ความอุ่นอันเกินพอดีทวีค่าจนกลายเป็นความร้อน แอร์คอนนิชั่นเสียงอื้ออึงมิอาจอำพลางดวงตะวันที่กำลังเฉิดฉายสายโด่ง แสงสีทองสาดสะท้อนรูผ้าม่านแยงเข้าดวงตาเล็กหยี มิวท์ใช้สันมือขยี้มันสองสามทีก่อนจะสะลึมสะลือขึ้นมาพร้อมกับรอยจ้ำกึ่งช้ำตามลำตัวเต็มไปหมด
.
"อ๊าาาา.. เมื่อยชะมัด.."
เธอว่า พลันทดร่างเปลือยของตนเองขึ้นค้ำกับหัวเตียงในท่านั่งพิง
.
ความจริงก็คือความจริง ว่าตอนนี้เปรมไม่อยู่เสียแล้ว เขาน่าจะไสหัวออกจากห้องเชือดแห่งนี้ไปตั้งแต่ช่วงตี 4 กว่า ๆ ซึ่งเป็นห้วงเวลาแห่งการหลุดพ้นจากมาตรการเคอร์ฟิวของทางรัฐ ไม่มีการจูบลาใด ๆ เสื้อผ้าก็ปล่อยกระจุยกระจายไว้ แม้แต่สาวเจ้าที่ยอมนอนให้ขืนใจก็ยังมิแยแส
.
แย่จริงอะไรจริง! บอกตามตรงว่าในใจมิวท์นั้นแสนจะเจ็บปวด หล่อนวางมือลงบนเนินอกตัวเองกระทั่งสัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจที่ยังคงตื่นเต้น "ถูกฟันแล้วทิ้งรึเปล่านะ?" , "เขาจะรับผิดชอบเรารึเปล่า?" , "เราจะทำหน้ายังไงถ้าต้องอยู่ต่อหน้าพีแล้วก็แพรว?" สารพัดความกังวลถาโถมเข้ามาใส่ ทั้ง ๆ ที่ตัวเธอเองก็เป็นแค่เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ที่เผลอตัวเผลอใจให้กับคนที่แอบชอบ
.
"พี่เปรมคะ..!"
มือเรียวเลื่อนลงมายังที่นอนด้านข้าง คุณพระช่วย! มันยังมีรอยบุ๋มจากร่างกายเขาอยู่เลย ความอุ่นของคราบเหงื่อไคลได้ทิ้งหลักฐานไว้ถึงพร้อม
.
"มิวค์คิดถึงพี่~!"
.
"ฟุบบบบ!!"
.
สาวเจ้าซุกหน้าลงไปใกล้ เธอสูดดมกลิ่นกายของเขาไว้จนชุ่มปอด เพราะมีความเป็นไปได้สูงเหลือเกินว่านี่อาจจะเป็นการร่วมรักครั้งแรกและครั้งเดียวระหว่างเขากับเธอ
.
กระทั่งผลาญเวลาไปครู่ใหญ่ มิวท์ถึงได้ลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับผ้าห่มผืนหนาที่คลุมทับร่างอันเปลือยเปล่าเอาไว้พอหลวม ๆ
.
"เฮ้อ..!"
"คงทำอะไรไม่ได้นอกจาก Move On สินะ เป็นเมียเขาแล้วแต่ก็พูดอะไรไม่ได้ ยัยมิวท์เอ๊ย!"
"เก็บเสื้อผ้าแล้วอาบน้ำดีกว่า คิดซะว่าทำบุญทำทาน แม้มันจะเป็นเซ็กส์ครั้งแรกในชีวิตของเราก็เถอะ"
.
ร่างบางก้มตัวเอื้อมเก็บเสื้อผ้าในที่เกิดเหตุไปเรื่อย ๆ ไล่มาตั้งแต่ปลายเตียงจนมาถึงหน้าห้อง ด้วยความสัตย์จริงว่าในหัวนั้นขาวโพลนไปหมด เธอไม่ได้แข็งแกร่งดั่งคำพูดเลยแม้แต่น้อย แถมยังแทบจะจำกิริยาท่าทางขณะร่วมรักกับเปรมไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
.
