LOGINความอุ่นอันเกินพอดีทวีค่าจนกลายเป็นความร้อน แอร์คอนนิชั่นเสียงอื้ออึงมิอาจอำพลางดวงตะวันที่กำลังเฉิดฉายสายโด่ง แสงสีทองสาดสะท้อนรูผ้าม่านแยงเข้าดวงตาเล็กหยี มิวท์ใช้สันมือขยี้มันสองสามทีก่อนจะสะลึมสะลือขึ้นมาพร้อมกับรอยจ้ำกึ่งช้ำตามลำตัวเต็มไปหมด
.
"อ๊าาาา.. เมื่อยชะมัด.."
เธอว่า พลันทดร่างเปลือยของตนเองขึ้นค้ำกับหัวเตียงในท่านั่งพิง
.
ความจริงก็คือความจริง ว่าตอนนี้เปรมไม่อยู่เสียแล้ว เขาน่าจะไสหัวออกจากห้องเชือดแห่งนี้ไปตั้งแต่ช่วงตี 4 กว่า ๆ ซึ่งเป็นห้วงเวลาแห่งการหลุดพ้นจากมาตรการเคอร์ฟิวของทางรัฐ ไม่มีการจูบลาใด ๆ เสื้อผ้าก็ปล่อยกระจุยกระจายไว้ แม้แต่สาวเจ้าที่ยอมนอนให้ขืนใจก็ยังมิแยแส
.
แย่จริงอะไรจริง! บอกตามตรงว่าในใจมิวท์นั้นแสนจะเจ็บปวด หล่อนวางมือลงบนเนินอกตัวเองกระทั่งสัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจที่ยังคงตื่นเต้น "ถูกฟันแล้วทิ้งรึเปล่านะ?" , "เขาจะรับผิดชอบเรารึเปล่า?" , "เราจะทำหน้ายังไงถ้าต้องอยู่ต่อหน้าพีแล้วก็แพรว?" สารพัดความกังวลถาโถมเข้ามาใส่ ทั้ง ๆ ที่ตัวเธอเองก็เป็นแค่เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ที่เผลอตัวเผลอใจให้กับคนที่แอบชอบ
.
"พี่เปรมคะ..!"
มือเรียวเลื่อนลงมายังที่นอนด้านข้าง คุณพระช่วย! มันยังมีรอยบุ๋มจากร่างกายเขาอยู่เลย ความอุ่นของคราบเหงื่อไคลได้ทิ้งหลักฐานไว้ถึงพร้อม
.
"มิวค์คิดถึงพี่~!"
.
"ฟุบบบบ!!"
.
สาวเจ้าซุกหน้าลงไปใกล้ เธอสูดดมกลิ่นกายของเขาไว้จนชุ่มปอด เพราะมีความเป็นไปได้สูงเหลือเกินว่านี่อาจจะเป็นการร่วมรักครั้งแรกและครั้งเดียวระหว่างเขากับเธอ
.
กระทั่งผลาญเวลาไปครู่ใหญ่ มิวท์ถึงได้ลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับผ้าห่มผืนหนาที่คลุมทับร่างอันเปลือยเปล่าเอาไว้พอหลวม ๆ
.
"เฮ้อ..!"
"คงทำอะไรไม่ได้นอกจาก Move On สินะ เป็นเมียเขาแล้วแต่ก็พูดอะไรไม่ได้ ยัยมิวท์เอ๊ย!"
"เก็บเสื้อผ้าแล้วอาบน้ำดีกว่า คิดซะว่าทำบุญทำทาน แม้มันจะเป็นเซ็กส์ครั้งแรกในชีวิตของเราก็เถอะ"
.
ร่างบางก้มตัวเอื้อมเก็บเสื้อผ้าในที่เกิดเหตุไปเรื่อย ๆ ไล่มาตั้งแต่ปลายเตียงจนมาถึงหน้าห้อง ด้วยความสัตย์จริงว่าในหัวนั้นขาวโพลนไปหมด เธอไม่ได้แข็งแกร่งดั่งคำพูดเลยแม้แต่น้อย แถมยังแทบจะจำกิริยาท่าทางขณะร่วมรักกับเปรมไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
.
