Masuk"ถ้ารุ่นพี่จินฮานไปแล้ว มาอธิบายงานกันดีกว่าครับ จะได้เสร็จทันตามกำหนด" ไคชาร์เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีที่ทุกอย่างคลี่คลายลง
"อืม ไหนว่ามาสิ" ซองอึนบอกพลางนั่งรอฟัง ตอนนี้ก็เหมือนจะเสียเวลาไปครึ่งคืนแล้ว หมายความว่าเหลือเวลาทำงานอีกไม่กี่ชม.สินะ ไม่รู้ว่ามาช่วยให้เสร็จเร็วหรือมาช่วยให้ยุ่งมากกว่าเดิมกันแน่
"งานมีถ่ายเอกสาร ส่งแฟกซ์ และเช็คว่ามีเอกสารส่วนไหนขาดบ้างครับ เมื่อวานผมส่งแต่แฟกซ์อย่างเดียวเลยยังไม่ได้ทำส่วนอื่น"
"ถ่ายเอกสารต้องถ่ายอย่างล่ะสามชุดแล้วแพ็คส่งจ่าหน้าซองคนละแผนก และเช็คเอกสารคือเอกสารที่จะเก็บเข้าว่าครบไหม ใครจะทำส่วนไหนบ้างครับ"
"ถ้างั้นฉันทำส่วนเช็คเอกสารแล้วกัน มันไม่ได้ว่าง่ายหรืออะไรแต่ทำคนเดียวน่าจะสะดวกดี" ซองอึนรีบเลือกทันทีเพราะการเช็คถ้าครบก็ไม่น่าจะยากอะไร ขั้นตอนน้อยกว่าส่วนอื่นด้วย
"ฉันเลือกถ่ายเอกสาร มีเอกสารบอกไหมว่าทำยังไงบ้าง" แดฮานถามพลางหันมองหาเอกสารและมือหนาก็ส่งขั้นตอนให้ทันทีว่ามีอะไรบ้าง
"แกไม่ต้องเลือก ไปช่วยรุ่นพี
“พวกเราไม่ใช่ของหายากขนาดนั้นสักหน่อย จะมองจนกว่าจะตายเลยหรือไงวะ รำคาญลูกตาชิบหาย” จินฮานเริ่มหมดความอดทนถึงจะรู้ว่าฝาแฝดคนมักจะมองด้วยความสนใจ แต่อันนี้มันเหมือนมองของหายาก แล้วยังไม่ละสายตาอีก ไม่ใช่เวลาเรียนหนังสือหรือไง มารยาททรามมาก“เป็นอีกครั้งที่ผมเห็นด้วยกับรุ่นพี่เลยครับ มองได้น่าไปควักลูกกะตาทีละคนเหลือเกิน เกลียดสายตาเหมือนมองคณะละครสัตว์แบบนี้มาก” ไคชัวร์เห็นด้วยถึงจะนั่งห่างกันแค่หนึ่งคนเพราะมีเพื่อนของจินฮานคั่นไว้ก็ตาม แต่อดไม่ได้ที่จะพูดเหมือนกัน โคตรอึดอัดในสถานการณ์แบบนี้มาก“จ่ายเงินแล้วกรุณาหุบปาก และเงียบเสียงด้วยครับ กำลังตั้งใจฟังอยู่ อย่าสอดปากเข้ามาได้ไหม” จินฮวนหันไปมองทั้งคู่ด้วยเสียงเย็นยะเยือก“ครับ น้องพี่ / ได้ครับ รุ่นพี่” ทั้งสองตอบออกมาพร้อมกันทำให้บรรดาเพื่อนของฝาแฝดต่างรู้กันดีว่าใครกันแน่ที่มีอำนาจสูงสุดในกลุ่มนี้ ไคชาร์เองก็แอบขำไม่ให้ออกเสียงเหมือนกัน ไม่