ฤทธิ์แห่งแอลกอฮอล์ผนวกรวมเข้ากับความกระสันซ่าน ทำให้มิวท์จำได้แค่ว่าได้ปลดปล่อยทุกอย่างออกไปตามที่หัวใจปรารถนา เธอเหนื่อยแทบขาดใจแต่ก็สะใจอยู่ในที ดังจะเห็นได้จากยกทรงสีชมพูที่พาดอยู่บนขอบประตู เสื้อยืดตัวบางกองอยู่บนโซฟา ส่วนกางเกงในตัวเก่งนั้นกระเด็นขึ้นไปขึงอยู่บนเตาแก็ส
.
"ยึ๊ย! , ให้ตายสิ!"
"อี๋! นี่ฉันทำอะไรกับพี่เขาไปบ้างเนี่ย!? ทำไมถึงได้เละเทะขนาดนี้นะเรา"
"....?"
"เอ๋?! แล้วนี่มันอะไรกัน?"
"ในถังขยะหน้าห้องนี่มัน?!"
.
ตกใจนมกระเพื่อม สองมือแทบจะหลุดออกจากผ้าห่มที่ใช้ปิดกันโป๊ เมื่อสองตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นบางสิ่งในถังขยะ เธอค่อย ๆ ย่อตัวลงพลันล้วงมือลงไปหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะพบว่าสิ่งนั้นคือ "ก้อนกระดาษชำระที่หุ้มเศษถุงยางอนามัยเอาไว้"
.
"แหวะ! ไม่ใช่ก้อนเดียวด้วย นี่เราจัดกับพี่เขาหนักขนาดนี้เชียวหรอ"
"ตาย ๆ ๆ ! รู้ถึงไหนอายเขาถึงนั่น! แต่ก็ยังมีเรื่องดีอยู่บ้างล่ะนะ. อย่างน้อยเราก็ไม่ท้องแน่ ๆ"
"ฮู่วววววว~~"
.
นิสิตสาวเป่าปากพ่นลมหายใจพรูด้วยความโล่งอก เธอไม่สนอะไรอีกต่อไปแล้ว แค่ประคองตัวเอาไว้อย่าให้แพรวกับพีรู้เรื่องนี้เป็นอันขาด รูดซิบปากให้สนิท ใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่อุดมไปด้วยโรคระบาดแบบนี้ต่อไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น เท่านี้ก็เรียบร้อย อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ซึ่งถ้าเปรมมาขอเปิดเมมเบอร์กับเธออีกรอบเธอก็คงจะให้เขา แต่แค่ต้องหาที่ทางและเวลาให้เหมาะสมกว่านี้สักหน่อย
.
.
หลายวันผ่านไป
.
.
จู่ ๆ คุณหมอผู้ได้รับมอบหมายให้เป็นโฆษกรัฐบาลก็ได้ออกแถลงการณ์ด่วน มันเป็นวันมหาวิปโยคหรือไงก็ไม่รู้ เพราะปกติแล้วหน้าตี๋ ๆ ใส่แว่นของแกจะปรากฏบนจอก็แค่ตอนหัวค่ำก่อนข่าวพระราชสำนักเท่านั้น สิ่งนี้จึงตีความได้ว่าสถานการณ์ covid - 19 ในรอบวันน่าจะดูไม่ดีเท่าไหร่ ในรายงานแจ้งว่าอัตราผู้ติดเชื้อมีตัวเลขสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด โรงพยาบาลเริ่มจะรับมือไม่ไหว เตียงคนไข้และห้องปลอดเชื้อไม่เพียงพอ ลุกลามบานปลายไปถึงขั้นสถานีอนามัยและคลินิคเวชกรรมต่าง ๆ ที่ต้องเข้ามาช่วยแบกรับภาระ
.
