Masuk3 วันแห่งการสลบไสล กว่าจะฟื้นขึ้นมาได้อะไรต่อมิอะไรก็แทบจะไม่เหมือนเก่า เจนิสต้องใช้ทุกสรรพกำลังที่เธอมีกว่าจะปรับให้ทุกอย่างกลับเข้ารูปเข้ารอย วิลเลจขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้แล้ว แต่กลับกลายเป็นสภาวะจิตใจเธอเสียอีก ที่ค่อนข้างจะเปราะบางราวกับจะร้าวเป็นเสี่ยง มันคือความเงี่ยนอันเกี่ยวกับฮอร์โมนทางเพศ ในวัยแห่งการเจริญพันธุ์ที่เพศสัมพันธ์คือจุดสูงสุด เมื่อรู้ว่าอยู่ใกล้กับคนที่ใช่เธอยิ่งต้องการจะไปให้ถึง
.
3 วันผ่านไปนับตั้งแต่เจอมิวท์ครั้งล่าสุด ไม่ใช่สิ! บวกวันนี้ด้วยก็ล่วงเลยเข้าสู่วันที่ 5 เข้าไปแล้ว! ข้อมูลในมือมีอยู่น้อยนิด ทิศไหนองศาไหนก็ไม่รู้? รู้แต่เพียงว่ามิวท์จากไปพร้อมกับ ฮ. บนฟากฟ้า แล้วก็น่าจะแลนด์ดิ้งลงจอด ณ ที่ไหนสักแห่งเพื่อปกปิดตัวตนและซ่อนตัวจากสังคมรอบข้าง ภารกิจนี้จึงยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร มันต้องใช้มากกว่า "ทอม ครูส" เพราะนี่คือสิบ "มิชชั่นอิมพอสซิเบิล" ที่มัดรวมกันเลยทีเดียว!
.
ซ้ำร้ายที่งานนี้ต้องฉายเดี่ยว บอกไปก็อายปากหากเจนิสจะพูดกับพวกพี่ ๆ ว่าเธอกำลังก้าวเท้าตามเสียงของกลีบแคม เธอไม่ได้มาลาดตระเวนเพื่อช่วยคนที่พลัดหลง ไม่ได้แบกตะกร้ามาเก็บของป่า แล้วก็ไม่ได้มาเก็บปลอกกระสุนไปรีไซเคิล หากแต่เนียนออกมาตามหาคนที่เชื่อว่าน่าจะเป็น Poppy Love เป็นรักแรกในหัวใจและรักสุดท้ายของชีวิต
.
"รู้อย่างงี้แล้วฉันจะพูดออกไปได้ยังไงเล่า! ทำคนเดียวก็ไม่เห็นเป็นไรนี่? แต่ไหนแต่ไรมาก็มีแต่คนคอยช่วยอยู่ตลอด กับเที่ยวนี้ที่เป็นเรื่องส่วนตัวของตัวเอง ฉันก็ต้องลงมือทำเองสิถึงจะถูก"
.
เจนิสเดินอยู่ในตำแหน่งหลังสุดปิดท้ายขบวน มีรุ่นพี่เดินนำหน้าจำนวน 9 ชีวิต แต่ละคนถือปืนกล MP5 พร้อมตับกระสุนที่เหน็บติดตัวมาเต็มพิกัด พวกเขาพร้อมเข้าปะทะเต็มที่หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ในขณะที่ในมือเจนิสนั้นมีเพียงปืนหน้าไม้ไทยประดิษฐ์กับลูกดอกอาบยาสลบไว้ป้องกันตัว ด้วยเพราะระบบจากคลังอาวุธที่เซฟข้อมูลหนล่าสุดของเธอเอาไว้ก่อนหน้า ปืนก็ยิงไม่เป็นระเบิดก็ใช้ไม่ได้ ดีสุดคือเท่านี้! ดีแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้มีดปอกแตง เพราะระบบอาจจะแสกนพบความอ้อนแอ้นของหุ่นเธอ จนคิดว่าเหมาะกับงานในครัวมากกว่าจะไปสู้รบข้างนอกก็ได้
.
แต่เธอก็หาได้ใส่ใจ! เพราะยังไงซะภารกิจลาดตระเวนนี่ก็แค่เรื่องลวงหลอก ถ้าไม่ใช่เพราะพี่มิวท์อันเป็นที่รักเธอก็คงจะไม่มีปฏิกิริยาอะไร เผิน ๆ จะเฝ้าอยู่แต่ในวิลเลจด้วยซ้ำ
.
