหนึ่งแฟ้ม
“กลับมาแล้วเหรอญาดา เอกสารสองแฟ้มนี้พี่ฝากให้บอสนะ”
“ได้ค่ะพี่แพร” ฉัตรญาดาหยิบแฟ้มทั้งสองแล้วเคาะประตูห้องและรอจนเจ้านายอนุญาตจึงเปิดประตูเข้าไป
“เอกสารค่ะบอส” หญิงสาววางเอกสารไว้บนโต๊ะและกำลังจะกลับไปที่ตั้งของตนเอง
“เดี๋ยวก่อนสิญาดา”
“มีอะไรเหรอคะบอส”
“เอกสารพวกนี้เอาไปอ่านก่อนนะเพราะไม่ด่วนเท่าไหร่จะได้รู้แนวทางการทำงาน ครั้งหน้าคุณอาจจะต้องเป็นคนอ่านแล้วผมจะมีหน้าที่แค่เซ็นอย่างเดียว”
“ได้ค่ะบอสเธอ” ถือแฟ้มพวกนั้นกลับมานั่งอ่านได้พักใหญ่ก็ได้ยินเสียงเขาโทรศัพท์ไปบอกให้แพรพรรณกลับบ้านได้
ฉัตรญาดาอยากถามว่าแล้วเธอล่ะจะกลับได้หรือยังแต่ก็ได้แต่คิดเพราะรู้ว่าหน้าที่ผู้ช่วยต้องกลับที่หลังเจ้านาย
“เลิกงานแล้วมีธุระไปไหนหรือเปล่า” จู่ๆ ภคชนท์ก็ถามขึ้น
“เปล่าค่ะ”
“งั้นวันนี้ออกไปเจอลูกค้ากับผมนะ”
“ได้ค่ะ ลูกค้าชื่ออะไรคะฉันจะเตรียมเอกสารได้ถูกค่ะ”
“ไม่ต้องเตรียมเอกสารอะไรหรอกลูกค้าคนนี้เป็นเหมือนเพื่อนก็เลยอยากจะแนะนำให้รู้จักกันไว้ก่อน”
“ได้ค่ะ ไปตอนนี้เลยไหมคะ”
“อืม คุณมาทำงานยังไง”
“ฉันขับรถมาเองค่ะ บอสช่วยส่งโลเคชั่นให้ได้ไหมเดี๋ยวฉันจะขับรถตามไป”
“ผมว่าไปด้วยกันดีกว่านะกินข้าวเสร็จแล้วผมจะขับรถมาส่งคุณที่นี่ก็”
“ค่ะ”
ภคชนท์ขับรถออกจากบริษัทในเวลาเกือบจะหนึ่งทุ่มตอนนี้รถบนถนนติดจนแทบไม่ขยับหญิงสาวรู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่ตามลำพังกับเจ้านายแบบนี้ เธออยากชวนเขาคุยเพื่อทำลายบรรยากาศเงียบๆ นี้ให้หมดไปแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน
ปกติแล้วฉัตรญาดาเป็นคนคุยเก่งและเข้ากับทุกคนได้ดีแต่ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนทั่วไปที่เธอจะชวนคุยได้เพราะเขาคือเจ้านายของเธอและเธอกับเขาก็เพิ่งเจอกันเพียงแค่สองวันเท่านั้น
“อีกนานเลยกว่าจะถึงร้านที่นัดไว้คุณหิวหรือเปล่า” ภคชนท์ หันมาถามผู้ช่วยที่นั่งตัวเกร็งอยู่ข้างๆ เขาเห็นเธอเอาแต่เงียบก็เลยชวนคุย
“ไม่ค่ะปกติฉันไม่กินข้าวเวลานี้บอสล่ะคะหิวหรือเปล่าให้ฉันลงไปซื้ออะไรให้มั้ย ข้างหน้ามีเซเว่นด้วยค่ะ เดินไปซื้อของกลับมารถของบอสก็คงยังขยับไปไหนไม่ไกล”
“ไม่เป็นไรเราไปกินที่ร้านเลยก็ได้ ผมกะเวลาออกจากบริษัทผิดนิดหน่อยรถเลยติดแบบนี้ คุณพักอยู่ไหนเหรอญาดาเคยเจอรถติดหลังเลิกงานไหม”
“ฉันพักอยู่ที่คอนโดXXXค่ะ อยู่ไม่ไกลจากบริษัทเท่าไหร่ เมื่อวานตอนเลิกงานรถก็ติดไม่เยอะเท่าวันนี้ค่ะ”
