เจ้าของบ้านเปิดไฟสว่างตั้งแต่ตีห้าแต่เขาก็เลือกจะเปิดไฟที่ห้องชั้นล่างเพื่อที่จะให้ไม่รบกวนแขกสาวที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงนอนชั้นบน หลังจากที่เมื่อคืนปาลินนอนละเมอร้องไห้เสียอกเสียใจยกใหญ่เขาก็เลยต้องนั่งตบหลังเพื่อกล่อมให้เธอหลับสนิทอีกรอบ เพราะการที่ได้เห็นเธออยู่ในสภาพที่เหมือนมีเรื่องราวในใจที่เก็บกดไว้มานาน จนทำให้เก็บไปฝันร้าย เขาเองก็นอนไม่หลับ
กลิ่นกาแฟคั่วบดหอมกรุ่นลอยฟุ้งไปทั่วบ้าน ถึงแสงบนห้องนอนใต้หลังคานี้จะไม่สว่างแต่กลิ่นหอมของกาเฟอีนก็ปลุกให้ร่างกายที่หลับใหลตื่นตัว ปาลินลุกลงจากเตียงนอนแล้วเดินลงมาชั้นล่างเห็นแผ่นหลังกว้างที่อยู่ในชุดทำงานตั้งแต่เช้ามืด
"ตื่นเช้าจัง" เสียงเล็กทักขึ้นจากด้านหลัง พิรุณที่นั่งตรวจตารางานของเจ้านายประจำวันจึงได้รีบหันมาดู
"พี่ทำลินตื่นเหรอ" เขาว่าแล้ววางไอแพดลงแล้วตรงไปรินน้ำใส่แก้วปาลินจึงเดินตามไปเพราะกำลังรู้สึกว่าคอแห้งอยู่พอดี เธอรับน้ำมาดื่มจนหมดทุกหยดไม่มีเหลือ
"กินนี่ด้วย" เขาส่งขนมปังปิ้งทาแยมกับนมให้หนึ่งแก้ว ปาลินรับมาแล้วนั่งกินเงียบ ๆ มองอิริยาบถของเจ้าของบ้านที่เดินไปเดินมาจนเธอเริ่มตาลายแถมยังออกไปสั่งงานกับพวกชายชุดดำข้างนอก แล้วพวกชายในชุดสูทพวกนี้ก็มายืนตัวตรงรับเจ้านายตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี
พิรุณกลับเข้ามาในบ้านแล้วยืนเท้าสะเอวมองปาลินที่กำลังไถโทรศัพท์ของตนเองดูข้อความของพี่สาวที่กระหน่ำส่งเข้ามาจนเสียงแจ้งเตือนดังรัว ๆ ชายหนุ่มยื่นใบหน้าเข้ามาเกยไว้บนหัวไหล่เนียน ปาลินนั่งตัวแข็งยิ่งเขาเอาคางเกลี่ยไปเกลี่ยมาที่หัวไหล่เธอ มันก็ยิ่งชวนให้จั๊กจี้ไปหมดทุกส่วน
"เขาว่าไงบ้างล่ะ"
"พี่พุดถามว่าลินโดนกินตับไปหรือยัง ฮ่าฮ่า" ปาลินหัวเราะแห้งพิรุณตวัดมองแล้วกระตุกยิ้ม เอามือวางบนหัวของเธอ
"ก็อยากกินอยู่นะอยากรู้ว่าตับหวานหรือเปล่า" เขาแกล้งหยอกยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยว นี่เขาเพิ่งเคยยิ้มแบบนี้ให้เธอเป็นครั้งแรก สำหรับคนอื่นอาจมองว่าเขาปกติ แต่สำหรับเธอเขามันเหมือนพวกปีศาจอวตารมาอยู่ในร่างมนุษย์ซะมากกว่า เพราะเธอยังคงจำติดตาตอนที่เธอเคยฝึกงานแล้วโดนจับได้ว่าเธอรับค่าจ้างจากแม่เนตรขวัญเพื่อหาทางทำให้ครอบครัวเจ้านายของเขาแตกคอ เขาก็ขู่เธอด้วยเรื่อง จับโยนให้จระเข้บ้างล่ะ หรือไม่ก็จะเอาเธอไปทิ้งไว้ที่ป่าช้าบ้างล่ะ แล้วก็หนีบเธอไปไหนมาไหนด้วยพักนึงเพื่อคอยดูพฤติกรรม แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอฝึกงานเสร็จก็ไม่ได้เจอเขาอีกจนกระทั่งตอนนี้
