“คุณเคยรักอะไรบ้าง...ที่ไม่ใช่ภาพจำ?”
เขาหันมาสบตา
แต่ไม่ทันได้พูดอะไร
เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง
อคินรับสายโดยไม่พูดอะไรสักคำ… ไม่มีแม้แต่คำทักทายหรือเสียงตอบกลับ มีเพียงความเงียบ และสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ
ไลลานั่งนิ่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ เธอมองเขา—เงียบ…แต่ใจสั่น
สีหน้าของเขาไม่ใช่ความโกรธ ไม่ใช่ความเศร้า
แต่เป็นอะไรบางอย่างที่คล้าย “ความไม่แน่ใจ...บางอย่าง”
“ฉันต้องออกไปธุระ” เขาพูดขึ้นทันทีที่วางสาย ดวงตาไม่สบเธอแม้แต่น้อย
“อย่าออกจากห้อง จนกว่าฉันจะกลับมา”
“ถ้าฉันต้องออกไป—”
“ไม่ได้ ไลลา”
เสียงของเขาตัดบททุกอย่างสั้น ๆ
“ถ้าฉันรู้ว่าเธอออกไป…เธอก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นใช่ไหม”
เขาไม่รอฟังคำตอบ
เสียงประตูคอนโดปิดลงพร้อมเงาสูงที่หายไปในความมืดของลิฟต์โดยสาร
รถยนต์คันสีดำแล่นฝ่าแสงไฟเมืองกรุงเทพฯ ไปยังตรอกด้านหลังของทองหล่อ
ที่นั่น—บาร์เงียบ ๆ ที่ไม่มีป้ายไฟ ไม่มีเมนู ไม่มีเพลง
มีแค่แสงไฟสีอำพัน กับกลิ่นควันบุหรี่ที่ขังอยู่ในโซนสูทของคนมีอดีต
คีรินทร์—เจ้าของบาร์ผู้ไม่เคยดื่มเพราะเมา แต่ดื่มเพราะลืม—นั่งรออยู่แล้ว สูทสีดำยังเรียบแต่เนคไทถูกปลดอย่างหลวม ๆ มือจับแก้ววิสกี้อย่างใจลอย
อคินเดินเข้ามาโดยไม่ทัก ร่างสูงหย่อนตัวลงที่โซฟาฝั่งตรงข้ามก่อนจะเทเหล้าวิสกี้ลงในแก้วโดยไม่ถาม
เขายกดื่มรวดเดียว
แล้วเงียบ
“ฉันคิดว่าเธอเหมือนลลิน” อคินพูดในที่สุด
คีรินทร์ไม่ตอบในทันที แค่ยกแก้วขึ้นมองแสงสะท้อนในน้ำสีอำพัน
“แล้วตอนนี้...เธอยังเหมือนอยู่หรือเปล่า”
อคินเงียบไปนาน
ก่อนจะพูดออกมาเบา ๆ
“ฉันไม่รู้ว่าฉันเห็นใครในตัวเธอ…”
“นายกำลังรักเธอ...หรือแค่ใช้เธอเยียวยาตัวเองกันแน่” คีรินทร์ถามเสียงเรียบ ดวงตาไม่แม้แต่จะกระพริบ
อคินขยับมุมปาก
แต่มันไม่ใช่รอยยิ้ม
“บางคืน...ฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่ลลิน แต่ฉันก็ยังฝันถึงลลินอยู่ดี”
คีรินทร์วางแก้วลงอย่างเบา ๆ
“ถ้านายยังไม่แน่ใจ...ก็อย่ารั้งเธอไว้ในฝันร้ายของนาย”
วันถัดมา
ไลลานั่งรออยู่ที่ล็อบบี้ของโรงพยาบาล Raven
เธอก้มหน้ามองโทรศัพท์อย่างใจลอย
กระทั่งเงาของใครบางคนทอดผ่านเท้าเธอ
“ไปกันได้แล้ว”
เสียงของอคินยังนิ่งเหมือนเดิม แต่วันนี้...ในแววตาเขามีบางอย่างเพิ่มขึ้น
ลังเล
กลัว
และอ่อนล้า
พวกเขาเดินผ่านโถงโรงพยาบาลด้วยความเงียบ
