“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณคีย์”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับคุณแนน”
ต่างฝ่ายต่างมองกันด้วยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มของเควินดูจะเหนือกว่าตรงที่ครั้งนี้เขาตั้งใจเข้าหา มันไม่ใช่แค่บังเอิญมาเจอกัน
ทั้งสองคนหยุดแวะที่ร้านขนมถังแตก เนื่องจากแนนเห็นแล้วก็ดวงตาลุกวาวนึกอยากจะกินขึ้นมา
“ป้าคะ เอาไส้มะพร้าวงาสองชิ้นค่ะ” แนนสั่งเผื่อเขาด้วย
“แม่หนูมาที่นี่ทุกอาทิตย์เลยใช่ไหม ป้าจำได้ พักอยู่แถวนี้เหรอจ๊ะ”
ขณะที่ทำขนมป้าเจ้าของร้านก็ทักขึ้น ทำให้แนนระบายยิ้มตอบอย่างเป็นกันเอง เธอแวะมาซื้อขนมถังแตกร้านนี้ทุกอาทิตย์ แต่ก็ไม่คิดว่าแม่ค้าที่เห็นผู้คนผ่านตานับไม่ถ้วนจะจำเธอได้
“ไม่ได้พักแถวนี้หรอกค่ะป้า มันเป็นทางผ่าน หนูเลยแวะมาซื้อของกินก่อนกลับน่ะค่ะ”
“อ๋อ แล้วแต่งตัวสวยหล่อแบบนี้ทำงานอะไรกันล่ะ” แม่ค้าวัยกลางคนเอ่ยถามพลางมองทั้งสองคนสลับกัน
“คอลเซ็นเตอร์ค่ะ” แนนตอบออกไปตามตรง
แต่ดูเหมือนว่าจะทำให้ร้านข้าง ๆ ที่ได้ยินอาชีพของเธอเกิดความไม่พอใจ และได้พูดเหน็บแนมขึ้นทันที ราวกับว่าเธอไปทำให้คนเหล่านั้นโกรธเคืองมาแต่ชาติปางก่อน
“หาเงินบนความทุกข์ของคนอื่นแบบนี้ ไม่กลัวบาปเหรอแม่หนู”
“นั่นสิ อาทิตย์ก่อนคนรู้จักฉันก็เพิ่งโดนหลอกเอาเงินไปตั้งสองแสน ป่านนี้ยังไม่ได้คืนเลย ตามจับตัวก็ไม่ได้ ชั่วจริง ๆ เลยคนพวกนี้”
“ไม่ใช่นะคะป้า”
แนนเริ่มหน้าเสีย เธอรีบปฏิเสธแต่ไม่ทันได้อธิบายความจริงก็โดนสวนกลับมาเสียก่อน
“ไอ้พวกแก๊งรีดไถ ฉันไม่ขายให้แล้วโว้ย ออกไปจากร้านฉันเลยนะ ไปเลย ชิ่ว ชิ่ว”
ป้าเจ้าของร้านขนมถังแตกสะบัดมือส่งเสียงขับไล่ไสสงราวกับเธอเป็นตัวน่ารังเกียจ ส่วนอีกสองร้านข้างกันก็พากันปาผักกาดแก้วและไข่ไก่มาทั้งฟอง
นี่คนสวยแบบเธอกำลังจะโดนรุมประชาทัณฑ์อย่างนั้นหรือ ไม่นะ!!!