"หนูต้องเอาสิ่งนี้ไปบอกพี่ให้ได้ค่ะ พี่อาจจะไม่ต้องตายตอนนี้ยังมีวิธียื้อชีวิตจากการติดเชื้ออยู่ ขอแค่หาพี่ให้เจอก่อนก็พอพี่มิวท์"
เจนิสคิดในใจ ระหว่างที่ขาก้าวเดินตามไป ตาสองข้างกลับแฉลบออกด้านข้างแทบจะตลอดเวลา
.
.
ตัดภาพข้ามฟากไปยังอีกฝั่งของภูเขา ที่ราบลุ่มภาคกลางมีอุทยานแห่งชาติอยู่แห่งหนึ่ง และเทือกเขาที่พาดผ่านตรงนี้ก็มีชื่อเรียกแสนเท่ห์ว่า "ยอดเขาเทวดา" มันเคยเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิต มีทะเลหมอกขาวละลานตา มีจุดกลางเต็นท์ แต่ทว่าสภาพปัจจุบันก็คงไม่ต้องสืบเพราะเละเป็นโจ๊กไม่เหลือชิ้นดี!
.
ต้นไม้ใบหญ้าโดน Covid-19 เล่นงานกันถ้วนหน้า แม้แต่โขดหินหรือหน้าผาก็กัดเซาะไปได้หมด บริเวณนี้จึงรกร้างผู้คนและอยู่ห่างไกลจากตัววิลเลจมากกว่า 4 กิโลเมตร ไกลพอที่จะไม่มีใครสังเกตเห็น แต่ก็มีลานหินที่กว้างพอสำหรับให้ ฮ. ลงจอดได้ มิวท์กับพลขับจึงยึดจุดนี้เป็นที่พักชั่วคราวมาตั้งแต่คืนแรก จวบจนปัจจุบันก็ 5 วันผ่านไปแล้ว ไปดูกันเถอะว่าภายใน ฮ. จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
.
.
"งั่ม.. งั่ม.. งั่ม.. ซ๊วบบบ.. ซ๊วบบบ..!"
.
"งั่ม! , งั่ม! , งั่ม! , งั่ม! , ซ๊วบบบ!!!"
.
"เฮือกกกก!"
"แฮ่ก ๆ , แฮ่ก ๆ , แฮ่ก ๆ อีกแล้วเหรอเนี่ยะ! เราเผลอทำแบบนี้ลงไปอีกแล้ว!"
.
มิวท์ที่นั่งคร่อมทับร่างของนักบินอยู่ผงกหัวขึ้นจากซอกคออันเหวอะหวะของเขา! มุมปากเธอเปรอะเลอะคราบเลือด! แก้มแดงที่เคยผ่องใสบัดนี้กลับเต็มไปด้วยความแดงฉานของสายโลหิต ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงนัยน์ตาแดงก่ำขดเส้นเลือดไต่ยึกยือสยดสยอง มิหนำซ้ำปลายนิ้วก็ยังเริ่มงอกแหลมออกมาเป็นกงเล็บ!
.
สองร่างกายขย่มข่มทับกันอยู่บนที่นั่งคนขับ ด้านหน้าเป็นแป้นคอโทรลเลอร์ของเฮลิคอปเตอร์ และอาการของมิวท์เองก็คือก้าวแรกของการกลายร่างอย่างชัดเจน ซึ่งเธอเองก็รู้! ถึงได้พยายามจะต่อต้านอย่างสุดกำลัง สาวเจ้าลงทุนแม้กระทั่งใช้สองมือเปล่า ๆ บีบลงที่ลำคอตัวเองเพื่อให้ขาดอากาศหายใจ
.
"หมับ!"
.
"อ๊ากกก.. ก.. ก.. ก.. ก , อ่าาาาาา!"
"อึก.. ก.. ก ๆ "
"เฮือออกกกก!"
.
"อ่าาาา , แฮ่ก ๆ ! , แฮ่ก ๆ ! , แฮ่ก ๆ !"
