LOGINสวัสดีทุกคนฉันชื่อเจนิส ฉันเป็นเด็กมัธยมจากโรงเรียนประจำที่บ้านแตกสาแหรกขาด ครอบครัวของฉันติดเชื้อทุกคนและเสียชีวิตไปหมดแล้ว พวกเขาจากไปโดยที่ฉันไม่ได้ไปแม้แต่งานศพ ชีวิตของฉันจึงมีแต่โรงเรียน , โรงเรียน , แล้วก็โรงเรียน จนกระทั่งตอนนี้ที่ฉันกำลังฝันอยู่ ฉันก็ยังอยู่ในโรงเรียนพวกคุณเชื่อฉันไหมล่ะ?
.
พวกคุณเคยเป็นแบบฉันไหมที่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังฝัน ที่ฉันรู้ก็เพราะคนปกติเขาคงไม่ทำกัน จะมีใครบ้างที่เดินแก้ผ้าวนเวียนอยู่ตามห้องเรียนของแผนกมัธยม แล้วก็แค่หลับตาลงแล้วก็นึกร่างเปลือยสุดเซี้ยะก็จะไปโผล่ตรงนั้นตรงนี้ได้เองราวกับเล่นเทเลพอร์ต เสียอย่างเดียวตรงที่ ๆ นี่ไม่มีใครเลย มีแค่ฉันเพียงคนเดียวมันก็เลยเหงา ๆ หน่อย
.
กระเบื้องทางเดินกลายเป็นสีฟ้า ผนังกลายเป็นสีน้ำเงิน ส่วนบานหน้าต่างก็มีแสงสีขาวพุ่งเป็นลำออกมาย้อมบรรยากาศให้ดูโปร่งบางเจือจางอารมณ์ ก็แน่ล่ะเพราะนี่เป็นฝันของฉันนี่! สิ่งที่เป็นอยู่นี้จึงเรียกได้ว่าเป็นภาพในฝันขนานแท้ ข้าวของทุกอย่างในห้องเรียนยังคงอยู่ครบ ฉันสามารถแตะต้องมันได้แต่ไม่ยักจะมีความรู้สึกใด ๆ ไม่หนักไม่เบาขนาดกล่องชอล์คที่จ้องจะหยิบยังเว้าทะลุผ่าน ล่วงกราวลงกับพื้นอย่างหน้าตาเฉย
.
"หรือเราตายไปแล้ว?!"
ชั่ววาบหนึ่งฉันคิดในใจ หรือเพราะฉันเป็นดวงวิญญาณที่หวนคิดถึงอดีตเพื่อที่จะมาบอกลาสถานที่ในความทรงจำเป็นครั้งสุดท้ายรึเปล่า? ไม่รู้สิ! ถึงตอนนี้และตรงนี้อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
.
ฉันไม่รู้ว่าฉันกำลังจะไปไหน.. ฉันไม่รู้ว่าวาร์ปมาโผล่ที่นี่ไปทำไม.. แต่ฉันรู้นะว่าใครที่เป็นคนพาฉันมา.. คน ๆ นั้นก็คือ "คุณมิวท์" ยังไงล่ะ ฉันลอยตัวมาโผล่ที่หน้าตึกเรียนด้านนอก ป้ายโลหะขนาดใหญ่ปรากฏชื่อรายนามผู้บริจาคเป็นชื่อของคุณมิวท์และบริษัท AP เด่นหลาตัวเบ้อเร่อ ตอนนั้นเธอน่าจะยังเป็นแค่ผู้บริหารระดับล่างอยู่ แต่ด้วยวิสัยทัศน์อันก้าวไกลโรงเรียนประจำทั้งโรงเรียนจึงถูกสรรสร้างขึ้นด้วยน้ำมือเธอและเงินทุนจากบริษัท AP
.
"ใช่! มันต้องเป็นสิ่งนี้แหละที่ดลบันดาลให้เราฝัน"
ฉันถึงกับหลุดปากโพล่งคำดังกล่าวออกมาคนเดียว หลังจำได้แม่นว่าภาพสุดท้ายก่อนทุกอย่างจะตัดไป ก็คือการที่ฉันได้พบกับคุณมิวท์ตัวเป็น ๆ แบบประจันหน้า บางทีจิตใต้สำนึกคงผสานความทรงจำเข้ากับความชอบส่วนตัวที่ฉันปิดบังอยู่
.