แนนได้แต่ยืนค้างไม่กระดุกกระดิก ดวงตาของเธอเบิกกว้าง มองเห็นภาพผักและไข่ไก่ลอยมาอย่างเชื่องช้าราวกับภาพสโลว์โมชัน หรือว่าดวงตาของเธอกำลังมีปัญหา
เควินเห็นท่าไม่ดีจึงแทรกตัวมายืนอยู่ด้านหน้าหญิงสาว หันหลังให้กับแม่ค้าเหล่านั้น ใช้มือทั้งสองข้างจับเสื้อสูตแล้วกางออกเพื่อเป็นเกาะกำบังให้คนตัวเล็กที่ตอนนี้มีผักกาดแก้วลอยมาตกอยู่บนศีรษะ และเขาก็ได้รับแรงกระแทกของไข่ไก่ที่แตกใส่แผ่นหลังดังโป๊ะ พร้อมกับเปลือกตาที่หลับลงชั่วครู่ ก่อนจะลืมขึ้นก้มมองคนตัวเล็ก
แนนช้อนสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดวิตก ไม่คิดว่าพวกแม่ค้าจะเข้าใจผิดและมีการกระทำที่รุนแรงขนาดนี้
“เป็นอะไรไหมครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามแล้วหยิบผักที่ติดอยู่บนผมของเธอออก
แนนกระพริบดวงตาที่เริ่มแดงแล้วส่ายหน้าไปมา เธอไม่ได้เป็นอะไรเลย แต่เขาต่างหากที่เป็นคนเข้ามารับมันแทน
เห็นว่าแนนไม่ได้รับบาดเจ็บ เควินจึงหันไปประจันหน้ากับป้าทั้งสามคนที่ยืนมอง
“รบกวนฟังก่อนได้ไหมครับ เมื่อกี้เธอก็กำลังจะอธิบายว่าไม่ใช่อย่างที่พวกคุณคิด”
เสียงทุ้มทรงพลัง บวกกับใบหน้าเคร่งขรึม ก็ทำให้แม่ค้าเหล่านั้นยืนเงียบ เควินจึงพูดต่อ
“เธอไม่ได้เป็นพวกรีดไถหรือทำงานผิดกฎหมาย เธอเป็นพนักงานบริษัทที่ทำงานในแผนกคอลเซ็นเตอร์ ไม่ใช่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่โทรมาหลอกเอาเงินอย่างที่พวกคุณกล่าวหา”
“ใครจะไปรู้ล่ะ ก็เห็นบอกว่าคอลเซ็นเตอร์ ก็คิดว่าพวกต้มตุ๋นน่ะสิ” ป้าเจ้าของร้านขนมถังแตกเอ่ยขึ้นอย่างไม่เต็มเสียง พร้อมกับเบี่ยงสายตามองไปทางอื่นราวกับไม่กล้าสู้หน้า
“ทีนี้ก็เข้าใจเธอใหม่ด้วยนะครับ และการใส่ร้ายหรือทำให้ผู้อื่นได้รับความอับอายในที่สาธารณะแบบนี้ พวกเราแจ้งความเอาผิดในฐานหมิ่นประมาทได้นะครับ นี่ยังดีที่พวกเราไม่ได้เป็นอะไร ไม่อย่างนั้นพวกคุณอาจจะโดนข้อหาทำร้ายร่างกายอีกกระทง”
“เอ่อ พวกเราขอโทษนะจ๊ะพ่อหนุ่ม”
“แม่หนู พวกป้าขอโทษนะลูก ให้อภัยพวกป้านะ”
“ใช่จ้ะ ป้าก็ขอโทษนะ อย่าแจ้งความจับพวกเราเลยนะ พวกเราก็แค่คนหาเช้ากินค่ำ ไม่มีปัญญาหาเงินไปจ่ายค่าปรับหรอกจ้ะ”
ได้ยินหนุ่มหน้าตาดีพูดถึงเรื่องแจ้งความ ป้าทั้งสามก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันควัน รีบเอ่ยขอโทษขอโพยด้วยน้ำเสียงอ่อย
แนนเห็นว่าตัวเธอก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร มีเพียงเสื้อผ้าของคีย์ที่เปรอะเปื้อนจากคราบไข่ไก่ก็เท่านั้น พอได้ฟังแม่ค้าวัยทองทั้งสามคนขอโทษแล้วจึงรู้สึกเห็นใจ
“ไม่เป็นไรค่ะป้า หนูไม่เอาเรื่องพวกป้าหรอกค่ะ ต่อไปก็อย่าไปกล่าวหาใครแบบนี้อีกนะคะ”
“จ้ะ ป้าจะไม่ทำอีกแล้ว ป้าขอโทษนะ”
“ขอโทษด้วยนะแม่หนู ทั้งสวยทั้งใจดี ป้าขอบคุณจริง ๆ ที่ไม่แจ้งความพวกเรา”