ฤทธิ์แห่งแอลกอฮอล์ผนวกรวมเข้ากับความกระสันซ่าน ทำให้มิวท์จำได้แค่ว่าได้ปลดปล่อยทุกอย่างออกไปตามที่หัวใจปรารถนา เธอเหนื่อยแทบขาดใจแต่ก็สะใจอยู่ในที ดังจะเห็นได้จากยกทรงสีชมพูที่พาดอยู่บนขอบประตู เสื้อยืดตัวบางกองอยู่บนโซฟา ส่วนกางเกงในตัวเก่งนั้นกระเด็นขึ้นไปขึงอยู่บนเตาแก็ส
.
"ยึ๊ย! , ให้ตายสิ!"
"อี๋! นี่ฉันทำอะไรกับพี่เขาไปบ้างเนี่ย!? ทำไมถึงได้เละเทะขนาดนี้นะเรา"
"....?"
"เอ๋?! แล้วนี่มันอะไรกัน?"
"ในถังขยะหน้าห้องนี่มัน?!"
.
ตกใจนมกระเพื่อม สองมือแทบจะหลุดออกจากผ้าห่มที่ใช้ปิดกันโป๊ เมื่อสองตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นบางสิ่งในถังขยะ เธอค่อย ๆ ย่อตัวลงพลันล้วงมือลงไปหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะพบว่าสิ่งนั้นคือ "ก้อนกระดาษชำระที่หุ้มเศษถุงยางอนามัยเอาไว้"
.
"แหวะ! ไม่ใช่ก้อนเดียวด้วย นี่เราจัดกับพี่เขาหนักขนาดนี้เชียวหรอ"
"ตาย ๆ ๆ ! รู้ถึงไหนอายเขาถึงนั่น! แต่ก็ยังมีเรื่องดีอยู่บ้างล่ะนะ. อย่างน้อยเราก็ไม่ท้องแน่ ๆ"
"ฮู่วววววว~~"
.
นิสิตสาวเป่าปากพ่นลมหายใจพรูด้วยความโล่งอก เธอไม่สนอะไรอีกต่อไปแล้ว แค่ประคองตัวเอาไว้อย่าให้แพรวกับพีรู้เรื่องนี้เป็นอันขาด รูดซิบปากให้สนิท ใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่อุดมไปด้วยโรคระบาดแบบนี้ต่อไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น เท่านี้ก็เรียบร้อย อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ซึ่งถ้าเปรมมาขอเปิดเมมเบอร์กับเธออีกรอบเธอก็คงจะให้เขา แต่แค่ต้องหาที่ทางและเวลาให้เหมาะสมกว่านี้สักหน่อย
.
.
หลายวันผ่านไป
.
.
จู่ ๆ คุณหมอผู้ได้รับมอบหมายให้เป็นโฆษกรัฐบาลก็ได้ออกแถลงการณ์ด่วน มันเป็นวันมหาวิปโยคหรือไงก็ไม่รู้ เพราะปกติแล้วหน้าตี๋ ๆ ใส่แว่นของแกจะปรากฏบนจอก็แค่ตอนหัวค่ำก่อนข่าวพระราชสำนักเท่านั้น สิ่งนี้จึงตีความได้ว่าสถานการณ์ covid - 19 ในรอบวันน่าจะดูไม่ดีเท่าไหร่ ในรายงานแจ้งว่าอัตราผู้ติดเชื้อมีตัวเลขสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด โรงพยาบาลเริ่มจะรับมือไม่ไหว เตียงคนไข้และห้องปลอดเชื้อไม่เพียงพอ ลุกลามบานปลายไปถึงขั้นสถานีอนามัยและคลินิคเวชกรรมต่าง ๆ ที่ต้องเข้ามาช่วยแบกรับภาระ
.
