เรียกว่าคุณธาม
ในที่สุดฉันก็อยู่ในรถปอร์เช่ที่ขึ้นชื่อเรื่องความแรงและเร็วโดยมีท่านรองฯเป็นคนขับ ฉันนั่งหลังพิงเบาะตัวตรงด้วยความเกร็งภายในรถไม่มีการพูดคุยใดๆทุกอย่างเงียบสงบ
ในที่สุดเขาเป็นฝ่ายทนไม่ไหวทำลายความเงียบด้วยการเปิดเพลง จนฉันเคลิ้มกำลังจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ แต่แล้วเมื่อได้ยินเสียงเพลงวิญญาณของดีเจ ก็มาสะกิดให้คิดถึงงานของคืนนี้
"ตายละวาคืนนี้มีงาน"
พอนึกถึงคืนนี้ฉันแทบไม่มีเวลาเตรียมตัว ภาวนาขอให้กลับไปทันผับเปิดเป็นพอ เพลงที่เคยเตรียมไว้มีหลายแทร็คให้ใช้งานได้เมื่อยามคับขัน การเดินทางจากกรุงเทพฯถึงนครปฐมกินเวลากว่า 2 ชั่วโมงคิดคำนวณแล้วน่าจะเฉียดฉิว
@ โรงงาน
ฉันถือกระเป๋าเอกสารและโน๊ตบุ๊คของท่านรองฯ เดินตามเข้าไปในออฟฟิศของโรงงาน ตื่นตาตื่นใจกับทัศนียภาพโดยรอบ เมื่อเข้าไปในออฟฟิศฉันยกมือไหว้ทุกผู้ทุกคนไปตลอดทาง ตั้งแต่ปากประตูจนถึงด้านใน
"สวัสดีค่า"
"สมัยหน้าคุณจะลงสมัครสส.เหรอ?"
ดูเขาพูดเข้าสิฟังได้ที่ไหน ฉันหุบยิ้มทันทีแกล้งทำสีหน้าเศร้าสลดเดินตาม ท่านรองฯอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อยขึ้นทันตาเห็น
คนอะไรชอบดับฝันคนอื่น...ชิ คุณธนัทก็ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้
อดีตดาวมหาวิทยาลัยอย่างฉัน ก็ต้องสงบเสงี่ยมเป็นธรรมดา
@ ห้องผู้อำนวยการโรงงาน
เขาผลักประตูห้องผู้อำนวยการโรงงานนำฉันเข้าไปก่อนฉันทำหน้าที่เปิดไฟเปิดแอร์ ยื่นกระเป๋าเอกสารและโน๊ตบุ๊ควางไว้บนโต๊ะทำงาน แล้วมองไปรอบๆห้อง
"โต๊ะคุณอยู่หน้าห้อง"
เขาบอกเหมือนรู้ว่าฉันมองหาอะไร พอมาถึงถิ่นเก่าท่านรองฯก็ดูเหมือนจะเป็นคนเดียวกับวันแรกๆที่เจอกันเขามักชอบทำเสียงดุใส่ตลอดเวลา
ว่างๆ ฉันก็อยากรบกวนท่านรองฯให้ไปเฝ้าบ้านที่ขอนแก่นให้พ่อกับแม่บ้าง
"ค่ะ มีอะไรก็เรียกนะคะ"
ฉันเดินออกมาจากห้องทันทีนั่งประจำที่หน้าห้องว่างๆไม่มีอะไรทำ จึงศึกษา Lay Out ของที่นี่ไปพลางๆ บัตรพนักงานที่มีคำว่านักศึกษาฝึกงานกับชุดนักศึกษาดึงดูดให้เจ้าหน้าที่หลายท่านแวะเวียนมาทักทายไม่ขาดสาย
ส่วนฉันนั้นก็เพลิดเพลินมากเหมือนกัน
ตึ๊ง...ตึ่ง เสียงไลน์เข้าเป็นข้อความจากท่านรองฯ
"ผมขอกาแฟ"
"ค่ะ..."
