เธอขยับปลายคางขึ้น...ปล่อยให้ริมฝีปากของเขากดซ้ำลงมาบนปากเธออีกครั้ง คราวนี้นุ่มลึกและเนิบนานกว่าครั้งไหน — จูบที่ไม่มีคำขอ ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีแม้แต่การบีบบังคับ...แต่มันเต็มไปด้วย “แรงดึงดูด” ที่กลืนกินหัวใจทั้งสองไปทีละนิด
มืออุ่นของอคินลูบต้นแขนเธอ ไล้ลงสู่เอว แล้วสอดเข้าใต้เสื้อคลุมในจังหวะที่เธอกำลังเปิดอกให้เขาอย่างเต็มใจ
เสียงเสียดสีของผ้าบางเบาระหว่างผิวเนื้อ และเสียงลมหายใจที่หนักขึ้นทุกวินาที ทำให้บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่ไม่ต้องพูด
เขาจูบลำคอของเธออย่างช้า ๆ ลากไล้ริมฝีปากจากมุมกรามลงสู่ไหปลาร้า ดูดเม้มปล่อยรอยจางไว้ราวกับต้องการจารึกว่า—คืนนี้ เธอเป็นของเขา...ในแบบที่ไม่ใช่เพราะเงินหรือสัญญา
ไลลาหลับตาแน่นเมื่อปลายนิ้วของเขาไล้ผ่านช่วงขาด้านใน แล้วหยุดลงตรงกลางร่างกายเธอ
“ได้ไหม...” เขากระซิบแผ่วที่ข้างหู น้ำเสียงต่ำพร่าเจือความสั่น
เธอพยักหน้า
คำตอบของเธอ...ไม่ใช่คำพูด แต่คือร่างกายที่เบียดเข้าใกล้เขาอย่างเชื่องช้า
เธอดึงเขาลงมาอย่างอ่อนโยน แล้วกระซิบเสียงเบา
“ฉันต้องการคุณ…”
เขาชะงัก มองหน้าเธอ และพูดออกมาอย่างคนที่ไม่อาจกักเก็บไว้ได้อีกต่อไป
“ผมไม่เคยอยากสัมผัสใคร...เท่ากับตอนนี้เลย”
อคินดันตัวขึ้น ถอดเสื้อตัวเองออกช้า ๆ ดวงตาไม่ละจากเธอเลยแม้แต่เสี้ยววินาที
ในแสงสลัวของโคมไฟ—แผ่นอกเขาขยับขึ้นลงแรง มือสั่นเล็กน้อยขณะจับปลายขากางเกงของเธอรูดออกอย่างเบามือ
เมื่อร่างเปลือยของเธอปรากฏต่อหน้า
เขาไม่ได้เร่งรีบ
แต่กลับ “หยุด”
หยุด...มองเธอในแบบที่ไม่เคยมีใครมอง
ไม่ใช่แค่ความสวย
ไม่ใช่แค่ร่างกาย
แต่เป็น ‘เธอ’ — ทั้งหมดของเธอ
เขาก้มลงอีกครั้ง ขบยอดอกเธอเบา ๆ ปลายลิ้นไล้วนซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเธอร้องครางเบา มือเล็กยกขึ้นกดหลังศีรษะเขาโดยไม่รู้ตัว
อคินเลื่อนตัวต่ำลง จูบผ่านหน้าท้อง เธอสั่น...และเขารู้ เธอเกร็งเพราะทุกอย่างในคืนนี้ไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
มือของเขาแตะเรียวขา สอดเข้าในร่องนั้นอย่างเชื่องช้า ปลายนิ้วกดสัมผัสจุดอ่อนไหวของเธอจนร่างเธอสั่นสะท้าน
เสียงครางแผ่วเบาดังจากลำคอเธอในจังหวะที่เขาเริ่มไล้ปลายนิ้ววนซ้ำ
เขาโน้มหน้าลง — ขบที่ต้นขาด้านใน
เลีย — สัมผัสปลายลิ้นเปียกชื้นกวาดแนวขาขึ้นมา
จูบซ้ำตรงจุดที่ไวที่สุดของเธอจนร่างกระตุกแผ่ว
“อคิน...” เธอเรียกชื่อเขาเหมือนคราง...และขอในเวลาเดียวกัน
เขาขึ้นมาสบตาเธอ ร่างเปลือยเปล่าเบียดแนบสนิท เขากดหน้าผากลงบนหน้าผากของเธอ หอบหายใจแล้วกระซิบ
“ผมจะไม่ทำให้เธอเจ็บ”
เขาสอดกายเข้ามา...ช้า
ช้าแบบที่เธอรู้สึกถึงทุกนิ้ว ทุกแรงดัน ทุกอณูที่เชื่อมเขากับเธอเข้าด้วยกันอย่างลึกที่สุด
เสียงเธอกระซิบข้างหูเขา
“ช้า...ได้ไหมคะ...”