"เรากำลังเข้าสู่สภาวะวิกฤต การแพร่เชื้อกระจายตัวเป็นวงกว้างในสถานที่สาธารณะและสถานบันเทิง ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มีอายุ 18 - 25 ปี ซึ่งอยู่ในช่วงวัยรุ่น จากแต่ก่อนที่จะเป็นเด็กและผู้สูงอายุ"
"ผู้ติดเชื้อรายล่าสุดที่เสียชีวิตเป็นชายไทยอายุ 19 ปี อาชีพพนักงานบาร์โฮส มีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงมั่วสุมทางเพศโดยไม่เว้นระยะห่าง จากการชันสูตรพลิกศพพบเชื้อ covid -19 ในกระแสเลือดปริมาณเล็กน้อย แต่พบในเซลล์สืบพันธุ์หรืออสุจิเป็นจำนวนมหาศาล"
"ข่าวร้ายคือ! เชื้อชุดนี้เป็นคนละตัวกับที่เราเคยพบมา มันเป็นเชื้อที่ไม่เหมือนกับที่ประเทศจีนหรือในยุโรป หากแต่เป็นการแยกสาย DNA ผ่านการออสโมซิสทรานซิสชั่น ปรับโครโมโซมคู่ที่ 32 จับคู่กับพันธะโควาเร้นท์ที่บิดเบี้ยว ทำให้ตัวเชื้อเกิดการกลายพันธ์ุเป็น RHA ประจุบวก"
"กล่าวโดยสรุปง่าย ๆ คือ เชื้อ covid - 19 ในไทยมีการกลายพันธุ์โดยสมบูรณ์ มันมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานขึ้นในสารคัดหลั่ง , น้ำกาม , เสปิร์ม , อสุจิ , และมีอันตรายถึงชีวิต เป็นประเภทเชื้อที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยมีมา และตอนนี้เราก็ยังไม่มีวัคซีนใด ๆ ที่จะใช้กำจัดมัน"
"ศคบ.จึงขอเรียนย้ำกับประชาชนทุกคนว่า กรุณาหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ทุกชนิด ไม่ว่าจะรูปแบบใด ชาย & ชาย , หญิง & หญิง , ชายกับหญิง หรือรักร่วมเพศ การเว้นระยะห่างยังเป็นเรื่องสำคัญ การ์ดอย่างตก อย่าลืมนะครับว่าถุงยางอนามัยอาจใช้ป้องกัน HIV ได้ แต่มันป้องกันเชื้อ covid - 19 ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย"
.
จบประกาศอันยาวเหยียดลงแต่เพียงเท่านี้ หน้าจอทีวีดับพรึบ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายที่ร้อยวันพันปีเปรมจะดูทีวีกับเขาสักครั้ง เขาได้ยินข้อความเหล่านี้เต็มสองรูหู พลันพินิจพิเคราะห์ถึงไลฟ์สไตล์ของตัวเอง อายุ 21 ถือว่าเข้าเกณฑ์ พฤติกรรมใกล้ชิดกับผู้คนก็ไปมาหาสู่คนนั้นคนนี้อยู่บ่อย ๆ ยิ่งเรื่องสำคัญที่สุดอย่างการมีเซ็กส์นี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
.
"เย็ดแม่ง!"
อุทานซะดังลั่นทั้งที่ความจริงควรจะอุทานว่า "เย็ดมิวท์" ซะมากกว่า
.
เปรมถึงกับกุลีกุจอรีบคว้าสมาร์ทโฟนเป็นการด่วน เหงื่อเริ่มแตก หน้าเริ่มซีด คิดอะไรไม่ออกก็เลยเลือกที่จะปิดหน้าร้านขายยาลงไปก่อน ประตูเหล็กหน้าร้านถูกดึงลงมาเสียงดัง
.
"ครืดดดดด!"
.
เป็นเสียงดังก้องสั่นสะท้านปลุกจิตวิญญาณให้หวั่นไหวจิตตก เนื่องด้วยเจ้าตัวนั้นรู้อยู่แก่ใจว่าหลายวันก่อนเพิ่งไปทำอะไรมา เขาได้รับการไหว้วานให้ดูแลร้านยาแห่งนี้แบบชั่วคราวไปพลางก่อน เนื่องจากญาติที่เป็นเจ้าของกิจการดันกลัวการระบาดมากจนต้องหนีออกจากกทม.ไป เหลือไว้ก็แต่เขาที่ยังคงทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ซึ่งตอนนี้เห็นทีจะไม่ใช่ซะแล้ว
.
"อะไรกัน!? คงไม่ซวยขนาดนั้นหรอกมั้ง?"
ชายหนุ่มพยายามคิดบวก
.
"โทรเช็คมิวท์หน่อยดีกว่า เพราะหลังจากวันนั้นเราก็ไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลย เธออาจจะยังไม่รู้ข่าวนี้!"
.
เปรมนั่งย่อตัวลงตรงหลังเคาท์เตอร์ เขาตื่นกลัวจนยืนไม่อยู่แต่ก็ยังพยายามจะเรียกสติให้กลับคืนมา พลางคิดย้อนถึงลีลาร้อนสวาทที่ประเคนใส่ฝ่ายหญิง ฉุดคิดถึงเสี้ยววินาทีที่ถลกถุงยางออกจากน้องชายอันแล้วอันเล่า ก่อนจะทิ้งพวกมันลงถังขยะแบบไม่แยแส
.