"กลับมาแล้ว! กลับมาเป็นคนได้หน่อยนึงก็ยังดี! , แฮ่ก ๆ "
"พี่คะ.. พี่ยังอยู่รึเปล่า? เป็นอะไรมากไหมอ่ะอย่าบอกนะว่าตายแล้วอ่ะ?"
"หนูขอโทษพี่! , หนูขอโทษนะ!"
.
แววตาสวยกลับมาเปล่งประกายเฉกเช่นคนปกติ สติสตังมิวท์กลับคืนมาหมดและเธอก็เป็นห่วงนักบินของเธอจับใจ ความจริงของเรื่องนี้ก็คือมิวท์อาการกำเริมแบบนี้มาตลอด 5 วัน เธอหิวเป็นพัก ๆ และทุกครั้งที่ท้องร้องปีศาจที่สิงอยู่ในตัวก็จะตะกุยตะกายออกมาราวกับเห็นช่อง เชื้อ Covid ในตัวเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้น มันค่อย ๆ เปลี่ยนร่างมิวท์จากภายในทีละนิดทีละหน่อย แล้วก็เป็นครั้งนี้แหละที่เธอสูญเสียตัวตนไปแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ต่างอะไรจากเปรมที่เห็นกันครั้งล่าสุด
.
เธอถึงกับเผลอพลั้งมือฆ่าพลขับตาย! แถมยังมิวายลากศพเขามากินเพื่อประทังความหิว! มีหลักฐานเป็นเศษชิ้นเนื้อกับครึ่งหนึ่งของลูกตาศพที่ยังคงเคี้ยวตุ้ย ๆ อยู่ในปาก
.
"อึก.. ก.. ก.. ก"
.
ไม่ถ่มทิ้งแต่เลือกที่จะฝืนกลืนมันลงไป มิวท์หิวจนยากที่จะปฏิเสธ เธอไม่เหลือคราบของคุณหนูผู้มีเมตตาธรรมเลยสักนิด เสื้อผ้าขมุกขมัวมอมแมม หน้าผมก็ดูไม่ได้ เธอพลิกตัวลงจากร่างอันไร้วิญญาณของศพมานอนหงายอยู่บนเบาะนั่งด้านข้าง ก่อนจะยกมือเรียวที่เล็บหดสั้นกลับลงมาแล้วหงายขึ้นก่ายหน้าผาก
.
เกิดเป็นเงาสะท้อนบนกระจกหน้าเฮลิคอปเตอร์ ที่ฉายภาพลักษณ์อันสุดอนาถให้เจ้าตัวได้เห็น ก่อนที่มิวท์จะพูดกับตัวเองออกมาเบา ๆ
.
"เวลาของเราคงใกล้หมดลงแล้วสินะ เรามาถึงขั้นที่ควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว"
"ขอพักแป๊บนึงเสร็จแล้วจะลุกไปล็อคประตู เราจะขังตัวเองไว้ในนี้จะได้ไม่ต้องออกไปเข่นฆ่าคนอื่น"
.
สาวเจ้าผินหน้าไปทางศพที่โดนแหวกหน้าอกเหวอะหวะ
.
"เฮ้อ..!"
"สงสารก็แต่พี่นักบิน หนูก็บอกพี่แล้วว่ามันไม่เวิร์คพี่ก็ไม่ยอมเชื่อ"
"จะต้านเชื้อด้วยวิธีนั้น เห็นทีจะมีแต่พี่เปรมที่โดนดัดแปลงในห้องแล็บเท่านั้นแหละถึงจะทำได้"
.
มิวท์เศร้าสลดลงโดยพลัน เธอเริ่มจะหลั่งน้ำตาร่ำไห้เพราะรู้ว่าลึก ๆ แล้วตัวเองก็มีส่วนผิด เนื่องจากเธอเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าร่วมประเวณีกับคนอื่นที่ไม่ใช่เปรม เชื้อโควิดในตัวจะชะลอการฟักตัวลงได้หรือไม่ จากบนเบาะนั่งในเฮลิคอปเตอร์หญิงสาวจึงเร่ิมนึกย้อนไปถึงภาพเหตุการณ์เมื่อ 5 วันก่อน ในวันที่เธอไปส่งผู้รอดชีวิตทุกคนไว้ที่วิลเลจ แล้วก็ตัดสินใจนำ ฮ. บินจากมาแบบไม่บอกใคร
.
.