เขาก้มลงจูบหน้าผากเธอเป็นคำตอบ
แล้วขยับตัวเบา ๆ
เนิบช้า...แต่ลึก
เธอจิกผ้าปูเตียงไว้แน่น เสียงหอบเบาผ่านลำคอในทุกจังหวะที่เขากระแทกเบา ๆ และแน่นเข้า
เขาสัมผัสเธอราวกับว่าเธอคือสิ่งมีชีวิตเดียวในโลก
ทุกจูบ
ทุกแรงโยกตัว
ทุกสัมผัสเปียกชื้น
ล้วนเต็มไปด้วย “ใจ”
และครั้งนี้—เธอรู้ว่า...ไม่ใช่เพราะเธอเหมือนใคร
มันคือ “เธอ” จริง ๆ
เมื่อจังหวะใกล้สิ้นสุด อคินกดร่างลงซุกที่ซอกคอของเธอ กระซิบถี่รัวด้วยเสียงหอบหนัก
“ไลลา...อย่าหนีผมไปอีกเลยนะ”
“ผมจะต้องดีขึ้น...เพราะคุณ”
“ได้ไหม...อยู่กับผม...ต่อไป…”
เธอกอดเขาแน่น น้ำตารินลงแก้ม
แล้วกระซิบเสียงแผ่ว...ในขณะที่ร่างกายยังเป็นหนึ่งเดียวกับเขา
“คุณได้เปลี่ยนใจฉัน...”
“แต่ฉัน...จะเปลี่ยนใจคุณได้ไหม...”
แสงแดดอ่อนในยามเช้าสาดผ่านม่านผืนบางที่ปลิวไหวตามแรงลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศ
ไลลานอนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา หัวใจเธอเต้นเป็นจังหวะเดียวกับเสียงลมหายใจแผ่วเบาของอคิน
คืนนี้...เธอไม่ได้ฝันร้าย
เพราะอ้อมแขนของเขาไม่ใช่กรงขัง
แต่เป็น “พื้นที่ปลอดภัย” ครั้งแรกในชีวิต
และในวินาทีนั้น เธอรู้ว่า...ช่วงเวลาดี ๆ อาจมีได้ แต่อาจอยู่ไม่นานนัก
...จนกระทั่ง
“ครืดด...” เสียงโทรศัพท์สั่นอยู่บนโต๊ะข้างเตียง
อคินขยับตัวช้า ๆ ก่อนเอื้อมมือไปรับสาย น้ำเสียงที่ตอบกลับเบาและงัวเงีย
แต่ชื่อที่หลุดออกมาในประโยคแรก ทำให้ไลลาลืมตาตื่นทันที
“ครับ...นทีฟื้นแล้ว?”