“แล้วกลับคอนโดผิดเวลาแบบนี้จะมีใครว่าอะไรหรือเปล่า”ภคชนท์ถามเพราะอยากจะรู้ว่าเธอพักอยู่กับใครอาจจะเป็นแฟนเป็นครอบครัวของเธอหรือโชคดีหน่อยฉัตรญาดาก็อาจจะพักอยู่กับพี่สาว
“ไม่มีใครว่าหรอกค่ะ ฉันอยู่คอนโดคนเดียวจะกลับกี่โมงก็ได้ค่ะ”
“พักคอนโดคนเดียวแสดงว่าบ้านไม่ได้อยู่ในกรุงเทพใช่ไหม”
“ค่ะ ครอบครัวของเราอยู่อุทัยค่ะ”
“มาอยู่กรุงเทพคนเดียวแบบนี้ที่บ้านไม่ห่วงเหรอ”
“ห่วงสิคะแต่ฉันก็โทรคุยกับพ่อเกือบทุกวันค่ะ ถ้ามีวันหยุดก็ขับรถไปนอนกับท่านบ้างหรือบางครั้งคุณพ่อก็ขับรถขึ้นมานอนที่คอนโดและค้างกับฉันที่นี่ค่ะ”
ภคชนท์แปลกใจกับข้อมูลที่ฉัตรญาดาเล่าเพราะเท่าที่จำได้นั้นฉัตรญาดาอาศัยอยู่กับพี่สาว มารดาและพ่อเลี้ยงซึ่งคนหลังสุดเสียชีวิตไปสิบกว่าปีแล้ว เขาไม่เข้าใจว่าคุณพ่อที่ฉัตรญาดาพูดถึงนั้นคือใคร
เขาอยากถามเธอมากกว่านี้แต่กลัวว่ามันจะมากเกินไปสำหรับการทำความรู้จักกันช่วงแรก
“แล้วบ้านบอสนะคะอยู่ไกลจากบริษัทใหม่”
“ผมอยู่คอนโดเหมือนกันแต่อยู่ไกลจากบริษัทมากกว่าคอนโดของคุณเยอะ”
“เลยทำไมเลือกไปอยู่ไกลแบบนั้นล่ะคะ”
“ก็ในราคาเดียวกันมันได้ขนาดห้องที่ใหญ่กว่าเยอะเลย แล้วผมก็ไม่ค่อยชอบความวุ่นวายเท่าไหร่ ผมจะเข้าบริษัทเวลาไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องเข้าตรงเวลา”
“ถ้าบอสชอบคอนโดกว้างๆ ทำไมไม่อยู่บ้านล่ะคะ”
“ผมก็เคยคิดนะแต่อยู่บ้านมันต้องมีเวลาดูแลบ้านด้วย เอาไว้มีครอบครัวค่อยไปหาบ้านอยู่ก็แล้วกันเพราะถ้าถึงตอนนั้นคงต้องมีพื้นที่กว้างๆ สำหรับคนในครอบครัว”
“ฉันนึกว่าบอสมีครอบครัวแล้ว”
“ยังหรอก ตอนนี้ผมอยากทุ่มเทให้กับงานก่อนนะ รอให้งานอยู่ตัวมากกว่านี้ค่อยคิดเรื่องนั้นคุณล่ะญาดา”
“ฉันไม่คิดมีครอบครัวหรอกค่ะ”
“ถามได้ไหมว่าทำไม”
“ฉันมาจากครอบครัวที่ไม่ค่อยอบอุ่นและคนรอบข้างก็ทำให้ฉันหมดศรัทธาในความรักค่ะ”
“ผมก็ไม่ต่างจากคุณหรอกนะญาดาแต่ผมว่าแต่ละคนมีการใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนกันอย่าเอาความผิดพลาดของคนอื่นมาตัดสินชีวิตของตัวเองเลยนะ”
“ค่ะแต่บางครั้งมันก็ทำใจยากกับเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตค่ะ”
“เรื่องในอดีตมันคงหนักมากจนคุณลืมไม่ได้เลยเหรอ ผมว่าปล่อยวางบ้างก็ได้นะ”
“ไม่ใช่ว่ามันลืมยากหรอกนะ แต่ฉันไม่อยากลืมมันมากกว่า”
“เล่าให้ผมฟังก็ได้นะ ผมน่ะเป็นคนเก็บความลับเก่งมาก”
“ขอบคุณค่ะ” ฉัตรญาดาขอบคุณแต่เธอไม่คิดจะเล่าเรื่องนั้นให้ใครฟังเพราะมันเป็นความลับของคนที่เคยเป็นคนในครอบครัว
