เธอขยับปลายคางขึ้น...ปล่อยให้ริมฝีปากของเขากดซ้ำลงมาบนปากเธออีกครั้ง คราวนี้นุ่มลึกและเนิบนานกว่าครั้งไหน — จูบที่ไม่มีคำขอ ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีแม้แต่การบีบบังคับ...แต่มันเต็มไปด้วย “แรงดึงดูด” ที่กลืนกินหัวใจทั้งสองไปทีละนิด
มืออุ่นของอคินลูบต้นแขนเธอ ไล้ลงสู่เอว แล้วสอดเข้าใต้เสื้อคลุมในจังหวะที่เธอกำลังเปิดอกให้เขาอย่างเต็มใจ
เสียงเสียดสีของผ้าบางเบาระหว่างผิวเนื้อ และเสียงลมหายใจที่หนักขึ้นทุกวินาที ทำให้บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่ไม่ต้องพูด
เขาจูบลำคอของเธออย่างช้า ๆ ลากไล้ริมฝีปากจากมุมกรามลงสู่ไหปลาร้า ดูดเม้มปล่อยรอยจางไว้ราวกับต้องการจารึกว่า—คืนนี้ เธอเป็นของเขา...ในแบบที่ไม่ใช่เพราะเงินหรือสัญญา
ไลลาหลับตาแน่นเมื่อปลายนิ้วของเขาไล้ผ่านช่วงขาด้านใน แล้วหยุดลงตรงกลางร่างกายเธอ
“ได้ไหม...” เขากระซิบแผ่วที่ข้างหู น้ำเสียงต่ำพร่าเจือความสั่น
เธอพยักหน้า
คำตอบของเธอ...ไม่ใช่คำพูด แต่คือร่างกายที่เบียดเข้าใกล้เขาอย่างเชื่องช้า
เธอดึงเขาลงมาอย่างอ่อนโยน แล้วกระซิบเสียงเบา
“ฉันต้องการคุณ…”
เขาชะงัก มองหน้าเธอ และพูดออกมาอย่างคนที่ไม่อาจกักเก็บไว้ได้อีกต่อไป
“ผมไม่เคยอยากสัมผัสใคร...เท่ากับตอนนี้เลย”
อคินดันตัวขึ้น ถอดเสื้อตัวเองออกช้า ๆ ดวงตาไม่ละจากเธอเลยแม้แต่เสี้ยววินาที
ในแสงสลัวของโคมไฟ—แผ่นอกเขาขยับขึ้นลงแรง มือสั่นเล็กน้อยขณะจับปลายขากางเกงของเธอรูดออกอย่างเบามือ
เมื่อร่างเปลือยของเธอปรากฏต่อหน้า
เขาไม่ได้เร่งรีบ
แต่กลับ “หยุด”
หยุด...มองเธอในแบบที่ไม่เคยมีใครมอง
ไม่ใช่แค่ความสวย
ไม่ใช่แค่ร่างกาย
แต่เป็น ‘เธอ’ — ทั้งหมดของเธอ
เขาก้มลงอีกครั้ง ขบยอดอกเธอเบา ๆ ปลายลิ้นไล้วนซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเธอร้องครางเบา มือเล็กยกขึ้นกดหลังศีรษะเขาโดยไม่รู้ตัว
อคินเลื่อนตัวต่ำลง จูบผ่านหน้าท้อง เธอสั่น...และเขารู้ เธอเกร็งเพราะทุกอย่างในคืนนี้ไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
มือของเขาแตะเรียวขา สอดเข้าในร่องนั้นอย่างเชื่องช้า ปลายนิ้วกดสัมผัสจุดอ่อนไหวของเธอจนร่างเธอสั่นสะท้าน
เสียงครางแผ่วเบาดังจากลำคอเธอในจังหวะที่เขาเริ่มไล้ปลายนิ้ววนซ้ำ
เขาโน้มหน้าลง — ขบที่ต้นขาด้านใน
เลีย — สัมผัสปลายลิ้นเปียกชื้นกวาดแนวขาขึ้นมา
จูบซ้ำตรงจุดที่ไวที่สุดของเธอจนร่างกระตุกแผ่ว
“อคิน...” เธอเรียกชื่อเขาเหมือนคราง...และขอในเวลาเดียวกัน
เขาขึ้นมาสบตาเธอ ร่างเปลือยเปล่าเบียดแนบสนิท เขากดหน้าผากลงบนหน้าผากของเธอ หอบหายใจแล้วกระซิบ
“ผมจะไม่ทำให้เธอเจ็บ”
เขาสอดกายเข้ามา...ช้า
ช้าแบบที่เธอรู้สึกถึงทุกนิ้ว ทุกแรงดัน ทุกอณูที่เชื่อมเขากับเธอเข้าด้วยกันอย่างลึกที่สุด
เสียงเธอกระซิบข้างหูเขา
“ช้า...ได้ไหมคะ...”