“ป้าก็ต้องขอโทษด้วยนะ”
หลังจากที่เคลียร์กันจบ ป้าเจ้าของร้านขนมถังแตก ร้านก๋วยเตี๋ยวลุยสวน ร้านโตเกียวไส้ทะลัก ก็หยิบของกินใส่ถุงยื่นให้กับหญิงสาวเพื่อเป็นการไถ่โทษที่ปากไวใจกล้ากล่าวหาโดยไม่รู้ความจริง
“ขอโทษด้วยนะคะ เสื้อคุณเปื้อนหมดแล้ว เรากลับกันเถอะค่ะ”
“ที่จริงไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ ผมตัวใหญ่ขนาดนี้ ไข่ไก่แค่ฟองเดียวทำอะไรผมไม่ได้หรอก”
“แหะ แหะ” แนนขำแห้งออกมา
นึกว่าเขาจะโกรธเสียอีกที่ทำให้เดือดร้อนไปด้วย แต่นี่ยังมาเล่นมุกโชว์ความแมน แสดงว่าเป็นคนจิตใจดีและมีความร่าเริงระดับหนึ่ง
ขณะที่เดินกลับออกมาแนนก็รู้สึกเสียดายที่ซื้อของกินได้แค่ไม่กี่อย่าง ยังเดินไปไม่ถึงด้านในสุดของตลาดนัดกลางคืนเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องมีเหตุให้ต้องกลับออกมากันเสียก่อน
“ถอดเสื้อของคุณออกสิคะ”
เมื่อไปถึงลานจอดรถแนนก็หยุดเดินแล้วหันมาขอเสื้อของคนที่ช่วยเธอไว้
“ให้ถอดตรงนี้เลยเหรอครับ” เควินทอดสายตาไปยังผู้คนที่ยังเดินพลุกพล่านเต็มถนนที่สองข้างทางมีแต่ร้านขายของกิน
“เสื้อคุณเปื้อน ฉันแค่จะเอาไปซักค่ะ แอบคิดอะไรเนี่ย”
แนนระบายยิ้มขำแล้วเข้าถึงเนื้อถึงตัวของคนตัวสูง ยื่นมือไปถอดเสื้อของเขาออกจากแขน แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้ตัวของเธอและเขาใกล้ชิดกันมากจนได้กลิ่นน้ำหอมของกันและกันโชยเข้าจมูก
เควินกระตุกยิ้มขึ้นเพราะก้อนเนื้อตรงหน้าอกที่นูนเด่นกำลังแนบกับอกแกร่งผ่านเสื้อเชิ้ตของเขา
“ไม่ลำบากคุณใช่ไหมครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นขณะที่หญิงสาวได้เสื้อของเขาแล้วขยับออกห่างเล็กน้อย
“ไม่เลยค่ะ คุณช่วยฉันไว้ แค่ซักเสื้อให้ตัวเดียวจะลำบากได้ยังไง” แนนเอ่ยด้วยรอยยิ้มเจือจางปนกับความรู้สึกผิด
ถ้าเธอคิดได้เร็วกว่านี้ก็น่าจะพูดให้มันชัดเจนว่าไม่ได้ทำงานหลอกลวงชาวบ้าน เขาจะได้ไม่มาเดือดร้อนไปด้วย ทั้งที่ก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือทำงานที่เดียวกับเธอเลย
“ฉันจะคืนเสื้อให้คุณได้ยังไงคะ ให้เอาไปฝากไว้ที่ประชาสัมพันธ์ หรือว่าเราจะนัดเจอกัน”
“แลกเบอร์กันไหมครับ”
“แลกเบอร์เหรอคะ อืม... ก็ได้ค่ะ” แม้จะเปล่งเสียงราวกับครุ่นคิด แต่ก็คิดไม่นานเธอก็ตอบตกลง
แนนระบายยิ้มหวานอย่างที่เคย แล้วทั้งสองก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดบันทึกเบอร์ของกันและกัน
“งั้นแยกกันตรงนี้เลยนะคะ” แนนชิงบอกลา
“ไม่ให้ผมไปส่งเหรอครับ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วย ไว้ถ้าซักเสร็จแล้วฉันจะติดต่อไปนะคะ”
เธอเอ่ยพลางขยับเท้าเดินออกไปทีละก้าว พร้อมกับมือที่โบกไปมาเพื่อล่ำลากัน รอยยิ้มหวานละมุนไม่ต่างจากน้ำเสียงก็ทำให้เควินเผลอมองตามคนตัวเล็กจนแนนเข้าไปนั่งในรถแท็กซี เขาจึงเดินไปหารถตัวเองเพื่อเดินทางกลับคอนโด
