ประตูกระจกฟิล์มทึบของห้องวีไอพีฝั่งตรงข้ามโซนบาร์ถูกเปิดออกโดยมือการ์ดรักษาความปลอดภัยของร้าน ภายในห้องมีแสงไฟสีนวลสลัว ๆ ผนวกกับแสงสีจากสปอตไลต์ด้านนอกพาดผ่านมาในบางครั้ง บนผนังสามด้านตกแต่งด้วยภาพแอบสแตร็กต์ มีชุดโซฟาหนังวางอยู่กลางห้อง และโต๊ะกระจกตัวเตี้ยตรงกลาง
เสียงครวญครางแผ่ว ๆ ดังขึ้นมา ทำให้ว่านต้องหรี่ตาลงเพื่อปรับโฟกัสในที่มืด ส่องมองภาพคนสามคนบนโซฟาที่กำลังคลอเคลียกันอยู่
“มาแล้วครับ” พี่การ์ดพูดสั้น ๆ กับคนในห้อง ก่อนจะหันมาหาว่าน “พี่ไปก่อนนะ คุยกับคุณเขาเอง”
ว่านพยักหน้าหงึกหงัก มองตามแผ่นหลังการ์ดไปจนประตูกระจกปิดลง ดวงตาคู่คมส่องผนังบานกระจกด้านหน้า มันใสแจ๋วจนเห็นข้างนอก แต่มองมาจากข้างนอกเข้ามาไม่เห็นอะไรเลย สมกับเป็นห้องวีไอพีจริง ๆ
“นั่งก่อนสิครับ” น้ำเสียงทุ้มกระเส่าติดหวานพูดขึ้นมาอย่างสุภาพ ทำให้ร่างสูงหันกลับไปมอง ทว่าภาพที่เห็นไม่ได้ชัดเจนอะไรนัก เห็นแค่ร่างกำยำคนหนึ่งกำลังก้มลงกลางหว่างขาชายร่างผอมชุดสีแดงซึ่งนั่งตรงกลาง ส่วนคนตัวสูงอีกข้างก็ลูบไล้กันไปทั้งกาย
“ขอบคุณครับ” ว่านตอบรับงง ๆ ทิ้งตัวนั่งเอนพิงโซฟา
ไหนบอกว่าอยากคุยกับเขา แล้วคนไหนกันล่ะที่อยากคุย?
“จอยมั้ย” ดวงตาคมมองเห็นแล้วว่าชายร่างผอมที่อยู่ตรงกลางเป็นคนคุยกับเขา คนคนนั้นผิวขาวผ่อง ผมสีทอง ดวงตาสีอ่อนที่เห็นไม่ชัดว่าสีอะไร อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ต กางเกงสแล็กและสูทสีแดงที่ดูไม่ได้แปลกตา แต่กลับมีออร่าความดูดีแม้อยู่ในที่มืด
“ผมไม่ชอบหมู่” ว่านตอบแค่นั้น ก่อนจะหันไปพยักหน้าขอบคุณบริกรที่วางแก้วเหล้าไว้ตรงหน้าเขา “ใครให้พี่การ์ดไปเรียกผมมาเหรอ”
“ฮะ ๆ ผมเอง” มือสองข้างของร่างผอมดันชายร่างกำยำข้างกายทั้งสองออก “เดินไปเอาเงินที่จอมแล้วกลับเลยครับ ผมจ่ายให้สองเท่า”
สิ้นคำบอกกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ สองคนที่ขนาบข้างก็ลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เดินออกไปจากห้องวีไอพีแห่งนี้โดยไม่อิดออด
“ขยับมานั่งกับผมได้มั้ย เห็นหน้าไม่ชัดเลย”
ว่านชะงักมือที่ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ทว่าเขาก็กระดกมันเข้าไปหมดแก้วเพราะความขุ่นมัวในอารมณ์ยังคงอยู่ ก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ากางเกงไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาตัวยาวซึ่งมีคนตัวขาวนั่งอยู่