"เสร็จไปสี่น้ำ! แล้วไหนจะที่แตกใส่บนร่างกายมิวท์อีก! , ชิบหายแล้วกู! , เวร ๆ ๆ ๆ ! เวรแท้ ๆ !"
.
ขยี้หัวยึกยือ หมดกันสภาพเดือนคณะสุดหล่อประธานหอผู้หน้าตาดี บุคลิกตอนนี้เปรมไม่ต่างจากไอ้ขี้ยาหุ่นก้างที่ใช้เคาท์เตอร์ขายยาบดบังทัศนวิสัย
.
เขาเครียดกับเรื่องนี้มากจริง ๆ ทั้งพูดคนเดียวทั้งบ่นคนเดียวอยู่ในร้านประหนึ่งขังตัวเองไว้ไร้ซึ่งทางออก ดูทรงแล้วมันคงจะช่วยเขาไม่ได้สักเท่าไหร่ เพราะอีกไม่กี่นาทีให้หลังเขาก็ได้ยินเสียงไซเรนของรถพยาบาลที่ดังแทรกขึ้นมาจากในละแวก
.
"วี้ , หว่อ! , วี้ , หว่อ! , วี้ , หว่อ! , วี้ , หว่อ!"
.
"เหี้ย! เรื่องอะไรอีกล่ะคราวนี้ อย่าบอกนะว่าเชื้อมันลามเข้ามาถึงในมหาลัยแล้ว! สาธุ..ให้กูหลอนไปเองทีเถอะ!"
.
พูดไม่พูดเปล่าอ่าวโอ้ไปก็ดูจะไร้ประโยชน์ คิดได้ดังนั้นร่างหนาจึงได้ตัดสินใจวิ่งถลันขึ้นไปยังดาดฟ้าของตัวตึก อาคารพาณิชย์แห่งนี้มีความสูงสามชั้น เป็นตึกประจำตระกูลที่บริหารงานโดยเครือญาติของเปรม ชั้นสามเป็นดาดฟ้า ชั้นสองเป็นที่พักอาศัย ส่วนข้างล่างเปิดเป็นร้านยาเล็ก ๆ ไว้ให้บริการ
.
มันตั้งตระหง่านอยู่ห่างจากประตูมหาวิทยาลัยเพียงแค่ไม่กี่ 10 เมตร มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นประชาชนในละแวกและบรรดาเด็กนักเรียน เรียกได้ว่าอยู่ในย่านชุมชนอันเป็นพื้นที่โซนแดงที่ภาครัฐเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ข้างกันประกอบไปด้วยตึกแถวลักษณะเดียวกันอีกหลายคูหา ส่วนมากเปิดเป็นร้านค้าร้านอาหารไว้สำหรับให้นิสิตนักศึกษาได้เข้ามาใช้ แต่ทว่าตอนนี้เกินกว่าครึ่งก็ได้ปิดให้บริการไปหมดแล้ว
.
เปรมอยู่บนดาดฟ้าตึกฝั่งตัวเอง จากมุมนี้เขามองเห็นเหตุการณ์ข้างล่างได้อย่างชัดเจน เลยทำให้รู้ว่าต้นตอของเสียงไซเรนมาจากตึกฝั่งตรงข้ามที่เปิดเป็นร้านตัดผม
.
"เหี้ย! จริงดิ!?"
"น้าร้านตัดผมตายแล้ววว!"
"คุณพระช่วย!"
.
จากที่หน้าซีดเป็นไก่ต้มอยู่แล้ว วินาทีนี้เป็นอะไรที่ขาวโพลนยิ่งกว่ากระดาษขาวทาแป้งเด็กแคร์ ดวงตาไม่เคยโกหกใคร เปรมเห็นกลุ่มบุคคลใส่ชุดคลุมปลอดเชื้อพร้อมกับถังออกซิเจนประมาณ 5 - 6 คนวิ่งกรูกันลงไปจากรถพยาบาล พวกเขาวิ่งเข้าไปในร้านตัดผม ขณะที่ด้านนอกยังมีเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งคอยพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อใส่ถนน ฟุตบาท และบริเวณรอบ ๆ ตึกอยู่ตลอดเวลา
.