บนเครื่องมีแค่มิวท์กับพลขับรายนี้ที่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง คำสั่งของมิวท์คือบินไปที่ไหนก็ได้ให้ไกลจากวิลเลจที่สุด แต่โชคร้ายที่น้ำมันในเครื่องดันบินมาได้ไกลเพียงแค่ 4 กิโล เลยต้องลงจอดบนลานหินที่ยอดเขาเทวดาอย่างที่เห็น แน่นอนว่าทั้งคู่ต่างรู้ว่ากันและกันติดเชื้อ สังเกตจากที่พลขับรายนี้ไม่เคยลงจากเครื่องเลยมาแต่ไหนแต่ไร และเขาก็ใส่หน้ากากครอบแก้วไว้ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้เชื้อแพร่ไปสู่คนอื่น มิวท์เองก็ทราบเรื่องนี้ดี ด้วยเหตุนี้การบิน ฮ. มาจอดที่นี่จึงไม่ต่างอะไรจากภารกิจสุดท้าย ที่พร้อมจะตายไปด้วยกันโดยไม่ต้องให้ผู้อื่นเดือดร้อน
.
"ฟับ! , ฟับ! , ฟับ! , ฟับ..! , ฟั.. บ.. บ.. บ.. บ , ฟั.. บ.. บ.. บ.. บ.. บ.."
.
ใบพัด ฮ. หยุดหมุนและเครื่องยนต์ดับสนิท สองคนนั่งแน่นิ่งอยู่บนห้องควบคุม ภายนอกหน้าต่างเต็มไปด้วยต้นไม้และโขดหินที่แห้งแล้งสีน้ำตาลไหม้ ไม่มีความโรแมนติกใด ๆ เลย ทั้งเหงา ทั้งเศร้า แล้วก็เงียบจนได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน
.
พลขับถอดหน้ากากครอบแก้วออก เพราะมันไม่จำเป็น
.
"กึก!"
(ฟู่~!!!)
.
"จบภารกิจแล้วครับคุณมิวท์ เอาไงกันต่อดีครับ?"
เขาผินหน้าหันมาถามเธอ
.
"เฮ้อ.. อ.. อ.. ไม่รู้เหมือนกันค่ะ นึกว่าจะไปได้ไกลกว่านี้ซะอีกแต่ได้แค่นี้ก็โอเคแล้วล่ะ ขอบคุณพี่มากนะที่ช่วยฟังคำขอร้องของหนู"
มิวท์พูดด้วยน้ำเสียงอันโศกเศร้า แม้หน้าตาเธอจะทำเป็นยิ้มแต่ก็ดูเฟคจนดูออกได้ไม่ยาก
.
"หนูมันขี้ขลาดเองพี่.. ที่ไม่กล้าแม้แต่จะฆ่าตัวตาย.."
"น่าจะยืมปืนมาสักกระบอกแล้วลั่นกระสุนซะ!"
.
"ไม่ครับ! , ไม่ ๆ ๆ !"
"อย่าพูดแบบนั้นเลย! ขนาดผมเป็นผู้ชายก็ยังไม่กล้า! ก่อนหน้านี้หัวหน้าหน่วยพยายามจะยัดปืนให้ผมใช้ แต่ผมก็ปฏิเสธมาตลอดเพราะยึดมั่นเสมอว่าตัวเองเป็นแค่พลขับเครื่องบิน"
"ผมต่างหากครับที่ขี้ขลาดไม่ใช่คุณมิว์หรอก แล้วก็จะเป็นบาปติดตัวเราด้วยถัาเราเลือกที่จะหนีปัญหาด้วยการฆ่าตัวตาย"
.
มิวท์ที่เงียบอยู่แล้วก็เลยยิ่งเงียบลงไปใหญ่ พวกเขามีแต่ความเว้ิงว้างที่ถาโถมให้แก่กัน บรรยากาศดูทึมเทาอึดอัดในห้องโดยสารที่ไม่แคบนัก แต่ด้วยความไม่รู้ว่าจะทำอะไรเลยทำให้มิวท์เกิดสมาธิขึ้นมา ทำให้เธอคิดถึงความสัมพันธ์ที่เธอเคยมีกับเปรม ทำให้เธอคิดออกว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเธอรอดตายมาได้ยังไงตั้งหลายครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะดุ้นของเปรมที่สอดเข้ามากระแทกกลีบร่องของเธอ อาจจะฟังดูอุบาทว์ไปสักหน่อยแต่ "อสุจินี่ไงที่ทำให้เธอยังรอด!"