นัยน์ตาสีฟ้าเข้มจนเกือบเป็นสีน้ำเงินเหลือบไปมองคนตัวเล็กกว่าที่นั่งอยู่ก่อน และลมหายใจของว่านก็ถึงกับสะดุดเมื่อเห็นอีกคนใกล้ ๆ อาจเพราะใบหน้าขาวผ่องที่ร่างสูงเห็นนั้นเรียกได้ว่าสวยหวานชวนใจเต้น ดวงตาสีมรกตและริมฝีปากอวบอิ่มหยักสวย เส้นผมสีทองเส้นเล็กทรงมัลเล็ตปล่อยลงไร้การเซต ดูเป็นคนที่น่าดึงดูดและดูดีกว่าที่หนุ่มเซอร์ได้จินตนาการไว้
“ผมไม่รุกนะ” ว่านไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าเรียกเขามาเพราะสนใจอะไรแบบไหน แต่เขาไม่อยากเสียเวลาเยอะไปกว่านี้ ถึงอีกคนจะดูดีมาก ๆ แต่ถ้าเป็นรับเหมือนกัน จะได้ออกไปหาคนอื่นแทน ว่านเบื่อที่จะผิดหวังซ้ำซากแล้ว “ไม่สลับด้วย”
“ฮ่า ๆ” เสียงหัวเราะใสกังวานดังขึ้นไม่สนน้ำเสียงติดหงุดหงิดของว่าน เจ้าของดวงตาสีมรกตยกยิ้มอารมณ์ดีไม่ถือสาหาความ “ผมก็ไม่รับเหมือนกัน”
ว่านกะพริบตาปริบ ๆ ก้มลงหน้าเล็กน้อยสบตาอีกคน เพราะเหมือนเจอขุมทรัพย์
“ผมเชาว์ คุณล่ะ”
“ว่าน”
“ครับคุณว่าน”
“แค่... ว่านก็พอ”
คนหน้าสวยยกยิ้มบาง หยิบแก้วเหล้าที่มีเพียงเหล้าเพียวสีอำพันขึ้นมากระดกดื่มรวดเดียว “ขอดูบัตรประชาชนว่านหน่อยว่าอายุเท่าไหร่แล้ว”
คนตัวสูงกะพริบตาปริบ ๆ อีกครั้ง ว่านมองเชาว์ไม่ออกว่าเป็นคนแบบไหน รู้เพียงดูดีและพูดสุภาพ นิ่ง ๆ เหมือนคุยธุรกิจตลอดเวลาจนรู้สึกเกร็ง แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น มือหยาบกร้านก็ยังคงหยิบบัตรประชาชนในกระเป๋าส่งให้อีกคน
“ขอดูบัตรคุณเชาว์ด้วยได้หรือเปล่า” ร่างสูงกระแอมไอเล็กน้อยเมื่อเชาว์เลิกคิ้วสูง “คุณหน้าเด็ก”
ร่างผอมเพรียวยกยิ้มถูกใจ ก่อนจะล้วงหยิบเอาสิ่งที่อีกคนถามหาส่งให้ และเมื่อเห็นข้อมูลบนนั้น คนหน้าหล่อก็ตกตะลึงอ้าปากค้าง มองบัตรในมือกับหน้าเชาว์อย่างไม่อยากเชื่อ
“คะ คุณเชาว์ นี่บัตรปลอมหรือบัตรจริงเหรอ คือ-” ว่านพูดตะกุกตะกัก ริมฝีปากหยักเม้มสลับคลายอย่างคนครุ่นคิด
“ทีว่านยังไม่เหมือนเด็กอายุยี่สิบสามเลย ผมอายุสามสิบห้าแล้วก็ไม่เห็นแปลก” เชาว์ส่งบัตรคืนและรับบัตรกลับมา
“มีแต่คนบอกว่าผมหน้าแก่ คุณเป็นคนแรกที่บอกว่าผมหน้าเด็ก” เพื่อนในสาขาเรียกเขาว่าไอ้แก่ด้วยซ้ำ และตัวว่านเองก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองหน้าเด็กด้วย
