LOGIN"พรึบ ๆ ๆ , พรึบ ๆ ๆ , พรึบ ๆ ๆ , พรึบ ๆ ๆ"
ฟ้าร้องคำรามกึกก้องกัปนาท เศษธุลีดินปลิวคละคลุ้งต้นไม้ใหญ่เอนไหวแม้แต่ใบไม้ต้นหญ้ายังขาดปลิวสะบั้น
.
แพรวจากไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน ไปไม่ไปเปล่ายังอุตส่าห์หนีบเอาโบ๊ทกับหน่วยรบมือดีหลายคนติดสอยห้อยตามไปด้วย การไปของเธอจึงเป็นการทิ้งภาระชิ้นโตไว้ให้เจนิสกับชาววิลเลจที่เหลือ พวกเธอดูแลความสงบเรียบร้อยของหมู่บ้านได้เพียงแค่ช่วงสั้น ๆ ก่อนที่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน เหตุการณ์โกลาหลอลม่านระดับนี้จะอุบัติขึ้น
.
เมื่อเฮลิคอปเตอร์ใบพัดคู่ลำเขี่องได้บินโฉบตัวลงมาจากบนน่านฟ้า เงาดำของตัวเครื่องแผ่รัศมีปกคลุมพื้นดินเบื้องล่างจนละม้ายคล้ายกับหลุมดำขนาดใหญ่ ยานบินปริศนาได้ทำการวิทยุเข้ามาที่หอส่งเพื่อขออนุญาตลงจอด โดยอ้างว่าตนบินมาจากเมืองหลวงและมาอย่างสันติไม่ได้มีประสงค์ร้ายหรือใช้ความรุนแรงใด ๆ
.
"หึ?! , เชื่อก็บ้าแล้วเถอะ!”
เจนิสหันมาพูดกับพลวิทยุ สมแล้วที่เธอได้รับความไว้วางใจจากแพรวให้ดูแลที่นี่ เพราะสิ่งแรกที่เธอทำหลังจากการปรากฎตัวของเฮลิคอปเตอร์ ก็คือการปีนบันไดขึ้นมายังหอส่งตรงนี้
.
เธอไม่ได้โง่และรู้ได้ทันทีโดยดูจากลักษณะว่ามันคือ ฮ. ที่ใช้ในการศึกสงคราม หากข้างในจะเต็มไปด้วยยุทธพันธ์อาวุธหนักก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก ของอันตรายก็คือของอันตรายไม่น่าไว้ใจและจะให้ลงจอดไม่ได้!
.
“แล้วเราจะเอายังไงดีครับ.. ให้ไล่ออกไปไหม? ผมไม่รู้จะตอบกลับไปยังไงดี แล้วยิ่งปล่อยไว้นานทุกคนข้างล่างก็ยิ่งแตกตื่นด้วยนะครับน้องเจนิส?!”
พลวิทยุดูสีหน้าไม่ดีเท่าไหร่นัก แกแทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้ที่หูฟังได้ยินแต่เสียงคลื่นแทรกดัง จี่.. จี่.. จี่.. ลอดผ่านออกมา แต่ก็ยังไม่ดังเท่ากับเสียงของใบพัด ฮ. ที่ยังคงร้องคำรามราวกับฟ้าจะถล่ม
.
"พรึบ ๆ ๆ , พรึบ ๆ ๆ , พรึบ ๆ ๆ , พรึบ ๆ ๆ , พรึบ ๆ ๆ , พรึบ ๆ ๆ"
.
กะไว้แล้วว่าต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้าสักวัน ทว่าก็ไม่คิดว่ามันจะปุบปับขนาดนี้ พอแพรวไม่อยู่ทุกอย่างเลยดูยากไปหมด หนำซ้ำเจนิสเองก็เป็นแค่เด็กมัธยมเธอออกอาการงก ๆ เงิ่น ๆ อยู่พอควร อาการประหม่ากำลังจะกัดกินสมองเพราะนี่ถือเป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้
.
