LOGINประจันหน้ากับกลุ่มผู้ใหญ่นับสิบชีวิต เด็กสาวมัธยมมีเพียงเพื่อนหญิงที่เหลืออยู่หยิบมือเดียวคอยเป็นแบ็คให้ หมดทางเลือกท้ายที่สุดก็ต้องปล่อยเลยตามเลย เธอรีบออกปากขอโทษแพรวโดยพลัน พลางก้มหัวลงกดต่ำขออภัยที่ต่อว่าแพรวออกไปเมื่อครู่
.
“หนูขอโทษค่ะพี่ที่พูดไม่ดี หนูก็แค่โกรธที่ต้องมาเสียเพื่อน"
"ถึงมันจะเป็นกระเทยที่นิสัยแย่ แต่มันก็ช่วยพวกเราไว้หลายต่อหลายครั้ง"
"ไม่น่าบ้าผู้ชายเล๊ย! มึงไม่น่าเป็นติ่งเกาหลีเล๊ย! ไม่น่า ๆ ๆ !”
ขบกรามแน่นพอ ๆ กับกำหมัด ผ้าพันแผลบนหัวชักจะมีเลือดซึมออกมา บางทีอาจจะเป็นเพราะความดันโลหิตที่พลุ่งพล่านเวลาที่เครียด
.
“เธอชื่ออะไร?”
แพรวถามด้วยท่ายืนจังก้ากอดอก แววตาดุดันจริงจังสมกับที่เป็นหัวหน้าแคลน
.
“ชื่อ “เจนิส” อายุ 15 ค่ะ ส่วนนี่ก็..”
.
“ไม่! ไม่ต้อง! ฉันขี้เกียจจำ! เอาเป็นว่าทั้งกลุ่ม 3 - 4 คนที่เหลือมีเธอเป็นแกนนำ"
"ฉันจะจำความเป็นเด็ก ม. ต้น ของพวกเธอเอาไว้ อยากติดต่อเมื่อไหร่ฉันจะคุยผ่านเธอ"
"ให้เธอไปกระจายข้อมูลกันเอาเองโอเค๊! เข้าใจตรงกันนะ “เจนิส” ”
.
ตัดจบบทสนทนาแบบเผด็จการโคตร ๆ อาศัยว่าหาที่หลบภัยตรงนี้เจอเป็นคนแรก บวกกับการคอยเจ้ากี้เจ้าการสั่งการคนอื่น ๆ ไปทั่ว จนขายผ้าเอาหน้ารอดมาได้หลายครั้ง จับพลัดจับผลูไป ๆ มา ๆ แพรวก็เลยกลายเป็นคนบ้าอำนาจไปเลย เธอไม่ฟังการแนะนำตัวใด ๆ ทั้งสิ้นแถมยังผายมือไล่พวกผู้ใหญ่คนอื่น ๆ ให้กลับไปพักผ่อน สถานการณ์แบบนี้ต้องเตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อม อะไรก็เกิดขึ้นได้และห้ามประมาทเป็นอันขาด จะมีก็แต่เจนิสที่ยังพยายามจะตั้งคำถามอยู่
.
“แล้วเพื่อนหนูล่ะคะพี่? LGBT เกือบ 5 คนเลยนะที่โดนจับตัวไปเมื่อกี้"
"พี่จะไม่ทำอะไรเลยหรอ? ถ้าพี่ไม่ว่าหนูขอพักสักแป๊บแล้วก็ขอเสบียงอาหารอีกนิดหน่อย"
"พรุ่งนี้เช้าเราจะออกตามกันเอง หนูไม่อยากทิ้งพวกเขาค่ะพี่”
.
ถึงตรงนี้เหล่าสมาชิกแคลนรุ่นใหญ่กลับเริ่มยิ้มเฝื่อนออกมา ราวกับตลกร้ายที่ไม่รู้ว่าจะขำหรือจะร้องไห้ดี กับความใสซื่อบริสุทธิ์ของพวกเด็ก ๆ พวกผู้ใหญ่ทยอยเดินกลับเข้าซอกตึกของใครของมัน บางคนก็ถึงกับส่ายหัวปลดปลงเป็นนัยน์ว่าเลิกหวังลม ๆ แล้ง ๆ ซะเถอะ
.
"ฟิ้ว~!"
.
"แกร๊ก ๆ ! , ก๊อกแก๊ง ๆ !"
.
