Masukรถหรูได้เคลื่อนตัวเข้ามาในคฤหาสน์ตามกำหนดการที่จะมาถึง มือหนาเริ่มขยับชุดให้เข้าที่เข้าทางแล้วใส่โทรศัพท์ลงในกระเป๋า จัดทรงผมให้ดูเรียบร้อยกว่าปกติจนพี่ชายฝาแฝดเริ่มสะกิด
“ลงไปได้แล้ว แต่งตัวมาเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องใส่สูทมามันร้อน” ไคชัวร์บอกหลังจากที่เห็นน้องชายฝาแฝดมองสำรวจเสื้อผ้าของตนเองมาตลอดทางว่าเหมาะสมหรือไม่ แต่งแบบเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวมันถูกต้องแล้วไม่ใส่อะไรตามแฟชั่นและเรียบ ๆ แต่ต้องไม่ใช่สูทเพราะไม่ได้ไปงานที่ไหน บางอย่างเหมือนตื่นเต้นเกินไป
ครืด... ครืด...
“ยินดีต้อนรับคุณชายทั้งสองครับ / ค่ะ”
“เชิญด้านในเลยครับ คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงรออยู่ในสวนแล้ว” พ่อบ้านบอกพลางเดินนำทางให้กับแฝดทั้งสองคนเข้ามาด้านใน เหล่าแม่บ้านและพ่อบ้านก็เหลือบมองนิดหน่อยว่าทั้งคู่เป็นแฝดเหมือนเจ้านายของตนในบ้านหลังนี้เลย
สวนด้านในถูกออกแบบมาให้เหมือนโทนคู่ตรงข้ามอีกด้านดูดุดัน เข้มแข็ง ปกป้องตนเองได้ ส่วนอีกฝั่งอ่อนโยน รักสัตว์ และเป็นมิตร เหมือนนิสัยของจิ
ณ สนามบินนานาชาติไต้หวันเถา-ยุเหวียน“พวกเราขยันกลับมาไต้หวันกันเหลือเกินนะ ทำเหมือนมันอยู่แค่หน้าทางเข้ามหาลัยกับหอพักเลย” ไคชัวร์บอกพลางมองไปรอบสนามบิน“คนที่ให้บินมาคือแกไม่ใช่หรือไง จะมาบ่นอะไรอีก” ไคชาร์บอกพลางหาวไปด้วย ก็แค่คุยกันว่าควรจัดการเรื่องให้เรียบร้อยสักพักตัวมาอยู่บนเครื่องบินแล้ว ดูออกเลยว่ามันสั่งให้คนพามาบนเครื่อง ไม่ได้ถามความสมัครใจกันและจะมาพูดเพื่ออะไร“ไม่คิดจะทำตัวดีใจว่าได้กลับมาบ้านเกิดหน่อยเหรอ”“รีบนั่งรถกลับบ้านเถอะ จะได้เคลียร์ปัญหากัน”รถลีมูซีนจอดรอให้ทั้งคู่ขึ้นไปและเมื่อเข้าไปแล้วแฝดพี่นั่งเล่นเกม ส่วนแฝดน้องนอนหลับไม่สนใจใคร บรรยากาศของทั้งคู่ในครั้งนี้ดูไม่ดีเอาเสียเลย ทำให้คนขับรถและคนที่นั่งข้างกันนั้นพากันเงียบตามไปด้วย เพราะกลัวจะรบกวนจนทำให้ทั้งสองคนไม่พอใจขึ้นมาแกร๊ก!
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะครับ” จินฮวนถามย้ำอีกครั้ง“จะถามทำไม ในเมื่อก็ได้ยินอยู่แล้ว” จินฮานยักไหล่แล้วกลับมานั่งกินข้าวแทนการตอบ ใครจะบ้าตอบอีกรอบให้โดนด่ากันล่ะ หนีมากินข้าวน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” ไคชาร์ถามพลางสะบัดผมไปมาอยู่หน้าห้องน้ำ เหมือนได้ยินเสียงเถียงกันไปมาอยู่สักพัก หรือเขาไม่ควรถามเพราะเหมือนรุ่นพี่จะถลึงตาใส่แม้ไม่ได้พูดออกมา ส่วนพี่จินฮวนรอยยิ้มดูน่ากลัวแปลก ๆ“มี / ไม่มี” คำตอบของทั้งคู่ไม่ตรงกันยิ่งดูน่าสงสัยกว่าเดิม“แค่อยากได้ยินพี่ชายพูดซ้ำ แต่เหมือนว่าจะไม่อยากพูดออกมาเท่านั้นเอง” จินฮวนไม่ยอมแพ้ เขายังอยากให้อีกฝ่ายพูดออกมาให้ได้ อย่าคิดที่จะหนีเด็ดขาด“ไม่มีอะไรจะพูด ไม่ชอบพูดซ้ำ” จินฮานเอ่ยพลางยักไหล่“พี่จ
แกร๊ก!“เฮ้อ.....นึกว่าจะไม่รอดแล้ว เป็นยังไงบ้างล่ะ ฝีมือของฉัน”“สมบูรณ์แบบเหมือนคุณชายใหญ่มาก สมกับเป็นฝาแฝดกันเลยครับ ตอนแรกผมคิดว่าจะมีเพียงคุณชายจินฮานเท่านั้นที่จะปลอมตัวเป็นคุณชายจินฮวนได้ แต่วันนี้คิดว่าทั้งสองฝีมือการแสดงยอดเยี่ยมจริง ๆ ” เลขาของจินฮานเอ่ยปากชม เอาจริงเหมือนมากจนเขากลัวจริง ๆ ไม่ใช่แค่การแสดงเท่านั้นแต่คงไม่กล้าบอกออกไปว่าความกลัวทั้งหมดนั้นเกิดจากเขากลัวคุณชายจินฮวน ไม่ใช่เพราะว่ากลัวคุณชาย จินฮานเลยแม้แต่น้อย สีหน้า การพูด ท่าทาง แทบจะกลายเป็นคนเดียวกัน ถึงจะอยู่ด้วยกันมากแค่ไหนแต่การแสดงเป็นอีกคนที่ไม่ใช่ตัวเองมันไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น แต่พวกเขาทำได้ราวกับหายใจ บ่งบอกถึงความรักและความใส่ใจกัน“ถ้างั้นไปเยี่ยมพี่จินฮานที่โรงพยาบาลกันเถอะ ป่านนี้คงเป็นห่วงผมแย่แล้ว”“ได้ครับ คุณชายเล็ก”เขากดสั่งอาหารร้