ระหว่างทางริมฝีปากของหนุ่มลูกครึ่งก็มีรอยยิ้มอย่างคนอารมณ์ดี
คนชื่อแนนมีอะไรน่าดึงดูดได้อย่างแปลกประหลาด โดยเฉพาะตอนที่ขอไปส่งแล้วเธอปฏิเสธ มันทำให้เธอน่าค้นหา แนนมีความเฟลนลี แต่ก็มีความระมัดระวังเรื่องการวางตัวกับคนที่ยังไม่คุ้นเคย และก็ไม่ได้ถือตัวจนกลายเป็นคนเย่อหยิ่ง เห็นแบบนี้เควินก็ยิ่งกลายเป็นคนโลภที่อยากทำความรู้จักกันให้มากขึ้นกว่านี้
เควินหย่อนก้นลงนั่งปลายเตียงให้หญิงสาวนั่งควบบนตัก ริมฝีปากหยักบดจูบกับริมฝีปากอวบอิ่มอย่างดูดดื่ม ปลายลิ้นตวัดกวาดต้อนเอาน้ำหวานที่คละเคล้ากับเครื่องดื่มมึนเข้าปาก“อืม” เสียงหวานดังขึ้นในลำคอของแนน ขณะที่เอียงคอให้ชายหนุ่มผละริมฝีปากออกและเลื่อนใบหน้าหล่อมาซุกไซ้ซอกคอและขบเม้มติ่งหูแม้ว่าอากาศของที่นี่จะหนาวยะเยือก แต่ก็แพ้ให้กับอารมณ์สวาทในกายที่ร้อนรุ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนผลัดกันถอดเสื้อผ้าออกจนหมดทุกชิ้น เควินก็อุ้มหญิงสาวขยับขึ้นไปนอนอยู่กลางเตียงทั้งคู่ผลัดกันมอบบทรักให้กันและกันด้วยปาก โดยการนอนหันหัวสลับกัน แนนนอนคร่อมร่างเขาอยู่ด้านบน ยกสะโพกมนขึ้นเล็กน้อย แล้วอ้าปากครอบครองแก่นกายของเขาพร้อมกับแลบลิ้นเลียปลายหัวขณะที่เควินนอนอยู่ด้านล่างก็ใช้ปลายลิ้นแลบเลียกลีบกุหลาบงาม โดยเน้นย้ำที่ติ่งรัญจวนสองร่างส่งเสียงพึงพอใจในลำคอ เควินถูกแนนแยงปลายลิ้นลงที่รอยแยกปลายหัวบานสีชมพูที่มีน้ำสีใสเยิ้มออกมา สลับกับเลียตั้งแต่บนลงถึงโคนที่มีลูกบอลสองลูกเควินก็แลบปลายลิ้นส่งเข้าไปในร่องรัก แล้วผงกหัวแทงลิ้นเข้าออกในร่องสาว จนแนนรู้สึกเกร็งกระตุกด้วยความเสียวซ่านขับน้ำหวานสีใสออกมาให้ช
เช้าวันต่อมาคนตัวเล็กกำลังถูกเควินปลุกด้วยการแทรกตัวเข้ามาอยู่กลางหว่างขา แนนปรือดวงตาขึ้นอย่างงัวเงีย เพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เกือบจะตีสอง ไหนจะต้องเก็บกวาดเศษซากแจกันที่ตกแตก และเก็บข้าวของที่ล่วงหล่นบนพื้นห้องอีกเธอมองการกระทำของแฟนหนุ่มก็ส่งยิ้มหวานให้ และปล่อยให้เขาระบายความต้องการที่มีออกมา แค่เพียงมือหนาลูบไล้สัมผัสบนเรือนร่าง เธอก็รู้สึกเสียวและเกิดอารมณ์นั้นเช่นเดียวกันบทรักในช่วงเช้ากินเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงก็พากันหยุด ไม่อย่างนั้นชายหนุ่มคงต้องไปทำงานสาย ส่วนเธอที่ยังทำงานกะบ่ายจึงพอมีเวลาพักอีกครึ่งวัน“ไว้เจอกันที่บริษัทนะครับ”“ค่ะ”เควินเอ่ยกับแฟนสาวหลังจากที่ทั้งคู่กินมื้อเช้าด้วยกันเสร็จ และก่อนจะออกจากห้องก็หอมแก้มและจูบที่ริมฝีปากของเธอ เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงานพอใกล้จะได้เวลาทำงานแนนก็กดเรียกรถแท็กซีผ่านแอปพลิชันออนไลน์ แล้วลงไปรอที่ป้ายรอรถประจำทางที่อยู่หน้าอะพาร์ตเมนต์ และบังเอิญเจอกับหญิงวัยกลางคนที่พักอยู่ชั้นหกกำลังยืนเมาท์มอยกับคนรู้จัก แต่ประโยคที่พูดออกมานั้นก็ทำให้แนนถึงกับนั่งไม่ติด“ไม่รู้ว่าชั้นบนเป็นห่าอะไร แหกปากร้องยิ่งกว่าผีเข้า”“แล้วไม่ล