สักพักพวกเขาก็กลับออกมาพร้อมกับเตียงสนาม และร่างอันไร้วิญญาณของคุณน้าร้านตัดผม ชายคนดังกล่าวเป็นอะไรที่จำได้แม่นเพราะเปรมเคยกินดื่มกับแกอยู่บ่อย ๆ ศพถูกพ่นด้วยยาฆ่าเชื้อก่อนจะจับยัดใส่ถุงห่อศพ ซีนหนาแน่นพลันนำขึ้นรถตู้อีกคันที่เพิ่งวิ่งเข้ามาสมทบ กิจกรรมทุกอย่างเกิดขึ้นภายในระยะเวลาอันกระชั้นชิด ไฟไซเรนที่หมุนติ้วดับ ๆ ติด ๆ ย้อมบรรยากาศโพล้เพล้ให้แลดูหม่นเศร้าน่ากลัว
.
ยัง! ยังไม่จบแค่นั้นเพราะอีกไม่กี่วินาทีให้หลัง ศพอีกศพก็ถูกหามออกมาด้วย คราวนี้เป็นศพของภรรยา ร่างของหญิงสาววัยกลางคนหงิกงอราวกับถูกไฟสุม ไม่ดำไม่ไหม้เสื้อผ้าอยู่ครบ ทว่าสิ่งที่เปรมเห็นกลับเป็นอาการเกร็งชักน้ำลายฟูมปากที่เขาเองก็ได้แต่คาดเดาว่า อาจจะเป็นผลพวงมาจากเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่
.
มันคงเล่นงานระบบประสาทจนผู้ติดเชื้อคงสภาพร่างกายเดิมไว้ไม่อยู่ สมองส่วน Cerebellum Pons คงโดนกินยับ ผ่าเข้าไปในไขกระดูกคงมีแต่ซากเกล็ดเลือดที่โดนฤทธิ์เชื้อกลืนกินเอาไป เปรมทั้งกลัวแล้วก็ตัวสั่น พฤติการณ์เช่นนี้เป็นไปได้สูงว่าน้าทั้งสองคนอาจจะมีอะไรกันตามประสาผัวเมียแล้วลงเอยด้วยการเป็นศพ
.
"อึ๊ก! ไม่ไหวแฮะ! เราต้องรีบโทรหามิวท์รีบเตือนให้เธอรู้"
.
"ติ๊ด , ติ๊ด , ติ๊ด , ติ๊ด ,"
ปาดนิ้วกดสมาร์ทโฟนแบบผิด ๆ ถูก ๆ พร้อมกันนั้นเสียงของดอกยางรถพยาบาลก็ได้บดกับพื้นถนนเคลื่อนตัวออกไป เสียงดัง "เอี๊ยดดด!" ดังสนั่น
.
เปรมชะเง้อคอมองลงไปเขาเห็นเจ้าหน้าที่ 3 นาย กำลังช่วยกันพ่นยาฆ่าเชื้อเก็บรายละเอียดเป็นขั้นตอนสุดท้าย
.
"ตุ๊ดดดด , ตุ๊ดดดด , ตุ๊ดดดด"
.
"กรอดดดด!"
"เวรเอ๊ย! ทำไมไม่รับสายล่ะมิวท์ นี่มันเรื่องใหญ่นะ!"
.
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ถ้าเห็นว่าเป็นเบอร์เปรมมิวท์จะรีบกดรับทันที กลายเป็นความร้อนใจที่ถาโถมเข้าใส่อดีตผัวซะอย่างงั้น
.
"บ้าเอ๊ย! ไม่ใช่ว่าตายไปแล้วหรอกนะ! ฉันไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นคนฆ่าเธอหรอกนะมิวท์"
"มันต้องมีวิธีสิ วิธีที่จะพิสูจน์ว่าเราไม่ได้ติดเชื้อ หรือไม่ก็วิธีที่จะป้องกันไม่ให้เราเป็น"
.
กัดกรามกรอดครุ่นคิดมือยังคงกำสมาร์ทโฟนเอาไว้แน่น ขณะที่สองขานั้นจ้วงเท้าลงบันไดมาด้วยความเร็วสูง จู่ ๆ เปรมก็เหมือนจะคิดอะไรดี ๆ ออก เจ้าตัวน่าจะใช้ความเป็นนักศึกษาคณะเภสัชฯได้คุ้มค่าเทอมขึ้นมาแล้ว ผนวกรวมกับการเป็นถึงลูกหลานของบริษัทผลิตยายักษ์ใหญ่ ที่ตอนนี้ดันมีร้านยาทั้งร้านไว้ในกำมือ การจะหยิบจับอะไรก็เลยง่ายโดยไม่ต้องมีผู้ตรวจสอบ
.
