LOGINจักรกลสี่ล้อเคลื่อนที่ไปข้างหน้าพร้อมกันเป็นกลุ่มราว 3 - 4 คัน กลุ่มคาราวานนี้เคยเป็นรถกระบะใหม่เอี่ยมมาก่อน หากแต่ตอนนี้ได้แปรสภาพให้ด้านหลังมีลักษณะคล้ายกับตู้กระจก ภายในมีเจ้าหน้าที่ใส่ชุด PPE หนึ่งคนนั่งประจำอยู่ งานของบุคลากรรายนี้คือการสวนโพรงจมูกชาวบ้านแล้วเอาสารคัดหลั่งมาตรวจสอบหาเชื้อในห้องแล็บ
.
เปรมนั่งอยู่ในห้องโดยสารของรถคันหน้าสุด คาราวานสืบสวนโรคจะเคลื่อนที่ไปทางไหนจะซ้ายหรือขวา ล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาทั้งสิ้น ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้การมีสกิลแห่งการรักษาอยู่บนฝ่ามือทำให้ทุกคนยอมทำตาม เปรมจึงกลายเป็นบุคคลที่แสนจะ VIP ไปเลย
.
“เอาไงดีครับคุณเปรม ให้ผมขับไปทางไหนดี?”
พี่คนขับถามขึ้น แกอยู่ในชุดคลุมปลอดเชื้อบนหัวสวมใส่หน้ากากครอบแก้วเสร็จสรรพ
.
เปรมสอดหนังสือคำสั่งจากทางภาครัฐและพับเอกสารคู่มือการใช้ฝ่ามือเข้าไปเก็บในเก๊ะหน้ารถ ก่อนจะหันมาโฟกัสกับเจ้าของน้ำเสียง
.
“ไม่ต้องคิดมากพี่ที่ไหนก็ได้แบบที่เราเคยทำ เอาที่ ๆ คนเยอะ ๆ ผมพร้อมเสมอแหละ”
.
“งั้นเอาเป็นซอยข้างหน้าเลยนะครับ ตรงนั้นเคยเป็นถนนคนเดินเมื่อตอนที่เชื้อยังไม่ระบาดผู้คนจากทั้งย่านชอบไปเดินซื้อของกันที่นั่น บางทีพวกเขาอาจจะยังคุ้นชินกับพฤติกรรมเก่า ๆ ”
.
เปรมพยักหน้ารับ
.
.
และไม่นานเกินรอราว 10 - 15 นาที ขบวนรถทั้งคาราวานก็วิ่งมาถึง
.
บรรยากาศสุดจะเงียบเหงาวังเวง เศษผงฝุ่นปลิวว่อนฉวัดเฉวียน ไหนล่ะตลาดนัดลานกิจกรรมดังคำบอกเล่า มองไปทางไหนก็เห็นแต่ฟ้ากับหมาฝูงหนึ่ง มิหนำซ้ำยังเป็นหมาที่ติดเชื้ออีกต่างหาก เปรมเปิดประตูก้าวเท้าลงมาจากรถเป็นคนแรก เขาทำการแสกนรอบบริเวณด้วยดวงตาอันเปล่าเปลือยของเขา
.
ทำให้ทราบว่าสิ่งแวดล้อมรอบลานปูนแห่งนี้ล้วนเต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่อง มีหอพักและคอนโดให้เช่าตั้งเรียงราย ทำให้ฉุดคิดขึ้นได้ว่าข้อมูลไม่น่าจะผิด พิกัดตรงนี้น่าจะเป็นจุดที่ผู้คนเคยอยู่แออัดมาก่อนจริง ๆ
.
“พวกเขาอาจจะเก็บตัวอยู่ในบ้าน~”
เปรมคิดก่อนจะกวักมือเป็นสัญญาณ บอกให้หน่วยลาดตระเวนทุกคนลงจากรถ
.
“โครม!!!”
.