เขาก้มลงจูบหน้าผากเธอเป็นคำตอบ
แล้วขยับตัวเบา ๆ
เนิบช้า...แต่ลึก
เธอจิกผ้าปูเตียงไว้แน่น เสียงหอบเบาผ่านลำคอในทุกจังหวะที่เขากระแทกเบา ๆ และแน่นเข้า
เขาสัมผัสเธอราวกับว่าเธอคือสิ่งมีชีวิตเดียวในโลก
ทุกจูบ
ทุกแรงโยกตัว
ทุกสัมผัสเปียกชื้น
ล้วนเต็มไปด้วย “ใจ”
และครั้งนี้—เธอรู้ว่า...ไม่ใช่เพราะเธอเหมือนใคร
มันคือ “เธอ” จริง ๆ
เมื่อจังหวะใกล้สิ้นสุด อคินกดร่างลงซุกที่ซอกคอของเธอ กระซิบถี่รัวด้วยเสียงหอบหนัก
“ไลลา...อย่าหนีผมไปอีกเลยนะ”
“ผมจะต้องดีขึ้น...เพราะคุณ”
“ได้ไหม...อยู่กับผม...ต่อไป…”
เธอกอดเขาแน่น น้ำตารินลงแก้ม
แล้วกระซิบเสียงแผ่ว...ในขณะที่ร่างกายยังเป็นหนึ่งเดียวกับเขา
“คุณได้เปลี่ยนใจฉัน...”
“แต่ฉัน...จะเปลี่ยนใจคุณได้ไหม...”
แสงแดดอ่อนในยามเช้าสาดผ่านม่านผืนบางที่ปลิวไหวตามแรงลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศ
ไลลานอนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา หัวใจเธอเต้นเป็นจังหวะเดียวกับเสียงลมหายใจแผ่วเบาของอคิน
คืนนี้...เธอไม่ได้ฝันร้าย
เพราะอ้อมแขนของเขาไม่ใช่กรงขัง
แต่เป็น “พื้นที่ปลอดภัย” ครั้งแรกในชีวิต
และในวินาทีนั้น เธอรู้ว่า...ช่วงเวลาดี ๆ อาจมีได้ แต่อาจอยู่ไม่นานนัก
...จนกระทั่ง
“ครืดด...” เสียงโทรศัพท์สั่นอยู่บนโต๊ะข้างเตียง
อคินขยับตัวช้า ๆ ก่อนเอื้อมมือไปรับสาย น้ำเสียงที่ตอบกลับเบาและงัวเงีย
แต่ชื่อที่หลุดออกมาในประโยคแรก ทำให้ไลลาลืมตาตื่นทันที
“ครับ...นทีฟื้นแล้ว?”