"เรากำลังเข้าสู่สภาวะวิกฤต การแพร่เชื้อกระจายตัวเป็นวงกว้างในสถานที่สาธารณะและสถานบันเทิง ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มีอายุ 18 - 25 ปี ซึ่งอยู่ในช่วงวัยรุ่น จากแต่ก่อนที่จะเป็นเด็กและผู้สูงอายุ"
"ผู้ติดเชื้อรายล่าสุดที่เสียชีวิตเป็นชายไทยอายุ 19 ปี อาชีพพนักงานบาร์โฮส มีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงมั่วสุมทางเพศโดยไม่เว้นระยะห่าง จากการชันสูตรพลิกศพพบเชื้อ covid -19 ในกระแสเลือดปริมาณเล็กน้อย แต่พบในเซลล์สืบพันธุ์หรืออสุจิเป็นจำนวนมหาศาล"
"ข่าวร้ายคือ! เชื้อชุดนี้เป็นคนละตัวกับที่เราเคยพบมา มันเป็นเชื้อที่ไม่เหมือนกับที่ประเทศจีนหรือในยุโรป หากแต่เป็นการแยกสาย DNA ผ่านการออสโมซิสทรานซิสชั่น ปรับโครโมโซมคู่ที่ 32 จับคู่กับพันธะโควาเร้นท์ที่บิดเบี้ยว ทำให้ตัวเชื้อเกิดการกลายพันธ์ุเป็น RHA ประจุบวก"
"กล่าวโดยสรุปง่าย ๆ คือ เชื้อ covid - 19 ในไทยมีการกลายพันธุ์โดยสมบูรณ์ มันมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานขึ้นในสารคัดหลั่ง , น้ำกาม , เสปิร์ม , อสุจิ , และมีอันตรายถึงชีวิต เป็นประเภทเชื้อที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยมีมา และตอนนี้เราก็ยังไม่มีวัคซีนใด ๆ ที่จะใช้กำจัดมัน"
"ศคบ.จึงขอเรียนย้ำกับประชาชนทุกคนว่า กรุณาหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ทุกชนิด ไม่ว่าจะรูปแบบใด ชาย & ชาย , หญิง & หญิง , ชายกับหญิง หรือรักร่วมเพศ การเว้นระยะห่างยังเป็นเรื่องสำคัญ การ์ดอย่างตก อย่าลืมนะครับว่าถุงยางอนามัยอาจใช้ป้องกัน HIV ได้ แต่มันป้องกันเชื้อ covid - 19 ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย"
.
จบประกาศอันยาวเหยียดลงแต่เพียงเท่านี้ หน้าจอทีวีดับพรึบ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายที่ร้อยวันพันปีเปรมจะดูทีวีกับเขาสักครั้ง เขาได้ยินข้อความเหล่านี้เต็มสองรูหู พลันพินิจพิเคราะห์ถึงไลฟ์สไตล์ของตัวเอง อายุ 21 ถือว่าเข้าเกณฑ์ พฤติกรรมใกล้ชิดกับผู้คนก็ไปมาหาสู่คนนั้นคนนี้อยู่บ่อย ๆ ยิ่งเรื่องสำคัญที่สุดอย่างการมีเซ็กส์นี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
.
"เย็ดแม่ง!"
อุทานซะดังลั่นทั้งที่ความจริงควรจะอุทานว่า "เย็ดมิวท์" ซะมากกว่า
.
เปรมถึงกับกุลีกุจอรีบคว้าสมาร์ทโฟนเป็นการด่วน เหงื่อเริ่มแตก หน้าเริ่มซีด คิดอะไรไม่ออกก็เลยเลือกที่จะปิดหน้าร้านขายยาลงไปก่อน ประตูเหล็กหน้าร้านถูกดึงลงมาเสียงดัง
.
"ครืดดดดด!"
.
เป็นเสียงดังก้องสั่นสะท้านปลุกจิตวิญญาณให้หวั่นไหวจิตตก เนื่องด้วยเจ้าตัวนั้นรู้อยู่แก่ใจว่าหลายวันก่อนเพิ่งไปทำอะไรมา เขาได้รับการไหว้วานให้ดูแลร้านยาแห่งนี้แบบชั่วคราวไปพลางก่อน เนื่องจากญาติที่เป็นเจ้าของกิจการดันกลัวการระบาดมากจนต้องหนีออกจากกทม.ไป เหลือไว้ก็แต่เขาที่ยังคงทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ซึ่งตอนนี้เห็นทีจะไม่ใช่ซะแล้ว
.
"อะไรกัน!? คงไม่ซวยขนาดนั้นหรอกมั้ง?"
ชายหนุ่มพยายามคิดบวก
.
"โทรเช็คมิวท์หน่อยดีกว่า เพราะหลังจากวันนั้นเราก็ไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลย เธออาจจะยังไม่รู้ข่าวนี้!"
.
เปรมนั่งย่อตัวลงตรงหลังเคาท์เตอร์ เขาตื่นกลัวจนยืนไม่อยู่แต่ก็ยังพยายามจะเรียกสติให้กลับคืนมา พลางคิดย้อนถึงลีลาร้อนสวาทที่ประเคนใส่ฝ่ายหญิง ฉุดคิดถึงเสี้ยววินาทีที่ถลกถุงยางออกจากน้องชายอันแล้วอันเล่า ก่อนจะทิ้งพวกมันลงถังขยะแบบไม่แยแส
.
"เสร็จไปสี่น้ำ! แล้วไหนจะที่แตกใส่บนร่างกายมิวท์อีก! , ชิบหายแล้วกู! , เวร ๆ ๆ ๆ ! เวรแท้ ๆ !"
.
ขยี้หัวยึกยือ หมดกันสภาพเดือนคณะสุดหล่อประธานหอผู้หน้าตาดี บุคลิกตอนนี้เปรมไม่ต่างจากไอ้ขี้ยาหุ่นก้างที่ใช้เคาท์เตอร์ขายยาบดบังทัศนวิสัย
.
เขาเครียดกับเรื่องนี้มากจริง ๆ ทั้งพูดคนเดียวทั้งบ่นคนเดียวอยู่ในร้านประหนึ่งขังตัวเองไว้ไร้ซึ่งทางออก ดูทรงแล้วมันคงจะช่วยเขาไม่ได้สักเท่าไหร่ เพราะอีกไม่กี่นาทีให้หลังเขาก็ได้ยินเสียงไซเรนของรถพยาบาลที่ดังแทรกขึ้นมาจากในละแวก
.
"วี้ , หว่อ! , วี้ , หว่อ! , วี้ , หว่อ! , วี้ , หว่อ!"
.
"เหี้ย! เรื่องอะไรอีกล่ะคราวนี้ อย่าบอกนะว่าเชื้อมันลามเข้ามาถึงในมหาลัยแล้ว! สาธุ..ให้กูหลอนไปเองทีเถอะ!"
.
พูดไม่พูดเปล่าอ่าวโอ้ไปก็ดูจะไร้ประโยชน์ คิดได้ดังนั้นร่างหนาจึงได้ตัดสินใจวิ่งถลันขึ้นไปยังดาดฟ้าของตัวตึก อาคารพาณิชย์แห่งนี้มีความสูงสามชั้น เป็นตึกประจำตระกูลที่บริหารงานโดยเครือญาติของเปรม ชั้นสามเป็นดาดฟ้า ชั้นสองเป็นที่พักอาศัย ส่วนข้างล่างเปิดเป็นร้านยาเล็ก ๆ ไว้ให้บริการ
.
มันตั้งตระหง่านอยู่ห่างจากประตูมหาวิทยาลัยเพียงแค่ไม่กี่ 10 เมตร มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นประชาชนในละแวกและบรรดาเด็กนักเรียน เรียกได้ว่าอยู่ในย่านชุมชนอันเป็นพื้นที่โซนแดงที่ภาครัฐเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ข้างกันประกอบไปด้วยตึกแถวลักษณะเดียวกันอีกหลายคูหา ส่วนมากเปิดเป็นร้านค้าร้านอาหารไว้สำหรับให้นิสิตนักศึกษาได้เข้ามาใช้ แต่ทว่าตอนนี้เกินกว่าครึ่งก็ได้ปิดให้บริการไปหมดแล้ว
.
เปรมอยู่บนดาดฟ้าตึกฝั่งตัวเอง จากมุมนี้เขามองเห็นเหตุการณ์ข้างล่างได้อย่างชัดเจน เลยทำให้รู้ว่าต้นตอของเสียงไซเรนมาจากตึกฝั่งตรงข้ามที่เปิดเป็นร้านตัดผม
.
"เหี้ย! จริงดิ!?"
"น้าร้านตัดผมตายแล้ววว!"
"คุณพระช่วย!"
.
จากที่หน้าซีดเป็นไก่ต้มอยู่แล้ว วินาทีนี้เป็นอะไรที่ขาวโพลนยิ่งกว่ากระดาษขาวทาแป้งเด็กแคร์ ดวงตาไม่เคยโกหกใคร เปรมเห็นกลุ่มบุคคลใส่ชุดคลุมปลอดเชื้อพร้อมกับถังออกซิเจนประมาณ 5 - 6 คนวิ่งกรูกันลงไปจากรถพยาบาล พวกเขาวิ่งเข้าไปในร้านตัดผม ขณะที่ด้านนอกยังมีเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งคอยพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อใส่ถนน ฟุตบาท และบริเวณรอบ ๆ ตึกอยู่ตลอดเวลา
.