แพรวปากระป๋องก๊าซเข้าไปกลางวงเจนิสและผองเพื่อน มันหล่นกระทบพื้นกระเด้งกระดอนอยู่สองสามที ก่อนที่ตัวฝาห่วงจะเปิดออกและส่งก๊าซสีแดงกลิ่นคาวเลือดของบริษัท AP พุ่งฟู่ออกมาคละคลุ้ง เยาวชนหญิงต่างก็ทำหน้าฟินกันเป็นแถบ มันเป็นความสบายที่ห่างหายมานาน เป็นความผ่อนคลายจนอยากจะหลับฝัน และเคลิบเคลิ้มปล่อยวางจากภาระที่แบกอยู่
.
"นี่เป็นไอเทมสำคัญของฉัน แต่ฉันยกให้พวกเธอกระป๋องหนึ่ง อย่างน้อยก็จะได้ป้องกันการติดเชื้อเอาไว้"
หัวหน้าแคลนพูดพลางเอามือล้วงกระเป๋า เธอยังคงขยิบตาบอกให้พวกผู้ใหญ่กลับไปพักผ่อนในที่ของตน ส่วนทางนี้เธอจะเป็นคนอธิบายต่อเอง
.
"เช๊อะ! ไม่เห็นจะน่ายินดีตรงไหนเลยพี่ พวกเราเองก็ไม่ได้ติดเชื้อซะหน่อย"
เจนิสยังคงเถียงเธอน่าจะเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ไม่สนก๊าซมหัศจรรย์นี่เลย มิหนำซ้ำยังลุกขึ้นยืนเขย่งเท้าให้ตัวเองอยู่สูงกว่าระดับก๊าซที่ค่อย ๆ ลดต่ำลงและเจือจางลงเรื่อย ๆ ตามวาระ
.
"หนูยังคงยึดมั่นเจตนารมณ์เดิม พวกเราจะไปจากที่นี่ตอนเช้าเราจะไปช่วยเพื่อน LGBT ของเราค่ะพี่!"
.
"อืม..เฮ้อ..!"
"แม่หนูน้อยเธอนี่ช่างเข้าใจยาก สิ่งที่ฉันจะสื่อก็คือมันเปล่าประโยชน์หากพวกเธอคิดจะบุกเข้าไป ก๊าซที่เธอสูดดมอยู่นี้ทำมาจากเลือดของพวกกระเทยที่โดนจับ มันมีสรรพคุณในการป้องกันเชื้อและทุเลาอาการของคนที่ติดโควิดได้"
"แต่เป็นยาเสริมไม่ใช่ยารักษา! ซึ่งพอเทียบเวลาที่นับจากตอนที่หน่วยแพทย์บุกเข้ามาแล้วล่ะก็ ป่านนี้เพื่อนของเธอก็คงไม่รอด ฉันคงต้องบอกว่าเสียใจ แต่เธอทำใจซะเถอะ! "
แพรวร่ายยาวให้เห็นภาพเธอรู้ว่ามันค่อนข้างแรง แต่ก็จำเป็นที่จะต้องพูดตรง ๆ
.
"ไม่จริงค่ะ! หนูไม่เชื่อหรอก! พี่มีหลักฐานอะไร? แค่คำพูดใช้อ้างอิงไม่ได้หรอกนะคะยังไงหนูก็จะไป! "
.
ย่างสามขุมเดินอาด ๆ เข้าไปหาเธอตรงหน้า เหล่าเพื่อนสาวที่นั่งสูดก๊าซอยู่ต่างถอยกรูออกห่างและหลีกทางให้ วินาทีนั้นท่าทางแพรวน่ากลัวจนเหมือนสัตว์ป่า แววตาสั่นพร่าเจิ่งนองน้ำแต่น้ำเสียงกับการเค้นคำในลำคอนี่สิ ที่ชวนให้เหล่าเด็กสาวใกล้จะคล้อยตามโดยสมัครใจ แพรวขยุมคอเสื้อของเจนิสขึ้นมา พลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ก่อนจะพูดขึ้น
.
"ฟังนะนังหนู! ฉันน่ะเคยบุกเข้าไปที่นั่นมาแล้ว! ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าพวก AP มันทำอะไร!"
"มันจับเพื่อนฉันไปทรมาน! มันรีดเลือดเพื่อนฉันจนตายไปต่อหน้าต่อตา! บางคนก็เป็นบ้า! บางคนก็โดนขังไว้จนกลายเป็นคนวิกลจริต!"
"กระบวนการเกิดขึ้นเร็วมาก แค่ 10 นาที ไม่สิ! แค่ 5 นาทีด้วยซ้ำ! AP ได้ก๊าซไปเป็นตันแลกกับเพื่อนของฉันที่สิ้นใจตายแบบไม่มีวันย้อนกลับ"
"มันสายไปแล้วล่ะ.. เธอช่วยพวกเขาไม่ทันหรอก!"