หัวใจเธอกระตุก
เธอพลิกตัวขึ้นนั่งทันที จ้องเขาด้วยสายตาเต็มไปด้วยความหวัง
“เมื่อกี้...คุณว่าอะไรนะ?” เสียงเธอสั่นน้อย ๆ
อคินกดวางสาย ก่อนจะหันมามองเธอด้วยแววตาอ่อนลง
“พยาบาลโทรมาบอกว่า...นทีฟื้นแล้ว”
วินาทีนั้น เธอไม่ลังเลที่จะโผเข้ากอดเขา
“ขอบคุณ...ขอบคุณมาก...พาฉันไปเถอะค่ะ ฉันอยากไปหานที”
เขาลูบหลังเธอเบา ๆ ก่อนพยักหน้า
บนถนนที่ทอดยาวกลางเมือง
ภายในรถยนต์คันหรูที่เคยเงียบเหงา วันนี้กลับอบอวลด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ไม่มีชื่อ
ไลลานั่งนิ่ง เธอมองถนน แต่ในหัวเต็มไปด้วยคำถาม
ในขณะที่เขาจดจ่อกับการขับรถ เธอก็เงยหน้าขึ้นสบตาผ่านกระจกมองหลัง
“อคินค่ะ...” เธอเอ่ยชื่อเขาเรียบ ๆ
“ระหว่างเรา...คืออะไรเหรอคะ”
รถไม่ได้ชะลอ
แต่อุณหภูมิในห้องโดยสารเหมือนจะลดลงทันที
เขาไม่ตอบ...แต่สัญชาตญาณในมือกลับกำพวงมาลัยแน่นขึ้นอย่างห้ามไม่ได้
เธอกลืนน้ำลายลงคอ รู้ว่าเขาได้ยิน แต่ไม่พูดอะไร
ความเงียบนั้น...หนักกว่าคำปฏิเสธ
เธอเบือนหน้าหนีไปมองนอกหน้าต่าง น้ำตาร้อน ๆ เริ่มคลอเบ้า
เขาเหลือบมองเธอผ่านหางตา เห็นดวงหน้าหมองเศร้าที่เธอพยายามปกปิด
...และเขาก็ยังไม่มีคำตอบให้เธอ
เพราะแม้แต่ตัวเขาเอง ก็ยังไม่แน่ใจว่าความรู้สึกนี้คืออะไร
เมื่อรถมาจอดที่โรงพยาบาล Raven
ไลลาเปิดประตูลงทันทีโดยไม่รอเขา
เธอเดินลิ่วไปยังอาคาร C ที่เป็นห้องพักฟื้นของนทีโดยไม่หันหลังกลับมามอง
เขาล็อครถแล้วรีบก้าวตามเงียบ ๆ
แต่ระหว่างทาง เธอก็หยุดกะทันหันเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อจากด้านหลัง
“ไลลา...ใช่ไลลาจริง ๆ ด้วย!”
ชายหนุ่มในชุดกาวน์เดินเข้ามาทัก
ไลลาขมวดคิ้ว ก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย
“อธิป?”
“ดีใจที่ยังจำเราได้” เขาหัวเราะเบา ๆ
“ไม่ได้เจอกันตั้งแต่ ม.ปลาย เลยเนอะ”
บทสนทนาดำเนินไปอย่างเป็นกันเอง และแม้จะไม่ยาวนาน...แต่มันนานพอที่จะทำให้ ‘บางคน’ ที่ยืนมองอยู่ไม่ไกล เริ่มรู้สึกบางอย่าง
อคินก้าวเข้ามา
แทรกระหว่างบทสนทนาอย่างแนบเนียน แต่สายตาคมกริบตวัดมองชายตรงหน้าอย่างประเมิน
“ขอโทษครับ ไลลา...ไปกันได้แล้ว”
น้ำเสียงนั้นไม่ได้แข็งกร้าว...แต่มันไม่เปิดพื้นที่ให้คุยต่อ
มือเขาจับข้อมือเธอเบา ๆ แล้วพาเดินออกไปทันที
อธิปยิ้มบาง ๆ แล้วไม่ได้ตามไปอีก แต่เขาก็มองภาพที่หมออคินผู้เย่อหยิ่งและเย็นชาจูงมือหญิงสาวเดินออกไปด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ และไม่ใช่เขาคนเดียวที่เห็น