โรงเรียนประจำคือที่เดียวที่ฉันพักอาศัย คุณมิวท์คือคนเดียวที่สร้างมันขึ้นมา พอคิดได้แบบนี้ทุกอย่างก็ลงล็อคพอดี ฉันจึงลองหลับตานึกย้อนไปถึงภาพในวันนั้นดู เป็นภาพเหตุการณ์ในวันที่คุณมิวท์มาที่นี่ พร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่เพื่อมาร่วมพิธีเปิดสระว่ายน้ำแห่งใหม่ที่เพิ่งจะสร้างเสร็จ ฉันจำได้ว่าวันนั้นเธอสวยสุด ๆ ไปเลย
.
พวกเราเป็นโรงเรียนประจำหญิงล้วน มีคนสวย ๆ มากมายถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่การปรากฎตัวของเธอกลับทำให้ฉันไม่เคยลืมเธอเลย ฉันแทบจะรู้ตัวในบัดดลว่าฉันเป็นใคร "เจนิสหาใช่ผู้หญิงที่ชอบผู้ชายไม่ ฉันเกิดอารมณ์ทางเพศกับคุณมิวท์ แล้วก็อยากมีอะไรกับเธอใจจะขาด!"
.
"ฟึมมมมม!!!"
.
สว่างวาบราวกับระเบิดแฟลช ฉากอาคารยังคงถูกย้อมเป็นสีฟ้า สระว่ายน้ำยังคงมีน้ำขังอยู่เต็มอัตรา แม้แต่เวทีกับโพเดียมให้ยืนแถลงตัดริบบิ้นก็ยังคงอยู่ ของทุกอย่างถูกเซ็ตอัพเหมือนกับวันนั้นมิมีผิด เสียก็แค่ไม่มีใครสักคนนอกจากตัวฉันเองที่ยังคงแก้ผ้าล่อนจ้อน ไม่รู้สิ! ถึงตรงนี้เหมือนอยากจะตื่นแฮะ! มันรู้สึกเหงาแปลก ๆ ฉันยังคงล่องลอยสำรวจสิ่งนั้นสิ่งนี้ไปเรื่อย ๆ ลอยไปก็คิดถึงเรื่องเก่า ๆ ไป ว่าปัจจุบันสระว่ายน้ำหลังดังกล่าวก็น่าจะโดน COVID-19 ย่อยสลายไปจนหมดสิ้นแล้ว
.
คิดแล้วก็เศร้าความทรงจำของฉันคงเป็นได้แค่ภาพฝันดังที่เป็นอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าจู่ ๆ ร่างทั้งร่างมันจะร้อนวูบวาบขึ้นมาเอง ให้ตายเถอะ! ฉันเหมือนเสียการทรงตัวเมื่อเคลื่อนตัวมายืนอยู่ตรงริมสระน้ำ เงาสะท้อนจากเบื้องล่างมองเห็นเรือนร่างของตัวเองนูนเด่นนูนโค้งน่าลูบไล้ อกไซต์ D สะโพกผาย อีกทั้งหย่อมแมกไม้ตรงหว่างขาก็หลอมแหลมแกมน่ารัก
.
“ขนลุกดีจังแฮะ..”
ฉันเผลอครางเรื่องลามกออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่ต่อมาความอัศจรรย์ที่รู้ว่าเป็นเรื่องฝันจะบังเกิด
.
“คุณมิวท์ขา.. นี่คือฝันของหนูคุณช่วยปรากฏกายต่อหน้าหนูหน่อยได้ไหมคะ หนูเงี่่ยนและหนูรักคุณมากเหลือเกิน ถ้าเป็นไปได้เอาเวอร์ชั่นที่เป็นคุณในงานเปิดตัวสระว่ายน้ำนะคะ ฉันอยากเห็นคุณสวมชุดราตรีสีเหลืองนั่นอีกสักครั้ง.. เพี้ยง!”
.
พวกคุณจะหาว่าฉันแฟนตาซีก็ช่างหัวคุณสิ! ก็ในเมื่อคุณมิวท์เล่นโผล่ออกมาจริง ๆ แถมยังผุดขึ้นมาจากใต้น้ำอีกต่างหาก! ภาพที่ฉันเห็นตรงหน้าคือกระโปรงบานสีเหลืองที่แผ่กระจายออกเป็นวงกลมราวกับกลีบดอกไม้ มีร่างอ้อนแอ้นของผู้หญิงที่ฉันชอบเป็นดั่งเกสรอยู่ตรงกลาง เนื้อตัวเธอเปียกซก เสื้อผ้าอาภรณ์เปรอะแนบเนื้อชวนให้เห็นทุกสัดส่วนอันแสนเซ็กซี่
.