แต่ไลลากลับรู้สึกว่า...มีสายตาหลายคู่มองมา
เธอพยายามไม่คิดมาก
แต่เมื่อขึ้นลิฟต์ถึงชั้นแผนกผู้ป่วยเฉียบพลัน
เสียงกระซิบจากด้านหลังทำให้หัวใจเธอเต้นแรง
“ใช่ไหมนั่น… คนที่อยู่กับหมออคิน...ผู้หญิงคนนั้นน่ะ”
“เขาเคยเป็นหมอศัลย์เบอร์หนึ่ง...แล้วอยู่ดี ๆ ก็พักงานไปเฉย ๆ แล้วกลับมาพร้อมผู้หญิงคนนั้น…”อคินหันขวับ ดวงตาคมกริบมองไปยังต้นเสียง
แต่เจ้าหน้าที่ทั้งสองรีบก้มหน้าทำทีเป็นจัดแฟ้มในมือ
ไลลายืนตัวแข็ง ข้างในสั่นอย่างประหลาด
เขาจับมือเธอไว้—แน่น
แต่ไม่ได้พูดอะไร
หลังออกจากห้องพักฟื้นของนที
ไลลาเดินตามเขาเงียบ ๆ จนกระทั่งถึงโถงพักแพทย์
เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเดินเข้ามา
ดวงหน้าตึงเครียด และไม่ได้ทักทายตามมารยาท
“อคิน” เขาพูดเสียงเบา แต่ชัด
“ฉันขอเตือนในฐานะเพื่อนร่วมวิชาชีพ...ตอนนี้เรื่องระหว่างนายกับเธอ เริ่มหลุดไปถึงฝ่ายบริหารแล้วนะ”
อคินไม่ตอบ
เขาแค่มองอีกฝ่ายด้วยแววตาเรียบเฉย
“นายอยากจะเอาอาชีพตัวเองไปเสี่ยงกับผู้หญิงคนเดียว...ที่ไม่มีใครรู้ประวัติเลยสักอย่างเหรอ?”
ประโยคนั้นเหมือนกระชากสติของไลลากลับจากภวังค์
เธอยืนนิ่ง
มือเย็นเฉียบ
อคินเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
เสียงของเขาชัดและเยือกเย็น
“ถ้าอาชีพมันจะพังเพราะเธอคนเดียว...ก็ให้มันพังไป”
แล้วเขาก็จูงมือนางเอกออกจากตรงนั้น—โดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับ
เสียงกดรหัสผ่านหน้าห้องดังขึ้นเบา ๆ ในยามดึก
ประตูเปิด...
แสงไฟจากโถงคอนโดสว่างลอดเข้ามาแผ่วเบา พร้อมเงาร่างของอคินที่เดินกลับเข้ามาเงียบ ๆ
เขายืนนิ่งอยู่หน้าประตูอยู่ครู่หนึ่ง — ไม่ใช่เพราะเหนื่อย...แต่เพราะใจเขาหนักกว่าร่างกาย
ทุกอย่างที่คีรินทร์พูด ยังคงสะท้อนอยู่ในหัว
“ถ้านายยังไม่แน่ใจ...ก็อย่ารั้งเธอไว้ในฝันร้ายของนาย”
เขาถอดสูทพาดแขน...แต่แทนที่จะเดินเข้าห้องนอน
กลับเลี้ยวเข้าไปใน “ห้องพักเดิม” — ห้องที่เขาใช้ก่อนจะยอมให้ไลลานอนข้างกาย
เขาปิดประตูลงเงียบ ๆ
เสียงประตูกระแทกเบา ๆ กับกลอนที่ถูกหมุนลงอย่างมั่นคง เหมือนการปิดประตูบางบานในหัวใจ
ฝั่งนอกห้อง...
ไลลานั่งนิ่งอยู่บนโซฟา
อาหารเย็นที่เธอตั้งใจทำเย็นชืดในจาน
กลิ่นฟักทองบดยังลอยจาง ๆ อยู่ในอากาศ
เธอเงยหน้ามองประตูห้องที่ปิดสนิทมานานนับชั่วโมงแล้ว
ไม่เคาะ
ไม่ถาม
ไม่ร้องไห้
แต่ใจ...เหมือนหยุดเต้นตั้งแต่เขาหันหลังกลับไป
เธอนอนหลับไปโดยที่มีน้ำตาแห้งกรังบนแก้มอย่างเงียบงัน
กระทั่ง...
