LOGIN“ฟุบ!”
.
ลูกดอกอาบยาสลบพุ่งเฉี่ยวแก้มไปนิดเดียว แพรวเอี้ยวตัวหลบได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด ก่อนที่อาวุธเจ้ากรรมจะปักเข้าสู่กลางอกของ LGBT นางหนึ่งที่อยู่ด้านหลังในทันที
.
“จึกกก!”
.
แน่นอนเธอร่วงกราวราวกับใบไม้ร่วง สภาพไม่ต่างจากหุ่นยนต์ที่โดนถอดปลั๊กคว้ำหน้าลงหมอบต่ำ สิ้นสภาพและหมดพิษสง
.
“เฮือก..!"
"แล้วกันสิ! เกือบไปแล้วไหมล่ะ! โธ่เอ๊ยนังหนูจะบุกเข้าไปทำไมมิทราบ มันอันตรายจะตายไป!”
แพรวบ่นอุบทั้งที่ขาตัวเองยังก้าวไปข้างหน้าไม่หยุดหย่อน
.
มีแค่ไม้หน้าสามในมือแล้วไงในเมื่อหัวใจมันต้องการ เธอยังคงมุดฝ่ากลุ่ม LGBT โขลงใหญ่เข้าไปหาตัวเด็กสาวมัธยมต่อไป โดยใช้ความสูงของน้องให้เป็นประโยชน์ การพยายามเขย่งตัวให้สูงเข้าไว้เพื่อมองหาเพื่อนตลอดเวลาทำให้แพรวไม่ต้องลำบากมากนักในการมองหาเธอ
.
“เฮ้น้อง! กลับออกไปกับพี่เดี๋ยวนี้นะ! อย่าคิดทำอะไรโง่ ๆ !”
“คนของ AP มันไว้ใจไม่ได้! ไม่เห็นที่มันทำกับพวก LGBT รึไง หยุดนะ! หยุดเดี๋ยวนี้เลย!”
.
“พรึบ!”
“ซ่าาาาาา!”
.
คราวนี้เป็นปืนยิงตาข่ายที่ถูกยิงออกมาจากปากกระบอกปืน เส้นเอ็นสีขาวโพลนแผ่กระจายเป็นวงกว้างคล้ายแห มันแผ่ปกคลุมลงมาจากบนฟากฟ้า เดชะบุญที่แพรวพุ่งตัวหลบทันไม่งั้นคงเป็นเธอเสียเองที่โดนลากขึ้นรถไปพร้อมกับกระเทยกลุ่มใหญ่ พวกหล่อนต่างกรีดร้องกรี๊ดกร๊าดล้มลุกคลุกคลานครูดไถลไปกับพื้นซีเมนต์ โดยมีเจ้าหน้าที่หน้าหล่อฉุดกระชากลากขึ้นไปบนรถ ไม่มีปราณี ไม่มีเมตตา พวกเขาทำราวกับว่า LGBT เป็นสัตว์ป่า ทั้งที่พวกเธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
.
สถานการณ์จึงตรึงเครียดมากฝั่งตั้งใจมาล่าก็ลงมือใช้ความรุนแรง ส่วนฝั่งที่คิดจะช่วยเพื่อนก็บุกเข้าไปแบบไม่ลืมหูลืมตา แพรวตะโกนใส่น้องมัธยมอีกเป็นรอบที่ร้อย แต่ดูเหมือนเธอจะไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เด็กหญิงมีแต่จะรุดขึ้นหน้าไปเรื่อย ๆ แหวกวงล้อมฝ่าดงอาวุธหวังจะเข้าไปให้ถึงตัวเพื่อนที่เป็นรักร่วมเพศให้ได้ แม้สุดท้ายจะต้องติดสอยห้อยตามถูกจับไปกับเพื่อนเธอก็คงยอม นี่แหละวัยรุ่น! ว่าด้วยเรื่องเสี่ยงตายไม่เคยกลัวเพื่อนกันเพื่อนตายตลอดไปเห็นกันจะ ๆ ก็วันนี้
.
“โอ๊ย! ฉันไม่รู้จะพูดยังไงกับเธอแล้วนะ! ปล่อยทิ้งเลยดีไหมเนี่ยะพี่น้องก็ไม่ใช่ หลงมาจากไหนก็ไม่รู้ ฉันไม่เห็นจำเป็นต้องเข้าไปสอดเลย”
แพรวชักจะมีน้ำโหแต่ก็ได้แค่แป๊บเดียว เพราะติดตรงคำว่าเพื่อนนี่แหละ อย่าลืมสิว่าครั้งหนึ่งเธอเองก็เคยมีเพื่อนเหมือนกัน แถมยังเป็นกระเทยโข่งควายทุยที่ทั้งโง่แล้วก็บ้าแบบนี้เหมือนกันด้วย
.