.
ปล่อยมือออกจากคอเสื้อการขย่มเขย่ายุติลงพร้อมกับหยาดน้ำตาที่เจิ่งนองแก้ม แค่นี้เด็กทุกคนก็รู้แล้วว่าแพรวพูดเรื่องจริง นั่นคือแววตาของคนสูญเสียที่มีทั้งความเศร้า ความหดหู่ และความน่าสงสารปะปนกัน
.
ทว่าเจนิสก็ยังดื้อดึงอยู่ดี เธอยังคงเถียงคอเป็นเอ็นตามประสาวัยรุ่นหัวรั้นที่คิดว่าตัวเองถูก มีการขึ้นเสียงตวาดใส่กันต่ออีกหลายยกก่อนที่สุดท้ายแพรวจะฟิวขาด และเผลอลงมือลงไม้กับเจนิสไป!
.
"เพรี๊ยะ!!!"
.
หน้าสะบัดด้วยฤทธาของฝ่ามือฉาดใหญ่ รอยแดงเป็นปื้นปรากฏขึ้นบนแก้มฝั่งซ้าย แม้จะไม่แรงเท่าการโดนไม่หน้าสามฟาดกระหม่อม แต่ก็รู้สึกถึงความอับอายและเจ็บใจอยู่่ในที เพื่อน ๆ ต่างตื่นขึ้นจากภวังค์ก๊าซกระป๋องระเหยหายไปหมดแล้ว ทำให้ทั้งกลุ่มต้องรีบโผตัวลุกขึ้นมาประคองเจนิสเอาไว้
.
"ฉันทำเพราะฉันเป็นห่วงเธอหรอกนะเจนิส แล้วฉันก็ไม่ขอโทษด้วย!"
"นี่คือสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว ห้ามไปที่ตึกของ AP เป็นอันขาด! เพราะฉันไม่อยากเห็นใครต้องเอาชีวิตไปทิ้งเพราะมันอีก!"
"วานคนอื่น ๆ ช่วยหาที่นอนให้เจนิสด้วย คืนนี้พอแค่นี้ก่อนพักผ่อนซะแล้วลองคิดตามที่ฉันพูดดู เราเหลือกันอยู่แค่นี้นะเด็ก ๆ ถ้าไม่รักกันไว้ใครจะมารักเรา หวังว่าคงเข้าใจ!"
.
กลุ่มเด็กหญิงพยักหน้าน้อมรับ พวกเขาจ้องดูรอยฟกช้ำบนแก้มเพื่อนด้วยความเป็นห่วงเป็นใย หัวเจนิสแตกหน้าก็บวมเป่งนี่ขนาดไม่ใช่แม่และพึ่งพบกันครั้งแรกแพรวยังโหดขนาดนี้ เด็ก ๆ จึงไม่แปลกใจเลยที่ทำไมใครต่อใครถึงยอมฟังคำสั่งจากเธอจัง แพรวเหมือนหญิงแกร่งที่โคตรจะเด็ดเดี่ยว เธอคงผ่านเรื่องราวในชีวิตมามากมายภาษากายที่สื่อสาร กับโวหารที่อิงเอ่ยจึงมัดใจผู้คนอย่างที่เห็น
.
"ชิ! ดีแต่พูดว่า AP ไม่ดีอย่างงั้นไม่ดีอย่างงี้แล้วนี่ล่ะคืออะไร?"
"พี่ใช้ก๊าซกระป๋องของ AP ทำไมมิทราบ? ไอเทมสำคัญงั้นเหรอ?"
"แต่มันทำมาจากเลือดของเพื่อนพี่ไม่ใช่เหรอคะ? มือถือสากปากถือศิลที่สุด!"
.
เอ้าอีเด็กนี่! เจนิสยังไม่ยอมแพ้แม้ร่างกายจะยอมนั่งราบลงกับพื้นไปแล้ว มิหนำซ้ำยังถูกห้อมล้อมไว้ด้วยกลุ่มเพื่อน แต่ทว่าเสียงที่ตะโกนออกไปก็ทำเอาแพรวถึงกับติดสตันท์ไปเลย กระป๋องก๊าซเปล่ากระทบพื้นดังเก๊ง ๆ แกร๊ง ๆ แพรวที่จวนจะเดินกลับที่พักของตัวเองอยู่แล้ว ถึงกับต้องกลับหลังหันมองย้อนกลับมาหา!
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