บานประตูเปิดพรึบ! กลุ่มชายชุดขาวในเครื่องแบบปลอดเชื้อวิ่งกรูกันออกมาพร้อมอุปกรณ์กักกันโรค คิดแล้วก็ขำเพราะถ้าย้อนกลับไปอ่านตอนก่อน ๆ เราจะเห็นว่าตัวเปรมเองก็โดนคนกลุ่มนี้แหละรวบตัวไปจากร้านขายยาแถวมหาลัย ทว่าหนนี้กลับแตกต่างออกไป เพราะดันกลายเป็นตัวเขาเองที่ย้อนกลับมาใหม่ในบทบาทของหัวหน้าทีม
.
“กระจายตัวกันออกไปพวกเรา! ค้นทุกตึกกวาดทุกซอกทุกมุม! แล้วลากตัวผู้คนลงมาให้หมดที่เหลือผมจัดการเอง!”
.
“ครับ!”
“เราจะทำตามที่สั่งครับ!”
.
เหล่าทีมงานสมัครสมานสามัคคีรับคำสั่ง ด้วยความสัตย์จริงว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเปรมเขาทำแบบนี้เป็นหนที่สามแล้ว สะท้อนข้อเท็จจริงที่ว่ารัฐบาลแสนจะเชื่อใจเขา นักศึกษาหนุ่มถูกยกย่องให้เป็นดั่งความหวังเดียวที่จะกำจัดเชื้อไวรัสร้ายออกไปจากสังคม เขาคืออาวุธลับของรัฐบาล เป็นเครื่องจักรขจัดเชื้อที่มีอารมณ์และความรู้สึก
.
“ตุบ! , ตุบ! , ตุบ! , ตุบ!”
ฝ่าเท้ากระทบกันโรมรัน แต่ละข้างเหยียบย่ำพื้นซีเมนต์ที่โดนโควิดกัดกินจนล่อนออกเป็นแผ่น ๆ
.
แต่นั่นก็ไม่ได้คณามือเปรมสักเท่าไหร่ เขาสะบัดมือสั่งลูกน้องให้เดินหน้าทำภารกิจต่อไป คนไหนที่ต้องเฝ้าห้องตรวจเชื้อบนท้ายรถก็ทำไป คนที่ต้องลาดตระเวนก็อย่าหยุด ต่างคนต่างมีหน้าที่ไม่ก้าวก่ายกันและกัน ขณะพล่ามอยู่เปรมก็เริ่มก้มมองฝ่ามือจุกก๊อกของตัวเองไปพลางด้วย
.
เขาค่อย ๆ หมุนฝาออกพลันยื่นมือออกไปข้างหน้าเล็งให้ตรงกับพื้นซีเมนต์ ก่อนจะปล่อยก๊าซสีแดงสดออกมาจากฝ่ามือฟู่~! รอสักครู่กระทั่งพื้นซีเมนต์ผุ ๆ ที่ถูกกัดกินโดยเชื้อไวรัสกลับมาสวยสะพรั่งตามเดิมอีกครั้ง โอ้แม่เจ้า! เรียกได้ว่าก๊าซที่กลั่นออกมาจากเลือดในตัวนั้นใช้ได้ดีเหลือเชื่อ เปรมมองไม่เห็นความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นเลย ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขาหมด
.
สถานการณ์ตอนนี้ก็แค่ต้องรอให้ทีมงานไปลากตัวผู้คนที่อยู่ในละแวกลงมาให้หมด เปรมตั้งใจจะเกณฑ์คนให้ลงมายืนอัดกันตรงลานกว้างให้แน่น ๆ เสร็จแล้วเขาก็จะปล่อยก๊าซในปริมาณที่มากที่สุดในชีวิตออกไป รับรองว่าวิธีนี้ต้องเวิร์ค ไวรัสติดจากคนสู่คนได้ฉันใดเปรมก็รักษาพวกเขากลับคืนได้ไวฉันนั้น
.
“รมก๊าซเสร็จเมื่อไหร่ค่อยให้ทุกคนไปเช็คที่ห้องกระจกบนท้ายรถอีกที เอาตามนี้นะคุณพยาบาล?”
.
พยายาบาลสาวในตู้กระจกยักไหล่ พลันตอบกลับไปว่า
.