เดอะวิลเลจรับคนนอกเข้ามาไว้ในการดูแลหลายพันรายก็จริง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ผู้ขอความช่วยเหลือบินข้ามกำแพงลงมาจากบนฟ้า พวกเขาไม่ได้ผ่านการตรวจสอบที่หน้ากำแพง แถมยังมีแต่คำพูดที่ใช้ยืนยันตัวตนไม่ได้ ไม่มีประวัติ ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แถมท่าทีก็ดูหยิ่งยโสไม่ได้โซซัดโซเซเจียนตายเข้ามาหาเหมือนรายอื่น ๆ ช่องโหว่จึงเต็มไปหมดแต่ครานั้นเจนิสก็ยังพูดแบบนี้ออกมาอยู่ดี
.
“บอกเขาให้เอาเครื่องลงได้เลยค่ะพี่ แต่ให้วนไปจอดตรงลานกว้างด้านหลังนะคะ ตรงที่เราทำไว้เป็นสุสาน!”
.
“เอ้า! ไหงเป็นงั้นล่ะน้องเจนิส? นี่เราไว้ใจพวกเขาได้จริง ๆ เหรอ?”
.
“ก็ไว้ใจไม่ได้ไงพี่ถึงต้องให้ไปจอดที่นั่น ประวิงเวลาไว้ก่อนระหว่างนี้หนูจะลงไปบอกพวกหน่วยลาดตระเวนให้เตรียมอาวุธให้พร้อม เราจะไปดักซุ่มดูพวกเขาจากระยะไกลก่อน ถ้าไม่เข้าท่ายังไงจะได้เปิดฉากรุกใส่ก่อน ขืนปล่อยให้ลงตรงกลางวิลเลจเกิดพวกนั้นไม่ใช่คนดีขึ้นมา พวกเราจะได้ตอบโต้ทัน”
“หนูคิดได้แค่่นี้ล่ะพี่ถ้าไม่มีพี่แพรวอยู่ด้วย ที่จริงหนูก็สองจิตสองใจอยู่เพราะคนที่วิทยุมาก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ฟังจากน้ำเสียงดูไม่น่าจะเป็นคนร้ายได้ แต่ก็นั่นแหละ! เราไว้ใจใครไม่ได้อยู่ดี ประกอบกับวิลเลจของเราก็ไม่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ยิ่งต่อต้านอากาศยานได้สักอย่าง ถ้าพวกเขาฝ่าฝืนจะลงจอดเราจะมีปัญญาหยุดพวกเขาเหรอ? สู้ประวิงเวลาแล้วทำตามแผนที่หนูบอกดีกว่าไหมพี่?”
.
ร่ายยาวฉอด ๆ ถอดแบบพี่มาเป๊ะ ๆ เวลาแค่เสี้ยวอึดใจแผนการจากสาวมัธยมก็ทำเอาพลวิทยุถึงกับอ้าปากค้างไปเลย แกใช้มือกำหัวไมค์โครโฟนเอาไว้ไม้ให้มีเสียงเล็ดลอดออกไป ก่อนจะกระซิบกระซาบขึ้นเบา ๆ
.
“เข้าใจแล้วครับน้องเจนิสพี่ว่าเป็นแผนที่ฟังดูเข้าท่าเชียวล่ะ งั้นตกลงเอาตามนี้นะครับพี่่จะได้แจ้งพวกเขา ขอให้พระคุ้มครองขอให้ทุกคนปลอดภัยด้วย”
.
จัดแจงทำตามแผนประวิงเวลาทุกประการ พลวิทยุรายงานพิกัดให้เครื่องบินชีนุกบินวนอยู่เหนือน่านฟ้านานถึงสามสี่รอบด้วยอุบายแสร้งแจ้งพิกัดผิด กระทั่งถึงหนที่ห้าลานกว้างท้ายวิลเลจที่ใช้เป็นสุสานจึงต้องถูกเฉลย และ ฮ. ลำนี้ก็กำลังจะแลนด์ดิ้งลงจอด
.