“อย่าดีแต่ปาก ทำให้ได้ด้วย” ไคชาร์ตอบออกไป“เป็นไคชัวร์ปลอมตัวมาใช่ไหมเนี่ย! ทำไมปากร้ายแบบนี้” ไคซีเริ่มไม่ไว้ใจ“ผมนี่ล่ะ! ไม่ใช่ไคชัวร์หรอก แต่บอกตรงๆ ว่ารำคาญการรับปากด้วยปากเต็มทนแล้ว กลับไปทำหน้าที่การงานที่ควรทำเถอะ”“พี่สามารถกลับมาบ้านตอนเทศกาลได้ใช่ไหม”“กลับมาได้เสมอถ้าเป็นเทศกาล หรือมีเอกสารที่ต้องสอบถามจากพ่อแม่ แต่ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องเสนอหน้ามา ผมให้แค่นี้ล่ะ ถือว่ายอมมากแล้ว”“นั่นสินะ ถ้าเทียบกับที่ผ่านมาคงอึดอัดน่าดู”“ผมอึดอัดมานานแล้วแค่ไม่อยากพูดเฉยๆ แต่รอบนี้มันไม่ใช่แล้ว มันมากเกินจะทน ไม่ส่งนะ! ดูแลตัวเอง”ไคซีมองน้องชายคนเล็กของบ้านเดินออกจากห้องนอนตนเองไปด้วยแววตาเศร้าหมอง เธอก็แค่อยากให้ความรักกับน้องชายทั้งสองคน ที่ในอดีตความอิจฉาของเธอมันบังตาทำให้ไม่ได้ให้ความรักอย่างที่ควรจะเป็น ทำดีแค่เฉพาะกับตอนที่พ่อแม่อยู่เท่า
“หมายความว่ายกโทษให้พี่แล้วงั้นเหรอ” ไคซีถามด้วยความสงสัย“ก็บอกว่ารับทราบแล้วจะเก็บไปคิดอีกที พี่หูไม่ดีเหรอ” ไคชาร์บอกพลางด้วยสายตาเอือมระอา บางครั้งก็รู้สึกว่าถ้าทำเหมือนไม่ตอบไปซะแบบไคชัวร์ก็อาจจะดีไม่น้อยเลย ทำไมยิ่งตอบเหมือนยิ่งปวดหัวมากกว่าเดิมก็ไม่รู้“แล้วมันต่างกันยังไง”“ต่างสิ ยกโทษให้หมายความว่าผมให้อภัยแล้ว แต่บอกว่ารับทราบหมายถึงรับรู้ ไปเรียนหลักภาษามาใหม่เถอะ”“ไอ้แฝดนรกเอ๊ย!” ไคซีด่าไล่หลังตามมา“ขอบคุณครับ” ไคชาร์ขานรับแล้วเดินออกมาจากห้องเป็นคำที่ได้ยินมานานจนเรียกว่าเคยชินแล้วหรือเปล่ากับคำว่าแฝด แล้วไม่รู้ว่าไปเอาคำนั้นมาจากไหน แต่ก็ไม่สนใจหรอก จะเรียกยังไงก็ช่าง ตราบใดที่คนรักยังจำเขาไม่สลับกับพี่ชายฝาแฝดก็เพียงพอแล้ว คนอื่นก็ช่างมันแล้วกัน
ณ สนามบินนานาชาติไต้หวันเถา-ยุเหวียน“พวกเราขยันกลับมาไต้หวันกันเหลือเกินนะ ทำเหมือนมันอยู่แค่หน้าทางเข้ามหาลัยกับหอพักเลย” ไคชัวร์บอกพลางมองไปรอบสนามบิน“คนที่ให้บินมาคือแกไม่ใช่หรือไง จะมาบ่นอะไรอีก” ไคชาร์บอกพลางหาวไปด้วย ก็แค่คุยกันว่าควรจัดการเรื่องให้เรียบร้อยสักพักตัวมาอยู่บนเครื่องบินแล้ว ดูออกเลยว่ามันสั่งให้คนพามาบนเครื่อง ไม่ได้ถามความสมัครใจกันและจะมาพูดเพื่ออะไร“ไม่คิดจะทำตัวดีใจว่าได้กลับมาบ้านเกิดหน่อยเหรอ”“รีบนั่งรถกลับบ้านเถอะ จะได้เคลียร์ปัญหากัน”รถลีมูซีนจอดรอให้ทั้งคู่ขึ้นไปและเมื่อเข้าไปแล้วแฝดพี่นั่งเล่นเกม ส่วนแฝดน้องนอนหลับไม่สนใจใคร บรรยากาศของทั้งคู่ในครั้งนี้ดูไม่ดีเอาเสียเลย ทำให้คนขับรถและคนที่นั่งข้างกันนั้นพากันเงียบตามไปด้วย เพราะกลัวจะรบกวนจนทำให้ทั้งสองคนไม่พอใจขึ้นมาแกร๊ก!