“ได้ค่ะข้ามขั้นตอนนิดหน่อยคงไม่เป็นไร ปกติเราต้องตรวจคัดแยกพวกเขาก่อนแล้วเอาเฉพาะคนที่มีเชื้อมาให้คุณรักษา แต่ถ้าคุณเปรมสะดวกแบบนี้ดิฉันก็ไม่ว่าอะไรค่ะ"
"ว่าแต่! คุณจะขึ้นมายืนบนฝากระโปรงรถแบบนี้ไม่ได้นะคะ! นี่มันพื้นที่ทำงานของดิฉัน!”
.
นักศึกษาหนุ่มนิ่งเงียบลงโดยพลัน เขาไม่ได้สะเทือนใจกับคำต่อว่าของนางพยาบาลหรอก เพราะถ้าไม่ขึ้นมายืนบนที่สูงก๊าซสีแดงที่ปล่อยออกมาก็จะไม่กระจายตัว ผู้คนที่อุตส่าห์ให้ลูกน้องไปกวาดต้อนมาก็จะไม่ได้รับการรักษา
.
“คุณจะว่าอะไรผมก็เชิญเถอะ ผมไม่แคร์หรอก แต่คุณลองนับดูสิว่ามีประชาชนลงมาที่ลานซีเมนต์แล้วกี่คนคุณพยาบาล?”
.
แววตาสวยทิ่มแทงทะลุแผ่นกระจก ภายใต้หน้ากากอนามัยที่สวมอยู่ หล่อนมองเห็นผู้คนเบื้องหน้าเป็นจำนวนมาก
.
“อะ.. เอิ่ม..ม..ม.. อาจะพันคนค่ะ บวกลบแล้วไม่น่าจะเกินพันสามมั้งคะ”
เธอตอบเสียงสั่น ที่ตอบได้ก็เพราะนั่งอยู่บนห้องกระจกท้ายรถ ซึ่งเป็นมุมมองที่สูงกว่าคนปกติ
.
“ผมไม่กลัวที่จะต้องพ่นก๊าซรมควันพวกเขาหรอกนะ แต่ผมกังวลร่างกายตัวเอง ผมไม่เคยเผชิญหน้ากับคนมากมายขนาดนี้มาก่อน เพราะงั้นถ้าเกิดอะไรขึ้นกับผมคุณพยาบาลช่วยดูด้วยนะครับ”
.
“ได้ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”
.
เรียงรายเดินเข้ามาราวกับฝูงซอมบี้ ที่ด้านหลังสุดมีการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ทั้งผลักทั้งดันทั้งใช้กระบองตี เพียงเพื่อต้องการให้คนมาแออัดกันเยอะ ๆ ก๊าซของเปรมจะได้กระจายตัวไปถ้วนทั่ว แต่มันจะง่ายขนาดนั้นเชียวเหรอ?