"คงไม่หวานมั้งคะ" เธอย้อนคำพูดเขา
"รู้ได้ไงว่าไม่หวานลินเคยชิมตัวเองดูเหรอ"
"ใครจะเคยชิมตัวเองล่ะคะ แปลกคน"
"นี่ก็จะหกโมงแล้วพี่จะพาเราไปบ้านก่อน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะได้ไปทำงานวันแรกด้วยกัน"
ตายแล้วลืมเรื่องทำงานที่บริษัทวันแรกไปซะสนิทเขาคงไม่หาว่าเธออู้งานตั้งแต่วันแรกหรอกนะ แต่เขาจะมาว่าเธอก็ไม่ได้เพราะเธอถูกแม่ส่งมาดูตัวหนำซ้าคนที่เธอต้องมาดูตัวดันเป็น พิรุณ ปรมะเมคินทร์ ใครมันจะไปคิดว่าคนที่มาดูตัวก็คือเลขาประธานบริษัทที่ตัวเองกำลังจะไปทำงาน ไหนเขายังเป็นพวกทายาทเจ้าพ่อคุมเลานจ์หรูหราบนตึกสูงนั่นอีก เรียกได้ว่าช็อกต่อเนื่องเรื่องนี้ยังไม่ทันซา ก็มีเรื่องใหม่เข้ามาทำให้ตกใจ
บ้านเรืองทรัพย์เรืองสุขรวยเว่อร์วัง
เวลาเห็นป้ายชื่อบ้านตัวเองทีไรก็รู้สึกกระดากอายนิดหน่อยแม่นะแม่ตั้งชื่อบ้านซะเป๊ปังอลังเว่อร์ตามที่ซินแสบอกทุกประการ ถ้าเกิดว่าซินแสให้เปลี่ยนเป็นรวยบ้าบอคอแตก แม่ก็คงเปลี่ยนทันทีโดยไม่คิด
"ขอบคุณค่ะ เอ่อ..ไปนั่งรอลินสักครู่นะคะ"
"ต่อให้เธอไม่บอกให้รอ ฉันก็รออยู่ดี" ปาลินรีบวิ่งปรู๊ดเข้าบ้านโดยที่แม่ของเธอเป็นฝ่ายรีบออกมาต้อนรับพิรุณที่กำลังยืนกอดอกสวมแว่นตาดำรออยู่ที่รถสีแสบตา
"เข้ามาในบ้านก่อนสิลูก"
พิรุณเดินเข้ามาตามคำเชิญแล้วยกมือสวัสดีว่าที่แม่ยายของตนเอง
"กินอะไรมาหรือยัง รับชากาแฟซาลาเปาหมั่นโถวหรืออะไรรองท้องระหว่างรอน้องก่อนไหม"
"ไม่เป็นไรครับผมกินมาเรียบร้อยแล้ว แต่มีเรื่องรบกวนจะถามคุณน้าสักหน่อย"
"เรียกแม่เถอะไม่ต้องเรียกแล้วน้า แล้วพ่อคุณจะถามอะไรแม่เหรอจ๊ะ เกี่ยวกับยัยลินหรือเปล่า"
"ใช่ครับ ผมอยากถามว่าลินละเมอร้องไห้บ่อยไหม พอดีเมื่อคืนลินละเมอกลางดึก"
เจ๊กัลยาย่นคิ้วติดกันรีบหยิบพัดหยิบยาดมมาบรรเทาอาการจิตตกที่แว่นพล่านเข้ามาในความคิดของเธอ หญิงสาววัยกลางคนทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้างพิรุณ ทำหน้าโศกสลดครู่หนึ่งจึงวางพัดและยาดมลง