หลังจากได้เยี่ยมนทีในช่วงสั้น ๆ ตามกฎของโรงพยาบาล
ไลลาหันไปหาเขาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
“คืนนี้...ฉันขออยู่เฝ้านทีได้ไหมคะ”
เขาสบตาเธอ นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบเสียงนิ่ง
“ไม่ได้ เขายังอยู่ในขั้นตอนเฝ้าระวัง ให้พยาบาลมืออาชีพเฝ้าดีกว่า”
“แต่ฉัน—”
“พรุ่งนี้ฉันจะพามาใหม่...ทุกวัน ถ้าเธออยากมา ฉันจะพาเธอมาเอง”
คำพูดนั้นเหมือนไม่ใช่การบังคับ
แต่มันก็ไม่เปิดทางเลือกอื่น
เธอเงียบ...ก่อนจะพยักหน้าอย่างอ่อนแรง
ค่ำวันนั้น
เธอนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบ
อคินเดินเข้ามาพร้อมแก้วน้ำวางตรงหน้า
เธอเงยหน้ามองเขา
“คุณหวงฉันเหรอคะ” เสียงเบาราวกับสายลม
เขาชะงักเล็กน้อย
ก่อนจะตอบกลับช้า ๆ
“ฉันแค่...ไม่อยากให้เธอหายไป”
เธอยิ้มบาง ๆ
“แต่คุณไม่เคยบอกเลยว่า...ฉันคือใครสำหรับคุณ”
เขาเงียบอีกครั้ง
มือทั้งสองข้างของเขากำแน่นอยู่ที่เข่าตัวเอง
และเธอก็พูดเบา ๆ...เหมือนกระซิบกับตัวเอง
“คุณเคยรักอะไรบ้าง...ที่ไม่ใช่ภาพจำ?”
เขาหันมาสบตา
แต่ไม่ทันได้พูดอะไร
เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง
แสงสีส้มเรื่อของยามค่ำตกกระทบกับผ้าม่านโปร่งบางในห้องนอนไลลานั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงอีกฟาก — เงียบ เฉยชา เหมือนวิญญาณที่ถูกทิ้งไว้ในห้องว่างเธอเพิ่งเดินกลับจากห้องของเขา หลังจากที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังประตูเมื่อไม่กี่นาทีก่อนภาพที่เธอเห็น...ภาพที่เขาเปิดกล่องไม้แล้วลูบมันด้วยความอาวรณ์ — กล่องของลลิน — ยังติดตาหัวใจของเธอแน่นอึดอัด เหมือนอากาศในห้องกำลังลดลงเรื่อย ๆ จนแทบหายใจไม่ออกไม่ใช่เพราะเขาใจร้ายแต่เพราะเขาใจดี...กับใครอีกคนและเธอก็รู้แน่แล้วว่าเธอไม่เคยเป็น 'ใครคนนั้น'ไลลาหลับตา สูดลมหายใจลึกฝ่ามือบีบชายกระโปรงแน่น เสียงในหัวยังวนเวียนซ้ำเดิม— กลิ่นน้ำหอมที่เขาเลือกให้— เพลงที่เขาเปิด— เสื้อผ้าที่เขาเตรียมไว้ทั้งหมด...มันไม่เคยเป็นของเธอเลย“พอแล้ว…” เธอพึมพำเสียงแผ่วกับตัวเองดวงตาแดงเรื่อจากการร้องไห้ ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเด็ดเดี่ยวที่เธอไม่เคยมีถึงแม้นทียังรักษาไม่จบถึงแม้เธอไม่มีอะไรเลย