มองที่ด้านหลังเห็นปลั๊กไฟเสียบใส่เต้ารับไว้แน่นหนา เอามืออังแถวด้านข้างยังสัมผัสได้ถึงความเย็นที่แทรกซึมออกมาจากตัวตู้ได้เล็กน้อย ไม่ผิดแน่แพรวค่อนข้างมั่นใจ ว่าในตู้ใบนี้จะต้องมีเบียร์แช่ไว้เป็นลัง ๆ เธอพยายามมองภาพหลาย ๆ มุม พยายามคิดแทนคุณพ่ออีพีว่าในชั่วยามแบบนี้ ยังอยากจะแดกแอลกอฮอล์เข้าสู่กระแสโลหิตอยู่อีกเหรอ คิดไปก็ปวดหัวสู้โพร่งถามออกไปตรง ๆ เลยดีกว่า ว่าแล้วสาวผมส้มก็ผละตัวเองออกมาเพื่อเปิดทางให้เฟิงฉินเข้ามาช่วย เธอสะกิดหลังด็อกเตอร์ไปสองสามที."ด็อกเตอร์คะ? , ด็อกเตอร์คะ? , คือ!"."อุ๊ย!".ตกใจสะดุ้งโหยงยังไม่ทันถามได้ศัพท์ดี ทั้งมิวท์และแพรวต่างก็สะบัดตัวหนีออกมาจากระยะ ด้วยความสัตย์จริงว่าเป็นอะไรที่ประหลาดตามาก เพราะทันทีที่เฟิงฉินขูดสติกเกอร์โลโก้ยี่ห้อที่ติดอยู่ตรงกลางออกจนหมด ตัวตู้เย็นที่สูงราว 4 ฟุตครึ่งอันนี้ก็ขยับเขยื้อน มันสะบัดตัวเองราวกับมีชีวิต แถมยังพ่นไอเย็นออกมาจากด้านล่างวูบหนึ่ง."ฟู่~!"."เหอะ.. ฉันอยู่กับไอเย็นมาทั้งชีวิตเถอะ แค่นี้คงไม่ทำให้ต้องกลัว"เฟิงฉินคิดในใจ ตามติดมาด้วยการเอ่ยเสียงถามด็อกเตอร์ว่าจะให้ทำไงต่อ."ตรงนี้เหมือนมีรูให้เสียบอะไ
ปุ่มสวิตซ์ถูกกดไปตั้งแต่อยู่บนรถ ปล่อยเวลาผ่านเลยไปเล็กน้อยบ้านทั้งหลังก็จมหายยุบลงไปใต้ดิน! นี่คือระบบป้องกันตัวเองที่ด็อกเตอร์ออกแบบไว้นานแล้ว เพื่อใช้ป้องกันตัวบ้านไม่ให้โดนไวรัสกัดกร่อน แกมีนวัตกรรมเจ๋ง ๆ แบบนี้หลายอย่างเพียงแต่เป็นพวกเราเองที่ไม่ได้โฟกัสมาที่แกตั้งแต่แรก กลับมัวแต่ตามติดชีวิตของแพรวกับความมะรุมมะตุ้มเละเทะของเนื้อเรื่อง จนหวิดจะออกทะเลอยู่หลายรอบ.ซึ่งจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วเพราะนี่คือศึกสุดท้าย มีแผ่นเหล็กขนาดเท่าบานประตูสองบานวางแผ่หลาอยู่บนสนาม ตรงตำแหน่งที่เคยเป็นตัวบ้านมาก่อน ลักษณะของมันคล้ายกับประตูบานพับที่แข็งแรงแต่กลับวางนอนอยู่บนพื้น ไม่ได้ตั้งขนานกับพื้นโลกอย่างที่ควรจะเป็น แพรวที่อยู่ใกล้กับด็อกเตอร์เลือกที่จะทอดสายตาต่ำลง พลางเพ่งมองไปยังฝ่ามืออันหยาบกร้านของชายสูงอายุ พอดีกันกับมิวท์และเฟิงฉินที่เร่งเดินตามมาติด ๆ."อะไรอ่ะแพรว.. ไม่เห็นจะมี! , อุ๊บ!".โดนจ่อนิ้วเข้ากับริมฝีปาก ยินเสียงจี่จากแพรวทำให้เฟิงฉินกับมิวท์ต้องเงียบลงในทันใด ทุกคนต่างจ้องมองไปยังกระบวนการในการเปิดประตูอันพิลึกพิลั่นนั่น."เงียบก่อนอย่าเพิ่งพูดอะไร ประตูทางลงอุโมงค์มีเซ็นเ