ประตูห้องเปิดออกในตอนเช้า
อคินเดินออกมา — ในชุดเสื้อเชิ้ตเรียบ เสื้อกาวน์พาดแขน
เขาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ มองร่างที่นอนงออยู่บนโซฟา
มือเขาเอื้อมไป...
ปลายนิ้วแทบจะแตะลงบนแก้มของเธอ
แต่ก่อนที่สัมผัสนั้นจะเกิดขึ้น...
เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวอีกครั้ง
“นายกำลังรักเธอ…หรือกำลังใช้เธอเยียวยาตัวเองกันแน่”
เขาหยุดมือกลางอากาศ
…แล้วเก็บมือลงช้า ๆ
ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องอย่างไม่มีเสียง
ขณะเดินผ่านโต๊ะกินข้าว
เขาเหลือบเห็นจานอาหารที่เธอทำไว้
เมนูเดียวกับคืนแรกที่เธอเริ่ม “ยิ้มให้เขาโดยไม่กลัว”
กลิ่นยังอุ่นในความทรงจำ...แม้มันจะเย็นไปหมดแล้ว
เขาหยุด
แต่ไม่หันกลับ
แล้วก้าวออกจากห้อง...เหมือนหนีบางอย่างที่กำลังไล่ล่าตัวเอง
เช้าวันถัดมา
โรงพยาบาล Raven
บรรยากาศภายในห้องพักแพทย์ไม่เหมือนเดิม
สายตาหลายคู่เริ่มจับจ้องเวลาอคินเดินผ่านโถงชั้น 14 ที่เป็นเขตงานของทีมศัลยแพทย์
ไม่ใช่เพราะเขาเก่งเกินไป
แต่เพราะ...เขาพา “เธอ” มาด้วย
ไลลาเดินเงียบข้างเขา
เธอไม่ได้จับมือเขา
และเขาไม่ได้พูดอะไร
แต่ระยะห่าง...มันใกล้เกินกว่าจะเป็นแค่คนรู้จัก
ข่าวลือเริ่มก่อตัวในกลุ่มพยาบาลและเจ้าหน้าที่ฝ่ายแอดมิน
“ใช่คนที่มากับหมออคินใช่มั้ย...เห็นบ่อยมากช่วงนี้”
“เขาเป็นใคร? ญาติเหรอ?”
“ไม่แน่นะ...เคยได้ยินว่าเขาเคยคบใครมาก่อนแล้วคนนั้น...ตายไป”
เสียงกระซิบดังพอให้รู้ว่า...ไม่มีอะไรเป็นความลับที่นี่
และมันไม่ได้หยุดอยู่แค่ชั้น 14
ณ ห้องประชุมเล็กในโซนผู้บริหาร
ไฟดาวน์ไลท์สะท้อนบนโต๊ะไม้สีเข้ม
เสียงเคาะโต๊ะเบา ๆ ดังจากปลายนิ้วของชายวัยกลางคนในสูทสีเทาเข้ม
เขานั่งพิงพนัก เรียบเฉียบ และเยือกเย็นราวกับสถาปัตยกรรมของตึกโรงพยาบาลเอง
พ่อของอคิน — ผู้อำนวยการใหญ่แห่ง Raven
“แกคิดจะพาใครเข้ามาในโรงพยาบาล...ต้องคิดให้รอบก่อน ไม่ใช่แค่เพราะแกเป็นหมอเก่ง”
เสียงเขาไม่ได้ดัง...แต่น้ำเสียงนั้นเฉียบจนคนฟังต้องนิ่ง
อคินนั่งฝั่งตรงข้าม
แว่นตาเขาสะท้อนแสงจนมองไม่เห็นดวงตา
แต่ความเงียบของเขา...คือการต่อต้าน
“สถาบันแบบนี้...ไม่ได้อยู่ได้ด้วยฝีมือหมอคนเดียว”
“ภาพลักษณ์ก็สำคัญไม่แพ้กัน — โดยเฉพาะคนที่อยู่ข้างกายแก”
อคินยังคงเงียบ
“เธอเป็นใครก็ไม่รู้ ชาติกำเนิดเป็นยังไงก็ไม่รู้ ประวัติครอบครัวไม่เคยตรวจสอบ แล้วถ้าสื่อรู้?”