สักพักพวกเขาก็กลับออกมาพร้อมกับเตียงสนาม และร่างอันไร้วิญญาณของคุณน้าร้านตัดผม ชายคนดังกล่าวเป็นอะไรที่จำได้แม่นเพราะเปรมเคยกินดื่มกับแกอยู่บ่อย ๆ ศพถูกพ่นด้วยยาฆ่าเชื้อก่อนจะจับยัดใส่ถุงห่อศพ ซีนหนาแน่นพลันนำขึ้นรถตู้อีกคันที่เพิ่งวิ่งเข้ามาสมทบ กิจกรรมทุกอย่างเกิดขึ้นภายในระยะเวลาอันกระชั้นชิด ไฟไซเรนที่หมุนติ้วดับ ๆ ติด ๆ ย้อมบรรยากาศโพล้เพล้ให้แลดูหม่นเศร้าน่ากลัว
.
ยัง! ยังไม่จบแค่นั้นเพราะอีกไม่กี่วินาทีให้หลัง ศพอีกศพก็ถูกหามออกมาด้วย คราวนี้เป็นศพของภรรยา ร่างของหญิงสาววัยกลางคนหงิกงอราวกับถูกไฟสุม ไม่ดำไม่ไหม้เสื้อผ้าอยู่ครบ ทว่าสิ่งที่เปรมเห็นกลับเป็นอาการเกร็งชักน้ำลายฟูมปากที่เขาเองก็ได้แต่คาดเดาว่า อาจจะเป็นผลพวงมาจากเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่
.
มันคงเล่นงานระบบประสาทจนผู้ติดเชื้อคงสภาพร่างกายเดิมไว้ไม่อยู่ สมองส่วน Cerebellum Pons คงโดนกินยับ ผ่าเข้าไปในไขกระดูกคงมีแต่ซากเกล็ดเลือดที่โดนฤทธิ์เชื้อกลืนกินเอาไป เปรมทั้งกลัวแล้วก็ตัวสั่น พฤติการณ์เช่นนี้เป็นไปได้สูงว่าน้าทั้งสองคนอาจจะมีอะไรกันตามประสาผัวเมียแล้วลงเอยด้วยการเป็นศพ
.
"อึ๊ก! ไม่ไหวแฮะ! เราต้องรีบโทรหามิวท์รีบเตือนให้เธอรู้"
.
"ติ๊ด , ติ๊ด , ติ๊ด , ติ๊ด ,"
ปาดนิ้วกดสมาร์ทโฟนแบบผิด ๆ ถูก ๆ พร้อมกันนั้นเสียงของดอกยางรถพยาบาลก็ได้บดกับพื้นถนนเคลื่อนตัวออกไป เสียงดัง "เอี๊ยดดด!" ดังสนั่น
.
เปรมชะเง้อคอมองลงไปเขาเห็นเจ้าหน้าที่ 3 นาย กำลังช่วยกันพ่นยาฆ่าเชื้อเก็บรายละเอียดเป็นขั้นตอนสุดท้าย
.
"ตุ๊ดดดด , ตุ๊ดดดด , ตุ๊ดดดด"
.
"กรอดดดด!"
"เวรเอ๊ย! ทำไมไม่รับสายล่ะมิวท์ นี่มันเรื่องใหญ่นะ!"
.
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ถ้าเห็นว่าเป็นเบอร์เปรมมิวท์จะรีบกดรับทันที กลายเป็นความร้อนใจที่ถาโถมเข้าใส่อดีตผัวซะอย่างงั้น
.
"บ้าเอ๊ย! ไม่ใช่ว่าตายไปแล้วหรอกนะ! ฉันไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นคนฆ่าเธอหรอกนะมิวท์"
"มันต้องมีวิธีสิ วิธีที่จะพิสูจน์ว่าเราไม่ได้ติดเชื้อ หรือไม่ก็วิธีที่จะป้องกันไม่ให้เราเป็น"
.
กัดกรามกรอดครุ่นคิดมือยังคงกำสมาร์ทโฟนเอาไว้แน่น ขณะที่สองขานั้นจ้วงเท้าลงบันไดมาด้วยความเร็วสูง จู่ ๆ เปรมก็เหมือนจะคิดอะไรดี ๆ ออก เจ้าตัวน่าจะใช้ความเป็นนักศึกษาคณะเภสัชฯได้คุ้มค่าเทอมขึ้นมาแล้ว ผนวกรวมกับการเป็นถึงลูกหลานของบริษัทผลิตยายักษ์ใหญ่ ที่ตอนนี้ดันมีร้านยาทั้งร้านไว้ในกำมือ การจะหยิบจับอะไรก็เลยง่ายโดยไม่ต้องมีผู้ตรวจสอบ
.