หัวใจเธอกระตุก
เธอพลิกตัวขึ้นนั่งทันที จ้องเขาด้วยสายตาเต็มไปด้วยความหวัง
“เมื่อกี้...คุณว่าอะไรนะ?” เสียงเธอสั่นน้อย ๆ
อคินกดวางสาย ก่อนจะหันมามองเธอด้วยแววตาอ่อนลง
“พยาบาลโทรมาบอกว่า...นทีฟื้นแล้ว”
วินาทีนั้น เธอไม่ลังเลที่จะโผเข้ากอดเขา
“ขอบคุณ...ขอบคุณมาก...พาฉันไปเถอะค่ะ ฉันอยากไปหานที”
เขาลูบหลังเธอเบา ๆ ก่อนพยักหน้า
บนถนนที่ทอดยาวกลางเมือง
ภายในรถยนต์คันหรูที่เคยเงียบเหงา วันนี้กลับอบอวลด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ไม่มีชื่อ
ไลลานั่งนิ่ง เธอมองถนน แต่ในหัวเต็มไปด้วยคำถาม
ในขณะที่เขาจดจ่อกับการขับรถ เธอก็เงยหน้าขึ้นสบตาผ่านกระจกมองหลัง
“อคินค่ะ...” เธอเอ่ยชื่อเขาเรียบ ๆ
“ระหว่างเรา...คืออะไรเหรอคะ”
รถไม่ได้ชะลอ
แต่อุณหภูมิในห้องโดยสารเหมือนจะลดลงทันที
เขาไม่ตอบ...แต่สัญชาตญาณในมือกลับกำพวงมาลัยแน่นขึ้นอย่างห้ามไม่ได้
เธอกลืนน้ำลายลงคอ รู้ว่าเขาได้ยิน แต่ไม่พูดอะไร
ความเงียบนั้น...หนักกว่าคำปฏิเสธ
เธอเบือนหน้าหนีไปมองนอกหน้าต่าง น้ำตาร้อน ๆ เริ่มคลอเบ้า
เขาเหลือบมองเธอผ่านหางตา เห็นดวงหน้าหมองเศร้าที่เธอพยายามปกปิด
...และเขาก็ยังไม่มีคำตอบให้เธอ
เพราะแม้แต่ตัวเขาเอง ก็ยังไม่แน่ใจว่าความรู้สึกนี้คืออะไร
เมื่อรถมาจอดที่โรงพยาบาล Raven
ไลลาเปิดประตูลงทันทีโดยไม่รอเขา
เธอเดินลิ่วไปยังอาคาร C ที่เป็นห้องพักฟื้นของนทีโดยไม่หันหลังกลับมามอง
เขาล็อครถแล้วรีบก้าวตามเงียบ ๆ
แต่ระหว่างทาง เธอก็หยุดกะทันหันเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อจากด้านหลัง
“ไลลา...ใช่ไลลาจริง ๆ ด้วย!”
ชายหนุ่มในชุดกาวน์เดินเข้ามาทัก
ไลลาขมวดคิ้ว ก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย
“อธิป?”
“ดีใจที่ยังจำเราได้” เขาหัวเราะเบา ๆ
“ไม่ได้เจอกันตั้งแต่ ม.ปลาย เลยเนอะ”
บทสนทนาดำเนินไปอย่างเป็นกันเอง และแม้จะไม่ยาวนาน...แต่มันนานพอที่จะทำให้ ‘บางคน’ ที่ยืนมองอยู่ไม่ไกล เริ่มรู้สึกบางอย่าง
อคินก้าวเข้ามา
แทรกระหว่างบทสนทนาอย่างแนบเนียน แต่สายตาคมกริบตวัดมองชายตรงหน้าอย่างประเมิน
“ขอโทษครับ ไลลา...ไปกันได้แล้ว”
น้ำเสียงนั้นไม่ได้แข็งกร้าว...แต่มันไม่เปิดพื้นที่ให้คุยต่อ
มือเขาจับข้อมือเธอเบา ๆ แล้วพาเดินออกไปทันที
อธิปยิ้มบาง ๆ แล้วไม่ได้ตามไปอีก แต่เขาก็มองภาพที่หมออคินผู้เย่อหยิ่งและเย็นชาจูงมือหญิงสาวเดินออกไปด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ และไม่ใช่เขาคนเดียวที่เห็น
หลังจากได้เยี่ยมนทีในช่วงสั้น ๆ ตามกฎของโรงพยาบาล
ไลลาหันไปหาเขาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
“คืนนี้...ฉันขออยู่เฝ้านทีได้ไหมคะ”
เขาสบตาเธอ นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบเสียงนิ่ง
“ไม่ได้ เขายังอยู่ในขั้นตอนเฝ้าระวัง ให้พยาบาลมืออาชีพเฝ้าดีกว่า”
“แต่ฉัน—”
“พรุ่งนี้ฉันจะพามาใหม่...ทุกวัน ถ้าเธออยากมา ฉันจะพาเธอมาเอง”
คำพูดนั้นเหมือนไม่ใช่การบังคับ
แต่มันก็ไม่เปิดทางเลือกอื่น
เธอเงียบ...ก่อนจะพยักหน้าอย่างอ่อนแรง
ค่ำวันนั้น
เธอนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบ
อคินเดินเข้ามาพร้อมแก้วน้ำวางตรงหน้า
เธอเงยหน้ามองเขา
“คุณหวงฉันเหรอคะ” เสียงเบาราวกับสายลม
เขาชะงักเล็กน้อย
ก่อนจะตอบกลับช้า ๆ
“ฉันแค่...ไม่อยากให้เธอหายไป”
เธอยิ้มบาง ๆ
“แต่คุณไม่เคยบอกเลยว่า...ฉันคือใครสำหรับคุณ”
เขาเงียบอีกครั้ง
มือทั้งสองข้างของเขากำแน่นอยู่ที่เข่าตัวเอง
และเธอก็พูดเบา ๆ...เหมือนกระซิบกับตัวเอง
“คุณเคยรักอะไรบ้าง...ที่ไม่ใช่ภาพจำ?”