“หมออคิน — ลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล เก็บผู้หญิงมีอดีตไว้ในบ้านตัวเอง”
เขาเน้นคำว่า “มีอดีต” ชัดเจน
“อย่าลืมว่าแกไม่ใช่แค่หมอ...แกเป็นชื่อสกุลของตระกูลนี้”
“ไอ้เด็กนั่น...เธอช่วยอะไรแกในชีวิตได้บ้างนอกจากดึงแกลงโคลน?”
อคินเงยหน้าขึ้นช้า ๆ
“แล้วถ้าเธอไม่สำคัญ...ทำไมพ่อถึงกลัวนักล่ะครับ ว่าคนอื่นจะรู้”
บรรยากาศในห้องเย็นยะเยือกทันที
ผู้เป็นพ่อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ — ไม่มีอารมณ์ขัน
“ระวังคำพูดตัวเองให้ดี...เพราะคำพูดแบบนี้แหละ ที่จะทำลายแก...เหมือนที่มันเคยทำลายคนอื่น”
อคินนิ่ง
แต่มือที่วางบนตัก...กำแน่น
ภายในห้องนอน
ไลลานั่งอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า
เธอกำลังจัดของที่พระเอกขอให้แยกไว้สำหรับ “วันย้ายที่พักของนที”
มือเธอไล้ผ่านเสื้อเชิ้ตของเขา
ก่อนจะชะงัก เมื่อเจอกล่องไม้ใบเล็ก...ถูกเก็บไว้ในลิ้นชักลับด้านใน
มือเธอสั่น...
...เธอกำลังจะรู้แล้วว่า “เขาซ่อนอะไร” เอาไว้ในเงาความเงียบเหล่านั้น
“เธอไม่รู้...ว่ากล่องไม้ใบนี้เคยถูกเปิดแค่สองครั้ง — ครั้งหนึ่งตอนเขาเสียเธอไป และอีกครั้ง...ครั้งนี้...อาจเป็นตอนที่เธอกำลังจะเดินออกจากเขา”
แสงสีส้มเรื่อของยามค่ำตกกระทบกับผ้าม่านโปร่งบางในห้องนอนไลลานั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงอีกฟาก — เงียบ เฉยชา เหมือนวิญญาณที่ถูกทิ้งไว้ในห้องว่างเธอเพิ่งเดินกลับจากห้องของเขา หลังจากที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังประตูเมื่อไม่กี่นาทีก่อนภาพที่เธอเห็น...ภาพที่เขาเปิดกล่องไม้แล้วลูบมันด้วยความอาวรณ์ — กล่องของลลิน — ยังติดตาหัวใจของเธอแน่นอึดอัด เหมือนอากาศในห้องกำลังลดลงเรื่อย ๆ จนแทบหายใจไม่ออกไม่ใช่เพราะเขาใจร้ายแต่เพราะเขาใจดี...กับใครอีกคนและเธอก็รู้แน่แล้วว่าเธอไม่เคยเป็น 'ใครคนนั้น'ไลลาหลับตา สูดลมหายใจลึกฝ่ามือบีบชายกระโปรงแน่น เสียงในหัวยังวนเวียนซ้ำเดิม— กลิ่นน้ำหอมที่เขาเลือกให้— เพลงที่เขาเปิด— เสื้อผ้าที่เขาเตรียมไว้ทั้งหมด...มันไม่เคยเป็นของเธอเลย“พอแล้ว…” เธอพึมพำเสียงแผ่วกับตัวเองดวงตาแดงเรื่อจากการร้องไห้ ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเด็ดเดี่ยวที่เธอไม่เคยมีถึงแม้นทียังรักษาไม่จบถึงแม้เธอไม่มีอะไรเลย