คนอายุเยอะกว่าหนึ่งรอบยกยิ้ม นัยน์ตาคู่สวยสีแปลกจ้องใบหน้าเด็กผมดำตรงหน้าอย่างสนใจ เชาว์ยอมรับว่าเขาสะดุดตาว่านตั้งแต่เด็กคนนี้เดินเข้ามาที่ร้าน หน้าหล่อ ๆ หุ่นแบบมีกล้ามเนื้อกำลังดีคือสิ่งที่เขาโปรดปรานอย่างมาก
“เข้าเรื่องเลยนะ ผมอยากผูกปิ่นโตว่าน สัญญาสามเดือน เดือนละแสน มีคอนโดฯ ให้อยู่ มีรถให้ขับ ว่านสนใจหรือเปล่า” ขาเรียวตวัดขึ้นไขว่ห้าง วางข้อศอกตั้งฉากกับเข่าแล้ววางคางลงบนมือ จ้องมองเด็กหนุ่มที่เบิกตาสีเหมือนอัญมณีกว้างจนแทบถลน “แต่ทดลองงานก่อนนะครับ ถ้าว่านสนใจ”
คนเด็กกว่ายอมรับว่านี่คือสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง ตอนแรกคนตัวสูงคิดว่าเชาว์คงจะชวนมาทำอะไร ๆ เลย ไม่ต้องมากความ แต่สิ่งที่โดนเสนอให้มันไม่ต่างจากเด็กเลี้ยงของอีกคนเลย
ว่านไม่ได้รังเกียจหรือคิดมากอะไรกับเรื่องที่คนแก่กว่าเสนอ เพียงแต่ยังงง ๆ และตั้งตัวไม่ทันเล็กน้อย เขาไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน ถึงจะไม่ได้รวยล้นฟ้าแต่ทางแม่และยายมีเงินมากพอที่จะส่งให้เขาจ่ายเดือนละสองถึงสามหมื่นบาท แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือโพสิชันบนเตียงของเชาว์นั่นแหละ
“ทดลองงานยังไงเหรอครับ” ว่านรู้ว่าคงไม่พ้นลองมีเซ็กซ์กับเชาว์ แต่... อีกคนมีรีเควสต์อะไรแปลก ๆ หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ
“ง่าย ๆ เลยครับ” รอยยิ้มบาง ๆ ถูกจุดที่มุมปากได้รูป ร่างผอมเพรียวเอนหลังพิงพนักโซฟา ทว่าสายตายังคงจับจ้องเพียงใบหน้าของว่าน
คนเด็กกว่ากลืนน้ำลายลงคอเสียงดัง ทั้งประหม่าและตื่นเต้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
“ขย่มจนผมแตก ถ้าทำได้ ก็เลือกวันเซ็นสัญญากันเลย”
นาฬิกาบอกเวลาสองทุ่มกว่า เสียงประตูห้องถึงเปิดออกเรียกให้ว่านที่กำลังดื่มน้ำต้องรีบวางแก้วแล้วเดินออกมา“คุณเชาว์”“ไง ห้องโอเคมั้ย” ร่างสูงโปร่งของเชาว์เดินเข้ามาในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงสแล็กสีแดงไม่ต่างกับที่เจอกันคืนแรก มือเรียวสวยและผิวขาว ๆ ปลดกระดุมเสื้อเชื่องช้าพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ“โอเคครับ ผมอยู่ได้อยู่แล้ว” ไม่ใช่ประโยคเอาใจแต่อย่างใด ว่านเป็นคนอยู่ง่ายจริง ๆ ขนาดตอนอยู่หอยังนอนพื้นมากกว่านอนบนเตียงเลย เพราะบนเตียงเอาไว้วางโมเดลงานน่ะ“ดี แล้วทำไมไม่เอารถ?” นี่อาจเป็นเด็กเลี้ยงคนแรกของเชาว์ที่ไม่อยากได้รถส่วนตัว ส่วนเหตุผลเขาไม่รู้เลยต้องถามเอาในตอนนี้“ผมชอบใช้แท็กซี่มากกว่าครับ แถวนี้รถติดมากด้วย น่าจะขับเหนื่อย” เมื่อได้ยินมาแบบนั้นเชาว์ก็พยักหน้ารับ เขาไม่มีปัญหาอยู่แล้ว หรือถ้าจะเรียกร้องเอาทีหลังก็จัดการให้ได้“โอเค... นี่ฉัตรบอกแล้วใช่มั้ยว่าผมจะเข้ามา” คนโตกว่าทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา ถามขึ้นทั้งที่ไม่สบตาเด็กหนุ่มที่ค่อย ๆ ย่างกรายเข้ามาใกล้“บอกแล้วครับ คุณเชาว์เพิ่งทำงานเสร็จเหรอ” ว่านเดินอ้อมมาหลังโซฟา วางสองมือบนไหล่แคบ “ผมนวดให้มั้ย”“เอาสิ” ใบหน้าสวยเหลือบข
“นี่คือสัญญาครับ” ชายหนุ่มร่างหนั่นแน่นด้วยกล้ามเนื้อวางซองเอกสารสีน้ำตาลไว้ตรงโต๊ะเบื้องหน้าที่คั่นกลางระหว่างเขากับว่านไว้ “ด้านในมีรายละเอียดสัญญา เงินเดือนและข้อปฏิบัติที่ต้องทำตามครับ”“ผมต้องเปิดอ่านตรงนี้เลยเหรอครับ” เพราะตอนนี้ดันอยู่ในคาเฟแถมคนพลุกพล่านน่ะสิ ว่านคิดว่าไม่น่าจะเหมาะมานั่งคุยเรื่องอะไรพวกนี้ตรงนี้สักเท่าไหร่“ไม่จำเป็นครับ คุณว่านอ่านมันแล้วค่อยติดต่อผมมา นี่นามบัตรผม มีช่องทางติดต่ออย่างอื่นนอกจากเบอร์โทร. ที่ได้จากคุณเชาว์ครับ” มือหยาบกร้านหยิบนามบัตรใบสีขาวสะอาดตาจากคนตรงหน้า หลุบตาลงอ่านรายละเอียด“งั้นผมอ่านแล้วติดต่อคุณฉัตรไปแล้วกัน น่าจะสองสามวันนี้ครับ”“ครับ งั้นผมขอตัวก่อน”คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของเชาว์เดินออกไป เด็กหนุ่มลอบถอนหายใจเล็กน้อย หยิบแก้วช็อกโกแลตเย็นและซองเอกสาร เดินลากเท้าไปขึ้นวินมอเตอร์ไซค์เพื่อกลับสู่หอพักเมื่อถึงห้อง ว่านก็ก้าวขายาว ๆ ข้ามแผ่นรองตัดโมเดลและไม้สเกลที่ยังเก็บไม่เรียบร้อยไปทิ้งตัวนั่งลงตรงเตียงสามฟุต ฉีกซองเอกสารหยาบ ๆ แล้วหยิบกระดาษด้านในขึ้นมาอ่านภายในนั้นระบุข้อตกลงอยู่ราว ๆ สองหน้ากระดาษเอสี่ เนื้อหาหลัก