ฉันตอบไลน์แล้วมุ่งหน้าไปที่ห้องอาหารส่วนกลางในทันที ตลอดเส้นทางฉันก็แจกยิ้มเรี่ยราดไปเรื่อย
"ขอชงกาแฟให้ท่านรองฯหน่อยค่ะ"
"เชิญค่ะ"
คุณแม่บ้านประจำออฟฟิศก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เตรียมแก้วและกาแฟให้ครบครัน
ก็อกๆๆๆ เคาะประตูห้องก่อนุกครั้งนะอย่าลืมนะน้ำขิง
"กาแฟมาแล้วค่ะ"
"เชิญครับ"
ฉันวางแก้วกาแฟที่ควันโชยออกมาหอมกรุ่น วางให้ท่านรองฯแล้วกำลังจะหมุนตัวกลับที่เดิมคือหน้าห้อง
"คุณจัดคิวนัดกับผู้จัดการตามที่ผมแจ้งไว้แล้วใช่ไหม?"
"ค่ะ...น้ำขิงส่งไลน์ไปแล้วค่ะ"
จากนั้นตลอดครึ่งวันเช้าท่านรองฯก็มีประชุมและนัดคุยงานกับผู้จัดการแผนกต่างๆไม่ได้หยุดพักจนถึงพักเที่ยง
"เที่ยงแล้วไปกินข้าวกัน"
"ที่ไหนคะ?"
ฉันวางมือจากงาน แล้วหยิบกระเป๋าสะพายมาคล้องไหล่ เตรียมท่าเดินตามท่านรองฯไปติดๆ
@ โรงอาหาร
โรงอาหารของที่นี่มีอาหารมากมายให้เลือก หน้าตาถือว่าไม่เลวแต่ระดับท่านรองฯย่อมต้องแยกจากพนักงานเป็นเรื่องธรรมดา
ห้องVIPถูกเปิดใช้พร้อมกับอาหารรอแล้วที่โต๊ะ
เขานั่งลงแล้วส่งสายตาให้ฉันนั่งลงโต๊ะเดียวกัน
"จะดีเหรอคะ"
"น้ำขิงไปกินข้างนอกดีกว่าค่ะ"
เขาส่ายหน้าไม่เห็นด้วย "เชิญคุณน้ำขิง"
"แต่ แต่ว่า น้ำขิง"
ฉันยังอิดออด กินคนเดียวน่าจะอร่อยกว่าร่วมโต๊ะกับเขาเป็นไหนๆ
"กินในนี้แหละ"
"กับผม"
เขาสั่งเสียงเฉียบขาดจนต้องนั่งลงฉันตีสีหน้าบูดบึ้งอยากออกไปม่วนจอยด้านนอกมากกว่า เมื่อตะกี้เดินผ่านร้านส้มตำได้กลิ่นปลาร้า(ที่บ้านเรียกปลาแดก) เตะจมูกทำเอาน้ำลายแทบใหล
"อาหารที่นี่อร่อยผมเลือกไว้ให้คุณแล้ว"
ฉันนั่งลงคว้าช้อนแล้วนั่งกินอย่างประหม่า มองข้าวในจานท่านรองฯยังมีแก่ใจตักอาหารใส่จานให้ฉันหลายครั้งจนฉันเกรงใจ
"ขอบคุณค่ะ น้ำขิงตักเองได้ค่ะ"
"ผมกลัวคุณไม่อิ่ม"
"กินเยอะๆเพราะตอนบ่ายเราจะเข้าไปดูงานในโรงงานกัน"
"อ้อ...ค่ะ น้ำขิงจะกินให้เยอะเลยค่ะ" ฉันพูดเอาใจ
"อืม ไม่ต้องเยอะมากเดี๋ยวอ้วน" สายตาคมมองมาทางฉันรีบมองสภาพตัวเองในกระจก
"ยังหรอก ตอนนี้ยังไม่อ้วน" เขาดักคอรู้ทันความคิดเด็กน้อย
จากนั้นท่านรองฯ ก็ชวนฉันกินจนทุกอย่างหมดเรียบไม่มีเหลือ และในหลายวันที่ผ่านมาธามนิธิเองนั้นเริ่มมีความรู้สึกที่ดีกับน้ำขิงมากกว่าวันแรกๆที่เจอกัน ความเป็นตัวของตัวเองและเป็นผู้หญิงที่เก่งงาน ไม่ว่าจะสั่งให้ทำอะไรเธอก็สามารถทำมันออกมาได้ดีจนเขาต้องยอมรับในความสามารถ แม้ว่าจะเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานก็ตาม
ตอนบ่าย ท่านรองฯพาฉันเยี่ยมชมโรงงานตั้งแต่บ่ายโมงจนถึงสามโมงเย็น เขายังบอกให้ฉันจดทุกอย่างที่เขาพูด
"อืม...ค่ะ"
ขากลับ ฉันต้องลากขาขึ้นรถปอร์เช่ด้วยความยากลำบาก ภายในรถเปิดแอร์เย็นฉ่ำจนฉันตาปรือแล้วหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าเป็นที่สุด หลังจากนั้นเบาะถูกปรับเอนลงตอนไหนฉันไม่รู้
ครืด...ครืด สมาร์ทโฟนฉันสั่นครืดคราดปลุกให้ตื่นเสียได้
"ฮัลโหล" ฉันงัวเงียตื่นแล้วหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาแล้วปัดรับทันที
"ไอ้กอล์ฟ"
"ถึงไหนแล้ว" กอล์ฟถาม
"อื้ม ถึงไหนเหรอ? "
ฉันปรับเบาะขึ้นแล้วดูชื่อป้ายถนน ปรับสายตาให้เข้ากับแสง
ถนนจรัญสนิทวงศ์
"ท่านรองฯจอดป้ายรถเมล์หน้าให้ด้วยค่ะ"
"หอพักคุณอยู่สามย่านไม่ใช่เหรอ?"
"เดี๋ยวผมไปส่ง"
ความจริงเขาไม่ต้องมีน้ำใจขนาดนี้ก็ได้ล่ะมั้ง
"น้ำขิงนัดกับเพื่อนไว้ค่ะ"
จากนั้นไอ้กอล์ฟมันก็วางสายไป ฉันหันไปหยิบกระเป๋าที่ด้านหลังแล้วเตรียมตัวลงรถพนมมือไหว้กล่าวขอบคุณอีกครั้ง
"ขอบคุณค่ะ ท่านรองฯ”
เมื่อรถจอดสนิทฉันก็ลงจากรถทันที ยกมือไหว้เขาพร้อมกับกระเป๋าใบเล็ก ป้ายรถเมล์ที่ฉันลงคือย่านบางพลัดที่เลือกป้ายนี้เพราะว่าคนค่อนข้างเยอะ ผู้คนเดินกันพลุกพล่านแล้วยังมีเซเว่นอยู่ด้วยแสงไฟจึงสว่างไสวประเมินแล้วไม่อันตราย
ด้วยความเหนื่อยล้าจึงนั่งลงที่เก้าอี้ตัวที่ว่างอย่างหมดแรง เหลือบไปมองรถของท่านรองฯ ยังจอดอยู่ริมถนนเห็นแสงไฟในรถ ฉันคิดว่าเขาคงคุยโทรศัพท์จึงยังไม่กลับบ้านเสียที
นั่งไปนั่งมาจนเมื่อยไอ้กอล์ฟก็ไม่มาซักที ท้องฉันร้องโครกครากด้วยความหิวจึงเดินเข้าเซเว่นหาอะไรกิน แล้วหยิบของกินใส่ตะกร้าเป็นข้าวผัดกระเพรากับน้ำเปล่าและขนมอีกสองถุงแล้วเข้าแถวรอจ่ายเงิน
"ผมจ่ายให้..."
เสียงทุ้มอันคุ้นเคยดังมาจากด้านหลังแผ่วเบาแล้วสะกิดที่ไหล่บางของฉันอีกครั้ง
"เสียงคุ้นๆ วุ้ย"
"อ่ะ อ้าวท่านรองฯ ยังไม่กลับอีกเหรอคะ"
"ยังหรอกพอดีผมคอแห้งเลยมาซื้อน้ำ"
"ค่ะ"
ฉันมองของในมือท่านรองฯก็มีของกินเหมือนกันกับของฉันไม่มีผิด ระหว่างรอพนักงานเวฟข้าว เขาก็เหลียวซ้ายแลขวามองนั่นมองนี่จนฉันต้องมองตามสายตานั้น
"มองหาใครคะ?"
"เพื่อนคุณไงมาถึงหรือยัง"
"ยังเลยค่ะ มันให้รออีก 20นาที"
ฉันนั้นอยากจะหัวเราะในความสอดรู้สอดเห็นของท่านรองฯ นึกว่ามีแต่ฉันที่ชอบสอดรู้สอดเห็นซะอีก
"ได้ข้าวแล้วไปนั่งรอที่รถผมก่อนก็ได้"
"จะได้กินข้าวเป็นเพื่อนผม"
"ผมหิว..."
"อ้อ...ได้ค่ะ"
จากนั้นฉันกับท่านรองฯก็ใช้ปอร์เช่สุดหรูกินข้าว กลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งคัน
"จะไม่เหม็นเหรอคะรถของท่านรองฯ"
"ช่างมัน เดี๋ยวก็หาย"
ตอนนี้ใบหน้าท่านรองฯที่ฉันว่าแก่ในตอนแรก กลับอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเขาเทคแคร์ดูแลฉันอย่างดี
"กินข้าวกับเธออร่อยจัง"
ท่านรองฯพูดแต่ฉันเขินคนอะไรพอไม่ดุก็น่ารักไปอีกแบบ กินข้าวอิ่มแล้วเขามองหน้าฉันอย่างค้นหา สายตาคมมีคำถามมากมายใบหน้าหล่อดูจริงจังขึ้นมา
"คุณจะไปไหนต่อ?"
"ผมจะไปส่งก็ไม่ให้ไป"
"เกิดคุณเป็นอะไรไป พ่อแม่คุณจะมาว่าผมได้นะ"
ฉันเริ่มคิดหนักแต่ก็ลองวัดใจกันไปเลยว่า
"ไปทำงานพาร์ทไทม์ค่ะ"
"ทำงานอะไร?" สีหน้าเขาดูก็รู้อยากรู้มากแค่ไหน
"ดีเจ ค่ะ ดีเจเปิดเพลงค่ะ"
"แถวไหน?"
"ทองหล่อ ผับย่าน ทองหล่อค่ะ"
ฉันมองหน้าเขาแอบลุ้นในใจว่าเขาจะว่าอย่างไร ฉันเห็นเขาทำตาโตแบบไม่เชื่อว่าหน้าอย่างฉันจะเป็นดีเจได้แต่เขาก็ไม่ว่าอะไร...
ฮึ! ฉันน้ำขิงคนนี้ยังมีอะไรให้คุณแปลกใจอีกเยอะค่ะท่านรองฯ
เขาถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือกใบหน้าดูอนาทรมากขึ้น
"ต่อไปไม่ต้องเรียกผมว่าท่านรองฯอีกนะ"
"ทำไมล่ะคะ" ฉันดูดน้ำเปล่าจากขวดแล้วมองเขาเป็นเชิงคำถาม
"มันดูแก่..." เขาบอกสีหน้าดูจริงจังมาก
ฉันแทบสำลักน้ำท่าน รองฯในวัย 35 ปีเมื่อเทียบกับฉัน ท่านต้องแก่เป็นธรรมดานั่นแหละค่ะ
แต่ท่านรองฯก็หล่อไม่เบานะ อิ อิ
แค่ก...แค่ก ฉันเห็นเขาขมวดคิ้วไม่พอใจที่ฉันทำหน้าแบบไม่ยอมรับเขาหยิบทิชชู่ยื่นให้
"เช็ดซะ"
ทำไมต้องดุด้วยพูดกันดีๆก็ได้นี่
"ต่อไปเรียกคุณธามก็พอ"
ฉันยิ้มกว้างเห็นแก้มบุ๋มอันทรงเสน่ห์ "ได้ค่ะ...คุณธาม"
ฉันจิกตาใสซื่อแบ๊วสุดฤทธิ์ใส่เขาเพื่อแสดงให้เห็นว่าจริงใจ
ออนไรท์
จุดเริ่มต้นของคนคลั่งรักธามนิธิที่ทำแต่งานใช่ว่าเขาไม่เคยมีความรักเสียเมื่อไหร่ แต่มันนานเสียจนลืมไปแล้วว่าเนื้อสาวมันนุ่มขนาดไหน จนได้พบกับนักศึกษาฝึกงานที่เจอกันแวบแรกในลิฟท์ก็ทำเอาเขาใจสั่น แต่ต้องเก็บอาการไว้สุดฤทธิ์ต้องรักษามาตรฐานท่านรองประธานไว้ให้มั่น"คุณเก็บของแล้วตามผมมา" นั่นแหละคือเสียงที่เขาตั้งใจให้มันดุมันเข้มเพื่อปกปิดส่วนลึกในใจ ความใกล้ชิดในหลายวันทำให้เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่า ไม่อาจปล่อยมือจากสาวน้อยที่สดใส มีลักยิ้มทรงเสน่ห์และผมม้านั่นอีก รวมๆแล้ว เขาอาจจะบ้ารักหรือคลั่งรักไม่ได้หลับได้นอนอยากมาทำงานแต่เช้าทุกวัน เพื่อให้ได้พบหน้าได้ใกล้ชิดนิดหน่อยก็ยังดี หากได้ติดสอยห้อยตามไปทุกที่ เขาจะบริการทุกระดับให้ประทับใจเปย์ได้เขาก็จะเปย์ ในวันนั้นที่หญิงสาวแกล้งเขาโดยจงใจวางมือน้อยๆ บนหน้าขาของเขา จนสะดุ้งสุดตัวรีบขยับขาหนีนี่เธอไม่รู้จริงๆใช่ไหมว่าผู้ชายเขาถือแต่เธอก็รีบหดมือกลับทำเหมือนไม่ได้ตั้งใจแล้วพูดว่า "ขอโทษค่ะ"พูดแล้วยังแกล้งแอ๊บใสซื่อหดมือกลับอีก ไม่รู้อะไรใช่ไหมว่าปลุกเสือให้ตื่นแล้ววิ่งหนีกลับมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกแม่สาวน้อยหน้าม้า มาให้พี่กินซะดีๆแล้
หลานปู่หลานตาหลานยายคฤหาสถ์ของคุณปู่หลังกลับจากทริปมัลดิฟส์ ฉันกับคุณธามก็วนมาลูบเดิมคือทำงานเพิ่มเติมคือความหวานที่หมั่นเติมให้กันทุกวัน ที่เตียงนุ่มฉันกำลังไถสมาร์ทโฟนดูคอมเม้นท์ในอินสตาแกรมหลังจากที่ได้ลงรูปทริปมัลดีฟส์ไปหมาดๆ ก็จะมีเพื่อนน้ำของฉันที่เข้ามาคอมเม้นท์ทันที"อยากเห็นหน้าหลานแล้ว" น้ำฝนฉันรีบตอบคอมเม้นท์นั้นไปว่า "คิดถึง" แล้วส่งรูปหัวใจไปหนึ่งดวงส่วนFCที่รักกันแน่นหนึบเหนียวแน่นก็ไม่ทิ้งไม่หนีหายไปไหน เข้ามากดหัวใจเข้ามาคอมเม้นท์กันสนุกสนาน"ลูกได้เวลาฟังเพลงก่อนนอนแล้วที่รัก" คุณธามที่ออกมาจากห้องน้ำก็เดินตรงมาที่เตียงแล้วหยิบสมาร์ทโฟนของเขาติดมือมาปิดไฟห้องนอนเหลือเพียงไฟหัวเตียงสีเหลืองนวล แล้วคุณธามก็เข้ายูทูปเปิดเพลงโมสาร์ทเปียโนอันไพเราะให้ลูกสาวตัวน้อยในท้องฟัง ส่วนฉันก็เคลิ้มเคลิ้มไปกับเสียงเปียโนแผ่วเบา "แม่นอนก่อนนะลูก" ฉันบอกลูกแล้วปิดตาลงคุณธามก็สอดมือเข้ามาโอบฉันเช่นเคยโดยไม่ลืม Good night kiss ก่อนนอนเป็นประจำทุกวัน"รักนะคะที่รัก" สามเดือนผ่านไปตอนนี้ฉันใกล้จะเก้าเดือนแล้วก็ได้แต่พักผ่อนอยู่กับบ้าน ช่วงนี้อยู่ในช่วงลาคลอด คุณธามออกไปทำงานแต่เช้า
ฮันนีมูนที่แปลว่าดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์หลังจากงานแต่งงานที่ขอนแก่นผ่านพ้นไป ตามด้วยงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสอย่างเลิศหรูอลังการสมกับที่เป็นทายาทนักธุรกิจใหญ่อันดับต้นๆของเมืองไทย จัดขึ้นที่โรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพมหานคร จากนั้นฉันกับคุณธามก็ได้ย้ายสำมโนครัว จากคอนโดหรูของคุณธามสู่คฤหาสต์หลังใหญ่ แต่ก็ยังทิ้งเสื้อผ้าไว้บางส่วนเผื่อว่าจะแอบมาหวานกันสองคนในบางโอกาส แล้วยังมีคอนโดนอีกแห่งที่ได้จากคุณนัท ห้องนั้นตั้งใจเอาไว้ให้น้ำมนต์เผื่อเขามาเรียนกรุงเทพฯ แต่ระยะนี้ถ้าวันไหนอยากหวานเราก็แอบไปดูผืนน้ำเกลียวคลื่นเมื่อเรือด่วนเจ้าพระยาแล่นผ่านไปผ่านมา และไฟสวยๆของสะพานพระรามแปดยามค่ำคืนกันสามคนพ่อแม่ลูก หนึ่งเดือนต่อมาพรุ่งนี้ฉันก็จะได้ไปเที่ยวครั้งแรกในชีวิตที่ได้ไปเมืองนอก ฉันตื่นเต้นมากนอนไม่หลับมาหลายคืน คุณธามกับฉันก็ลุยงานเคลียร์คิวเพื่อเตรียมตัวไปฮันนีมูนกันที่มัลดิฟส์ เกาะที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยของน้ำทะเลหาดทรายขาวสะอาด พอถึงตอนนี้ก็ไปมันทั้งที่ท้องโย้นี่ล่ะ ตอนนี้อายุครรภ์ก็ห้าเดือนแล้วถือว่าได้พาลูกไปเที่ยวในตัว"ลูกสาวคะเราจะได้ไปเที่ยวกันแล้วนะ" คุณธามลูบไล้หน้าท้องนูนหลังจากจบกิ
ยกเสาลงหลุม บ้านเตชะทรัพย์วันนี้เป็นวันแต่งงานที่แสนจะชื่นมื่น แขกเหรื่อมากันมากจนรับแขกกันไม่ไหว อาหารบุฟเฟ่ต์ก็ทำท่าจะไม่พอรองรับ เมื่อFCของดีเจน้ำขิงตามมาสมทบจำนวนมาก เดือดร้อนถึงเจ๊ท๊อฟฟี่และเพื่อนเจ้าสาวอย่างน้ำฝนที่วิ่งวุ่นกันทั้งงานตั้งแต่เช้า"น้ำขิงนะ น้ำขิง FC หล่อนเกือบจะฆ่าเรากับเจ๊ท๊อฟฟี่แล้วรู้ไหมยะ""ใจเย็นๆนะคุณน้องค่อยๆแก้ไปค่ะ""ดีนะคะที่มีห้องน้ำในปั๊ม ไม่งั้นเราแย่แน่ค่ะ""จริงด้วยค่ะ เจ๊เห็นด้วย"งานแต่งของน้ำขิงและธามนิธิที่เน้นเรียบง่าย การ์ดแจกแต่เฉพาะแขกคนสำคัญญาติพี่น้องที่ใกล้ชิดจริงๆ แต่ก็นั่นแหละ ทั้งพ่อและแม่ของหญิงสาวเป็นคนมีหน้ามีตาไม่น้อยจึงเป็นอย่างที่เห็นคนต่างจังหวัดมักให้ความสำคัญกับสินสอดทองหมั้น แต่เมื่อเปิดพานสินสอด บรรดาญาติผู้ใหญ่แทบเป็นลมด้วยแสงเพชรวาววับจนแสบตา และยังจะเป็นโฉนดที่ดินและเงินอีกกองใหญ่ที่คุณธนัทกับธามนิธิทุ่มเทพิธีการทางศาสนาอัดแน่นตั้งแต่เช้า จนร่างกายเมื่อยขบปวดร้าวระบมไปทั่วร่างกาย เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวก็โดนเหน็บกินไปหลายรอบ จวบจนพิธีรดน้ำสังข์เสร็จสิ้นถึงได้ออกไปทักทายผู้มาร่วมงานด้านนอก"เฮ้ย...เจ้าบ่าวไหวไหมวะคืนนี้" คุ
แต่งค่ะ"น้ำขิงท้อง" แล้วคุณธามก็ยิ้มดีใจยื่นมือมาลูบที่ท้องของฉันเบามือ"ลูกของเรา..." "เอาล่ะพี่ธามรอเกรซแพรบเดียวนะคะ" แล้วคุณเกรซก็หายวับไปหลังร้าน จากนั้นคุณเกรซก็ออกมาพร้อมไวน์หนึ่งขวด ถือแก้วมาด้วยสองใบแล้วชำเลืองตามองมาทางฉัน"คนท้องห้ามดื่มค่ะ" ฉันก็ปล่อยให้เขาฉลองกันแล้วเข้าไป ลองชุดออกมาอีกทีคุณธามก็หน้าแดงเป็นลูกตำลึง "คุณธามเมาแล้วค่ะกลับบ้านกันเถอะค่ะ" "ยัง...ผมยังไม่เมา" คนที่บอกว่าไม่เมาแต่เสียงอู้อี้มือไม้เปะปะบนตัวฉัน"กลับก่อนเถอะน้ำขิงพรุ่งนี้ค่อยมาลองใหม่" "แล้วอย่าลืมไปฝากท้องนะ จะได้เอายาบำรุงครรภ์มากิน""ค่ะคุณเกรซ ขอบคุณมากค่ะ" "คุณธามกลับบ้านกันค่ะ" @ คอนโดของธามนิธิเป็นความยากลำบากมากที่กว่าคนตัวโตจะอาบน้ำแล้วนอนอย่างเงียบสงบลมหายใจสม่ำเสมอ ตัวฉันพอรู้ว่าตนเองท้องก็มีความรู้สึกหนึ่งวิ่งเข้าสู่หัวใจคือความรักที่ไม่มีกฏเกณฑ์ ก่อกำเนิดอย่างรวดเร็ว"ลูก...แม่รักหนูนะ" มือน้อยลูบที่หน้าท้องแผ่วเบาอย่างหวงแหน จำเป็นต้องระมัดระวังตนเอง ทะนุถนอมร่างกายให้ดีที่สุดนับจากนี้ รุ่งเช้าคุณธามวันนี้ดูกระปรี้กระเปร่ามากขึ้นพาฉันไปโรงพยาบาลแต่เช้า ตัวเขาเองยังได้ยา
แต่งค่ะ"แม่น้ำขิงจะรีบไปไหนไม่รู้นะคะ กลัวลูกสาวจะขายไม่ออกหรือไง"จู่ๆคนตัวโตที่นอนหมดสภาพ ก็ดีดตัวขึ้นอย่างเร็วนั่งหลังตรงสายตาคมจ้องเขม็งมาที่ฉันดวงตากระหายรู้ "แล้วจะแต่งไหม?" เขาถามเหมือนข่มขู่อยู่ในที"แต่งค่ะ"ฉันฉีกยิ้มหวานเอาใจยื่นมือลูบไปที่ใบหน้าหล่อนวลใสน่ากัดน่ากินหญิงสาวถึงแม้จะมีเวลา สำหรับการเตรียมใจยอมรับเรื่องการแต่งงานตั้งแต่ครั้งที่เขาตามไปขอนแก่นคราวนั้นการทาบทามสู่ขอเกิดขึ้นกระทันหันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เหมือนสองคนพ่อลูกได้นัดแนะกันไว้แล้ว แม้ในใจลึกๆยังอยากใช้ชีวิตเรียนรู้การอยู่ร่วมกันกับเขาในฐานะคู่รักอยู่ก็ตามจู่ๆจากที่ลำตัวพิงอยู่กับหัวเตียง เขาก็ล้มตัวลงนอนหนุนตักของฉันอย่างออดอ้อน มือหนาจับมือซ้ายที่สวมแหวนวงน้อยนั้นไว้ลูบตัวแหวนนั้นไปมาอย่างใช้ความคิด"ไม่ต้องกลัวนะที่รัก แหวนแต่งงานเพชรต้องใหญ่กว่านี้แน่นอน" "อย่าลืมนะคะน้ำขิงเป็นมนุษย์นิ้วสั้น ไม่อยากได้ใหญ่มากนะคะแค่ซัก 5 กะรัตก็พอค่ะ""ตามใจที่รักหมดเลย" คนเห่ออยากแต่งงานคิดโน่นนี่นั่นในหัวสมองเต็มไปหมด แล้วพรั่งพรูออกมาอีก"พรุ่งนี้เข้าไปหาเกรซเรื่องการ์ดแต่งงานกันดีกว่านะที่รัก"เขาเองที่สุดแสน