เขาหันมาสบตา
แต่ไม่ทันได้พูดอะไร
เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ลานหน้าศูนย์การแพทย์ขนาดย่อมที่ตั้งอยู่ชานเมืองได้รับการตกแต่งด้วยโคมกระดาษหลากสี พวงมาลัยดอกดาวเรือง และผ้าริบบิ้นขาวสะอาดตา เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ แทรกอยู่ในจังหวะดนตรีบรรเลงแบบไทยประยุกต์ และเสียงแม่ค้าเรียกลูกค้าตามบูธอาหารวันนี้ไม่ใช่งานของโรงพยาบาลใหญ่ ไม่ใช่งานรัฐ ไม่ใช่โครงการของกระทรวง แต่เป็น ‘งานวันเปิดคลินิก’ ที่ชายคนหนึ่งในอดีตเคยเป็นหมอชื่อดังแห่ง Raven ตั้งใจจัดขึ้นด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเองอคิน — ในเสื้อเชิ้ตลินินสีขาว กางเกงสแลคเนื้อเบา และรอยยิ้มมุมปากที่ไลลาไม่เคยเห็นในตอนที่เขายังอยู่ในโลกเก่าเขาเดินเคียงข้างไลลา มือหนึ่งกุมมือนุ่มของเธอไว้แน่น อีกมือลูบหัวเด็กที่เข้ามาทักแล้วแจกขนมที่เตรียมมาให้"ใครจะไปคิด..." ไลลาหันมายิ้มให้เขา"...ว่า ‘คุณหมออคิน’ ที่เคยหน้านิ่งกับทุกคน จะยอมแจกขนมเด็ก"เขายิ้มในลำคอ “ก็เพราะเธออยู่ข้าง ๆ ผมไง ผมเลยอยากยิ้มให้คนอื่นได้บ้าง”เสียงเพลงในงานแทรกด้วยเสียงประกาศจากเวทีหลัก“ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานเปิดตัว ‘คลินิกใจกลางบ
ใบหน้าอคินซีดเผือด แต่สายตาของเขานั้นไหม้เกรียมด้วยไฟที่ไม่มีใครดับได้“...นี่คือสิ่งที่เธอได้ยิน ก่อนเธอจะตัดสินใจจบชีวิต”เขาเว้นจังหวะ หายใจเข้าลึก“และผม...คือลูกชายของคนที่พูดแบบนั้น”ไม่มีใครในห้องขยับแม้แต่นิ้วนอกจากชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่นั่งนิ่งในมุมขวาของโต๊ะวงรีเขา...ที่เคยเป็นเสาหลักของโรงพยาบาลเขา...ที่เคยกำกับทุกเสียงให้เป็นไปตามต้องการวันนี้ ไม่มีใครมองเขาด้วยความเคารพอีกต่อไปมือใหญ่ของเขากำแน่นบนขอบโต๊ะ เหงื่อเย็นชื้นเต็มไรผมนัยน์ตาคู่นั้นแดงก่ำ แต่ไม่ใช่เพราะเศร้า...เพราะโกรธโกรธลูกชายที่ทำลายภาพลวงตาที่เขาสร้างขึ้นมาทั้งชีวิต“มัน...ไม่มีน้ำหนักทางกฎหมาย...” เขาพูดเบา ๆ เหมือนสะอึกแต่อคินหันกลับมาช้า ๆ เสียงของเขาคมเท่ามีดในมือหมอ“แต่คนฟังรู้ว่า...มัน ‘จริง’ มากพอที่จะฆ่าผู้หญิงคนหนึ่งได้”อคินหันหน้ามาทางโต๊ะประชุมอีกครั้ง นัยน์ตาเขาแดงเรื่อ แต่ยังนิ่งแน่ว"ผมไม่ได้ออกจากตำแหน่งเพราะความ
