CLOSE FRIEND
CHAPTER 6
อยากจะบ้าตาย!
ฉันอายจนไม่รู้ว่าจะเอาหัวไปมุดไว้ที่ไหนแล้ว!
ถึงรามจะทำตัวเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ฉันก็อายมากอยู่ดีที่มันเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้!
โอเค… ฉันผิดเองที่เมาเละเทะ แต่ปกติก็คือไม่ได้เปลื้องผ้าทั้งตัวขนาดนี้ แค่ตื่นเช้ามาในสภาพเสื้อของเจินฉันก็ลมแทบจับ และยิ่งไอ้ยักษ์ให้ข้อมูลว่ารามเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ก็ยิ่งไปกันใหญ่ ก็คงไม่รู้สึกขายขี้หน้าขนาดนี้ถ้าฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับมัน!
และที่แย่คือทุกคนผลักภาระการไปส่งฉันที่ห้องให้มันเป็นคนไปส่ง! ตอนนี้ฉันก็เลยต้องมาอยู่กับมันสองต่อสองอีกแล้ว! แถมมันยังหน้าด้านจะนอนห้องฉันต่ออีกคืนด้วย!
เออ เอาสิ! เอาเข้าไป!
ฉันพยายามจะไม่สนใจร่างสูงหุ่นดีของมันที่เดินตัวเปียกออกมาจากห้องน้ำในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียว แต่หันมาแกะกล่องพัสดุที่เพิ่งได้รับแทน บนกล่องระบุชื่อผู้ส่งว่าเป็นร้านชุดว่ายน้ำที่มีผู้ติดตามเยอะพอสมควร
มันเป็นงานง่าย ๆ ที่ได้เงินดี และฉันก็รับทำบ้างถ้ามีคนจ้าง ก็แค่ถ่ายรูปกับสินค้าแลกเงินค่าจ้างไง แต่ที่ไม่เหมือนครั้งก่อน ๆ ก็คือรอบนี้สินค้าที่ว่าคือชุดว่ายน้ำ ถึงจะเขิน ๆ อยู่บ้าง แต่เพราะค่าตอบแทนดีฉันเลยอยากลองดู
ฉันเอาชุดว่ายน้ำทั้งหมดมาวางลงบนเตียง และถ่ายรูปเพื่อส่งให้ร้านค้าดูว่าได้รับของเรียบร้อยแล้ว แต่อีกคนที่บังเอิญอยู่ในห้องเดียวกันก็เดินมาหยุดมองที่ข้างกัน มันยืนเท้าสะเอวมองเงียบ ๆ ก่อนจะเอ่ยถาม
“จะไปเที่ยว?”
“เปล่า กูรับงานถ่ายรูปกับสินค้า” ฉันตอบส่ง ๆ ไม่ได้สนใจอะไรเพราะพวกมันรู้อยู่แล้วว่าฉันต้องหาเงิน ไม่ได้อยู่เฉย ๆ ก็มีเงินใช้แบบคนอื่นที่รวยอื้อซ่ากันเป็นปกติ
“ถ่ายกับเศษผ้าพวกนี้?” รามเดินมาคีบเศษผ้าที่ว่าขึ้นดู
“ได้ตั้งหมื่น” ฉันดึงบิกินีตัวเล็กจิ๋วออกจากมือมัน ทำการหอบข้าวหอบของตั้งท่าหนีเข้าไปลองใส่ในห้องน้ำ
“โป๊จะตายห่า มึงจะให้เขาเอารูปไปลงแล้วให้คนอื่นซูมดูนม ดูนั่นดูนี่?” รามทำเสียงดุ กลายร่างเป็นผู้ปกครองขึ้นมาอีกเหมือนเคย
“…” ฉันได้แต่เงยหน้ามองมันพร้อมถอนหายใจ