" ยังไงเราก็ไม่ยอมป่วยหรอก ขอเอาเกียรติของร้านยานี้เป็นเดิมพันเลย"
.
"กูต้องรอด! กูต้องไม่ติดเชื้อโว๊ยยย!"
“โครมมม!”.“หึ! ทำไมประตูบานนี้พังเข้ามาง่ายจัง เหมือนแค่วางพิงไว้เฉย ๆ เลย?”เจ้าหน้าที่ผู้ถือวิทยุหันมาคุยกับเพื่อน พวกเขาทำแบบนี้กับทุกห้องและล่าตัวบุคคลกลุ่มเสี่ยงสูงที่เป็นชาวสีม่วงผิดเพศ ลงไปกักขังไว้ด้านล่างได้หลายรายแล้ว.“ระวังตัวด้วยล่ะ อาจจะเป็นกับดักก็ได้ คนข้างในอาจจะมีอาวุธ”เสียงทีมที่มาด้วยกันร้องเตือน.“อืม..จริง ทุกคนระวังตัวด้วยนะ!”เขาตะโกนบอกทุกคนพลางกระชับวิทยุไว้จนมือเปียก โดยทุกคนที่พูดถึงนั้นก็มีทั้งกระสอบป่าน , ปืนช็อตไฟฟ้า , แล้วก็ลูกดอกอาบยาสลบ.ประหนึ่งรู้มาก่อนกาล ว่าที่นี่คือห้องของพีกระเทยควายรูปร่างสูงโปร่งแห่งทุ่งบางกะปิ ผู้ซึ่งบัดนี้กำลังหมดแรงอ่อนล้าหลังเพิ่งผ่านการถ่างขาสังวาชกับเพื่อนสาวมาหยก ๆ.“สองคนทิศ 12 นาฬิกา อีกคนมากับฉัน! ชิดกำแพงไว้! เราจะโอบจากด้านข้าง!”.“ตรึม! , ตรึม! , ตรึม! , ตรึม! ”.ฝ่าเท้าโหมกระหน่ำโรมรันไม่มีการย่องเบาแบบภารกิจสายลับใด ๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างเต็มไปด้วยความอึกทึกครึกโครม ส่วนหนึ่งก็เพราะอุปกรณ์เซ็นเซอร์ที่ติดตั้งอยู่บนแขน ที่มีการแจ้งเตือนอย่างแน่ชัดว่าในห้องแห่งนี้มีชาวรักร่วมเพศอาศัยอยู่ เลือดของพวกเขากำลังเป
จ้วงขาออกไปพร้อมกับการเชิดหน้า บานประตูกลายเป็นที่รองตีนให้เหยียบย่ำ ประดังความแค้นสุมทรวงทำให้แพรวแสดงออกเช่นนี้ เธอหยุดเจรจาพาทีมุ่งหน้าออกไปจากอพาร์ทเมนต์แห่งนี้โดยเร็ว และถึงแม้ว่าพีจะพยายามตะโกนไล่หลังพลันวิ่งเปลือยท่อนบนออกมาตาม แพรวก็ไม่สนอีกแล้ว.“อีแพรวเดี๋ยว! ชุดมึงมันไม่เรียบร้อย มึงจะโนบลาออกไปเดินโทง ๆ ไม่ได้!”.เห็นแต่แผ่นหลังเดินลงบันไดไปไกลลิบ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงตามสไตล์ของคนที่เพิ่งเสียตัว พีหยุดแล้วแต่แพรวไม่ยอมหยุด เขาไม่ใช่พระพุทธเจ้าแล้วแพรวก็ไม่ใช่องคุลีมาล ไม่มีทางที่จะตรัสรู้ชอบได้ด้วยตนเอง กระเทยหนุ่มเลยต้องปล่อยเลยตามเลยเดินวกกลับเข้าไปในห้อง พร้อมกับยกบานประตูทั้งบานเอาไปประกบไว้คืนที่เดิม.“อีห่า! ค่าส่วนกลางกูก็ต้องจ่ายอีก! ขอให้มึงไม่ท้องอย่าให้กูต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นการแต่งมึงเป็นเมียเลยอีแพรว!”..ตัดภาพมาที่หญิงสาวเพื่อนสนิท เธอยังคงมุ่ยหน้าเดินเหวี่ยงลงบันไดมาด้วยความหงุดหงิด ห้องของพีอยู่ชั้นบนสุดคือชั้น 5 ซึ่งไม่สูงพอที่จะทำให้อพาร์ทเมนต์แห่งนี้มีลิฟท์ไว้อำนวยความสะดวก สาวเจ้าจึงได้แต่เดินแล้วก็เดิน เดินไปคิดไปว่ายังไงซะสถานที่ ๆ จะไปก็คงไม่พ้