บรรยากาศบ้านสวนของคุณนิวัฒน์และภัทราดูมีชีวิตชีวาเมื่อลูกสาวคนโตของบ้านกับน้องสาววัยสิบห้ากำลังคุยกันอย่างออกรส“พลอยอยากให้พี่ญาดากลับมาบ้านบ่อยๆ” พลอยภัทรานั่งเกาะแขนพี่สาวไว้ไม่ยอมปล่อย“พี่เขาต้องทำงานนะพลอยจะให้กลับมาบ่อยๆ คงไม่ได้หรอก” ภัทราบอกกับลูกสาวที่เอาแต่เกาะติดพี่สาวต่างมารดาไม่ยอมปล่อยตั้งแต่ฉัตรญาดากลับมาถึงบ้าน“ก็พลอยเหงานี่คะ อยู่กับพ่อและแม่น่าเบื่อจะตาย ขอออกไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างก็ไม่ได้”“จริงเหรอคะพ่อ” ฉัตรญาดาหันไปถามบิดาเพราะตอนที่เธออายุเท่ากับพลอยภัทราบิดาไม่ได้เข้มงวดขนาดนี้“ไม่หรอกน่า น้องก็พูดเกินไป”“ไม่เกินไปเลยค่ะ พ่อห้ามไม่ให้พลอยออกไปเที่ยวกับเพื่อนหรือถ้าให้ไปก็ไปนั่งเฝ้าพลอยอึดอัดนะ”“ก็พ่อเป็นห่วงพลอย”“แต่พลอยโตแล้ว” เด็กสาวเถียงเพราะเพื่อนๆ ของเธอไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ“พลอยจ้ะ พี่ว่าเอางี้ดีไหมล่ะ” ฉัตรญาดากำลังหาทางออกให้บิดาและน้องสาว“ยังไงคะ”“ก็เวลาที่พลอยจะไปไหนพลอยก็บอกพ่อและนัดเวลารับส่งที่แน่นอน ส่วนพ่อก็ต้องไว้ใจน้องนะคะ ญาดาว่าน้องก็โตพอที่จับผิดชอบตัวเองได้แล้ว ตอนที่ญาดาอายุเท่าน้องพ่อยังให้ญาดาขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวกับเพื่อนเลยน
บ่ายวันเสาร์ภคชนท์ขับรถไปรอลดาภัสน์ที่หน้าโรงพยาบาล พอถึงเวลานัดหญิงสาวก็ลงมาจากตึกด้วยชุดกระโปรงสายเดี่ยวผ้าพลิ้วสีฟ้าน้ำทะเลและสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวผูกชายเสื้อไว้ทางด้านหน้า“รอนานไหมคะ”“ไม่ครับ คุณสวยมากเลยนะ วันนี้ใส่ชุดนี้มาทำงานเหรอ”“เปล่าค่ะเพิ่งเปลี่ยนเมื่อกี้คุณชนท์จะพาไปทานอาหารทะเลทั้งทีก็ต้องแต่งตัวให้เข้ากับบรรยากาศหน่อยสิคะ” หญิงสาวยิ้มเมื่อเห็นว่าวันนี้เขาก็แต่งตัวสบายๆ ด้วยเสื้อโปโลสีขาวกับกางเกงผ้าต่างจากทุกครั้งที่จะสวมเชิ้ตและสวมสูททับ“ผมซื้อพายกับกาแฟมาให้คิดว่าคุณคงหิวเพราะอีกนานเลยกว่าเราจะไปถึงร้านอาหาร” เขาส่งกล่องพายและกาแฟให้กับลดาภัสน์ก่อนจะขับรถมุ่งหน้าไปจากหัวหินตามที่ได้คุยกันไว้“ขอบคุณค่ะโอปอกำลังหิวอยู่พอดีเลย คุณชนท์ทานด้วยกันไหมคะ”“ไม่เป็นไรครับผมทานมาแล้ว”ระหว่างทางไปหัวหินทั้งสองคนก็คุยกันอย่างสนิทสนม ลดาภัสน์รู้สึกเหมือนตัวเองรู้จักกับเขามานาน ถ้าหากภคชนท์ไม่ใช่นักเรียนนอกเธอคงจะคิดว่าเขาคือคนเดียวกับวีรวัชร์อย่างแน่นอน“ปกติแล้ววันหยุดคุณชนท์ทำอะไรคะ”“ก็ออกกำลังกาย ว่ายน้ำแล้วนอนดูหนังสักเรื่องที่คอนโดครับ คุณล่ะ”“ก็อยู่บ้านกับแม่ค่ะ ท