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะครับ” จินฮวนถามย้ำอีกครั้ง“จะถามทำไม ในเมื่อก็ได้ยินอยู่แล้ว” จินฮานยักไหล่แล้วกลับมานั่งกินข้าวแทนการตอบ ใครจะบ้าตอบอีกรอบให้โดนด่ากันล่ะ หนีมากินข้าวน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” ไคชาร์ถามพลางสะบัดผมไปมาอยู่หน้าห้องน้ำ เหมือนได้ยินเสียงเถียงกันไปมาอยู่สักพัก หรือเขาไม่ควรถามเพราะเหมือนรุ่นพี่จะถลึงตาใส่แม้ไม่ได้พูดออกมา ส่วนพี่จินฮวนรอยยิ้มดูน่ากลัวแปลก ๆ“มี / ไม่มี” คำตอบของทั้งคู่ไม่ตรงกันยิ่งดูน่าสงสัยกว่าเดิม“แค่อยากได้ยินพี่ชายพูดซ้ำ แต่เหมือนว่าจะไม่อยากพูดออกมาเท่านั้นเอง” จินฮวนไม่ยอมแพ้ เขายังอยากให้อีกฝ่ายพูดออกมาให้ได้ อย่าคิดที่จะหนีเด็ดขาด“ไม่มีอะไรจะพูด ไม่ชอบพูดซ้ำ” จินฮานเอ่ยพลางยักไหล่“พี่จ
แกร๊ก!“เฮ้อ.....นึกว่าจะไม่รอดแล้ว เป็นยังไงบ้างล่ะ ฝีมือของฉัน”“สมบูรณ์แบบเหมือนคุณชายใหญ่มาก สมกับเป็นฝาแฝดกันเลยครับ ตอนแรกผมคิดว่าจะมีเพียงคุณชายจินฮานเท่านั้นที่จะปลอมตัวเป็นคุณชายจินฮวนได้ แต่วันนี้คิดว่าทั้งสองฝีมือการแสดงยอดเยี่ยมจริง ๆ ” เลขาของจินฮานเอ่ยปากชม เอาจริงเหมือนมากจนเขากลัวจริง ๆ ไม่ใช่แค่การแสดงเท่านั้นแต่คงไม่กล้าบอกออกไปว่าความกลัวทั้งหมดนั้นเกิดจากเขากลัวคุณชายจินฮวน ไม่ใช่เพราะว่ากลัวคุณชาย จินฮานเลยแม้แต่น้อย สีหน้า การพูด ท่าทาง แทบจะกลายเป็นคนเดียวกัน ถึงจะอยู่ด้วยกันมากแค่ไหนแต่การแสดงเป็นอีกคนที่ไม่ใช่ตัวเองมันไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น แต่พวกเขาทำได้ราวกับหายใจ บ่งบอกถึงความรักและความใส่ใจกัน“ถ้างั้นไปเยี่ยมพี่จินฮานที่โรงพยาบาลกันเถอะ ป่านนี้คงเป็นห่วงผมแย่แล้ว”“ได้ครับ คุณชายเล็ก”เขากดสั่งอาหารร้