"พรึบ ๆ ๆ , พรึบ ๆ ๆ , พรึบ ๆ ๆ , พรึบ ๆ ๆ , พรึบ ๆ ๆ , พรึบ ๆ ๆ "
"วี๊ดดด.. ด.. ด.. ด.. ด , วี๊ดดด.. ด.. ด.. ด.. ด"
.
สอดคล้องกันกับเจนิสที่รีบวิ่งตื๋อกระโดดครูดตัวลงมาจากบันไดลิงบนหอวิทยุโดยพลัน ความสูงราว 80 ฟุตไม่ทำให้เธอยี่หระแต่อย่างใด ด้วยเพราะเรื่องคอขาดบาดตายตรงหน้านั้นโคตรจะสำคัญกว่า สาวเจ้ารีบวิ่งโบกไม้โบกมือส่งสัญญาณไปยังเจ้าหน้าที่ ๆ เฝ้าอยู่หน้าคลังอาวุธ ซึ่งติดกับคลังดังกล่าว ก็เป็นที่ตั้งของเรือนนอนอันเป็นที่พักของพวกหน่วยลาดตระเวนด้วยเช่นกัน
.
“ฮ. นั่นคืออะไรครับน้องเจนิส! มีอะไรกันรึเปล่า?! เสียงดังมากเลยทุกคนกลัวกันหมดแล้ว!”
เจ้าหน้าที่ถึงกับต้องหลับตาป้องปากตะโกนถาม แล้วก็จริงอย่างที่แกบอก เพราะนอกจากลมที่ตีจนหลังคาปลิวกระเจิงแล้ว เสียงหวีดหวิวของใบพัดก็ดังรุนแรงจนแสบแก้วหู
.
เจนิสหมุนมือติ้ว ๆ ส่งสัญญาณอีกที คราวนี้เธอแหกปากตะโกนไปด้วยพร้อมกับดวงหน้าที่จริงจังสูงสุด
.
“บอกทุกคนเตรียมอาวุธแล้วไปที่ชายป่าหลังสุสานเดี๋ยวนี้เลยพี่! เร็วเลยด่วน ๆ ! อาจมีการปะทะ! เด็กกับผู้หญิงให้ซ่อนตัวอยู่ใต้บังเกอร์ทำตัวให้เงียบที่สุด!”
“ไป! พี่! กระจายคำสั่งหนูออกไปเร็วเข้า! นี่ไม่ใช่การซ้อม!”
.
"ตุบ! , ตุบ! , ตุบ! , ตุบ! , ตุบ! , ตุบ! , ตุบ!"
เสียงฝ่าเท้าวิ่งโรมรันแข่งกับเสียงใบพัด
.
ชาววิลเลจแตกฮือเป็นมดแตกรัง ชนิดที่ไม่มีความแนบเนียนใด ๆ เลยสักนิด ไร้ซึ่งการเตรียมพร้อม ไร้ซึ่งทางหนีที่ไล่ทุกอย่างคิดกันสด ๆ ด้นกันหน้างานใครคว้าอะไรได้ก็คว้า ใบพัดใหญ่ยักษ์กับลมใต้ปีกโหมกรรโชกก็ยิ่งสร้างบรรยากาศให้ทุกคนหวาดกลัว แม้แต่เจนิสที่เป็นหัวหน้ารักษาการเองก็กลัวเช่นกัน ผู้ชายติดตั้งอาวุธขึ้นมือพรั่งพร้อม ผู้หญิงเด็กและคนชราก็เข้าสู่ที่กำบังแล้วเสร็จ เมื่อเห็นทุกอย่างเข้าที่แล้วก็เป็นเจนิสอีกนั่นแหละ ที่เป็นคนวิ่งนำหน้าทีมลาดตระเวนเข้าไปยังจุดซุ่มตรงชายป่า เพื่อที่จะรอสังเกตการณ์และทำทุกอย่างตามแผน
.