" ยังไงเราก็ไม่ยอมป่วยหรอก ขอเอาเกียรติของร้านยานี้เป็นเดิมพันเลย"
.
"กูต้องรอด! กูต้องไม่ติดเชื้อโว๊ยยย!"
ปุ่มสวิตซ์ถูกกดไปตั้งแต่อยู่บนรถ ปล่อยเวลาผ่านเลยไปเล็กน้อยบ้านทั้งหลังก็จมหายยุบลงไปใต้ดิน! นี่คือระบบป้องกันตัวเองที่ด็อกเตอร์ออกแบบไว้นานแล้ว เพื่อใช้ป้องกันตัวบ้านไม่ให้โดนไวรัสกัดกร่อน แกมีนวัตกรรมเจ๋ง ๆ แบบนี้หลายอย่างเพียงแต่เป็นพวกเราเองที่ไม่ได้โฟกัสมาที่แกตั้งแต่แรก กลับมัวแต่ตามติดชีวิตของแพรวกับความมะรุมมะตุ้มเละเทะของเนื้อเรื่อง จนหวิดจะออกทะเลอยู่หลายรอบ.ซึ่งจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วเพราะนี่คือศึกสุดท้าย มีแผ่นเหล็กขนาดเท่าบานประตูสองบานวางแผ่หลาอยู่บนสนาม ตรงตำแหน่งที่เคยเป็นตัวบ้านมาก่อน ลักษณะของมันคล้ายกับประตูบานพับที่แข็งแรงแต่กลับวางนอนอยู่บนพื้น ไม่ได้ตั้งขนานกับพื้นโลกอย่างที่ควรจะเป็น แพรวที่อยู่ใกล้กับด็อกเตอร์เลือกที่จะทอดสายตาต่ำลง พลางเพ่งมองไปยังฝ่ามืออันหยาบกร้านของชายสูงอายุ พอดีกันกับมิวท์และเฟิงฉินที่เร่งเดินตามมาติด ๆ."อะไรอ่ะแพรว.. ไม่เห็นจะมี! , อุ๊บ!".โดนจ่อนิ้วเข้ากับริมฝีปาก ยินเสียงจี่จากแพรวทำให้เฟิงฉินกับมิวท์ต้องเงียบลงในทันใด ทุกคนต่างจ้องมองไปยังกระบวนการในการเปิดประตูอันพิลึกพิลั่นนั่น."เงียบก่อนอย่าเพิ่งพูดอะไร ประตูทางลงอุโมงค์มีเซ็นเ
"ซ่าาาาา , ซ่าาาาา , ครืดดด.. ด.. ด.. ด , ครืดดด.. ด.. ด.. ด"ตามปกติถ้าเปิดวิทยุก็จะได้ยินเสียงประมาณนี้.แต่หนนี้กลับเป็นอะไรที่แตกต่างออกไป แพรวถึงกับกระชากตัวเครื่องออกมาจากช่องเสียบหน้าคอนโซลรถ แล้วเอามาแนบหูตัวเองให้ถนัดถนี่ โชคร้ายที่ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลย! เพราะเสียงที่ดังกลับมาก็มีแต่เสียงสะท้อนจากปลายกระบอกปืน."ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง!"."อ๊ากกกก! , เอื๊อกกกก! , อ๊ากกกก.. ก.. ก.. , อ๊ากกกก!".ถ้อยสำเนียงผนวกรวมกับเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยอง บ่งบอกถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ทางฟากโน้น หัวหน้าหน่วยทั้งสองและลูกทีมหลักร้อยคงไม่มีใครรอด แม้แต่ลูกทีมของเฟิงฉินที่พูดแต่คำจีนใส่กันก็ไม่มีการวิทยุตอบกลับมาแต่อย่างใด พวกเขาน่าจะตายคาสมรภูมิเยี่ยงทหารดินเผาของจิ๋นซีฮ่องเต้ และตอนนี้ก็คงจะเหลือแต่เฟิงฉินผู้เป็นหัวหน้า กับมิวท์ , แพรว , แล้วก็ด็อกเตอร์ ที่เป็นดั่งความหวังสุดท้าย.แพรวลองจูนสัญญาณคลื่นวิทยุไปอีกหลายย่าน แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมคือเงียบสนิท! ไม่ม่วี่แววว่าจะมีเสียงใดลอดเข้ามา เว้นก็แต่เสียงร้องคำรามของพวกผู้ติดเชื้อที่ดังไม่หยุดหย่