เสียงรองเท้าหนังของอคินกระทบพื้นหินอ่อนของลานจอดรถชั้นใต้ดิน ท่ามกลางแสงไฟสีเหลืองหม่น เขาเดินตรงไปยังรถของตัวเองโดยไม่พูดอะไร มือข้างหนึ่งกำโทรศัพท์ที่ยังคงมีสายมาจากชื่อเดิมซ้ำ ๆ — ไลลาเขาไม่รับ ไม่แม้แต่จะมองหน้าจอสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องทำงานเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ยังคงก้องในหัว... เสียงของพ่อเขา เสียงของความเงียบ เสียงของความเจ็บปวดที่เขาปล่อยให้เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่ารถคันหรูแล่นฝ่าความเงียบของยามค่ำคืนจนมาถึงบาร์ส่วนตัวของคิรินทร์ — มาเฟียผู้ทรงอิทธิพลที่รู้จักเขามานาน“มึงมาคนเดียว?” คิรินทร์เงยหน้าจากแก้ววิสกี้เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาอคินไม่ตอบ เขาทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาหนัง ตรงข้ามกับบาร์ไม้โอ๊ค เสียงแก้วกระทบโต๊ะเบา ๆ ขณะที่คิรินทร์รินวิสกี้ใส่แก้วอีกใบแล้วยื่นให้เสียงแก้วกระทบขอบโต๊ะไม้ดังแผ่ว ภายในบาร์ส่วนตัวของคิรินทร์เงียบสงบ มีเพียงเสียงเพลงแจ๊สคลอเบา ๆ จากลำโพงฝังผนัง อคินนั่งก้มหน้ามองแก้วเหล้าสีอำพันในมือ พลันถอนหายใจออกมาอย่างช้า ๆ“มึงโทรหากู...เพื่อมานั่งเงียบ ๆ แบบนี้?” คิรินทร์ถาม ขณ
ห้องประชุมเล็กชั้นบนสุดของโรงพยาบาล — เงียบราวกับหลุมศพอคินยืนอยู่ปลายโต๊ะวงรีขนาดยาว ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จับจ้องเขา ราวกับเขาคือเข็มนาฬิกาที่หยุดเดิน โลกในตอนนี้ไม่มีเสียงเครื่องมือแพทย์ ไม่มีเสียงผู้ป่วย มีเพียง “ความจริง” ที่กำลังจะถูกชำแหละ“ผมเรียกประชุมในวันนี้...เพื่อเปิดเผยบางสิ่งที่พวกคุณควรได้รู้ — ไม่ใช่แค่ในฐานะแพทย์ แต่ในฐานะมนุษย์”เสียงของอคินหนักแน่นแต่คุมอารมณ์ไม่มีใครพูดสอด ทุกคนต่างขยับตัวในที่นั่ง บ้างนิ่งงัน บ้างเลิกคิ้ว แต่ไม่มีใครหัวเราะ หรือเบ้หน้าเหมือนครั้งก่อน ๆ ที่เขาเคยกลายเป็นข่าวลือเสียสติหลังคนรักตายอคินวางแฟลชไดรฟ์ลงบนโต๊ะ ก่อนจะเสียบเข้ากับโน้ตบุ๊กเครื่องหนึ่ง เสียงบูตเครื่องดังขึ้นในห้องอันวังเวงไม่ใช่ภาพ...แต่คือเสียง“...เขาบอกให้ปล่อยไป อย่าปั๊มหัวใจ อย่าใช้ยากระตุ้นใด ๆ... เขาไม่อยากให้เธอ ‘ตื่น’ ขึ้นมาอีกแล้ว...”เสียงผู้หญิงวัยกลางคนสั่นเครือในคลิปสัมภาษณ์บุคลากรเก่าของโรงพยาบาลที่เคยอยู่เวรฉุกเฉินวันนั้นเสียงนั้น