ก็ไม่ใช่แค่มันหรอก เพื่อนทุกคนชอบทำตัวเป็นผู้ปกครองเสมอเวลาฉันจะทำอะไร ก็คงเพราะฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มไง
“ไม่ต้องทำ เดี๋ยวพวกกูจ้างมึงเองก็ได้ แค่หมื่นเดียว” คนตรงหน้าไหวไหล่เหมือนไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ฉันก็กลอกตามองบนอย่างรำคาญใจ
“แค่ที่พวกมึงเลี้ยงกูบ่อย ๆ นี่ก็เกินพอแล้ว ไม่ต้องมาออกให้ทุกอย่างหรอก” ฉันบอกตามความสัตย์จริง
ตั้งแต่คบกับพวกมันมา ฉันเป็นเหมือนตัวฟรีที่จะทำอะไร จะไปที่ไหน ก็ไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่แดงเดียว ต่อให้เสนอตัวจ่ายพวกมันก็จะเมินไม่เอาอยู่ดี
“ไม่ต้อง กูโอนให้มึงเลย” คู่สนทนาไม่พูดเปล่า แต่เดินไปหยิบมือถือตั้งท่าจะทำอย่างปากว่าจริง ๆ
“ไม่เอา!” ฉันรีบเดินไปฉวยมือถือมันมาอย่างหงุดหงิด
รามเม้มปากแน่น เลื่อนสายตามองที่บิกินีพวกนั้นก่อนจะชี้ไม้ชี้มือ
“แค่นี้ก็หวิดจะโดนผู้ชายแดกไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ มึงไปถ่ายแบบนี้พวกมันจะยิ่งอยากกิน”
“กูไม่ให้ซะอย่าง ใครจะทำอะไรได้”
“ตัวแค่นี้มึงจะไปสู้แรงใครเขาได้”
“ดูถูก”
“กูพูดจริง”
คนตรงหน้าไม่พูดเปล่า รามก้าวเข้าประชิดตัวกะทันหันจนฉันเผลอเดินถอยหลังล้มลงบนเตียง มันหัวเราะเบา ๆ แล้วดึงมือสองข้างของฉันกดไว้เหนือหัวด้วยมือข้างเดียวของมัน ส่วนฉันก็ได้แต่ปั้นหน้างอจ้องสบตาด้วยอารมณ์หงุดหงิดใจ
รู้ดีว่ามันไม่คิดจะทำอะไรกันจริง คงแค่ต้องการแสดงให้เห็นว่าฉันคงไม่มีปัญญาสู้แรงผู้ชายที่ไหนได้ก็เท่านั้น แต่สภาพเราสองคนในตอนนี้ก็คือล่อแหลมไม่ไหวแล้วไง
“เข้าใจยัง?” มันเลิกคิ้วถาม ใบหน้าหล่อจัดอยู่ห่างไปไม่ถึงฝ่ามือ
“เออรู้แล้วน่า”
ฉันถูกปล่อยให้เป็นอิสระในที่สุด ขณะที่รามยกยิ้มอย่างเป็นต่อผละเดินไปใส่บ็อกเซอร์ แล้วสะบัดผ้าเช็ดตัวออกโชว์เรือนร่างกำยำเหมือนเดิม และฉันก็ทำได้แค่นั่งกอดอกมอง
“ทีพวกมึงยังใส่แค่ไอ้นั่นได้เลย”
มันหันมองกลับมาในทันที ก่อนจะหลุบตามองสภาพตัวเอง
“ก็หรือมึงอยากปล้ำกูไหมล่ะ?”
“ทะ… ทุเรศ!”
“ถ้าอยากปล้ำกูไม่ขัดขืนเลยเนี่ย”
“...”
ฟังแล้วฉันก็ได้แต่ดีดตัวลุกขึ้นยืนอย่างหมดคำจะพูด กระแทกเท้าเข้าห้องน้ำโดยไม่ลืมแอบหยิบเอาบิกินีมาด้วย สายตามันมองตามมาอย่างเหนื่อยใจ แต่มันจะอะไรนักกับอีแค่ถ่ายกับชุดว่ายน้ำเนี่ย!