ก๊อก ก๊อก“ยัยแนน แกมัวทำอะไร รีบเปิดประตูเร็ว” เสียงของหลินดังอยู่นอกประตูพร้อมกับมือที่เคาะเรียก“ใครมาครับ” เควินถามเสียงเบา“เพื่อนค่ะ” แนนเอ่ยออกไปพร้อมกับสอดสายตาหาที่หลบซ่อนให้แฟนหนุ่มเธอยังไม่ได้บอกเพื่อนว่ามีแฟน แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องหลบ คงเป็นเพราะหลินมาหากะทันหันเลยทำให้ตกอยู่ในอาการลนลานแนนรีบพาเควินเข้าไปหลบอยู่ตรงระเบียง แล้วจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่และทำตัวเป็นปกติที่สุด เดินเปิดประตูให้เพื่อนสาว“กว่าจะเปิดได้นะยัยแนน ฉี่ฉันแทบจะราดแล้วเนี่ย” หลินขมวดคิ้วมุ่น รีบจ้ำอ้าวตรงไปที่ห้องน้ำระหว่างที่ยืนรอเพื่อนอยู่หน้าห้องน้ำ แนนก็ปรายตามองไปหลังห้องที่ไม่ได้เปิดไฟเป็นระยะ แต่ก็ยังพอมีแสงสว่างจากข้างนอกและภายในห้องสาดส่องออกไปให้พอมองเห็นแค่เลือนลาง“แกอยู่กับใคร เมื่อกี้ฉันได้ยินเหมือนเสียง…” คราง คำนี้หลินเอ่ยในใจ“ไม่มีใครเลย” แนนเอ่ยเสียงสูง ยิ่งทำให้เพื่อนจ้องหน้าพยายามจับพิรุธ“ไม่มีจริงอะ แกซ่อนผู้ชายไว้ใช่ไหม หรือว่าแอบมีแฟนแล้วแต่ไม่บอกฉัน”หลินสอดสายตาไปทั่วห้อง แต่แล้วก็พบกับเงารูปร่างกำยำผ่านหน้าต่างบานเล็กที่ติดอยู่ตรงผนังห้อง และมองผ่านทะลุไปยังนอกระเบ
เธอกำลังตกอยู่ในความรู้สึกที่บอกไม่ถูก จะบอกว่าดีใจที่เขายอมเปิดเผยความจริงมันก็ดีใจไม่สุด แต่จะให้โกรธที่เขาเลือกโกหกมาตั้งหลายเดือนก็โกรธไม่ลงเควินลุกออกจากเก้าอี้ เข้ามาสวมกอดหญิงสาวจากทางด้านหลัง เกยปลายคางลงที่ไหล่บาง เอียงหน้าเอ่ยกับเธอที่ริมใบหู“ขอโทษนะครับ ผมแค่ไม่อยากให้คุณลำบากใจ”“ทำไมฉันต้องลำบากใจ” เธอยังไม่เข้าใจเหตุผลของเขาอยู่ดี“ตอนนั้นคุณเข้ามาทำงานใหม่ ผมกลัวว่าถ้ามีใครรู้ว่าเรากำลังคบกันแล้วจะโดนมองไม่ดี ผมกลัวทุกคนจะคิดว่าคุณจะใช้เส้นสายเข้ามาทำงานแล้วเกิดการกลั่นแกล้งกันขึ้น ผมแค่เป็นห่วงแล้วก็หวังดีกับคุณนะครับ” เขาเอ่ยพลางจับมือของหญิงสาวเดินไปนั่งที่เก้าอี้ทำงาน แล้วให้เธอนั่งตักได้ยินดังนั้นเธอก็เผลอยิ้มขึ้นเล็กน้อย พอได้ฟังเหตุผลแล้วมันก็พอยอมรับได้ ดังที่สาวรุ่นพี่ได้บอกไว้ว่าต้องดูที่เหตุผลว่าโกหกทำไมเขากำลังโกหกเพื่อปกป้องเธอ และเธอเองก็ไม่อยากถูกกล่าวหาว่าได้ทำงานที่นี่ก็เพราะมีแฟนเป็นเจ้าของบริษัท ไหนจะรางวัลที่เพิ่งได้รับอีก“คุณคิดอย่างนั้นจริง ๆ เหรอคะ”“ครับ ผมขอโทษนะ” เสียงทุ้มเอ่ยข้างหูพร้อมกับกดจมูกหอมที่แก้มของเธอหนึ่งฟอดแนนระบายยิ้มย่นคอหน