“วางถุงกาวแล้วตั้งสติ” ถ้าเป็นวลีฮิตสมัยก่อนต้องใช้คำนี้ แต่ถ้าเป็นตอนนี้ต้องบอกเลยว่าพลาดที่ไม่ได้ใส่ถุง แพรวลุกขึ้นพรวดจากโซฟาเธอเดินไปเก็บเสื้อผ้า ค่อย ๆ ทยอยสวมใส่ทีละชิ้นด้วยความใจเย็น แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าใส่ไปก็มีแต่รอยขาดจากการถูกกระชากก็ตามที.“……”เงียบเป็นเป่าสาก สาวเจ้าสวมเสื้อนอกตัวบางเป็นลำดับสุดท้าย ก่อนจะขยับตัวไปยืนอยู่หน้าประตู.“มึงจะไปไหน?” พีถาม เขาถูฝ่ามือขยี้หน้าตัวเอง .กระเทยควายอยู่ในอาการจิตตกขั้นสุด บางทีเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยให้เซลล์อสุจิงอกอยู่ในช่องคลอดเพื่อน แพรวจึงโพล่งคำขึ้น.“ก็ไปหาทางแก้ปัญหาไง! กูขอถอนคำพูดที่ว่าไม่เป็นไรนะพี!”“ไอ้พวกผู้ชายสารเลว หน้าไหนก็ไม่ต่างจากหมา ตอนเอาก็ทำรุนแรงพอเลยเถิดทำเรื่องแดง แม่งเห็นมีแต่ผู้หญิงอย่างกูนี่แหละที่เดือดร้อน!”“เหี้ยเอ๊ย! ทำไมมึงปล่อยในวะ อีสัด..ด..ด..ด!”กำหมัดแน่นแถมยังกัดกรามเค้นเสียงสั่นในลำคอ ดูทรงแล้วแพรวคงจะโกรธมากจริง ๆ.แข้งขาเธออ่อนยวบยาบไปหมด แค่นึกถึงกลีบผกาก็สั่นไหว ไม่รู้เหมือนกันว่าเกี่ยวกันไหมแต่เหมือนแพรวจะรู้สึกว่าจุดซ่อนเร้นข้างในนั้นช่างชุ่มแฉะ โกรธจนหยาดน้ำเสียวเล็ดซึมอ
ภายใต้ผนังห้องที่ทึบตันอับทึบแสง แดดจะแยงยังยากลำบาก มิหนำซ้ำยังถูกพอกทับด้วยกระดาษกาวนานาชนิดที่ปิดผนึกทุกอย่างเอาไว้กันเชื้อโรค ให้ตายเถอะถ้าไม่ขาดใจตายก็มีแต่จะร้อนตายกันเท่านั้น เพื่อนซี้ที่เพิ่งได้กันเลยค่อย ๆ เผยอเปลือกตาสะลึมสะลือขึ้น.แพรวลุกขึ้นได้ก่อนเธอเห็นทุกอย่างขาวพร่าดวงตายังไม่โฟกัส แต่สติยังอยู่ดีไม่ได้ความจำเสื่อม กลีบผกายังคงแสบเสียวสะท้อนให้เห็นว่ากระเจี๊ยวที่แยงแหย่นั้นเร่าร้อนขนาดไหน.“ซีดดด.. มึนหัวจัง”พูดพลันเอื้อมมือไปคว้าเอาเสื้อยืดตัวบางมาสวมใส่แบบโนบลา ก่อนจะนั่งลงห้อยขาโน้มตัวมาด้านหน้าทำสีหน้าเศร้า.“มึงเป็นไงบ้างพี..?”.ร่างใหญ่ตวัดพลิกดีดตัวขึ้นนั่งขัดสมาธิ ในชุดนุ่งลมห่มฟ้าเนื้อตัวดำกร้านของเขากลืนไปกับบรรยากาศห้องที่มืดหม่น เขาลุกขึ้นมานั่งบนโซฟา เอามือผสานกันวางไว้ที่ตักแบบเดียวกับที่แพรวทำ.