“ว่านทำดี เดี๋ยวผมให้เลขาฯ เอาสัญญามาให้ว่านอ่านแล้วกันนะ”พอจบเซ็กซ์รอบทดลองของทั้งคู่แล้ว เชาว์ก็กลับมาเป็นเชาว์ที่คุยด้วยน้ำเสียงสุภาพ ไม่มีคะขา ไม่มีการแทนตัวเองด้วยคำน่าฟังอย่างป๊ะป๋า ทำเอาว่านปรับตัวตามแทบไม่ทัน“ผมยัง แฮก... ไม่เริ่มเซ็นสัญญาได้ใช่มั้ย”“ได้สิ พวกข้อสัญญามันก็ปรับแก้ได้ ว่านลองเอาไปอ่านก่อน”“ครับ”“ไม่ต้องพูดเพราะก็ได้” คนหน้าสวยยิ้มให้ ดึงทิชชูมาเช็ดทำความสะอาดคราบของเหลวต่าง ๆ ถอดถุงยางโยนทิ้งถังขยะก่อนจะส่งกล่องทิชชูให้กับร่างกายเปลือยเปล่าแสนเลอะเทอะ“ก็คุณเชาว์...”“แก่กว่าเยอะน่ะเหรอ”คนเด็กกว่าไม่ตอบคำถาม ทำเพียงรับกล่องทิชชูมาเช็ดทำความสะอาดร่างกาย โดยที่เหลือบมองอีกคนเป็นระยะ ทำเอาเชาว์ถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูคราวแรก คนหน้าสวยนึกว่าว่านเป็นเด็กใจกล้า เด็กใจแตกทำนองนั้น เพราะดูต้องการมีเซ็กซ์และไม่กลัวเลยที่เขาเรียกเข้ามาคุย ทว่าเมื่อเริ่มบทเซ็กซ์ อีกคนกลับทำทุกอย่างเชื่องช้า ค่อยเป็นค่อยไป มีความเงอะงะ ความเขินอายอยู่บ้าง แถมร่างกายก็ไร้ร่องรอยการมีสัมพันธ์ทางกาย เชาว์จึงได้ข้อสรุปว่าหนุ่มน้อยคนนี้ไม่ได้ช่ำชองบทรักขนาดนั้นทว่าข้อดีของว่านคือ
ประโยคคำตอบจากเสียงทุ้มติดหวานไม่ได้น่าตื่นตกใจ ทว่าเสียงรูดซิปกางเกงสีแดงเบอร์กันดี้ลงโชว์กลางกายที่แน่นตึงดุนดันชั้นในด้วยอะไรบางอย่างนั่นต่างหากที่ทำให้ว่านคอแห้งขึ้นมา“ว่านไม่ต้องเล้าโลมผมแล้ว คนเมื่อกี๊เขาทำไว้เยอะอยู่” พูดจบมือเรียวสวยของเชาว์ก็ควักเจ้าหนูที่แข็งโด่ออกมาหายใจนอกชั้นในทรงทรังก์ จับท่อนลำแล้วชักรูดเชื่องช้าตามความยาว “นี่เจลกับถุงยาง”“อะ... ครับ” คนเด็กกว่าตอบเหมือนคนมึนเบลอ รับของสองอย่างมาวางไว้ตรงโซฟาข้างตัวแล้วเริ่มถอดกางเกงท่อนล่างของตัวเองสองชิ้นลงไปกองที่ตาตุ่ม“คุกเข่า หันหน้าเข้าหาพนักวางแขน แล้วแอ่นก้นให้ผมดูด้วยนะ”ทั้งที่ประโยคพวกนั้นไม่มีคำหยาบคายแม้แต่นิด ทว่าว่านดันหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาเสียได้ อาจเพราะรู้ว่าเชาว์จะมองกันในระหว่างที่เขากำลังเตรียมตัวละมั้งช่วงขายาวยกมาบนโซฟา ว่านไม่นึกเขินอายมากอะไรเพราะกระสันอยากเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เขาคุกเข่า ซบใบหน้าลงพนักวางแขน พยายามควบคุมลมหายใจเพื่อลดความตื่นเต้นปนประหม่าของตัวเอง ก่อนจะบีบเจลใส่นิ้วมือหยาบกระด้างแล้วกดนวดรอบรูจีบที่ตัวเองเตรียมไว้พร้อมพรักเพื่อการมีเซ็กซ์“อะ อือ” นิ้วชุ่มเจลหล่อลื่นผลุบเข้าไป