เสียงลมหายใจของไลลาเบาหวิวอยู่ในห้องที่ไร้เสียงภายในห้องนอนของเขา — หรู เรียบ และมืดหม่นไปด้วยความทรงจำที่เธอไม่เคยมีส่วนร่วม“ไลลา ช่วยจัดกระเป๋าให้หน่อย พรุ่งนี้ฉันต้องออกเดินทางแต่เช้า”เขาบอกสั้น ๆ ก่อนออกไปโทรศัพท์นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาขอให้เธอช่วย — ไม่ใช่ออกคำสั่งเธอจึงนั่งลงที่พื้นหน้าตู้เสื้อผ้าเปิดบานประตูตู้ไม้เนื้อดีอย่างเบามือ ไล้ปลายนิ้วไปตามแผ่นพับของเสื้อเชิ้ตที่รีดเรียบจนแทบไม่มีรอยพับเขายังคงเป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว เหมือนเดิมเธอหยิบเสื้อสีพื้นสองสามตัวออกมา พับใส่กระเป๋าผ้ากระทั่งสายตาเธอสะดุดเข้ากับกล่องไม้สีน้ำตาลเข้ม ขนาดพอดีฝ่ามือ วางอยู่ลึกในมุมสุดของชั้นเธอชะงักมือค่อย ๆ เอื้อมไปหยิบมันออกมากล่องถูกปิดสนิท แต่ไม่มีแม่กุญแจเธอเปิดออกช้า ๆ —ด้านในมีเพียง “กุญแจดอกหนึ่ง”เป็นกุญแจทรงคลาสสิกแบบเก่า ฝังในโฟมสีดำอย่างประณีต ราวกับเป็นสิ่งของสำคัญ“มันคือกุญแจอะไร...” เธอพึมพำเบา ๆด้วยแร
“คุณเคยรักอะไรบ้าง...ที่ไม่ใช่ภาพจำ?”เขาหันมาสบตาแต่ไม่ทันได้พูดอะไรเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้งอคินรับสายโดยไม่พูดอะไรสักคำ… ไม่มีแม้แต่คำทักทายหรือเสียงตอบกลับ มีเพียงความเงียบ และสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างช้า ๆไลลานั่งนิ่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ เธอมองเขา—เงียบ…แต่ใจสั่นสีหน้าของเขาไม่ใช่ความโกรธ ไม่ใช่ความเศร้าแต่เป็นอะไรบางอย่างที่คล้าย “ความไม่แน่ใจ...บางอย่าง”“ฉันต้องออกไปธุระ” เขาพูดขึ้นทันทีที่วางสาย ดวงตาไม่สบเธอแม้แต่น้อย“อย่าออกจากห้อง จนกว่าฉันจะกลับมา”“ถ้าฉันต้องออกไป—”“ไม่ได้ ไลลา”เสียงของเขาตัดบททุกอย่างสั้น ๆ“ถ้าฉันรู้ว่าเธอออกไป…เธอก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นใช่ไหม”เขาไม่รอฟังคำตอบเสียงประตูคอนโดปิดลงพร้อมเงาสูงที่หายไปในความมืดของลิฟต์โดยสารรถยนต์คันสีดำแล่นฝ่าแสงไฟเมืองกรุงเทพฯ ไปยังตรอกด้านหลังของทองหล่อ
เธอขยับปลายคางขึ้น...ปล่อยให้ริมฝีปากของเขากดซ้ำลงมาบนปากเธออีกครั้ง คราวนี้นุ่มลึกและเนิบนานกว่าครั้งไหน — จูบที่ไม่มีคำขอ ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีแม้แต่การบีบบังคับ...แต่มันเต็มไปด้วย “แรงดึงดูด” ที่กลืนกินหัวใจทั้งสองไปทีละนิดมืออุ่นของอคินลูบต้นแขนเธอ ไล้ลงสู่เอว แล้วสอดเข้าใต้เสื้อคลุมในจังหวะที่เธอกำลังเปิดอกให้เขาอย่างเต็มใจเสียงเสียดสีของผ้าบางเบาระหว่างผิวเนื้อ และเสียงลมหายใจที่หนักขึ้นทุกวินาที ทำให้บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่ไม่ต้องพูดเขาจูบลำคอของเธออย่างช้า ๆ ลากไล้ริมฝีปากจากมุมกรามลงสู่ไหปลาร้า ดูดเม้มปล่อยรอยจางไว้ราวกับต้องการจารึกว่า—คืนนี้ เธอเป็นของเขา...