ณ งานการกุศลเป็นการออกงานครั้งสุดท้ายของ จินฮานก่อนจะกลับไปเรียนหนังสือตามปกติร่วมกับน้องชายฝาแฝด ข่าวลือที่เขามักจะรักและเอ็นดูน้องมากผิดปกตินั่นไม่ใช่ข่าวลือที่เกินจริง เพราะมันเป็นเรื่องจริงมานานแล้ว ทุกคนในแวดวงธุรกิจและสังคมรับรู้โดยทั่วกันว่าจินฮวนได้รับความรักมากผิดปกติและเจ้าตัวก็ไม่ได้บ่นหรือปริปากอะไรทั้งนั้น รวมถึงยอมรับทั้งหมดนั่นด้วยความเต็มใจและรอยยิ้มที่สดใสอีกต่างหาก ทำให้ไม่มีใครรู้สึกแปลกใจกับประเด็นนี้เท่าไหร่ ทุกสายตาจับจ้องไปยังผู้มาใหม่จากรถลีมูซีนรุ่นล่าสุดว่าใครสามารถซื้อทันในรอบแรกที่มีวางขายในอเมริกาเมื่อประตูเปิดออกมาว่าเป็นใคร ทำให้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรตกใจเช่นกัน เพราะคนชอบรถมากอย่างจินฮานจะต้องซื้อเก็บสะสมเอาไว้อย่างแน่นอน“จำเป็นจะต้องซื้อทั้งหมดกี่ภาพ อยากรีบกลับบ้าน” รวมถึงเรื่องที่เป็นคนปากร้ายมากที่สุดก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แตกต่างจากน้องชายฝาแฝดอย่า
“โทษที ก็แค่ไม่คุ้นเคยเฉย ๆ ไม่ได้อยากจะพูดแบบนั้นเท่าไหร่หรอก” ซองอึนพูดเสียงเบาเพราะเขาไม่ใช่คนพูดจาดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว การเริ่มต้นอะไรแบบนี้ถือว่ายากมาก“ซองอึน” เสียงทุ้มนุ่มพูดแล้วจ้องหน้าทำให้อีกฝ่ายถอนหายใจออกมาแล้วเริ่มพูดใหม่อีกครั้ง“ขอโทษด้วย ปกติเป็นนิสัยของฉันอยู่แล้ว สนิทกันไว้อาจจะเข้าใจไปเองว่าเป็นแบบนี้อยู่แล้ว”“ทำถูกแล้วซองอึน ต้องพูดแบบนี้สิ” ใบหน้าหวานร่าเริงขึ้นมาทันทีเพราะเห็นเพื่อนพูดในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ทุกคนในโต๊ะอาหารรู้ดีว่าการจ้องมองของจินฮวนเมื่อสักครู่ไม่ใช่การมองแบบธรรมดา แต่มันคือการบอกด้วยสายตาว่าให้ขอโทษใหม่อีกครั้ง หากไม่ทำจะต้องเกิดอะไรบางอย่างขึ้นแน่นอน“พี่จินฮวนครับ วันนี้ให้ผมไปส่งที่หอไหม” ไคชาร์ถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ถึงเจ้าตัวจะไม่รู้ก็ตามแต่เขารู้ทั้งหมด ไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเลย แต่ก็ไม่อยากจ
ณ ร้านอาหารใต้หอ“เป็นอะไรไป ทำไมทำหน้าเหมือนเครียดอะไรมา” โจวถามด้วยความเป็นห่วง“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย แต่คงไม่เป็นไรหรอก” เสียงทุ้มต่ำตอบปัด คงจะไม่มีใครกล้าพูดหรอกว่าไปทำอะไรมากับพี่เขยของตนเองหรอก ยกเว้นถ้าจะบอกคงจะเป็นไคชัวร์มากกว่า ถึงจะสนิทกันมาเป็นเทอมแล้วแต่ก็ไม่ได้จะพูดอะไรกันด้วยมากเท่าไหร่นัก“ยังไงก็เป็นเพื่อนร่วมคณะและหอเดียวกัน มีอะไรบอกได้เสมอเลยนะ”“ขอบใจ กิจกรรมของเทอมนี้ไม่น่าจะวุ่นวายมากเท่าเทอมที่แล้ว หรือมีกิจกรรมอะไรที่ฉันไม่รู้หรือเปล่า”“เท่าที่รู้ไม่มีหรอกนอกจากคริสต์มาส”“โอเค เหมือนพวกเราไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะว่าไหม” ไคชาร์เป็นฝ่ายเริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน เพราะอยู่ด้วยกันมาหลายเดือนแล้วแต่ดูเหมือนพวกเขาไม่ได้สนิทอะไรกันมากอย่างที่คิด