“แกร๊บบบ.. บ.. บ.. บ”
หล่อนแหวกหญ้าแช่มช้าพลางฟุบตัวลงก้มต่ำเข้าประจำที่ ก่อนจะกระซิบขึ้น
.
"ชู่ววว~!"
“ทุกคนพร้อมนะกำลังรบเราได้เปรียบชัยภูมิเราก็ดีกว่า อย่าเพิ่งลงมือทำอะไรทั้งสิ้น พวกเขาอาจจะไม่ใช่คนร้ายเราแค่ต้องคอยดูพวกเขาสักพัก! ย้ำว่าแค่ดูสักพัก!”
.
โดยหารู้ไม่ว่าไม่มีใครได้ยินเธอสักคน ลำพังแค่จังหวะเครื่องลดระดับลงในแนวดิ่งดงแมกไม้กอหญ้าที่เจนิสคิดว่าเจ๋งก็แตกกระเจิงเป็นทุ่งหมาหลงซะแล้ว! ยังไม่นับเสียงใบพัดที่ทั้งดังแล้วก็หนักหน่วงต่อให้เธอตะโกนจนคอแตกก็สู้เสียงของมันไม่ได้อยู่ดี และนี่แหละที่เขาเรียกว่าประสบการณ์ จากที่คิดว่าจะได้เปรียบชั่วพริบตาเดียวกลับพลิกเป็นเป้าสายตา แถมยังกลายเป็นเป้านิ่งให้เล็งยิงได้อย่างสบาย ๆ จากมุมสูง
.
“น้องเจนิสสส! นี่มันอะไรครับเนี่ยะ!? โอ๊ยยย!”
พี่หน่วยลาดตะเวนคนหนึ่งร้องทักขึ้น ใบหน้าแกเหยเกทั้งยังต้องยกมือขึ้นปิดบังฝุ่นผงที่ถูกลมใต้ปีกพัดโหมกระพือเข้ามาใส่
.
“เชี้ย! , ซวยแล้วไงเรา!”
เจนิสคิดในใจเธอตกอยู่ในอิริยาบถเดียวกันกับทุกคน คือหกคะเมนล้มกลิ้งอยู่ในกอหญ้า
.
และแล้วราว 3 นาทีหลังจากนั้นเฮลิคอปเตอร์ชีนุกสีดำลำเท่าบ้าน ก็แลนด์ดิ้งลงสู่เนินดินกลางสุสานได้เป็นผลสำเร็จ ขาหยั่งทิ่มลงในเนื้อดินเสียงเครื่องยนต์ดับลง ตามติดมาด้วยการเปิดประตูทอดบันไดลงสู่พื้นดินด้านล่าง ต่อหน้าต่อตากลุ่มชาววิลเลจที่ในมือเต็มไปด้วยอาวุธ สภาพพวกเขาดูแย่มากทั้งล้มหงายล้มกลิ้ง แต่ก็ยังพยายามจะลุกขึ้นเพื่อรักษาทรง
.
แล้วก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครคือคนคนแรกที่ลุก มันต้องเป็นเจนิสสาวม.ปลายจอมแก่นอยู่แล้ว เธอไม่ได้ลุกเร็วเพราะความอับอายขายขี้หน้าหรอก เธอลุกเพราะเพิ่งสังเกตเห็นจากระยะใกล้ ว่าที่ส่วนหางของตัวเครื่องดันมีสัญลักษณ์ของบริษัท AP ปรากฏอยู่ต่างหาก!
.
"คุณพระช่วย! ตายห่าล่ะ! ถ้าพี่แพรวรู้เรื่องนี้ล่ะก็..?! "
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