"สมัยเรียนยัยลินคบเพื่อนกลุ่มนึงที่มีนิสัยชอบเที่ยวกลางคืน ปาร์ตี้หนัก ด้วยความที่กลัวตัวเองจะไม่มีเพื่อน เพื่อนชวนไปไหนก็ไปกับเขา แต่วันนึงเพื่อนดันพาไปเที่ยวผับแล้วในผับก็มีห้องที่ไว้รอเชือดเหยื่อตัวน้อยที่ไม่ตาสีตาสา ซึ่งผับแห่งนั้นก็เป็นของรุ่นพี่ปีสี่คนนึงที่ชอบยัยลินของแม่มาก ด้วยความที่ยัยลินเพิ่งได้ตำแหน่งดาวคณะมา เลยเป็นที่ต้องตาต้องใจรุ่นพี่คนนั้นเป็นพิเศษ เพื่อนตัวดีทั้งหลายก็เลยหลอกยัยลินไปให้รุ่นพี่คนนั้น แต่โชคดีที่ยังมีเพื่อนบางคนกลับตัวกลับใจเลยโทรแจ้งตำรวจ ตอนนั้นยัยลินอยู่ในสภาพที่เสื้อผ้าฉีกขาด มีบาดแผลตามเนื้อตัว มีรอยฟกช้ำดำเขียวเต็มไปหมด หล้งจากนั้นบ้านเราก็เลยเคร่งครัดชีวิตของยัยลินมากขึ้น เราทุกคนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก เพราะสภาพจิตใจของยัยลินกว่าจะกลับมาเป็นปกติได้ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร คุณพิรุณได้ฟังแล้วรู้สึกยังไงบ้างล่ะ คงไม่ได้รังเกียจลูกแม่หรอกนะ แต่น้องน่ะยังไม่ได้โดนมันทำอะไรเกินเลยเพราะขัดขืนและสู้สุดชีวิตจึงได้โดนมันซ้อมจนน่วม และนั่นจึงเป็นสาเหุตที่ว่าทำไมยัยลินละเมอร้องไห้กลางดึก"
ดวงหน้าขาวคมกัดฟันกรอดระงับความโกรธสุดขีดที่กำลังก่อตัวขึ้น เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าปาลินของเขาจะเคยพบเจอเรื่องเลวร้ายพรรค์นั้นมาก่อน "แล้วรุ่นพี่คนนั้นมันได้รับบทลงโทษยังไงบ้างครับคุณแม่"
"โถจะได้รับอะไรล่ะ ทุกวันนี้ยังลอยหน้าลอยตาอยู่เลย บางทีเธออาจจะรู้จักดีก็ได้"
"ใครครับ"
"ชนะศร ภพนคร ลูกชายเสี่ยชาวีเจ้าของบริษัทผลิตยาเครื่องมือแพทย์รายใหญ่"
หลังจากที่ได้รู้ชื่อเสียงเรียงนามของคนที่มันเคยทำร้ายปาลิน ภายในใจของเขามันก็เต็มความคลั่งแค้นทั้งที่เขาพยายามจะถนอมปาลินให้ดีที่สุด แต่มันเป็นใครบังอาจมาเหยียบย่ำหัวใจของเด็กสาวคนนี้ ต่อให้เขาเจอมันก่อนหรือหลังเขาจะไม่ปล่อยให้ไอ้คนระยำต่ำทรามอยู่ดีมีสุขโดยที่ไม่ได้รับบทลงโทษอะไร และเขานี่ล่ะที่จะมอบบทเรียนให้มันเอง
1 ปี 8 เดือน ผ่านไป (ไวเหมือนว๊าปมา)"โอ๊ย!.....อย่าดึงสิหมื่น พี่เจ็บนะ ก็บอกว่าอย่าดึงไงเล่า" พราวมนต์ยื้อยุดเส้นผมบนหัวของตนคืนจากน้องชายคนสุดท้องของบ้านที่กำลังกำทึ้งผมเธอเอาไว้เป็นกำใหญ่ ดึงไปซ้ายทีขวาทีจนพี่สาวเจ็บจนหน้าเบี้ยว"หมื่นหล้าครับปล่อยผมพี่มนต์ก่อนสิลูก พี่เจ็บจะแย่แล้ว ถือว่าแม่ขอนะครับ" ปาลินที่เพิ่งจะทำเมนูโปรดของสามแสบเสร็จปรี่เข้ามาแกะมือน้อยของลูกชายวัยหนึ่งขวบห้าเดือนออกจากหัวของลูกสาวคนโต"หม่ำหม่ำ....