“เอาวะ! “อีพี” มึงช่วยส่งพลังมาช่วยน้องเขาด้วยนะ!"
"แล้วก็ช่วยกูด้วย คุ้มครองกูหน่อย ขอให้กูปลอดภัย!”
.
ตั้งจิตอธิษฐานเช่นนี้เพราะวิกฤตการณ์มาถึงจุดแตกหักเสียแล้ว จากระยะประชิดราว 3 - 4 เมตร บนฝากระโปรงหน้าของรถหุ้มเกาะ แพรวเห็นกับตาตัวเองว่ามีเจ้าหน้าที่หน่วยสืบสวนโรคเวอร์ชั่นซาราเฮโยหน้าหล่อคนหนึ่ง กำลังขึ้นลำปืนช็อตไฟฟ้าพลางเล็งไปที่แม่หนูนั่น ใกล้ขนาดนี้หลับตายิงยังถูก และถ้าไม่ทำอะไรล่ะก็นังหนูก็คงจะโดนลากขึ้นรถไปรีดเลือดพร้อมกับพวก LGBT เป็นแน่
.
แพรวจึงรีบกระชับด้ามไม้ในมือทันที เธอหันซ้ายแลขวามองหาโอกาส มันต้องมีบ้างสิช่องว่างหรืออะไรสักอย่างที่จะทำให้เธอสามารถโผทะยานขึ้นไปหยุดการกระทำของไอ้หล่อเกาหลีคนนั้นได้
.
เสี้ยววินาทีผ่านไปหวยก็เลยมาออกที่กลุ่มเพศทางเลือกตัวบาง ที่มะรุมมะตุ้มนอนขดกันเป็นงูอยู่ในตาข่าย พวกเธอกำลังถูกลากขึ้นท้ายรถแต่ด้วยความทุลักทุเลล้มระเนระนาดพันกันเป็นก้อน ขนาดก็ดี ความสูงก็พอเหมาะ ไม่มีสิ่งใดจะเหมาะแก่การนำมาใช้เป็นฐานรองตีนได้เท่ากับสิ่งนี้อีกแล้ว แพรวก็เลยวิ่งจ้ำอ้าวเหยียบย่ำพวกเธอขึ้นไป
.
“ฮึบ! , ฮึบ! , ฮึบ!”
“ขอโทษทีนะทุกคน!"
.
“เราขอโทษนะ”
“ฮึบบบ!!!”
.
“ฟิ้ววว~!”
.
เทคอ็อฟโอเวอร์เฮดร่างบางลอยข้ามหัวผู้คนเบื้องล่างอย่างสง่างามรามกับนักบาสเก็ตบอล ทิศทางนั้นพุ่งตรงเข้าหาเป้าหมายได้อย่างถูกต้อง ตามติดมาด้วยการง้างไม้หน้าสามหัวตะปูแอ่นไปด้านหลัง รอเพียงแค่เหวี่ยงหรือฟาดลงไปเท่านั้นภารกิจช่วยชีวิตนี้ก็จะเสร็จสิ้น
.
“ย๊ากกก!!!"
"จงหลับไปซะเถอะ!!!”
.
“พลั๊ววววว!!!”
.
“โอ๊ย!”
.
.
กระพริบตาถี่ ๆ ติด ๆ ดับ ๆ เปลือกตาค่อย ๆ เผยอขึ้นเชื่องช้าก่อนจะมองเห็นฝ้าเพดานเว้า ๆ แหว่ง ๆ กับหลอดไฟเพดานที่ดับสนิทของสถานนีรถไฟฟ้าร้างเป็นลำดับแรก สาวมัธยมงงในงงเธอเจ็บที่บริเวณกลางหัวมาก กระทั่งผ่านไปสักพักเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันที่ยังเหลือรอดจึงเริ่มทยอยยื่นหน้าลงมามองทีละคนสองคน พร้อมกับตะโกนบอกกันว่า “ตื่นแล้ว ๆ , รู้สึกตัวแล้ว! , รีบบอกคนอื่น ๆ ที , ฯลฯ”
.
เสียงแหบพร่าขาดน้ำแต่ก็ยังฝืนถาม
.
“อะ.. อะไรกันอ่ะ.. เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ฉันหลับไปนานเท่าไหร่?”
.