ประตูกระจกฟิล์มทึบของห้องวีไอพีฝั่งตรงข้ามโซนบาร์ถูกเปิดออกโดยมือการ์ดรักษาความปลอดภัยของร้าน ภายในห้องมีแสงไฟสีนวลสลัว ๆ ผนวกกับแสงสีจากสปอตไลต์ด้านนอกพาดผ่านมาในบางครั้ง บนผนังสามด้านตกแต่งด้วยภาพแอบสแตร็กต์ มีชุดโซฟาหนังวางอยู่กลางห้อง และโต๊ะกระจกตัวเตี้ยตรงกลางเสียงครวญครางแผ่ว ๆ ดังขึ้นมา ทำให้ว่านต้องหรี่ตาลงเพื่อปรับโฟกัสในที่มืด ส่องมองภาพคนสามคนบนโซฟาที่กำลังคลอเคลียกันอยู่“มาแล้วครับ” พี่การ์ดพูดสั้น ๆ กับคนในห้อง ก่อนจะหันมาหาว่าน “พี่ไปก่อนนะ คุยกับคุณเขาเอง”ว่านพยักหน้าหงึกหงัก มองตามแผ่นหลังการ์ดไปจนประตูกระจกปิดลง ดวงตาคู่คมส่องผนังบานกระจกด้านหน้า มันใสแจ๋วจนเห็นข้างนอก แต่มองมาจากข้างนอกเข้ามาไม่เห็นอะไรเลย สมกับเป็นห้องวีไอพีจริง ๆ“นั่งก่อนสิครับ” น้ำเสียงทุ้มกระเส่าติดหวานพูดขึ้นมาอย่างสุภาพ ทำให้ร่างสูงหันกลับไปมอง ทว่าภาพที่เห็นไม่ได้ชัดเจนอะไรนัก เห็นแค่ร่างกำยำคนหนึ่งกำลังก้มลงกลางหว่างขาชายร่างผอมชุดสีแดงซึ่งนั่งตรงกลาง ส่วนคนตัวสูงอีกข้างก็ลูบไล้กันไปทั้งกาย“ขอบคุณครับ” ว่านตอบรับงง ๆ ทิ้งตัวนั่งเอนพิงโซฟาไหนบอกว่าอยากคุยกับเขา แล้วคนไหนกันล่ะที่อยากคุย
ดีกรีเดือนมหา'ลัย เป็นเกย์ไม่พอ แถมรับด้วยเนี่ยนะ?ทรงโคตรชายแท้หล่อฉิบหาย ทำไมเป็นรับวะและอีกสารพัดจะได้ยินมาในช่วงหลายเดือนให้หลังมานี้ว่านไม่เข้าใจ ทำไมมนุษย์ในมหาวิทยาลัยแถบนี้ต้องสเตอริโอไทป์ว่าคนตัวสูง หน้าตาหล่อ ๆ เซอร์ ๆ แม่งต้องเป็นสเตรตหรือรุกด้วยวะ ใครมันริเริ่มวาดภาพจำพวกนี้กัน ถ้ารู้นะ พ่อจะไล่เตะแม่งเรียงตัวเลยเพราะเขาแม่งเดือดร้อนฉิบหายน่ะสิ ว่านรูปร่างสูงถึงร้อยแปดสิบห้าเซ็นต์ ผมยาวระต้นคอ เซอร์ ๆ ใส่เสื้อเชิ้ตกับยีนสีซีด ตามสไตล์เด็กสถาปัตย์ ดูเผิน ๆ ก็ไม่รู้รสนิยม แต่เป็นรับแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่รุกด้วยแล้วจะไม่ให้หัวร้อนเรื่องสเตอริโอไทป์ได้ไง หาคนคุยกันก็ยาก ยิ่งแอปฯ นัดเยนี่ไม่ต้องพูดถึง เจอหน้ากันก็หันก้นให้แล้ว เวรกรรมจริง ๆ ไอ้ว่าน"โคโรน่าไลต์ขวดนึงพี่"เขาเลยลำบากต้องดั้นด้นออกมาใจกลางเมือง เพราะเจอแต่คนโพเดียวกันในมหา’ลัย เอาวะ อย่างน้อยคืนนี้ มันต้องได้สี้กันบ้างแหละ เตรียมตัวมาพร้อมขนาดนี้ระหว่างได้เบียร์มาก็เริ่มจิบรับรสของบาร์เลย์มอลต์ สายตาคู่คมมองไปทั่วเผื่อมีใครน่าสนใจ ส่วนมือปัดแอปฯ นัดดู เผื่อแมตช์ใครที่อยู่แถวนี้RrrrrAnonymous7155 : สวัสดีค