สองสัปดาห์
สิบสี่วัน
สามร้อยสามสิบหกชั่วโมง
...ที่เขาไม่มีเธอ
อคินไม่ได้หลับสนิทแม้แต่คืนเดียว นับตั้งแต่ไลลาหายไป
เขายังทำงานเหมือนเดิม ยังคงถือมีดผ่าตัดนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เพียงแค่หลังมือเปื้อนเลือดของคนไข้ เขากลับหลับตาลงแล้วเห็นภาพน้ำตาของผู้หญิงอีกคน
ในหัวเขาไม่มีภาพใครเลย
...นอกจากเธอ
“ยังหาไม่ได้เหรอ?”
เสียงของอคินราบเรียบ แต่ผู้ช่วยรู้ว่าอีกนิดเดียว — แววตานั้นจะไม่เหลือความอดทนอีกต่อไป
“ตอนนี้รู้แค่ชื่อของหมอเวรที่อนุมัติการย้าย...แล้วก็เส้นทางที่คนไข้ถูกย้ายไปค่ะ แต่คนชื่อไลลา...ยังไม่เจอว่าอยู่ที่ไหนแน่”
อคินพยักหน้า ก่อนตัดสาย
เขายืนอยู่บนดาดฟ้าของตึกสูง ร่างสูงพิงราวระเบียง สูทสีเทาดำยังคงเป๊ะทุกระเบียบนิ้ว...แต่ลมหายใจไม่เป็นจังหวะ
เสียงในหัวมันดังขึ้นอีกแล้ว
เสียงของไลลาที่คล้ายกับกระซิบไว้ข้างหู
“ฉันไม่ใช่เงาใคร”
ในภาพหลอนที่มองเห็นเธอพูดด้วยคำนี้รอยยิ้ม แต่เขากลับได้ยินเหมือนคำสาป
...และเขาก็สมควรได้รับมัน
“ถ้าเธอคือคนที่ลลินส่งมาแทนตัวเองล่ะ มึงจะยังกลัวที่จะรักอยู่ไหม?”
เสียงของคีรินทร์ดังลอดผ่านกลุ่มควันบุหรี่ บรรยากาศภายในบาร์ส่วนตัวที่ไร้เสียงเพลง มีเพียงเสียงน้ำแข็งในแก้วที่กำลังละลาย
อคินนั่งพิงพนักโซฟา ฝ่ามือกุมแก้ววิสกี้แน่นจนข้อขาวโพลน สูทยับจากการไม่เปลี่ยนชุดมาหลายวัน ดวงตาแดงเรื่อเหมือนไม่ได้นอน
“กูไม่รู้ว่าเธอคือใคร...”
“แต่มึงจะไม่มีวันได้รู้ ถ้ายังเอาความตายของคนเก่ามาล่ามคนใหม่ไว้กับเตียง”
คีรินทร์พูดเสียงเรียบ ดวงตาเย็นราวกระจก
อคินไม่ตอบ
เขาแค่ยกแก้วขึ้น แล้ววางลงช้า ๆ เหมือนมือหมดแรง
ธามที่นั่งฟังเงียบ ๆ มาตลอด ค่อย ๆ โน้มตัวมาข้างหน้า แขนพาดเข่า
เขาไม่มองอคิน
...แต่พูดเหมือนคำสารภาพที่เก็บไว้นาน
“มึงรู้ไหม...กูเคยรักไลลา”
คำพูดนั้นทำให้อคินเงยหน้าขึ้นช้า ๆ
แต่ธามยังไม่หันกลับมา
“ไลลาเรียนมหาลัยเดียวกับกู...เธอน่ารัก...คนต่อคิวจีบเพียบเลยนะมึง...กูยังเคยคิดจะจีบเลย...แต่มึงก็รู้ฐานะทางบ้านเธอไม่ดีเลย”
“กูเคยคิดว่าแค่มองจากฐานะ...มันก็พอจะบอกได้แล้วว่าเธอไม่คู่ควรกับกู”
“แต่ตอนนี้...กูไม่แน่ใจแล้วว่าระหว่างกูกับมึง ใครกันแน่ที่ไม่คู่ควรกับเธอ”
คำพูดนั้นแผ่วเบา แต่แรงพอจะกรีดเข้าไปในอกอคิน
เขากำมือแน่น แต่ไม่พูดอะไร
“กูไม่กล้าจีบเธอ เพราะกลัวทำให้เธอเจ็บ...”
ธามเสียงแหบ
“แต่มึง—มึงอยู่กับเธอ แล้วทำเหมือนไม่เคยเห็นเธอเป็นใครเลยนอกจาก ‘เงา’ ของคนที่ตายไปแล้ว”
คีรินทร์หันมามองทั้งสองคน
“คำถามจริง ๆ ไม่ใช่ว่าเธอคือใคร...”