"ซ่าาาาา , ซ่าาาาา , ครืดดด.. ด.. ด.. ด , ครืดดด.. ด.. ด.. ด"ตามปกติถ้าเปิดวิทยุก็จะได้ยินเสียงประมาณนี้.แต่หนนี้กลับเป็นอะไรที่แตกต่างออกไป แพรวถึงกับกระชากตัวเครื่องออกมาจากช่องเสียบหน้าคอนโซลรถ แล้วเอามาแนบหูตัวเองให้ถนัดถนี่ โชคร้ายที่ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลย! เพราะเสียงที่ดังกลับมาก็มีแต่เสียงสะท้อนจากปลายกระบอกปืน."ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง!"."อ๊ากกกก! , เอื๊อกกกก! , อ๊ากกกก.. ก.. ก.. , อ๊ากกกก!".ถ้อยสำเนียงผนวกรวมกับเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยอง บ่งบอกถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ทางฟากโน้น หัวหน้าหน่วยทั้งสองและลูกทีมหลักร้อยคงไม่มีใครรอด แม้แต่ลูกทีมของเฟิงฉินที่พูดแต่คำจีนใส่กันก็ไม่มีการวิทยุตอบกลับมาแต่อย่างใด พวกเขาน่าจะตายคาสมรภูมิเยี่ยงทหารดินเผาของจิ๋นซีฮ่องเต้ และตอนนี้ก็คงจะเหลือแต่เฟิงฉินผู้เป็นหัวหน้า กับมิวท์ , แพรว , แล้วก็ด็อกเตอร์ ที่เป็นดั่งความหวังสุดท้าย.แพรวลองจูนสัญญาณคลื่นวิทยุไปอีกหลายย่าน แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมคือเงียบสนิท! ไม่ม่วี่แววว่าจะมีเสียงใดลอดเข้ามา เว้นก็แต่เสียงร้องคำรามของพวกผู้ติดเชื้อที่ดังไม่หยุดหย่
หนาวตัวสั่นทั้งยังควันออกปาก แทบไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะมาตกอยู่ในสภาพนี้ได้ เปรมมองไปด้านหลังเพื่อเช็คว่านี่คือหน้าตึก AP ไม่ใช่กระท่อมเอสกิโม ทว่าเช็คแล้วเช็คเล่าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าชานเมืองฝั่งโน้นนั้นเกิดอะไรขึ้น เขารู้แต่เพียงว่าคราวก่อนเป็นฝ่ายเขาเองที่เพลี่ยงพล้ำเสียท่า ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากกลศึกของศัตรู ความเย็นเฉียบเงียบขรึมที่เป็นอยู่จึงเปรียบได้กับสาส์นเตือนให้เขารับรู้ว่าต้องละเอียดรอบคอบมากยิ่งขึ้น."หึ๊ยยย!"กัดกรามกรอดก้มหน้าลงหงุดหงิด.เรียนตามตรงว่ากองทัพผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นตีบวกเป็นล้าน ๆ สู้กับคนจำนวนหลักร้อยนั้นโคตรจะไม่สูสี แต่ครานั้นเปรมก็ไม่อยากพลาดอีกแล้ว เขาเคยเสียหมามาแล้วหนหนึ่งจึงรีบหลับตาลงเร่งทำสมาธิอีกครั้ง ก่อนที่ต่อมาหน้าจอคอนโทรลในจิตใจจะสว่างโพลงขึ้นทีละดวงสองดวง! มันคือตัวแทนของลูกสมุนผู้ติดเชื้อแต่ละตน ซึ่งเปรมสามารถคอนโทรลได้ไกลถึง 30 กม.!."วิ้ง~!"."โคร่งงงงง~!"."โคร่งงงงงงงง~!"."โคร่งงงงงงงงงงงง~!".ตัดภาพไปฝั่งโน้นจะเห็นสัมภเวสีไวรัสจำนวน 10 ตัวที่ถมึงทึงดวงตาขึ้น! ดวงเนตรสีแดงก่ำร้อนฉ่าน่ากลัวสยดสยอง แต่ละตัวเดินง่อนแง่นเยื้อย่างอ