แสงแดดบ่ายส่องลอดม่านบางในห้องรับรองส่วนตัวของตึกวีไอพีชั้นบนสุด — ห้องที่ไม่มีใครกล้ารบกวนหากไม่ได้รับคำสั่งจากคนในอคินยืนพิงหน้าต่างกระจกสูง เงาสะท้อนของเขาทอดยาวลงบนพื้นหินอ่อน ความนิ่งเงียบรอบกายเหมือนจะกลืนเขาให้หายเข้าไปในเงาของตึกประตูไม้หนักถูกเคาะสองครั้ง ก่อนจะถูกเปิดเข้ามาอย่างแน่นหนัก“ขอโทษที่ให้รอนาน”เสียงทุ้มต่ำและทรงอำนาจของผู้มาใหม่ทำลายความเงียบลงอคินหันกลับไปทันทีที่เห็นคิรินทร์ในชุดสูทสีดำสนิท ก้าวเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสารบาง ๆ ในมือ“นี่คือทั้งหมดที่ฉันหาได้” เขาพูด ก่อนจะวางแฟ้มลงบนโต๊ะกลางห้อง“มันเกี่ยวกับลลิน...เกี่ยวกับการตายของเธอ”แววตาอคินเปลี่ยนทันที — ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุนเขาก้าวเข้าไปหยิบแฟ้มขึ้นมา เปิดอย่างระมัดระวังภายในคือสำเนาเอกสารทางการแพทย์ เวชระเบียนที่ถูกปรับเปลี่ยน ตราประทับโรงพยาบาล รายงานจากเจ้าหน้าที่เวร และสำเนาการสืบสวนภายในที่ไม่เคยเปิดเผยหน้าแรกของเอกสารแนบด้วยโน้ตเล็ก ๆ ที่เขียนด้วยลายมือของคิรินทร์ &mdash
เคสผ่านไปด้วยดี ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เด็กหญิงปลอดภัยอคินออกจากห้องผ่าตัดด้วยเหงื่อชื้นที่ขมับ เขาเดินไปที่ห้องพักแพทย์ — แล้วพบว่าไลลานั่งรออยู่ที่นั่นแล้วเขาทิ้งตัวลงนั่งข้างเธอ ร่างสูงเอนพิงโซฟา ปิดเปลือกตาลงเงียบ...อยู่นานก่อนจะเอ่ยเสียงเบา"ตอนผ่าตัด...ฉันไม่เห็นลลินเลย"เธอหันไปมองเขา — แต่เขายังคงหลับตา"ไม่มีเสียง ไม่มีเงา ไม่มีความหลอน...มีแค่เสียงหัวใจของเด็กคนนั้นที่ฉันต้องรักษาให้ได้"เขาเปิดเปลือกตาอีกครั้ง แล้วหันมาสบตาเธอเต็ม ๆ“และมีเธอ...อยู่ข้างนอกตรงนั้น”ไลลาไม่พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มบาง ๆ แต่ในหัวใจของเธอเต็มไปด้วยคลื่นน้ำที่กำลังไหลเชี่ยวเขายื่นมือมาจับมือเธอไว้แน่น“ฉันอยากจะบอกอะไรบางอย่าง...ที่ไม่เกี่ยวกับอดีต ไม่ใช่เพราะเธอเหมือนใคร ไม่ใช่เพราะเธอเยียวยาฉันจากใคร”“ฉันต้องการเธอ...ในแบบที่เธอเป็น”มือที่จับแน่นขึ้น ริมฝีปากที่เคยแข็งเรียบสั่นน้อย ๆ“การผ่าตัดครั้งนี้...มันไม่ใช่แค่การหัวใจของคนไข้&rdquo