ฉันก้มมองอย่างไม่วางตา หนำซ้ำยังรู้สึกถึงความเปียกจากช่องรักตรงหว่างขา ราวกับโหยหาการร่วมเพศจากเพื่อนเพศเดียวกันอยู่รำไร คุณมิวท์ไม่ใส่บาร์ ฉันเห็นเม็ดถันของเธอดันอกชุดราตรีตัวบางให้เห็นเป็นจุดเด่น หน้าอกเธอกลมสวยทรงหยดน้ำ ในระหว่างที่ฉันพยายามจะมองเปรียบเทียบกับของฉันบ้าง มือบางของเธอก็ฉุดแขนฉันลงไป!
.
“ตูมมมม!!!”
.
แพรน้ำกระเพื่อมกระจุยกระจาย วินาทีนั้นฉันคิดว่าฉันคงตายเพราะว่ายน้ำไม่เป็น แต่ก็ไม่ใช่! เพราะนี่คือความฝัน ร่างกายของเราสวมเข้ากอดกันโดยที่ฉันไม่ได้ทำแม้แต่การตีขา พื้นก็หยั่งไม่ถึงแต่ตัวดันไม่จมลงไป มันโล่งเบาเหมือนยืนอยู่บนฝั่งต่างก็แค่มีความเปียกเพิ่มเติมเข้ามาก็เท่านั้นเอง
.
“ไงจ๊ะสาวน้อย.. เรียกหาฉันหรอ?”
คุณมิวท์ถามขึ้นก่อน ดวงตาของสองเราจดจ้องมองกันและกัน และยิ่งมองใกล้เธอก็ยิ่งน่าจูบ
.
ฉันก็เลยลองดู กลีบปากของฉันเผยอขบลงที่ริมฝีปากเธอ เราผลัดกันสอดงับกันอย่างดูดดื่มด้วยรสสัมผัสที่สมจริงเป็นอย่างมาก ฉันได้ยินแม้กระทั่งเสียงของมวลน้ำที่เจิ่งนองออกมาหล่อลื่น เสียงจุ๊บ ๆ แจ๊ะ ๆ ดังแทรกออกมาตามจังหวะการใช้ลิ้นของพวกเราทั้งคู่
.
คุณมิวท์ไม่ว่าอะไรฉันเลย ตัวเธอร้อนแต่ตัวฉันร้อนกว่านี่เรากำลังจะมีอะไรกันอยู่ในสระว่ายน้ำอย่างงั้นเหรอ ช่างเป็นอะไรที่สุดจะจินตนาการ เมื่อฉันลองที่จะปลดสายคล้องตรงเสื้อของเธอออก โดยที่ริมฝีปากยังคงหมุนวนหามุมเสียวให้แก่กันและกันอยู่
.
“จะเปลื้องผ้าฉันหรอ?”
เสียงเธอผินหน้าออกมามองค้อน
.
แต่ฉันไม่ตอบฉันยิ้มให้เธอนิดนึงพลันแลบลิ้นเลียลงที่ซอกคอเธอ ฉันดุนริมฝีปากบดขยี้ตรงเนื้ออ่อนบางใสจนเธอครางเสียวร้องออกมามิหยุด ก่อนจะฉวยโอกาสตอนนั้นปลดสายเสื้อราตรรีของเธอออก ในเสี้ยวพริบตาชุดกลางคืนทรงไฮโซก็จมดิ่งลงสู่พื้นสระด้านล่าง เหลือไว้แต่เพียงร่างเปลือยของเราสองคนที่ไร้อาภรณ์ใดจะปกปิด
.
“หุ่นเธอสวยจัง~!”
.
“แต่หุ่นคุณสวยกว่า~ อ่าาา~! ฉันอยากทำแบบนี้กับคุณมานานแล้วค่ะคุณมิวท์”
.
“อืม.. อย่าเรียกคุณสิ เรียกพี่มิวท์ก็ได้~!”
.
“ค่ะพี่มิวท์เรามาเอากันเถอะนะคะ.. ซีดดด~! หนูเสียวจังเลยค่ะพี่~!”
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