ในแบบที่ไม่ใช่เพราะเงินหรือสัญญาไลลาหลับตาแน่นเมื่อปลายนิ้วของเขาไล้ผ่านช่วงขาด้านใน แล้วหยุดลงตรงกลางร่างกายเธอ“ได้ไหม...” เขากระซิบแผ่วที่ข้างหู น้ำเสียงต่ำพร่าเจือความสั่นเธอพยักหน้าคำตอบของเธอ...ไม่ใช่คำพูด แต่คือร่างกายที่เบียดเข้าใกล้เขาอย่างเชื่องช้าเธอดึงเขาลงมาอย่างอ่อนโยน แล้วกระซิบเสียงเบา&l
เสียงของนาฬิกาบนผนังยังเดินไปตามเวลาของมัน...แต่โลกของไลลากลับหยุดนิ่งหลายวันหลังจากคืนนั้น...คืนนั้นที่เขาพูดว่า “ผมต้องการเธอ ไม่ใช่ลลิน”มันคือคำพูดที่ควรปลอบใจเธอ...แต่กลับกลายเป็นเสียงที่หลอนในความเงียบเพราะในดวงตาของเขา...ยังเต็มไปด้วย “เงา” ที่ไม่ใช่เธอไลลาไม่ได้หนีอีกต่อไปไม่ได้ตะโกนโต้กลับแต่เธอก็ไม่ใช่ ‘ของเล่น’ ที่ยอมจำนนเหมือนเคยอีกแล้วเธอเริ่ม “เงียบ” ในแบบที่เขาฟังไม่ออกไม่ปฏิเสธคำสั่งแต่ไม่ทำตามทุกอย่างบางวัน เธอเลือกอ่านหนังสือของตัวเองแทนเล่มที่เขาวางไว้บางมื้อ เธอเปลี่ยนจากไข่ต้มเป็นข้าวผัดกุนเชียงที่เธอทำเองและเขา...ก็เงียบอคินยังคงจัดตารางให้เธอยังคงเปิดเพลงเดิมตอนเย็นยังคงเตรียมน้ำอาบในอุณหภูมิเดิมแต่บางอย่างเริ่ม ‘เปลี่ยน’“เธออยากกินอะไรเย็นนี้” เขาถามเบา ๆ ระหว่างยื่นโทรศัพท์ให้ดูเมนูไลลาชะงักมันไม่ใช่คำสั่งมันคือ “คำถาม”
คอนโดชั้นบนสุดยังคงปิดเงียบเหมือนถูกลืมไว้กลางเมือง แสงเช้าอ่อนสาดผ่านม่านสีเทา มัวซึมเหมือนความรู้สึกของใครบางคนที่ไม่เคยเปลี่ยนบนเตียงขนาดคิงไซส์ ร่างของไลลานอนหันหลังให้เขา ไหล่บางนั้นเกร็งแน่นแม้ในยามหลับ รอยแดงช้ำตามลำคอ ไหล่ และข้อมือยังไม่ทันจางไปจากคืนก่อนอคินนอนลืมตาอยู่ด้านหลัง สายตาจ้องเพดานด้วยความคิดที่พันกันยุ่งเหยิงมือของเขายังวางอยู่บนเอวเธอ — ไม่ใช่เพราะต้องการจะกอด แต่เพราะกลัวว่าเธอจะลุกหนีโดยที่เขาไม่รู้ตัวอีกเธอไม่ได้พูดกับเขาเลยนับจากเมื่อคืนไม่มีคำต่อว่า ไม่มีแม้แต่เสียงกดดันใด ๆแต่นั่นแหละ...ที่ทำให้เขารู้ว่าเธอ “พัง” ข้างในและเขาเองก็...ไม่ต่างกันหลังอาบน้ำเสร็จ เขาเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ที่พับไว้อย่างเนี้ยบ ใบหน้าเย็นชาเหมือนเดิม แต่ดวงตา...กลับอ่อนล้ากว่าทุกวันไลลายังนั่งกอดเข่าข้างเตียง สวมเสื้อคลุมที่เขาโยนให้เมื่อเช้า เธอไม่ได้พูด และเขาก็ไม่ถามเขาเดินเข้าครัว จัดอาหารเช้าอย่างเคย — ไข่ต้ม ขนมปังปิ้ง ข้าวต้มไก่สูตรเดิมที่เขาเคยทำให้ล