.
ด้วยความสัตย์จริงว่ามิวท์รู้เรื่องนี้ดีกว่าเจนิสซะอีก เธอโดนมาแล้วเธอเสียวมาแล้ว การมาของเจนิสจึงไม่ใช่เรื่องจำเป็นเพราะพระแม่แห่งการเซ็กส์ต้านเชื้อที่แท้จริง ก็คือมิวท์ผู้นี้นี่เอง! เธอแค่ไม่เคยลองกับผู้ติดเชื้อรายอื่นนอกจากเปรมที่เป็นแฟนของเพื่อน มิวท์ก็เลยลองหันไปมองหน้าพี่พลขับดูพร้อมกับเปรยขึ้น
.
"พี่คะพี่มีแฟนหรือมีครอบครัวไหมคะ?"
.
"ผมหรอ?! ไม่มีหรอกครับ! ทหารรับจ้างอย่างพวกเราไม่นิยมมีพันธะ พวกเรารับทำภารกิจอย่างเดียว นี่ผมยังคิดว่าโชคดีอยู่เลยนะที่ติดเชื้อแล้วไม่ต้องมีใครต้องมาเป็นห่วง"
.
"เหรอคะ.. อืม.. ถ้างั้นถ้าหนูบอกว่าหนูมีภารกิจให้พี่ทำอีกอย่างพี่จะโอเคไหมอ่ะ แต่บอกไว้ก่อนว่างานนี้ไม่มีเงินโอนให้นะทำฟรีแต่ดีต่อใจ"
.
แน่นอนว่าเขาพยักหน้า ทั้งยังแทบจะพลิกตะแคงข้างหันมาสบตากับมิวท์เลยทีเดียว
.
"ก็เอาสิครับ! ไหน ๆ ก็ต้องตายด้วยกันอยู่แล้ว ผมไม่สนใจเงินหรอกก็ดีกว่านั่งอยู่เปล่า ๆ "
.
แล้วมิวท์ก็เร่ิมเล่าในสิ่งที่เธอเคยทำให้เขาฟัง เล่าแบบละเอียดยิบเพราะมีเวลาถมเถ มิหนำซ้ำประเด็นที่รอดผ่านไรฟันก็เต็มไปด้วยความหวัง ที่อาจจะทำให้ทั้งคู่ยังมีชีวิตรอดไปได้อีกสักระยะด้วย
.
"เป็นไงบ้างพี่.. พี่จะลองเอากับหนูดูไหม?"
.
"อุ๊ย! , ว๊ายยยยย!!!"
"อย่าเร็วนักสิคะหนูตกใจหมด!"
.
"พรืดดด!!!"
.
เร็วดุจสายฟ้าฟาด สมกับเป็นหน่วยทหารรับจ้างที่ทำงานในยามที่คนหลับใหล พี่พลขับจู่โจมมิวท์ในเสี้ยวอึดใจเขาอุ้มตัวเธอขึ้นมาจากเบาะข้างคนขับ แล้วจับเหวี่ยงกระชากจนร่างบางไปนาบคาอยู่กับแผงคอนโทรลในท่าโก่งโค้ง จังหวะนั้นจึงเขยื้อนร่างหนาเข้ามาประกบบั้นท้าย จัดแจงปลดเข็มขัดปลดซิบกางเกง ถีบกางเกงในลงแล้วใช้ไอ้จ้อนที่ยังคงหลับใหลถูเข้าใส่ร่องตูดของมิวท์
.
"ทำไมจะไม่รับทำล่ะครับ นี่น่ะคุณหนูมิวท์แห่งบริษัท AP เชียวนะ! ไม่มีใครไม่อยากเย่อร์คุณหรอกคุณมิวท์!"
"อ่าาาา~ , ซีดดดดด~! , ขอให้มันเวิร์คทีเถอะ"
"ถ้าเราไม่ตายผมจะเก็บเรื่องที่เราเอากันวันนี้ไว้เป็นความลับ"
.
มิวท์ซีดริมฝีปาก เธอชำเลืองสายตามามองด้านหลัง พลางกระซิบพูดกับเขา
.