แฮ่!! แฮ่!!" เจ้าหนูชูมือขึ้นสูงชี้มือไปยังโต๊ะกินข้าวแล้วทำหน้าขู่เลียนแบบโอเลี้ยง"มะม๊าหมื่นขู่ทำไมคะ" พราวมนต์ที่ได้หัวคืนจากน้องชายรีบจัดทรงผมให้เข้าที่เข้าทาง"สงสัยจะติดมาจากหมามั้งลูก เอ้....มะม๊าก็เพิ่งจะเห็นว่าหมื่นขู่" ปาลินเกาหัวแกรก ๆ"ทุกคนปะป๊ากลับมาแล้วคร้าบบบบ แล้วปะป๊าก็ซื้อขนมมาเยอะแยะเลยด้วย" พิรุณเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับถุงขนมมากมาย ทันใดที่เห็นคุณพ่อหมื่นหล้าตัวร้ายก็ปีนลงจากโซฟารีบเดินเตาะแตะเข้าไปกอดขาของชายหนุ่มด้วยความดีใจ"ป้าป้าาาาา ปะป้าาา ปุ้งปุ้ง"แป๊ดดดดด~กลิ่นและเสียงแสนเหม็นเขียวคละคลุ้งไปทั่วทั้งบ้าน"อุแว้ก!" กลเมฆที่นั่งอ่านห
บ้านปรมะเมคินทร์ฝ่ายใต้พิรุณทำตามสัญญาของปู่พงศกรที่ต้องการให้พาลูกสาวและลูกชายฝาแฝดของเขามาประทับลายนิ้วมือเพื่อเป็นผู้นำคนใหม่ รวมทั้งเปิดรายละเอียดต่าง ๆ ให้หลานชายและหลานสะใภ้ได้รับรู้พร้อมกันว่า พราวมนต์กับกลเมฆมีสิทธิ์มีส่วนในทรัพย์สินใดของตระกูล"มาลูกนั่งตรงนี้ประทับนิ้วลงไปเลยทั้งสองคน" ทนายกริช ทนายประจำตระกูลจับนิ้วโป้งของแฝดผู้พี่ลงมาบนตลับหมึกแล้วทาบนิ้วเล็กลงไปบนแผ่นกระดาษ แล้วจึงจับนิ้วของกลเมฆลงมาประทับอีกครั้งเป็นอันเสร็จสิ้น"เรียบร้อยครับ นายน้อยทั้งสองจะได้รับมรดกเป็นบ้านหลังนี้ บริษัทและธุรกิจทั้งหมดในเครือ PMK Group ทั้งหมด แล้วที่เหลือก็ยกให้เป็นการตัดสินใจในอนาคตอีกทีครับ เพราะตอนนี้คุณหนูแฝดยังเด็กด้วยกันทั้งคู่" ทนายรุ่นลุงกล่าว"คุณปู่ขา มนต์ไปเล่นกับหมาสีดำตัวนั้นได้ไหมคะ" พราวมนต์ชี้ไปยังลูกสุนัขลาบราดอร์สีดำวัยกำลังซุกซนที่ดาเนียหลานสาวเอามาแบ่งให้ช่วยกันเลี้ยง"ตามสบายเลยลูก เจ้าเปียกปูนมันไม่ดุหรอกใจดีมาก ๆ" ผู้เฒ่าวัยย่างเก้าสิบเอ่ยพลางลูบหัวเหลนสาว"โอเคค่า...ไปเร็วเมฆไปเล่นกับเปียกปูนกันเถอะ" แฝดผู้พี่ที่มีแววเป็นมังกรสาวที่จะกุมอำนาจของปรมะเมคินทร์
เพียงแค่ถูกเล้าโลมที่กึ่งกลางลำตัวสะโพกผายก็แอ่นร่อนบิดส่ายจนสติพร่าเลือน ไม่รู่ว่าคุณย่าดาหลา ย่าของสามีเอายาสูตรไหนมาให้เธอกับพี่เรนกิน มันถึงได้ร้อนสลับหนาวจนใจว้าวุ่นไปหมดยิ่งไปกว่านั้นพี่เรนของเธอก็ไม่มีท่าทีจะให้ค่ำคืนนี้จบลงง่าย ๆ ยังคงยืนหยัดยึดปณิธานอันแรงกล้าว่าจะปั๊มลูกคนที่สามให้สำเร็จ หรือสามีตกลงเงื่อนไขสำคัญข้อใดกับเถ้าแก่พงศกรและย่าดาหลา ถึงได้อุตสาหะและมานะต่อการสร้างผลผลิตอันน่ารักนี้ซะเหลือเกินสำหรับเธอที่ต้องทำหน้าที่แม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้างที่จะต้องแบกท้องไปอีกเก้าเดือน ทว่าเมื่อคิดถึงความรัก ความภักดี และความซื่อสัตย์ที่ตราตรึงอยู่ภายในใจ ก็ไม่มีเหตุผลใดมาหักล้างความดีของพี่เรนได้เลยสักข้อ มีแต่ความยินยอม ความเต็มใจทุ่มและเทให้เขาไปแทบทั้งสิ้น"ตัวเล็กเงียบทำไม ลินครับเป็นลมหรือเปล่า" ชายหนุ่มยอดรามือจากกลีบเนื้อที่ฉ่ำวาวแล้วลุกขึ้นประคองแผ่นหลังเล็กขึ้นมาโอบอุ้มในวงแขนกว้าง"เปล่าค่ะแค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย" ยิ้มแฉ่งแล้วซุกหัวแนบกับแผงอกขาวเนียน ปลายนิ้วชี้เขี่ยไปที่ตุ่มไตสีชมพูเพื่อแหย่เล่น"อยากกินนมพี่ก็ไม่บอก""อยากกินพี่เรนทั้งตัวเลยต่างหาก" คล้องวงแขน
พิรุณยืนเป่าผมในห้องน้ำอยู่นานกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตูแบบทุบรัว ๆ เหมือนกับมีเรื่องคอขาดบาดตายที่ด้านนอก เขาหยุดเป่าผมและเปิดประตูออกไป ไม่ทันไรก็ถูกกระชากเข้าไปหา ฝ่ามือนุ่มที่รุ่มร้อนพันเลื้อยสอดเข้ามาใต้กางเกงนอนรั้งบั้นท้ายแน่นให้เบียดกับเนื้อตัวที่กำลังครางอยู่ในลำคอ"อื้ม....พี่เรนขา พี่เรนหล่อจังเลย""ห๊า....จู่ ๆ ก็ชม" ชายหนุ่มเหลือบมองบริเวณรอบบ้านให้แน่ใจว่าบรรยากาศข้างนอกเงียบสงัด ไร้ผู้คนพลุกพล่านแน่ชัด เขาจะได้เสพสุขทุกซอกทุกมุมของบ้าน และทุกซอกทุกตารางนิ้วของปาลินที่โหยหามาตลอดหนึ่งเดือน"พี่เรนลินร้อนวูบวาบแปลก ๆ พี่เรนช่วยลินหน่อยสิคะ" มือไม้ที่ล้วงไปกุมซันนี่ของเขาเคลื่อนออกมาเลื่อนขึ้นมาถึงหน้าอกที่เปลือยเปล่า หรือนี่จะเป็นเพราะยาสมุนไพรจีนม้าศึกฉบับสามก๊กของคุณย่า แม่ตัวเล็กถึงได้คึกคักถึงเพียงนี้"ก็ลินกินยานั่นไปเยอะ" รวบยกบั้นท้ายนุ่มขึ้นแล้วหย่อนลงข้างอ่างล้างมือที่มีจานเลมอนสีเหลืองกับเมลอนสองลูกวางอยู่"มันคือยาอะไรเหรอคะ.....อ๊า" กระดุมเสื้อนอนถูกปลดออกจนถึงเม็ดสุดท้ายอย่างว่องไว ปากที่ไร้ความอดกลั้นก็ตะโบมดูดลงมารวดเร็วไม่แพ้กัน ยอดถันออกสีแดงเหมือนเม็ดเก