เสียงลมหายใจของไลลาเบาหวิวอยู่ในห้องที่ไร้เสียงภายในห้องนอนของเขา — หรู เรียบ และมืดหม่นไปด้วยความทรงจำที่เธอไม่เคยมีส่วนร่วม“ไลลา ช่วยจัดกระเป๋าให้หน่อย พรุ่งนี้ฉันต้องออกเดินทางแต่เช้า”เขาบอกสั้น ๆ ก่อนออกไปโทรศัพท์นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาขอให้เธอช่วย — ไม่ใช่ออกคำสั่งเธอจึงนั่งลงที่พื้นหน้าตู้เสื้อผ้าเปิดบานประตูตู้ไม้เนื้อดีอย่างเบามือ ไล้ปลายนิ้วไปตามแผ่นพับของเสื้อเชิ้ตที่รีดเรียบจนแทบไม่มีรอยพับเขายังคงเป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว เหมือนเดิมเธอหยิบเสื้อสีพื้นสองสามตัวออกมา พับใส่กระเป๋าผ้ากระทั่งสายตาเธอสะดุดเข้ากับกล่องไม้สีน้ำตาลเข้ม ขนาดพอดีฝ่ามือ วางอยู่ลึกในมุมสุดของชั้นเธอชะงักมือค่อย ๆ เอื้อมไปหยิบมันออกมากล่องถูกปิดสนิท แต่ไม่มีแม่กุญแจเธอเปิดออกช้า ๆ —ด้านในมีเพียง “กุญแจดอกหนึ่ง”เป็นกุญแจทรงคลาสสิกแบบเก่า ฝังในโฟมสีดำอย่างประณีต ราวกับเป็นสิ่งของสำคัญ“มันคือกุญแจอะไร...” เธอพึมพำเบา ๆด้วยแร
“คุณเคยรักอะไรบ้าง...ที่ไม่ใช่ภาพจำ?”เขาหันมาสบตาแต่ไม่ทันได้พูดอะไรเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้งอคินรับสายโดยไม่พูดอะไรสักคำ… ไม่มีแม้แต่คำทักทายหรือเสียงตอบกลับ มีเพียงความเงียบ และสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างช้า ๆไลลานั่งนิ่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ เธอมองเขา—เงียบ…แต่ใจสั่นสีหน้าของเขาไม่ใช่ความโกรธ ไม่ใช่ความเศร้าแต่เป็นอะไรบางอย่างที่คล้าย “ความไม่แน่ใจ...บางอย่าง”“ฉันต้องออกไปธุระ” เขาพูดขึ้นทันทีที่วางสาย ดวงตาไม่สบเธอแม้แต่น้อย“อย่าออกจากห้อง จนกว่าฉันจะกลับมา”“ถ้าฉันต้องออกไป—”“ไม่ได้ ไลลา”เสียงของเขาตัดบททุกอย่างสั้น ๆ“ถ้าฉันรู้ว่าเธอออกไป…เธอก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นใช่ไหม”เขาไม่รอฟังคำตอบเสียงประตูคอนโดปิดลงพร้อมเงาสูงที่หายไปในความมืดของลิฟต์โดยสารรถยนต์คันสีดำแล่นฝ่าแสงไฟเมืองกรุงเทพฯ ไปยังตรอกด้านหลังของทองหล่อ
เธอขยับปลายคางขึ้น...ปล่อยให้ริมฝีปากของเขากดซ้ำลงมาบนปากเธออีกครั้ง คราวนี้นุ่มลึกและเนิบนานกว่าครั้งไหน — จูบที่ไม่มีคำขอ ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีแม้แต่การบีบบังคับ...แต่มันเต็มไปด้วย “แรงดึงดูด” ที่กลืนกินหัวใจทั้งสองไปทีละนิดมืออุ่นของอคินลูบต้นแขนเธอ ไล้ลงสู่เอว แล้วสอดเข้าใต้เสื้อคลุมในจังหวะที่เธอกำลังเปิดอกให้เขาอย่างเต็มใจเสียงเสียดสีของผ้าบางเบาระหว่างผิวเนื้อ และเสียงลมหายใจที่หนักขึ้นทุกวินาที ทำให้บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่ไม่ต้องพูดเขาจูบลำคอของเธออย่างช้า ๆ ลากไล้ริมฝีปากจากมุมกรามลงสู่ไหปลาร้า ดูดเม้มปล่อยรอยจางไว้ราวกับต้องการจารึกว่า—คืนนี้ เธอเป็นของเขา...