“ยังไม่นอนอีกเหรอคะแม่” ลดาภัสน์แปลกใจที่กลับมาเวลานี้แล้วมารดายังไม่เข้านอน“ก็ว่าจะนอนแล้วล่ะ งานหนักเหรอกลับดึกเชียว”“เปล่าหรอกค่ะแม่ โอปอไปทานข้าวกับเพื่อนมาค่ะ แม่เป็นอะไรหรือเปล่าสีหน้าไม่ดีเลย”“เย็นนี้ญาดาโทรมาหาแม่”“เหรอคะ แล้วญาดาว่ายังไงบ้างคะ”“ก็ถามเรื่องงานแล้วก็บอกว่าจะให้เงินเดือนแม่เพิ่ม”“เหรอคะ แล้วญาดาบอกไหมว่าจะให้เท่าไหร่”“แม่บอกน้องไปแล้วว่าไม่ต้องให้เพิ่มเพราะที่ให้มาก็มากพอแล้ว”“พอเหรอคะแม่ โอปอว่าน่าจะขอเพิ่มอีกสักหน่อย”“แค่นี้ก็รบกวนน้องมากแล้วนะโอปอ แม่เองก็พอมีเงินอยู่”“ญาดาไม่ได้ลำบากอะไรหรอกค่ะแม่ ตอนนี้ก็เพิ่งเข้าไปทำงานที่บริษัทใหม่เงินเดือนเยอะกว่าเดิมมาก”“ญาดาก็เล่าให้ฟังแล้วแต่แม่ก็อยากให้น้องเก็บเงินไว้บ้าง น้องยังต้องผ่อนคอนโดอีก แล้วโอปอล่ะลูกที่ทำงานใหม่เป็นยังไงบ้าง”“ก็ดีค่ะแม่ เงินเดือนเยอะขึ้นแต่ก็ต้องรับผิดชอบมากขึ้น วันเสาร์โอปอก็ต้องทำงานครึ่งวัน”“แล้วแบบนี้จะมีเวลาไปหาอาร์ทเหรอ”“ทำไมโอปอจะต้องไปหาเขาล่ะคะแม่ เขาต่างหากที่ต้องมาหาโอปอ นี่ก็หยุดยาวติดกันสามวันเขายังไม่มาเลย”“คุยกับเขาแล้วเหรอ”“เราคุยกันเมื่อตอนบ่ายค่ะ เขาว่าช่วง
ออกจากร้านอาหารแล้วภคชนท์ก็ไปนั่งดื่มที่ร้านของกษิเดชแต่เขาไม่ได้โทรนัดภูวริษออกมาเหมือนอย่างทุกครั้งเพราะวันนี้อยากนั่งดื่มคนเดียวและใช้ความคิดไปด้วย“ฉายเดี๋ยวเหรอวันนี้” กษิเดชเข้ามาทักทายรุ่นน้องที่เขาเห็นนั่งดื่มคนเดียวมาเกือบชั่วโมงแต่ก็ยังไม่เห็นเพื่อนสนิทของเขาอย่างหมอภูวริษมาด้วย“สวัสดีครับพี่เดช”“ดื่มคนเดียวเหงาไหมล่ะ”“ผมว่าผมเหงาจนชินแล้วล่ะครับ”“ไม่สบายใจเรื่องอะไร เล่าได้ไหม”“วันนี้ผมเจอโอปอ”“ใครกันโอปอ พี่พลาดอะไรไปหรือเปล่าเหมือนไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลยนะ” เขานั่งข้างๆ สายตามองรุ่นน้องที่นั่งหน้าเครียด“ผมก็เพิ่งได้ยินวันนี้แต่ถ้าบอกว่าผมเจอรวีพี่ก็คงร้องอ๋อ”“จริงเหรอ แล้วเป็นไงบ้างได้คุยกันหรือเปล่า นายจำเธอได้ไหม”“เธอเหมือนจะจำได้แต่ผมก็ปฏิเสธไปแล้ว ถ้าพี่เป็นเธอพี่จะเชื่อไหมล่ะ”“มันอยู่ที่ว่านายกับเธอรู้จักกันดีมากแค่ไหนก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป แต่ถ้าว่ากันตามจริงก็เชื่อยากนะเพราะนายเปลี่ยนไปจากเดิม ทั้งชื่อนามสกุลรวมถึงการศึกษา”“มันก็จริงนะ แล้วจะเอายังไงต่อล่ะ”“ตอนนี้ยังคิดไม่ออกเลย อีกอย่างเธอก็แต่งงานไปแล้ว”“เสียใจไหม”“ก็นิดหน่อย แต่ผมก็เผื่อใจ