ภาพความยิ่งใหญ่อลังการประหนึ่งพระราชาออกว่าราชการที่หน้าบัลลังก์ มองจากมุมต่ำฝ่าความยั้วเยี้ยสะอิดสะเอียนเข้าไป จะเห็นเปรมยืนผายมืออยู่บนชั้น 3 ตัวเขาใหญ่เท่ากับมดแต่ท่วงท่าการผายมือออกทั้งสองข้างนี่สิ ที่ช่างทรงพลังและน่ายำเกรงยิ่งกว่าสิ่งใด เสียงแซ่ซ้องอื้ออึงจากสัมภเวสีไวรัสนับล้านดังระงม พวกมันต่างพากันหันหน้าขึ้นไปมองในทิศทางเดียวกัน แม้เนื้อตัวจะเบียดแน่นราวกับอัดกันอยู่ในงานคอนเสิร์ตก็ตามที."โคร่งงงงง~!"เปรมก้มหน้าลงไปคำรามใส่ เขาไม่จำเป็นต้องหลับตาอีกต่อไปแล้วเพราะเบื้องล่างคือสมาชิกผู้ติดเชื้อที่คอนโทรลได้ทุกอย่าง.สอดรับกับรูปปากของเจ้าตัวที่เริ่มจะงอกยาวออกมา คมเขี้ยวพับงุ้มหุบเข้าไปด้านหลัง โควิดกำลังโชว์วิวัฒนาการกล้ามเนื้อมุมปาก คิดเอาสิว่าขนาดถนนคอนกรีตทั้งเส้นเชื้อยังย่อยสลายได้ แล้วนับประสาอะไรกับช่องปากของร่างภาชนะอย่างเปรม แค่ขมิบนิดเดียวรูปปากที่เคยแข็งเป็นหิน ตอนนี้ก็พูดในสิ่งที่มันคิดออกมาได้แล้ว."โคร่งงงงง~!"คำรามเที่ยวนี้ข้างล่างนับล้านถึงกับร้องตาม."โคร่งงงงง! , โคร่งงงงง! , โคร่งงงงง! , โคร่งงงงง! , โคร่งงงงง!"."เรียก..! , กู..! , ว่า..! , เปรม..!!
"แหวนเธอเป็นไงบ้างโบ๊ท ยังใช้งานได้อีกไหม!?"เสียงตะโกนจากเจนิสพุ่งแหวกอากาศ ทแยงสวนขึ้นไปบนแนวกำแพงวิลเลจ."ไม่ได้แล้วพี่.. ลำพังใช้ดึงดาวเทียมให้ตกลงมาสู่ชั้นบรรยากาศ นิ้วผมก็แทบจะขาดอยู่แล้ว!"โบ๊ทป้องปากตะโกนตอบลงมา จากนั้นจึงพาดฝ่ามือลงกับสันกำแพง เขามองเห็นลอยห้อเลือดปูดบวมและเส้นเลือดฝอยมากมายที่บ่งบอกได้ถึงอาฟเตอร์เอฟเฟ็คหลังการใช้แหวน.เย็นย่ำอาทิตย์อัสดงใกล้ค่ำ วันนี้ก็เหมือนวันวานเมื่อวานก็เหมือนวันก่อน ที่วิลเลจย่อมต้องถูกโจมตีเป็นเรื่องปกติ จะต่างจากเดิมหน่อยก็แค่หนนี้แทบจะไม่มีใครเหลืออยู่ที่นี่เลย แพรวไม่อยู่หัวหน้าหน่วยทั้งคู่ก็ไม่อยู่ กระทั่งเจนิสต้องลงไปไฟว้กับสัมภเวสีไวรัสข้างล่างด้วยตัวเอง เธอถึงกับต้องเกณฑ์คุณลุงคุณป้ากับทหารรับจ้างคลาสต่ำที่ถูกหัวหน้าหน่วยทิ้งไว้ให้มาเป็นสหายร่วมรบ.เด็ก 9 ขวบอย่างโบ๊ทกลายเป็นคนคุมสถานการณ์จากบนกำแพง แต่ก่อนข้างบนนี้จะมีทหารรับจ้างยืนสลับเวรยามคุ้มกันตลอด 24 ชั่วโมง แต่ปัจจุบันกลับเหลือแค่โบ๊ทเพียงคนเดียว อาญาสิทธิ์เด็ดขาดทั้งหมดจึงตกเป็นของเขา ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้โบ๊ทใช้แหวนเวอร์ชั่น 2 ที่สร้างขึ้นจากเศษเหล็ก ย้ายผีดิบผู้