หนาวตัวสั่นทั้งยังควันออกปาก แทบไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะมาตกอยู่ในสภาพนี้ได้ เปรมมองไปด้านหลังเพื่อเช็คว่านี่คือหน้าตึก AP ไม่ใช่กระท่อมเอสกิโม ทว่าเช็คแล้วเช็คเล่าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าชานเมืองฝั่งโน้นนั้นเกิดอะไรขึ้น เขารู้แต่เพียงว่าคราวก่อนเป็นฝ่ายเขาเองที่เพลี่ยงพล้ำเสียท่า ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากกลศึกของศัตรู ความเย็นเฉียบเงียบขรึมที่เป็นอยู่จึงเปรียบได้กับสาส์นเตือนให้เขารับรู้ว่าต้องละเอียดรอบคอบมากยิ่งขึ้น."หึ๊ยยย!"กัดกรามกรอดก้มหน้าลงหงุดหงิด.เรียนตามตรงว่ากองทัพผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นตีบวกเป็นล้าน ๆ สู้กับคนจำนวนหลักร้อยนั้นโคตรจะไม่สูสี แต่ครานั้นเปรมก็ไม่อยากพลาดอีกแล้ว เขาเคยเสียหมามาแล้วหนหนึ่งจึงรีบหลับตาลงเร่งทำสมาธิอีกครั้ง ก่อนที่ต่อมาหน้าจอคอนโทรลในจิตใจจะสว่างโพลงขึ้นทีละดวงสองดวง! มันคือตัวแทนของลูกสมุนผู้ติดเชื้อแต่ละตน ซึ่งเปรมสามารถคอนโทรลได้ไกลถึง 30 กม.!."วิ้ง~!"."โคร่งงงงง~!"."โคร่งงงงงงงง~!"."โคร่งงงงงงงงงงงง~!".ตัดภาพไปฝั่งโน้นจะเห็นสัมภเวสีไวรัสจำนวน 10 ตัวที่ถมึงทึงดวงตาขึ้น! ดวงเนตรสีแดงก่ำร้อนฉ่าน่ากลัวสยดสยอง แต่ละตัวเดินง่อนแง่นเยื้อย่างอ
ภาพความยิ่งใหญ่อลังการประหนึ่งพระราชาออกว่าราชการที่หน้าบัลลังก์ มองจากมุมต่ำฝ่าความยั้วเยี้ยสะอิดสะเอียนเข้าไป จะเห็นเปรมยืนผายมืออยู่บนชั้น 3 ตัวเขาใหญ่เท่ากับมดแต่ท่วงท่าการผายมือออกทั้งสองข้างนี่สิ ที่ช่างทรงพลังและน่ายำเกรงยิ่งกว่าสิ่งใด เสียงแซ่ซ้องอื้ออึงจากสัมภเวสีไวรัสนับล้านดังระงม พวกมันต่างพากันหันหน้าขึ้นไปมองในทิศทางเดียวกัน แม้เนื้อตัวจะเบียดแน่นราวกับอัดกันอยู่ในงานคอนเสิร์ตก็ตามที."โคร่งงงงง~!"เปรมก้มหน้าลงไปคำรามใส่ เขาไม่จำเป็นต้องหลับตาอีกต่อไปแล้วเพราะเบื้องล่างคือสมาชิกผู้ติดเชื้อที่คอนโทรลได้ทุกอย่าง.สอดรับกับรูปปากของเจ้าตัวที่เริ่มจะงอกยาวออกมา คมเขี้ยวพับงุ้มหุบเข้าไปด้านหลัง โควิดกำลังโชว์วิวัฒนาการกล้ามเนื้อมุมปาก คิดเอาสิว่าขนาดถนนคอนกรีตทั้งเส้นเชื้อยังย่อยสลายได้ แล้วนับประสาอะไรกับช่องปากของร่างภาชนะอย่างเปรม แค่ขมิบนิดเดียวรูปปากที่เคยแข็งเป็นหิน ตอนนี้ก็พูดในสิ่งที่มันคิดออกมาได้แล้ว."โคร่งงงงง~!"คำรามเที่ยวนี้ข้างล่างนับล้านถึงกับร้องตาม."โคร่งงงงง! , โคร่งงงงง! , โคร่งงงงง! , โคร่งงงงง! , โคร่งงงงง!"."เรียก..! , กู..! , ว่า..! , เปรม..!!