ในแบบที่ไม่ใช่เพราะเงินหรือสัญญาไลลาหลับตาแน่นเมื่อปลายนิ้วของเขาไล้ผ่านช่วงขาด้านใน แล้วหยุดลงตรงกลางร่างกายเธอ“ได้ไหม...” เขากระซิบแผ่วที่ข้างหู น้ำเสียงต่ำพร่าเจือความสั่นเธอพยักหน้าคำตอบของเธอ...ไม่ใช่คำพูด แต่คือร่างกายที่เบียดเข้าใกล้เขาอย่างเชื่องช้าเธอดึงเขาลงมาอย่างอ่อนโยน แล้วกระซิบเสียงเบา&l
เสียงของนาฬิกาบนผนังยังเดินไปตามเวลาของมัน...แต่โลกของไลลากลับหยุดนิ่งหลายวันหลังจากคืนนั้น...คืนนั้นที่เขาพูดว่า “ผมต้องการเธอ ไม่ใช่ลลิน”มันคือคำพูดที่ควรปลอบใจเธอ...แต่กลับกลายเป็นเสียงที่หลอนในความเงียบเพราะในดวงตาของเขา...ยังเต็มไปด้วย “เงา” ที่ไม่ใช่เธอไลลาไม่ได้หนีอีกต่อไปไม่ได้ตะโกนโต้กลับแต่เธอก็ไม่ใช่ ‘ของเล่น’ ที่ยอมจำนนเหมือนเคยอีกแล้วเธอเริ่ม “เงียบ” ในแบบที่เขาฟังไม่ออกไม่ปฏิเสธคำสั่งแต่ไม่ทำตามทุกอย่างบางวัน เธอเลือกอ่านหนังสือของตัวเองแทนเล่มที่เขาวางไว้บางมื้อ เธอเปลี่ยนจากไข่ต้มเป็นข้าวผัดกุนเชียงที่เธอทำเองและเขา...ก็เงียบอคินยังคงจัดตารางให้เธอยังคงเปิดเพลงเดิมตอนเย็นยังคงเตรียมน้ำอาบในอุณหภูมิเดิมแต่บางอย่างเริ่ม ‘เปลี่ยน’“เธออยากกินอะไรเย็นนี้” เขาถามเบา ๆ ระหว่างยื่นโทรศัพท์ให้ดูเมนูไลลาชะงักมันไม่ใช่คำสั่งมันคือ “คำถาม”
คอนโดชั้นบนสุดยังคงปิดเงียบเหมือนถูกลืมไว้กลางเมือง แสงเช้าอ่อนสาดผ่านม่านสีเทา มัวซึมเหมือนความรู้สึกของใครบางคนที่ไม่เคยเปลี่ยนบนเตียงขนาดคิงไซส์ ร่างของไลลานอนหันหลังให้เขา ไหล่บางนั้นเกร็งแน่นแม้ในยามหลับ รอยแดงช้ำตามลำคอ ไหล่ และข้อมือยังไม่ทันจางไปจากคืนก่อนอคินนอนลืมตาอยู่ด้านหลัง สายตาจ้องเพดานด้วยความคิดที่พันกันยุ่งเหยิงมือของเขายังวางอยู่บนเอวเธอ — ไม่ใช่เพราะต้องการจะกอด แต่เพราะกลัวว่าเธอจะลุกหนีโดยที่เขาไม่รู้ตัวอีกเธอไม่ได้พูดกับเขาเลยนับจากเมื่อคืนไม่มีคำต่อว่า ไม่มีแม้แต่เสียงกดดันใด ๆแต่นั่นแหละ...ที่ทำให้เขารู้ว่าเธอ “พัง” ข้างในและเขาเองก็...ไม่ต่างกันหลังอาบน้ำเสร็จ เขาเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ที่พับไว้อย่างเนี้ยบ ใบหน้าเย็นชาเหมือนเดิม แต่ดวงตา...กลับอ่อนล้ากว่าทุกวันไลลายังนั่งกอดเข่าข้างเตียง สวมเสื้อคลุมที่เขาโยนให้เมื่อเช้า เธอไม่ได้พูด และเขาก็ไม่ถามเขาเดินเข้าครัว จัดอาหารเช้าอย่างเคย — ไข่ต้ม ขนมปังปิ้ง ข้าวต้มไก่สูตรเดิมที่เขาเคยทำให้ล