วันนี้แนนเข้าทำงานกะบ่าย เช้านี้เธอเลยตั้งใจออกไปซูเปอร์มาเก็ตที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโด เพื่อซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารแล้วนำไปเซอร์ไพร์สแฟนหนุ่มที่ทำงานอยู่บริษัทใกล้กัน ส่วนเธอก็แบ่งใส่กล่องกะจะไปกินที่โรงอาหารของบริษัทเช่นกัน“สวัสดีค่ะ ฉันฝากของให้คุณคีย์หน่อยได้ไหมค่ะ” แนนเอ่ยกับพนักงานประชาสัมพันธ์ที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์แนนตั้งใจว่าจะไม่โทรไปหาเขาเพราะกลัวว่าจะยังติดงานอยู่ เธอเลยจะฝากไว้กับพนักงานแทน“คีย์ไหนเหรอคะ”พนักงานคนดังกล่าวถามกลับ ก็ทำให้เธอเริ่มแปลกใจ หรือว่าจะเป็นพนักงานใหม่เลยไม่รู้จัก“คุณคีย์ที่เป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดน่ะค่ะ”“ขอโทษนะคะ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของที่นี่ไม่ได้ชื่อคีย์ค่ะ คุณคงจะจำผิดคน หรือไม่ก็มาผิดที่แล้วค่ะ”@ บริษัทจำกัด เค วี คอนแท็กต์ เซ็นเตอร์แนนเดินเข้าบริษัทพร้อมกับคิ้วเล็กที่ขมวดเป็นปม จะไม่มีคนชื่อคีย์ได้อย่างไร ก็เขาเป็นคนบอกเองว่าทำงานอยู่ที่นั่นในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดหน้าที่การงานก็ไม่ใช่ระดับล่างขนาดนั้น ทำไมแม้แต่พนักงานประชาสัมพันธ์ก็ยังไม่รู้จักเที่ยงนี้แนนกินก็ข้าวไม่ลง เธอรู้สึกสับสนไปหมด นี่เขากำลังโกหกเธออย่างนั้นหรือ แล้วจะทำไปเพื
ทั้งคู่นอนพักกันบนเตียง และพอหายเหนื่อยเควินก็อุ้มหญิงสาวเข้าไปล้างเนื้อล้างตัวแล้วใส่เสื้อผ้าดังเดิม ถ้าจะพากันอาบน้ำด้วยก็คงจะไม่ทันกับอาหารที่ใกล้จะได้เวลาขึ้นมาส่งบนห้องก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูดังขึ้น เควินจึงเดินไปเปิดประตูและรับอาหารที่สั่ง“อาหารมาแล้วครับ”“แนนช่วยจัดใส่จานนะคะ”หลายคนมักจะพูดกันว่าการมีเซ็กซ์ช่วยให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย มันก็คงจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เพราะทั้งสองคนอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ต่างคนต่างมีความสุขในช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกัน ได้กินข้าวด้วยกัน และได้ทำอะไรแบบลึกซึ้งด้วยกันและไม่รู้ว่าใครเสพติดใครกันแน่ พอกินข้าวเสร็จเควินก็ชวนหญิงสาวเข้าไปอาบน้ำด้วยกัน เสร็จแล้วก็มานั่งเล่นที่โซฟาเพื่อดูรายการโทรทัศน์ต่อเควินเลื่อนแขนไปโอบเอวของหญิงสาว ส่วนแนนก็วางศีรษะซบที่ต้นแขนของเขา“วันนี้ทำงานเป็นยังไงบ้างครับ มีเรื่องที่ทำให้ลำบากใจหรือเปล่า”แนนรู้สึกแปลกใจกับคำถามของคีย์ที่เหมือนตาเห็น ทำไมเขาถึงได้เดาแม่นจัง เพราะวันนี้เธอก็มีเรื่องลำบากใจจริง ๆ และเขาก็คงจะถามด้วยความเป็นห่วง“งานก็สนุกดีค่ะ แต่วันนี้มีคนโทรมาป่วนด้วย”ใจจริงก็ไม่ได้อยากเล่าเพราะถือว่าเป็นความลับของ