ทุกคนไม่มีใครกล้าปริปากพูดคนท้อไม่แท้คนแท้ไม่ท้อ และแพรวนั้นคือคนจริง! ปฏิเสธไม่ได้ว่าแพรวนั้นกากเกินกว่าจะไปสู้กับใครได้ ฝั่งนั้นมีอาวุธแถมยังเป็นผู้ชายทั้งหมด ส่วนเธอมีแค่ไม้หน้าสาม ครั้นจะกระโจนขึ้นไปฟาดไม้ใส่หัวเจ้าหน้าที่ก็ดูไม่เจียมตัวเกินไป ชั่วเสี้ยวอึดใจก่อนที่ไม้จะเหวี่ยงโดนสาวเจ้าจึงตัดสินใจตวัดข้อมือเปลี่ยนทิศ แล้วหันไม้มาฟาดลงที่กลางกระหม่อมของเด็กสาวที่ตัวเองจ้องจะเข้าไปช่วยแทน
.
หักมุมสัด ๆ หลับสนิทศิษย์หามลง แพรวรีบพนมมือไหว้ขอโทษเจ้าหน้าที่ ก่อนจะรีบลากตัวน้องออกมาจากสมรภูมิเป็นการด่วน
.
“แล้วเพื่อนเราล่ะ! ทำไมเหลือกันอยู่แค่นี้พวกผู้ชายไปไหนหมด? พวก LGBT ล่ะ?”
“อย่าบอกนะว่า..?”
.
“เอิ่ม.. ม.. ม..”
เพื่อนที่เหลือราว 3 - 4 คนหันไปมองด้านหลัง ที่ตรงนั้นมีแพรวนั่งพิงเสาอยู่เธอกำลังเก็บม้วนผ้าพันแผลยัดคืนใส่ในเป้ พลันแทรกคำขึ้น
.
“นอนพักนิ่ง ๆ ไปก่อนเถอะ ขยับมากแผลที่เย็บไว้จะฉีกเอานะ”
แพรวพูดเตือนเธอย้ายตัวเองจากหลังเสามายืนอยู่หลังพวกเด็ก ๆ ไทยมุง แน่นอนว่าจากมุมนี้สาวมัธยมที่โดนไม้ฟาดจะเห็นแพรวในมุมเสย และเห็นเป็นแค่เงาสีดำจากการย้อนแสงเท่านั้น ทว่าเธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะตำหนิแพรวอยู่ดี
.
“พี่ทำแบบนี้กับหนูทำไมคะ!? หนูจะตามเพื่อนหนูทันอยู่แล้วพี่จะมาวุ่นวายทำไม? เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย!?”
.
“เหรอ! จะพล่ามอะไรทำไมไม่คิดดูดี ๆ ลองฉันไม่ช่วยสิ!? เธอคงโดนจับตัวรวมกับพวก LGBT ไปแล้วไม่เชื่อก็ลองถามเพื่อน ๆ ดูก็ได้ การกระทำของฉันทำให้พวกเธอยังมีที่ซุกหัวนอนอยู่นะนังหนู!”
แพรวตวาดใส่
.
สอดคล้องกันกับเพื่อน ๆ ที่ต่างก็พากันพยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วย พลางพยุงตัวเพื่อนให้ลุกขึ้นนั่งจะได้คุยกันดี ๆ
.
“แต่พี่ก็ไม่มีสิทธิ์มาฟาดหัวหนูจนสลบแบบนี้อยู่ดี”
มือเล็กสัมผัสลงบนผ้าพันแผลแค่แว๊บแรกก็รู้แล้วว่าช่างเป็นงานที่แสนจะเนี๊ยบ และบางทีนี่อาจจะเป็นคำขอโทษจากแพรว ท่าทีของเด็กจึงเริ่มผ่อนลง
.
ก่อนที่ต่อมาบรรดาพี่ ๆ น้า ๆ ลุง ๆ ทั้งหลายที่เป็นผู้อยู่รอดเหมือนกันจะค่อย ๆ เดินออกมาจากจุดต่าง ๆ ทั่วทั้งสถานีร้างแห่งนี้ พวกเขาต้องการจะแสดงให้เด็ก ๆ เห็นว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่พวกเธอ แต่ยังมีผู้คนอีกมากมายซึ่งแต่ละคนต่างก็เคารพในการตัดสินใจของแพรวมาโดยตลอด ยกตัวอย่างเช่นวันนี้ ถ้าแพรวไม่ตีหัวเด็กมัธยมจนสลบต่อหน้าเจ้าหน้าที่การเจรจาหยุดยิงก็คงไม่เกิดขึ้น และเผิน ๆ สถานีรถไฟฟ้าร้างก็อาจจะโดนบุกเข้ามาตรวจค้น จนอยู่อาศัยไม่ได้อีกเลยก็เป็นได้
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