ขบวนขันหมากจัดขึ้นที่บ้านหลังใหม่เอี่ยมของพิรุณและปาลิน เจ้าบ่าวหน้าตาหลอเหลายิ้มแย้มแจ่มใสขณะที่เดินมาพร้อมกับเครือญาติของปรมะเมคินทร์เกือบสามสิบชีวิต พิรุณในชุดสูทสีครีมแบบเป็นทางการเดินถือพานธูปเทียนแพ โดยมีเจ้าสัวเทิดวิช คุณเพชรไพร พ่อแม่ของเขาที่กลับมารักกันหวานชื่นในรอบยี่สิบปีคอยเดินขนาบข้างลูกชายไปพร้อมกันด้านหลังมีลุงโทนธรรมเดินฉีกยิ้มกว้าง มาพร้อมกับลูกเขยที่ยังไม่ได้ตบแต่งเข้าบ้านของเขาอย่างสุริยะ อัครภูรินทร์เดินถือพานขันหมากเอก และมีหมอเอลวินถือขันหมากโท ตามด้วยเหล่าเพื่อน ๆ ในกลุ่มเดอะเซฟเฟอะเช่นพนาธีร์ ผอ.ทัพฟ้า และท่านชายภูวสินคอยช่วยถือพานแหวนหมั้น คู่พานสินสอด ร่วมเดินในขบวนขันหมากในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าวคุณพ่อที่เป็นเจ้าบ่าวเดินเข้ามาถึงบริเวณหน้าบ้านเพื่อสู่ขอคุณแม่คนสวยของพราวมนต์กับกล พิรุณเมฆชะงักฝีเท้าในทันใดเมื่อลูกแฝดทั้งสองยืนเคียงข้างดาเนียและผิงผิงที่กำลังทำหน้าที่กั้นประตูเงินประตูทองตรงหน้าปากทางเข้าบ้านหลายร้อยเมตร เขาเห็นด่านกั้นเกือบหกเจ็ดด่านยาวไปถึงตัวบ้านด้านในสุดก็รู้สึกนึกขำขันในใจว่าเมียจ๋าคิดจะทดสอบผัวคนนี้ให้หอบรับประทานกันไปข้างหนึ่งเลยใช่ไหม"พ
"ฮ่าฮ่า คุณจะบอกว่าคุณเป็นคนดีงั้นสิ" นภาธรขำเสียงดังด้วยความสะใจแล้วควักปืนออกมาเล็งมาที่หน้าของพิรุณโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ลูกน้องทั้งสองฝ่ายรีบชักกระบอกปืนขึ้นมาจ่อไปยังฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่มีใครยอมใคร"ไม่มีใครอยากบอกว่าตัวเองเลวหรอกค่ะ แหม...โชคดีจังที่เธอเสนอหน้ามาร่วมงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ เพราะฉันจะได้ไม่ต้องกลับไปจัดการที่กรุงเทพ ยังไงก็ขอบคุณนะที่เธอมา" กล่าวขึ้นอย่างเยาะเย้ยแล้วกดปลายกระบอกปืนแนบกับขมับหนึ่งข้าง สาวในชุดเดรสปาดไหล่สีแดงก้าวขาขึ้นมายืนเบื้องหน้าของนภาธร"ก....แกนังปาลิน!" นภาธรชะงักตัวแข็งทื่อขณะที่กลุ่มบอดี้การ์ดสาวจากจีโพรเทคชั่นที่เถ้าแก่พงศกรยกให้หลานสะใภ้ไปดูแลในฐานะผู้บริหารคนใหม่ ต่างล้อมวงเข้ามายืนซ้อนหลังลูกน้องของนภาธรและล็อกใส่กุญแจมือด้วยความรวดเร็วจนไม่มีไหวตัวทัน"หนีไปก็เท่านั้น อีกไม่กี่นาทีตำรวจก็จะมาถึงแล้ว และครั้งนี้อย่าคิดว่าตำรวจที่นี่จะกลายเป็นคนของเธออีก อย่าคิดว่าคนอย่างเธอจะเล่นพรรคเล่นพวกได้อยู่คนเดียวนะ เพราะฉันก็ทำได้เหมือนกัน"กรี๊ด!!!"ปล่อยฉันนะนังลิน แกไอ้พวกลูกกระจ๊อกโทรหาพ่อกูสิ พวกมึงจะยืนค้างอยู่ทำไม โทรสิวะ!"เพียะ!!หลังมื