ฉัตรญาดาขับรถมายังร้านอาหารที่เธอมักมารับประทานเวลาเลิกงานกับเจ้านายเพราะถามแพรพรรณแล้วว่าร้านนี้น่าจะเหมาะสมที่สุดเพราะมีทั้งที่จอดรถและอาหารอร่อยหญิงสาวมาถึงร้านอาหารก่อนเวลาเล็กน้อยและพี่สาวของเธอก็ยังไม่มาถึงฉัตรญาดาเลือกนั่งโต๊ะติดกับประตูทางเข้าเพราะกลัวว่าพี่สาวจะมาแล้วมองไม่เห็นหรืออีกเหตุผลหนึ่งก็คือถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องก็จะได้หนีแบบง่ายๆพนักงานของร้านรีบเดินเข้ามารับออเดอร์ทันทีที่เห็นหญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้“รับอาหารเหมือนเดิมมั้ยคะ” พนักงานสาวทำด้วยความคุ้นเคยเพราะจำได้ว่าเธอคือผู้หญิงที่มารับประทานอาหารกับแขกประจำอย่างภคชนท์“ขอเมนูดีกว่าค่ะวันนี้ฉันมากับคนอื่น”“ได้ค่ะ”พนักงานหยิบเมนูอาหารมาให้หญิงสาวสั่งสเต๊กปลาสองที่และสั่งสลัดผัดกับสปาเกตตี้มาอีกอย่างละหนึ่งจาน เหตุผลเธอสั่งอาหารไว้รอเพราะคิดว่าเมื่อพี่สาวมาถึงก็จะได้รีบคุยธุระกันทันทีฉัตรญาดานั่งรอไม่นานนักพี่สาวของเธอก็เดินเข้ามาในร้านและเห็นเมื่อเห็นน้องสาวนั่งรออยู่ก็รีบตรงเข้ามาหาทันที“รอนานไหมญาดา โทษทีนะพี่ไม่คุ้นกับถนนเส้นนี้เลยขับมาแบบช้ามากๆ”“ไม่นานหรอกค่ะ ญาดาสั่งสลัดสเต๊กปลาแล้วก็สปาเกตตี้ให้แล้วนะคะ
“บอสเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ฉัตรญาดาสังเกตว่าวันนี้เจ้านายของเธอมีท่าทางแปลกตั้งแต่ขับรถออกจากบริษัท เขาดูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา“เปล่านี่”“แน่นะคะ ญาดาว่าบอสเหมือนกำลังตื่นเต้นนะคะ งานนี้ไม่ใช่งานแรกที่บอสจะต้องไปสักหน่อย”“ผมบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ เรารีบเข้าไปข้างในกันเถอะเดี๋ยวงานก็จะเริ่มแล้ว”การเปิดแผนกเสริมความงามแบบครบวงจรมีผู้มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ภคชนท์มอบช่อดอกไม้เพื่อแสดงความยินดีกับแพทย์เจ้าของโรงพยาบาลและพูดคุยเล็กน้อยก่อนจะเดินออกมาเพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่นได้เข้าไปแสดงความยินดีบ้างชายหนุ่มเดินไปตามบูทต่างๆ เพื่อหวังว่าจะเห็นผู้หญิงที่ชื่อลดาภัสน์แต่เขาผ่านมาหลายบูทก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา“บอสจะกลับเลยไหมคะ” ฉัตรญาดาเห็นว่าแขกบางคนเมื่อแสดงความยินดีเสร็จแล้วก็ทยอยกลับเขาจึงชวนเจ้านายกลับ“ผมว่าจะเดินดูรอบๆ สักหน่อย ถ้าคุณเมื่อยก็ไปนั่งรอได้นะญาดา”“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้สบายมา ญาดาว่าคนให้ความสนใจเยอะเหมือนกันนะคะ เขาจัดโปรโมชั่นได้น่าสนใจทีเดียว”“คุณอยากทำศัลยกรรมบ้างไหมล่ะ”“ไม่ค่ะ ญาดากลัวเข็ม”“กลัวเข็มแต่มาเป็นพยาบาลเนี่ยนะ”“ก็เราใช้เข็มกับคนอื่นนี่คะไม่ได้