"แหวนเธอเป็นไงบ้างโบ๊ท ยังใช้งานได้อีกไหม!?"เสียงตะโกนจากเจนิสพุ่งแหวกอากาศ ทแยงสวนขึ้นไปบนแนวกำแพงวิลเลจ."ไม่ได้แล้วพี่.. ลำพังใช้ดึงดาวเทียมให้ตกลงมาสู่ชั้นบรรยากาศ นิ้วผมก็แทบจะขาดอยู่แล้ว!"โบ๊ทป้องปากตะโกนตอบลงมา จากนั้นจึงพาดฝ่ามือลงกับสันกำแพง เขามองเห็นลอยห้อเลือดปูดบวมและเส้นเลือดฝอยมากมายที่บ่งบอกได้ถึงอาฟเตอร์เอฟเฟ็คหลังการใช้แหวน.เย็นย่ำอาทิตย์อัสดงใกล้ค่ำ วันนี้ก็เหมือนวันวานเมื่อวานก็เหมือนวันก่อน ที่วิลเลจย่อมต้องถูกโจมตีเป็นเรื่องปกติ จะต่างจากเดิมหน่อยก็แค่หนนี้แทบจะไม่มีใครเหลืออยู่ที่นี่เลย แพรวไม่อยู่หัวหน้าหน่วยทั้งคู่ก็ไม่อยู่ กระทั่งเจนิสต้องลงไปไฟว้กับสัมภเวสีไวรัสข้างล่างด้วยตัวเอง เธอถึงกับต้องเกณฑ์คุณลุงคุณป้ากับทหารรับจ้างคลาสต่ำที่ถูกหัวหน้าหน่วยทิ้งไว้ให้มาเป็นสหายร่วมรบ.เด็ก 9 ขวบอย่างโบ๊ทกลายเป็นคนคุมสถานการณ์จากบนกำแพง แต่ก่อนข้างบนนี้จะมีทหารรับจ้างยืนสลับเวรยามคุ้มกันตลอด 24 ชั่วโมง แต่ปัจจุบันกลับเหลือแค่โบ๊ทเพียงคนเดียว อาญาสิทธิ์เด็ดขาดทั้งหมดจึงตกเป็นของเขา ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้โบ๊ทใช้แหวนเวอร์ชั่น 2 ที่สร้างขึ้นจากเศษเหล็ก ย้ายผีดิบผู้
คอหักห้อยต่องแต่ง น้ำลายยืดหยดย้อยเป็นพิซซ่าขอบชีส เสื้อผ้าขาดวิ่นกลิ่นยิ่งไม่ต้องพูด กองทัพผี Covid กรูกันออกมามากกว่าครึ่งร้อย ดูท่าทางพิกลพิการและทิศทางที่เคลื่อนมาก็เหมือนกับถูกคอนโทรลมาจากแหล่งเดียวกัน พวกมันกลายเป็นสิ่งไม่มีชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีจิตใจไร้สัมปัชชัญญะร่างกายที่มูฟแกว่งไกวก็เหมือนทำไปตามคำสั่ง.ถนนคอนกรีตด้านหน้าแนวที่แตกร้าวและมีหญ้าแห้งแซมเล็กน้อยกลายเป็นสมรภูมิแรก ความกว้างของมันมากกว่า 8 เลนแต่บัดนี้ทั้งถนนและเกาะกลางกลับเต็มไปด้วยภูตผีที่ประจันหน้าอยู่กับลูกทีมของเฟิงฉิน.กลุ่มชายชาวจีนเกาะกลุ่มกันเป็นครึ่งวงกลม พร้อมกับเครื่องทำความเย็นแบบพกพาที่แบกอยู่บนแผ่นหลัง ด้านหลังสุดของแนวโล่มนุษย์คือกลุ่มรถกระบะที่จอดไว้เรียงกัน พวกมันบรรทุกเครื่องทำความเย็นเวอร์ชั่นใหญ่ยักษ์เอาไว้ และตอนนี้ก็กำลังเดินเครื่องเต็มที่เพื่อใช้ในการดำเนินกลยุทธ์เปลี่ยนกลางวันให้กลายเป็นกลางคืนอย่างที่เห็น.สาบานได้ว่าทั้ง 50 นายไม่มีทีท่าว่าจะหวาดกลัวเลย เหล่าชายตาตี๋ต่างพากันยืนจังก้าราวกับรอให้กองทัพผู้ติดเชื้อพุ่งเข้ามาขย้ำ! แต่ก็แน่นอนว่าหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนกับหัวหน้าหน่วยทหาร