“ครือ..อ..อ..อ..อ~!”เสียงแอร์ดังกลบทุกสรรพสิ่ง ราวกับว่าต่างคนต่างรอให้อีกคนมีปฏิกิริยาก่อน .“เราได้กันแล้ว..”พีเปิดประเด็น.“กูขอโทษ~ กูไม่เมาหรอก~ กูไม่~ แบบ..บ..บ..บ”“เหี้ยเอ๊ย! แม่งทำอะไรลงไปวะ?”ตีอกชกตัวทำทุกอย่างที่มีความรุนแรง แต่ใบหน้าดำคล้ำ
ปลายลิ้นสากลากวนหัวถันยอดเกสรลุกชูชันเกินจะต่อต้าน แพรวเริ่มขยับหนีตามจริตจะกร้านด้วยเพราะรู้โดยสันดานว่าตัวเองก็สมยอม แต่ก็ต้องพยายามขัดเอาไว้หน่อยไม่ให้ฝ่ายนั้นคิดว่าง่ายเกินไป เธอกระเถิบตัวขึ้นไปพิงกับพนักวางแขนของโซฟา ครานั้นพีก็ยังตามขึ้นมาโดยการใช้คางพาดไว้บนเนินอก.“หนีทำไม?”เขาเค้นเสียงถาม ลมหายใจร้อนผ่าวจนผิวเต้าเกร็งลุก.“…….”แพรวไม่ตอบเธอเหลือบมองไปทางอื่น พลันใช้มือปิดบังหน้าอกตัวเองเอาไว้ ก่อนจะดันร่างอันบอบบางกระเถิบหนีขึ้นไปพิงกับพนักโซฟา.“กูไม่ให้มึงหนีหรอก มึงพลาดแล้วที่คิดจะยั่วกูอีแพรว!”.ร่างหนาโผขึ้นไปประกบ ชั่วเสี้ยวอึดใจสองกายก็กลมกลึงรวมเป็นหนึ่ง พีสอดแขนเข้าล็อคตัวแพรวเอาไว้ก่อนจะใช้เข่าดันลำตัวส่วนบนอันแน่
เทปกาวหลายขนานปิดทับช่องว่างใต้ประตู ขอบหน้าต่างอัดแน่นไปด้วยกาวยางซิลิโคน ชนิดที่แม้แต่แมลงวันสักตัวก็แทรกผ่านเข้ามาไม่ได้ แอร์ถูกปิด เปิดเพียงระบบฟอกอากาศพอให้ได้ใช้หายใจ และถ้าหากฆ่าแพรวที่มีส่วนร่วมในการแย่งหายใจทิ้งได้ พีก็คงทำไปแล้ว.“มึงเว่อร์อ่ะอีพี!”แพรวตะโกนบอก ขณะนั่งกดโทรศัพท์เล่นอยู่บนโซฟา.“ช่างมึงสิ! ก็นี่มันห้องกู ๆ จะทำอะไรก็ได้ มึงไม่เห็นสิ่งที่มิวท์ทำเหรอ? มึงเห็นกับตาแล้วมิใช่รึไงว่าข้างนอกนั้นเป็นยังไงบ้าง กันไว้ดีกว่าแก้นะมึง!”ร่างหนาดั่งหมีป่าแบกตู้กับข้าวโครม ๆ พีลากมันมากั้นประตูหน้าห้องเอาไว้ เขากลัวเชื้อไวรัสขึ้นสมองจนต้องรีบกลับมารีโนเวทห้องตัวเอง ให้เป็นดั่งห้องปิดตายอย่างที่เห็น.“เฮ๊อะ! ตื่นตูมชะมัด! ต่อให้มีโคนัน 10 คนก็ไขเข้ามาไม่ได้หรอกถ้ามึงทำขนาดนี้”แพรวประชด.“ไม่ช่วยก็อย่าพาลดิ กูรู้หรอกว่ามึงคิดอะไรอยู่ในหัว ทำเป็นกลบเกลื่อนความเสียใจใช่ไหมล่ะ? ตอนซ้อนมอไซต์กูกลับมามึงถึงไม่พูดไม่จาสักคำ”.เจอประโยคนี้เข้าไปเล่นเอาสาวเจ้าถึงกับจุก แพรวเสยผมหนึ่งทีถึงรู้ว่าใบหน้าที่เคยขาวเด้งบัดนี้มีแต่คราบน้ำตา พีแทบไม่อยากเชื่อว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเห