LOGINพรหมลิขิต...ร้าย! ดั่งสายลมพานพัดให้เธอต้องเจอกับเขา! จากครั้งแรกที่เจอ เธอก็ดูไม่ดีแล้วในสายตาเขา บวกกับคำพูดร้ายๆ ทำให้เธอต้องตกอยู่ในอุ้งมือมาร! “ไหนว่าจะอาบน้ำล้างคราบขาวๆ ออกจากตัวให้หมดไงสายน้ำผึ้ง หรือว่ารอฉันมาช่วยอาบให้ละยายตัวดี” เขาอารมณ์เย็นลงแล้วเชียวนะ แต่เพราะสายน้ำผึ้งฤทธิ์มากบวกกับเรื่องที่ได้รู้เมื่อครู่ เลยอยากลองสักครั้ง เธอมีดีแค่ไหน ถึงได้ทำให้ประพันธ์เอ่ยปากขอหย่ากับกับบ่อเงินบ่อทอง “ไม่นะ...ปล่อยฉันนะ!” หวีดร้องเสียงหลง
View More“ไหวไหมคะพี่น้ำผึ้ง” เฌอเอมเอ่ยถามอย่างเป็นคนขับรถ ซึ่งท่าทางอาการดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ด้วยเห็นมือเล็กที่จับพวงมาลัยรถเริ่มสั่นและจิกเกร็งจนเห็นเส้นเอ็นผุดขึ้นมาตามข้อ ดวงหน้าเรียวรูปไข่นวลเนียนแม้มีเครื่องสำอางปิดปังอยู่ ทว่าก็ยังสามารถมองทะลุไปเห็นความซีดของผิวหน้าได้
“ไหวจะ” สายน้ำผึ้งกัดฟันตอบกลับ นัยน์ตากลมโตขมวดนิ่ว เมื่อรอบบริเวณกระบอกตาร้าวคล้ายถูกลิ่มเหล็กตอกย้ำ จนเจ็บทะลุออกท้ายทอย เรื่องงานไม่ได้ทำให้เธอเครียดเลย หนักหนาแค่ไหนรับไหว แต่ไอ้เรื่องเครียดพาปวดศีรษะจนแทบแตกก็มาจาก...ผู้ชาย!
บ้าชะมัด! ทำไมชีวิตเธอถึงได้ซวยหนักก็ไม่รู้ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ต้องผจญอยู่กับผู้ชายปากว่ามือถึงตลอด ตั้งแต่เรียนมัธยมจวบจนจบมหาวิทยาลัยก็นึกว่าจะพ้นเรื่องบ้าๆ นี่เสียที กลับยิ่งหนักกว่าเก่าเมื่อเข้าทำงาน แม้เธอสามารถดำรงตนคงเส้นคงวาไม่หลงไปในข้าวของที่ถูกหยิบยื่นให้ แล้วยังพาตัวเลี่ยงไปไม่ให้เกิดเรื่องราวอันน่าสะพรึงกลัวได้อีก ทว่ามาบัดนี้...
นอกจากความเบื่อหน่ายแล้วยังรำคาญถึงขั้นอยากหนีหายด้วยการลาออกไปซะ! ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้หน้าตาท่าทางก็ดูดี สมาร์ต มาดแมนแอนด์แฮนซั่ม เรียกว่าถึงขั้นหล่อเกินหน้าเกินตาดาราหนุ่มสมัยนี้หลายคนเชียวแหละ ฐานะทางบ้านก็คงดีเอาการถึงได้เช่าห้องโรงแรมนอนตลอดไม่ยอมกลับบ้าน เสียแต่...
พูดจาไม่รู้เรื่องเอาซะเลย เธอบอกว่าไม่! เน้นย้ำชนิดที่ว่าหากไปถึงหูแล้วตะโกนกรอกลงไปได้ก็ทำแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้สึกรู้สา ยังพาหน้าหนาๆ และร่างใหญ่อย่างกับยักษ์มาสร้างความรำคาญให้กับเธออย่างต่อเนื่อง ตลอดทุกเมื่อเชื่อวัน คอยส่งดอกไม้และข้าวของน่ารักราคาสูงพร้อมร่างสูงใหญ่มาเสนอ จนเธอแทบไม่เป็นอันทำงาน
ผู้ชายที่เคยแวะเวียนเมียงมองกระเซ้าแหย่กันบ้างพอให้ชุ่มชื่นหัวใจก็เริ่มห่างหาย ในขณะที่เพื่อนสาวๆ ที่เคยพูดจาถามไถ่เรื่องราวหยิกแกมหยอก ประมาณปะทะคารมลับฝีปากและหาเรื่องประเทืองปัญญาให้สมองไม่ฝ่อจนเกินไปนัก ก็เริ่มมองเห็นเป็นศัตรูอยู่เนืองๆ โดยมีสองสาวในห้องทำงานเดียวกับเธอ เปิดเผยตัวเป็นศัตรูอย่างโจ่งแจ้ง เพียงแค่เดินผ่านหน้า ก็หาเรื่องพูดจาแขวะกัดคล้ายเจ้าสี่เท้าถูกเหยียบหางเห่า ให้หนวกหูและรำคาญใจ
คิดถึงสายตาเพื่อนร่วมงานที่มองมาแล้วสายน้ำผึ้งถึงกับกัดฟันกรอด สองมือกำพวงมาลัยรถเอาไว้แน่น เพลิงโทสะคุกรุ่นราวไฟที่หลงเหลือควัน พร้อมอาการปวดศีรษะแล่นลิ่วราวกับรถไร้เบรกด้วยเรื่องที่เพิ่งประสบพบเจอมา
อีตารูปหล่อแต่ด้านราวกับมีใครใช้ปูนอย่างหนาโบกทับเอาไว้ มาพร้อมช่อดอกไม้สีแดงขนาดใหญ่ มาถึงก็ไม่คุยเล่นหยิกแกมหยอกอย่างทุกครั้ง แต่เอ่ยบอกรักหน้าตาเฉย เล่นเอาเธองงราวกับถูกไม้ฟาดเข้าที่ทัดดอกไม้ ด้วยเมื่อแรกเห็นทว่าหนีไม่ทันก็เลยเตรียมคำไว้ด่าเพียบ กลับกลายเป็นอ้าปากค้างด้วยความอึ้งตะลึงงันแทน ก็แหม...แม้จะมีชายมาจีบมากหน้าหลายตา แต่ก็ไม่เคยมีใครบอกรักนี่น่า
เหลียวมองรอบกาย มีเสียงแบ่งแยกแตกออกเป็นสองฝ่าย ฝั่งหนึ่งตะโกนเชียร์ให้รับ แต่อีกฝั่งหนึ่งคือแม่สาวที่คิดว่าตัวเองสวยเลยเชิดไม่คบกับใครนอกจากพวกหลงตัวเองเหมือนกันเอ่ยกระแทกกระทั้น
“เล่นตัวให้เขาง้อ รอให้เขาบอกรักและขอแต่งงานอวดเพื่อนร่วมงาน หน้าไม่มียางอายเสียเลย”
เธอนี่อยากสวนกลับให้หน้าหาย แต่ตอนนั้นสมองมันตื้อ คิดอะไรไม่ออกเอาเสียจริง ได้แต่มองคนที่ยื่นแหวนและดอกกุหลาบให้หน้าแดงปลั่ง นัยน์ตาวาววับ สลับเหลือบมองหนึ่งสาวเพื่อนร่วมงาน ซึ่งยืนกัดเขี้ยวเคี้ยวฟันมองเธอด้วยความโกรธแค้นอิจฉาราวกับถูกเพลิงไฟเผาไหม้ทรวงอก กระเหี้ยนกระหือรืออยากตรงเข้ามาผลักเธอแล้วฝากฝ่ามือประทับไว้บนวงหน้าสวยๆ ก่อนแย่งรับดอกไม้และแหวน พร้อมกับเอ่ยปากรับคำรักแทน
‘เฮอะ เอาไปเถอะ รวยจริง หล่อจริง แต่ไม่เตะขอบหัวใจให้เต้นเป็นจังหวะแทงโก้ได้ เธอไม่สนหรอก’
คิดถึงเรื่องน่าอายที่เกิดขึ้นเมื่อสายของวันแล้ว ‘โว้ย!! ปวดหัวจริงโว้ย เมื่อไหร่จะมีใครมาสอยอีตาหน้าด้านนั้นไปให้พ้นๆ จากเธอเสียทีนะ’
“พี่น้ำผึ้งไม่ต้องมาส่งเอมก็ได้ แค่มารับเอกสารแล้วเอาไปยื่นและเขียนใบสมัครงานที่โรงแรม เอมไปเองก็ได้” เอ่ยบอกอย่างเกรงอกเกรงใจ
เธอไม่ใช่ญาติของสายน้ำผึ้งสักหน่อย เป็นเพียงแค่เด็กใกล้บ้านที่เมื่อพ่อกับแม่รู้ว่าสอบติดและต้องมาเรียนในเมืองหลวงก็กลายเป็นปัญหา ด้วยเป็นห่วงเป็นใยในทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่เรื่องความปลอดภัยไปจนถึงที่อยู่ที่กิน ป้านุ้ยแม่ของสายน้ำผึ้งจึงเสนอให้มาอยู่กับลูกสาว ซึ่งอยู่คนเดียว มีเพื่อนเป็นคนบ้านเดียวกันสักคนท่านว่าจะได้อยู่ดูแลกัน เกิดเจ็บป่วยไม่สบายกลางค่ำกลางคืน จะได้ไม่ต้องห่วงเรื่องคนพาไปหาหมอ แล้วเธอก็ได้มาอาศัยอยู่กับพี่สาวคนเก่ง คอยดูแลในทุกเรื่องราวกับเป็นพี่สาวจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่คนรู้จัก
“ไม่เป็นไร เดินทางคนเดียวหลายตักหลายตอนอย่างนี้ไม่แค่ลำบากแต่ยุ่งยากด้วย ไหนจะเรื่องเวลาอีกล่ะ นี่ก็เข้าช่วงบ่ายแล้ว ขืนชักช้า เดี๋ยวก็ไปยื่นเอกสารและเขียนใบสมัครไม่ทัน ทำให้คนเขาว่าเราไม่รักษาคำพูด อีกอย่างเสื้อผ้าเอมก็ต้องหาเปลี่ยน หน้าตาอีกต้องเรียบร้อยแต่ดูดี”
เฌอเอมไม่ได้สวยแต่เข้าข่ายน่ารักน่ามอง ด้วยใบหน้าเรียวเล็ก ดวงตากลมโตรับกับจมูกเล็กโด่ง ริมฝีปากรูปกระจับ แต่งหน้าแต่งตาเล็กน้อยก็ทำให้คนหันมองได้ไม่ยาก เสียแต่ว่า...ศีรษะทุยสะบัดส่ายอย่างระอิดระอา ด้วยไม่แต่งหน้าเลย ทำให้น้องสาวคนนี้ของเธอดูเหมือนยายเพิ้ง ที่เพิ่งหลุดออกมาจากป่าไม่มีอารยธรรม
ยังมีผมซึ่งยุ่งเหยิงคล้ายไม้กวาดที่ถูกใช้งานจนเยิน ไม่รู้พบหวีบ้างหรือเปล่า กระโปรงก็สุ่มไก่ยาวกรอมเท้าอย่างไม่กลัวเดินไปสะดุดชายแล้วหัวทิ่มไปข้างหน้า เสื้อดีหน่อยที่ไม่ยาวหรือสั้นจนยกแขนที่ชายหลุดออกจากเอวกระโปรง แล้วยังสวมแว่นสายตาคันโตอีก คุณป้าโบ...โบราณมาเองเลยนะนี่
“ถามจริง คุณแน่ใจได้ยังไงว่าฉันจะตกลง แล้วเกิดไม่...แม่คุณไม่หน้าแตกหรือไง” แต่แม่เธอนะหรือที่จะปฏิเสธ มีแต่จะรีบจับเธอใส่พานยกให้แม่ภาสวรโดยเร็วนะสิ ก็อยากจะให้เธอแต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นจนถึงกับเคยเปรยให้เธอได้ยินอยู่ว่า ถ้ามีใครสักคนกล้าหาญมาขอเธอไปเป็นศรีภรรยาละก็...จะยกให้พร้อมกับทองสักสองสามบาท ไหนจะที่ทางอีกล่ะภาสวรส่ายศีรษะ เขามั่นใจเลว่าพ่อกับแม่จะทำสำเร็จเช่นตัวเขาเองที่ต้องสำเร็จด้วยเช่นกัน“ไม่เลย เพราะผึ้งไม่มีทางหนีมือฉันพ้น ถ้า...ป่อง” ชายหนุ่มยิ้มนัยน์ตาวาวระยับขณะสองมือวาดท้องโตขึ้นพร้อมใบหน้ารอยยิ้มละมุนละไม นัยน์ตาเข้มดุวามวาวเป็นประกายแฝงความเจ้าเล่ห์เอาไว้เต็มพิกัด ที่คนเห็นถึงกับหนาวจับขั้วหัวใจ “ผึ้งจะยอมอาย ไม่แต่งงานกับฉันได้หรือ” “ป่องเองสิยะ ไม่ย่ะ ฉันไม่ป่อง” “มีสิทธิ์เลือกหรือจ๊ะผึ้งจ๋า...ฉันปล่อยเชื้อไว้เต็มที่ทุกครั้งที่เราปั่มปั๊มกัน ใครจะไปรู้ ตอนนี้ผึ้งอาจมีผึ้งตัวเล็กๆ ซุกอยู่ในท้องแล้วก็ได้ แต่ถ้าผึ้งยังไม่มั่นใจ เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันซ้ำให้นะจ๊ะเมียจ๋า” ภาสวรช้อนร่างนุ่มนิ่มขึ้นไปวางบนเตียงนอนพร้อมปลดเปลื้องเสื้อผ้าจากสองกายหลุดออกไปอย่างเร็วแทบเป
“ความจริงผึ้งควรดีใจนะที่เกิดเหตุการณ์นั้น เพราะทำให้ฉันมั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง” ไม่เข้าใจ ศีรษะทุยเอียงเล็กน้อย ไอ้ที่เขาพูดมาหมายความว่ายังไงภาสวรยกมือขึ้นลูบท้ายทอยอย่างเขินๆ “ฉันแค่อยากมั่นใจ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ไม่ใช่แค่ความผูกพันทางกาย แต่เป็นสายใยเชื่อมใจสองดวง เชื่อมคนสองคนให้ร่วมจับมือฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรค เติมเต็มความสุขพร้อมสร้างสุขด้วยกันตลอดจวบจนแก่เฒ่า” สายน้ำผึ้งไม่รู้เลยว่าตอนนี้หัวใจของเธอเริ่มละลายจากการกระทำและคำพูดที่จริงใจและเปี่ยมด้วยรักที่หัวใจรับรู้“ฉันขอโทษที่ฟังความเพียงข้างเดียว แล้วปรักปรำและทำร้ายเธออย่างไม่น่าอภัย ฉันรู้ว่าทำใจลืมยากกับการถูกข่มเหงร่างกายโดยไม่ยินยอม ฉันไม่เถียงที่ส่วนหนึ่งคืออยากลบล้างความรู้สึกผิดที่เกาะกุมใจ แต่ที่มากกว่านั้นคืออยากเติมความรู้สึกผูกพันและรักใคร่ระหว่างกัน พร้อมอยู่ดูแลกันด้วยรักไปตลอดตราบจนชั่วชีวิต” ภาสวรดันร่างเพรียวพาลงไปยืนบนพื้น ขณะที่เขาทรุดกายคุกเข่า “ทำอะไรน่ะคุณภาส” พยายามดึงเอาร่างใหญ่ให้ลุกขึ้น แต่กลับสู้แรงเขาไม่ได้และยังถูกจับมือเอาไว้“ก่อนที่ฉันจะดูแลเธอไปตลอดชีวิตได้ก็ต้อง... บอกรักและขอแ
“บางครั้งคนเราก็ทำอะไรที่ไม่ชอบลงไปจากความเข้าใจผิดของตัวเอง ฉันเป็นหนึ่งในนั้น ที่ยังดื้อดึงดันลุยไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจสิ่งใด” ขนาดรู้ว่าไม่ใช่ เขาก็ยังไม่ยอมหยุด...“คุณจะพูดยังไงก็ได้ เพราะคุณเป็นฝ่ายได้เปรียบ” ให้เขาพูดดีและจริงใจแค่ไหน ทว่าความเลวร้ายที่เกิดขึ้นใช่ว่าจะลบเลือนได้เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ เพราะทุกการกระทำของเขา คือลิ่มเหล็กตอกย้ำความเจ็บช้ำและปวดร้าวฝังตรึงอยู่ในใจมิรู้คลาย “ปล่อยฉันเถอะคุณภาส ถ้าคุณรักฉันอย่างที่พูด ช่วยปล่อยฉันไปเถอะ ปล่อยให้ฉันไปมีชีวิตของฉัน” สายน้ำผึ้งอ้อนวอนเสียงสั่นพร่าและแหบเครือ“ไม่!!” ภาสวรผวากอดสายน้ำผึ้งเต็มรัก แค่เธอจากมาไม่กี่วันเขารู้สึกคล้ายรอบกายว่างเปล่า มองไปทางไหนก็ล้วนแล้วแต่มืดมนจนมองแทบไม่เห็นทาง “ไม่! ไม่มีวันที่ฉันจะปล่อยเธอไป” เขารัดร่างนุ่มนิ่มแนบอก “แม้ต้องบังคับให้เธออยู่ด้วย...ฉันก็จะทำ!” อยากผลักไส แต่เรี่ยวแรงกลับแห้งเหือดหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ เธอจึงได้แต่อยู่ในอ้อมกอดที่ช่วยไล่ความหนาวเหน็บออกไปจนหมดสิ้น แต่สายน้ำผึ้งก็ยังพยายามเรียกเอาคำพูดและการกระทำของภาสวรที่ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงไร้ค่า ไร้ศักดิ์ศรีขึ้นมากลบ “
ภาสวรคลี่ยิ้มปากกว้าง “คุณเลยหวังใช้มือผมจัดการสั่งสอนสายน้ำผึ้งว่างั้นเถอะ” เจสันหัวเราะกลั้วคอ “ผมเอาคืนเล็กน้อย แต่คุณได้ประโยชน์เต็มๆ แล้วอย่างนี้จะตกลงรับข้อเสนอผมไหมล่ะ” ถ้าเขาไม่รับก็ต้องใช้เวลาควานหาตัวสายน้ำผึ้งที่ยังทำตัวดำดินมุดอยู่ในรูอีกนาน ในเมื่อมีคนพาตัวเธอมาเสิร์ฟให้ถึงมือ มีหรือจะไม่เอา“แล้วคุณมีแผนการยังไงบ้าง” ภาสวรเอ่ยถามและรับฟังด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น แม้ต้องอดทนที่ต้องมองสายน้ำผึ้งอยู่ไกลๆ แต่เพื่อวันแห่งความสุขเขาจำต้องยอมอดกลั้นที่เธอรู้สึกคล้ายถูกมองและถูกตามเมื่อสองสามวันก่อน...ก็เป็นอีตาหมีควายนี่น่ะสินะ แต่แปลกในเมื่อเขาเจอเธอแล้วทำไมถึงได้ไม่จับตัวไว้ตั้งแต่วันนั้นละ เชื่อได้หรือว่าเขาปล่อยเธอให้ลอยนวลโดยไม่ลากเข้าห้องแล้วขย้ำขยี้ให้แหลกละเอียดยิ่งกว่าแก้วที่ถูกตกลงบนพื้นแล้วถูกรถทับซ้ำอีกครั้ง ภาสวรยิ้ม “ถูกแล้วผึ้ง ฉันตามติดแต่ยอมอดทนตามที่เจสันแนะนำ เพราะกลัวเธอหนีไปอีกครั้งจนหาไม่เจอ รู้ไหมฉัน...หงุดหงิดแทบเป็นบ้าที่ต้องทำอย่างนั้น” เขาหงุดหงิดแทบเป็นบ้าเลยจริงๆ แต่ช่วงเวลาที่ห่างหายไม่ได้อยู่ใกล้กันก็มีส่วนดีด้วยเหมือนกัน เพราะทำให้เขาล่วงรู้ความ