ถ้ามันรู้ว่าล่าสุดฉันตกลงรับงานถ่ายแบบแนวเซ็กซี่ให้เพจสิบแปดบวก คงโดนฟันหัวแบะแน่นอนไม่ต้องสืบเลย
อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ…
อย่างที่บอกว่าฉันไม่ใช่คนรวย และไม่ได้มีเวลามากพอจะไปทำงานที่ได้เงินเล็กน้อยทุกวัน เพราะปีสี่เรียนโหดมาก ไหนจะต้องทำซีเนียร์โพรเจกต์อีก อะไรที่ได้เงินง่ายก็ต้องคว้าเอาไว้ก่อนไหมล่ะ…
อีกอย่าง… มันก็แค่งานถ่ายรูปเอง…
หลายวันต่อมา
ฉันแอบมาคอนโดเจิน…
เพราะเบื่อจะฟังคนอื่นบ่นเรื่องงานถ่ายแบบบิกินี ฉันเลยตัดสินใจบอกเจินแค่คนเดียวเพราะอยากใช้ระเบียงคอนโดที่มีวิวสวย ๆ ถ่ายรูป แต่แน่นอนว่าไม่ได้อยู่กับเจ้าของห้องแค่สองคน น้องอ้ายก็รับรู้เพราะฉันขออนุญาตน้องมันก่อนที่จะโทรบอกเพื่อนเสียอีก
“แซ่บมากเจ๊” อ้ายยกนิ้วกดไลก์ให้อย่างชอบอกชอบใจ
“โป๊ไปรึเปล่า?” ฉันเม้มปาก พิจารณาเรือนร่างของตัวเองผ่านกระจกเงาบานเต็มตัว
อ้ายเดินเข้ามาประชิดตัวแล้วส่ายหัวไปมา สายตากำลังมองผ่านรูปร่างฉันเช่นเดียวกัน
“มันก็ต้องเผ็ด ๆ แบบนี้แหละเจ๊”
“อืม” ฉันพยักเห็นด้วย และตัดสินใจไม่คิดมากแม้จะดูเซ็กซี่เกินไปก็ตามที อันที่จริงมันก็แค่บิกินีสีแดงธรรมดา ๆ ที่อาจมีเนื้อผ้าน้อยไปหน่อย แต่ถ้าถ่ายรูปออกมาก็คงสวยเลยทีเดียว
จากนั้นเราสองคนก็เดินออกจากห้องนอนโดยที่ฉันไม่ได้สวมอะไรคลุมทับ เจ้าของห้องซึ่งกำลังนั่งกินข้าวอยู่หันมาเห็นเข้าก็ถึงกับสำลักข้าวหน้าดำหน้าแดง
“น้อย ๆ หน่อยเฮีย อ้ายยืนอยู่นี่ทั้งคน” น้องอ้ายหัวเราะเสียงใสอย่างคนอารมณ์ดี ท่าทางไม่ได้คิดมากอะไร ก็ถ้าเจ้าตัวคิดมากคงไม่อนุญาตให้ฉันมาตั้งแต่แรก
“เดี๋ยวมึงได้โดนไอ้พวกนั้นบ่นแน่” รอยยิ้มขบขันของเจินทำให้ฉันสบายใจขึ้นมานิดหน่อย
“อย่าไปบอกพวกบ้านั่นก็แล้วกัน”
“อือฮึ” มันหันกลับไปกินข้าวต่ออย่างไม่ใส่ใจ
อันที่จริงในบรรดาเพื่อน เจินเป็นคนเดียวที่ไม่เคยว่าอะไรฉัน มันค่อนข้างตามใจ อยากทำอะไรก็ทำ แต่งโป๊แค่ไหนก็ไม่เคยว่า เรียกได้ว่าไม่เคยมายุ่ง ขนาดเมียมันแต่งตัวแบบเดียวกับฉันมันยังไม่พูดอะไร
ผู้ชายแบบนี้สิ เคารพสิทธิ์ในการแต่งตัวของผู้หญิงอย่างแท้จริง ไม่ใช่แบบราม!
ฉันกับอ้ายเดินออกมานอกระเบียงห้อง เพราะเป็นตอนเย็นทำให้มีแสงไม่ค่อยมากเท่าไรแต่ก็พอได้อยู่ ก็ยังดีที่ไม่ร้อนมากนักแถมวิวห้องก็คือใจกลางเมืองดี ๆ นี่เอง ถ่ายแล้วสวยแน่นอน
เราสองคนจัดโต๊ะที่พวกผู้ชายใช้นั่งสูบบุหรี่กันใหม่ อ้ายจัดแจงวิ่งไปเอาแจกันดอกไม้ในห้องมาวางประดับ อีกแป๊บก็วิ่งไปเอาเหล้าแพง ๆ ออกมาวางประกอบฉากอีกที เจ้าตัวดูกระตือรือร้นยิ่งกว่าฉันเสียอีก เพราะน่ารักแบบนี้ไง เพื่อนฉันถึงได้หลงรักหัวปักหัวปำ
และอ้ายก็คงเป็นคนเดียวในบรรดาแฟนเพื่อนที่ฉันสนิทที่สุด เพราะคนอื่นแทบจะไม่มีแฟน นอกจากจะกินแบบไม่มีพันธะกันอะไรทำนองนั้น
จากนั้นเราก็ใช้กล้องราคาแพงของเจินสำหรับถ่ายภาพ ตากล้องก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นน้องอ้ายนี่เอง
“ยกขาขึ้นอีกนิด”
“ได้ยัง?”
“ทำนมหกหน่อยเจ๊”
“นะ… นี่เหรอ?”
“หูย! เผ็ด! เผ็ด!”
เราสองคนถ่ายไปก็หัวเราะไป รูปที่ได้ถือว่าสวยมาก เพราะตากล้องจำเป็นรู้มุมยิ่งกว่าตัวฉันเอง
แต่แล้วความสนุกสนานก็เป็นอันต้องจบลงตอนที่ฉันเปลี่ยนเป็นบิกินีลายเสือดาวเซตสุดท้าย แค่เดินออกจากห้องนอนก็แทบหันหลังกลับไม่ทัน เมื่อตอนนี้ในห้องไม่ได้มีแค่เจินที่กำลังเอกเขนกอยู่ที่โซฟาเหมือนเดิม แต่มีอีกคนที่เพิ่งมาถึงกำลังยืนกระดกน้ำดื่มอยู่ที่ห้องครัว
“แค่ก! แค่ก!” รามสำลักน้ำทันทีที่เห็นหน้ากัน มันยกแขนขึ้นเช็ดปากแล้วขมวดคิ้วมองมา “มึงนี่พูดไม่รู้เรื่อง”
“อะไรวะ?” เจินผุดตัวลุกขึ้นนั่ง สายตาสลับมองระหว่างฉันกับอีกคน ส่วนรามก็ระบายลมหายใจท่าทางหงุดหงิดหนัก มันเดินมากระแทกตัวนั่งลงที่โซฟา จับสายตามองเรือนร่างฉันด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ
“ก็… กูรับงานเขาไปแล้ว” ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันจะต้องมานั่งอธิบายให้มันฟัง
“เดี๋ยวกูจ่ายให้”
“ไม่ต้อง”
“กูให้สองเท่าที่เขาจ้างมึงเลย”
“ราม…”
“มันโป๊ไอ้สัด”
“มันไม่ได้ขนาดนั้นสักหน่อย…”
จากนั้นฉันกับรามก็เถียงกันไม่หยุด จนอีกสองคนในห้องหันมองกันเองอย่างทำอะไรไม่ถูก เจินยิ้มน้อย ๆ หันไปมองสีหน้าหงุดหงิดปิดไม่มิดของคนที่นั่งอยู่ข้างกัน
“มันอยากถ่ายก็ให้มันถ่าย ไม่เห็นเป็นไร”
“เห็นไหม? ไอ้เจินยัง…”
“มึงอย่าไปให้ท้ายมัน นับวันยิ่งจะโป๊ขึ้นทุกที ไม่รู้จักระวังตัว”
“เรื่องของกู”
ฉันเถียงอย่างไม่ลดละ ทั้งตั้งท่าจะเดินหนี แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เมื่อร่างสูงของรามเดินมาแย่งกล้องไปหน้าด้าน ๆ ทำเอาเราสามคนที่เหลือถึงกับพูดไม่ออก
ฉันกลอกตามองบนอย่างสุดเซ็ง ขณะเดียวกันน้องอ้ายก็รีบเดินหนีไปนั่งข้างเจินที่กำลังเกาหางคิ้วมองดูสถานการณ์
“มึงเป็นไรเนี่ย?” ฉันเงยหน้ามองคนเอาแต่ใจอย่างหงุดหงิด
“ในฐานะที่พวกกูต้องดูแลมึง กูขอใช้สิทธิ์ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปบ้า ๆ แบบนี้” ใบหน้าหล่อราวกับไม่รู้สึกรู้สา ทั้งยังยักคิ้วกวนตีนให้ฉันอีกด้วย
“ราม!”
“กูว่ากูกับอ้ายจะออกไปกินข้าวกันก่อน”
ตอนนี้เองที่ร่างสูงของเจินผุดตัวลุกขึ้นกะทันหันพร้อมพยักหน้าเรียกเมีย มันยังคงมองสถานการณ์ด้วยสีหน้าขบขัน และเพียงอึดใจทั้งคู่ก็พากันเดินไปคว้ากุญแจรถออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
แล้วคือปล่อยให้ฉัน! ต้องอยู่กับไอ้บ้านี่แค่สองคน!