"แต่ต้องแข็งกว่านี้อีกพี่.. อืมมม~ ต้องใหญ่กว่านี้ถึงจะเท่ากับของพี่เปรม"
"ไม่งั้นอาจจะไม่ได้ผล~!"
.
มิวท์พยายามช่วย กลายเป็นเธอเองซะอีกที่แอ่นร่องตูดขึ้นลงส่ายวนไปรอบๆ ให้หน้าสัมผัสของดุ้นคลุกเคล้ากับแก้มก้น จนมันชักจะเวิร์คขึ้นทุกที แท่งเอ็นเริ่มอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ มันเริ่มจะร้อนและปลุกความเร่าร้อนให้มิวท์เริ่มมีอารมณ์ จนท้ายที่สุดเธอก็ตัดสินใจดึงกางเกงในของตัวเองลงให้ติดห้อยต่องแต่งอยู่ที่ข้อเท้า
.
"เยสสสส..! คุณมิวท์หุ่นโคตรเอ๊กซ์เลยครับ! , ซีดดดดด!!!"
"ผมยังไม่แหย่เข้าไปหรอก ต้องบิวท์ผมอีกหน่อย ถ้าเจอคนที่ใช่ไอ้จ้อนผมจะใหญ่ได้กว่านี้!"
.
"เพลี๊ยะ!"
.
"อ๊อยยยยย!!!"
.
ตบแก้มก้นไปหนึ่งทีต่อด้วยการสอดมือเอื้อมลงไปเค้นหน้าอก เม็ดหัวถันดันแข็งทะลุยกทรงจนฟินกันไปทั้งคู่ อวบอูมของมิวท์แน่นกระชับมือมาก มันทั้งอุ่นแล้วก็นิ่มแถมยังกระเพื่อมขึ้นลงไปตามจังหวะการโน้มตัว พี่พลขับอดใจไม่ไหวแล้ว! เขาหมั่นเขี้ยวจนต้องซบหน้าลงไปที่หลังคอเธอ เขาสูดดมกลิ่นหอมของหญิงสาว สลับกับการลงลิ้นเลียไล่วนไปถึงใบหู
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ
"ซึบ!!!".เสียบ ๆ ๆ ! กระซวก ๆ ๆ ! ย้ำแผลเดิมอีกราวสิบกว่าครั้ง ทำให้ร่างเปลือยของชายที่แน่นิ่งอยู่แล้วกลายเป็นเหมือนหมูที่อยู่บนเขียง กงเล็บของมิวท์ถูกดึงขึ้นมา ความแหลมเฟี้ยวดังกล่าวถูกฉาบเคลือบไว้ด้วยลิ่มเลือดที่หยดติ๋ง ๆ ไหลซึมลงมาถึงข้อศอก.แววตาแดงก่ำไม่เห็นแม้แต่ลูกตาดำ ขนาดฟันเขี้ยวด้านหน้ายังยื่นแหลมงุ้มออกมาพ้นมุมปาก ไม่มีทางเลยที่มิวท์ตัวจริงจะต่อต้านตัวตนใหม่เฉกเช่นปีศาจนี้ได้ มันบังคับร่างกายเธอให้เคลื่อนไหวไปไหนต่อไหนตามอำเภอใจ และครั้งนี้ก็คงจะหิวถึงได้เริ่มคอนโทรลมืออีกข้างของมิวท์ให้ควักลงไปในปากแผล พลันดึงเอาเครื่องในอวัยวะสด ๆ ออกมาจากลำตัว."ควัก!!!""หมึบบบ! , หมับบบ!!!".ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา ไม่ถามดินถามฟ้า พอได้ออกมาก็จับยัดเข้าปากแล้วก็เคี้ยวตุ้ย ๆ แทบจะทันที ซึ่งนั่นก็คือภาพสุดท้ายที่มิวท์หวนคิดถึง....ตัดภาพกลับมา ณ เหตุการณ์ปัจจุบันในเฮลิคอปเตอร์.หญิงสาวลุคคุณหนูกลับมาสวมใส่เสื้อผ้าแล้ว เธออยู่ในอาภรณ์มิดชิด ปากยังคงเคี้ยวเอื้องเอาเศษอวัยวะของพี่พลขับลงคอไปเป็นอาหาร.. อึก.. อึก...ตอกย้ำว่ามิวท์รู้ทุกอย่างว่าที่ผ่านมานั้นคืออะไร เธอถูกเชื้อโค