“แต่คือ มึงกล้ารับเธอในแบบที่เธอเป็นได้มั้ย...ถ้าลบลลินออกจากสมองมึงไปให้หมด”
อคินยังคงเงียบ
แต่ริมฝีปากเขาสั่นเล็กน้อย
“เธอไม่มีสิทธิ์หนีกูไป...ไม่ว่าเธอคือใครก็ตาม”
เขาพูดออกมาในที่สุด เสียงแผ่วราวกับคนจะขาดใจ
“เพราะตอนนี้...กูรู้แล้วว่า กูต้องการเธอ”
วันรุ่งขึ้น —
“เจอแล้วครับคุณหมอ...”
ผู้ช่วยโทรมารายงานอย่างตื่นเต้น
“คนไข้ชื่อ นที ถูกย้ายไปที่โรงพยาบาลรัฐในย่านนนทบุรี หมอเวรเป็นคนเซ็นรับช่วงจากรพ.เราอย่างถูกต้อง”
“แล้วไลลาอยู่ที่นั่นไหม”
“ตามกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลรัฐ เธอมาทุกวันค่ะ เธออยู่...กับเขาตลอด”
อคินไม่พูดอะไร
เสียงฝีเท้าของเขาดังก้องในลิฟต์
มือกำโทรศัพท์แน่น
เขาไม่เคยคิดว่าความเงียบจะเจ็บปวดขนาดนี้
การไม่รู้อะไรเลยว่าผู้หญิงคนหนึ่งหายไปจากชีวิต...จะเหมือนเขา “ไร้ตัวตน” ขนาดนี้
ตอนนี้ เขารู้แล้ว
ว่าต่อให้ขังใครไว้ทั้งตัว
ถ้าใจไม่อยู่...มันก็แค่ “เปลือกเปล่า”
...และเขากำลังจะสูญเสียสิ่งนั้นอีกครั้ง
ภายในโรงพยาบาลรัฐ
ห้องพักฟื้นเล็ก ๆ สีขาวซีด
แสงแดดลอดผ่านหน้าต่างเก่า
ร่างเล็กของไลลานั่งเช็ดหน้าให้นทีที่นอนหลับอยู่บนเตียง
ไม่มีน้ำตา
แต่แววตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
“พี่ไล...เหนื่อยเหรอครับ...”
เสียงของนทีแผ่วเบา
“นิดหน่อยจ้ะ...แต่นทีปลอดภัยแล้วก็โอเคแล้ว”
เธอไม่อยากพูดมาก
ไม่อยากบอกว่านี่คือโรงพยาบาลที่หมอไม่พอ พยาบาลเหนื่อย เงินไม่พอใช้
แต่ทุกอย่างดีกว่าการอยู่กับคนที่ไม่เห็นเธอเป็นเธอ
...และเธอเลือกแล้ว
“ไลลา”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากประตูห้อง —
เธอสะดุ้งสุดตัว หันขวับไปตามเสียง
เขายืนอยู่ตรงนั้น
อคิน
สูทสีดำ ใบหน้าซีด ทรงผมเนี้ยบแต่ตาแดงเรื่อ
“พี่คิน...!”
นทีร้องเสียงเบาอย่างดีใจ
แต่ไลลากลับยืนนิ่ง
ราวกับเลือดในกายหยุดไหล
เขาเดินเข้ามาช้า ๆ
ไม่ได้ตะโกน
ไม่ได้ขู่
...แต่ในแววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
และ “โทษทัณฑ์” ที่เขากำลังจะปลดปล่อย
...และเธอรู้
ว่าเขา...จะไม่ปล่อยเธอไปอีก
แววตาเขามืดครึ้มจนมองไม่เห็นประกายสีดำเดิม—ราวกับมนุษย์ที่หลุดจากความเป็นเหตุผล
มือที่กำโทรศัพท์ไว้แน่นจนขึ้นเส้นเลือด เริ่มคลาย...ก่อนจะกำเข้าหากันใหม่ เหมือนเขากำลังขังอารมณ์ตัวเองไว้อีกชั้น
แสงแดดทอดผ่านหน้าต่างกระจกฝ้า ฉายลงบนร่างของนทีที่ยังนอนนิ่ง ใบหน้าซีดแต่มีแววพยายามเข้มแข็งอย่างเด็กที่ไม่อยากให้ใครกังวล
“ขอบคุณนะครับพี่คิน ที่แวะมาเยี่ยม”
“ช่วงที่ผ่านมา ฉันติดเคสผ่าตัดต่อเนื่อง เลยให้พี่สาวนายพามาที่นี่ชั่วคราว”
น้ำเสียงอคินเรียบสนิท ไม่แสดงอารมณ์แม้แต่น้อย ดวงตาคมเฉียบหันมองนทีเพียงแวบเดียวก่อนจะเหลือบมองไลลาข้างกาย
ไลลาสะดุ้งเล็กน้อยกับแววตานั้น — ไม่ใช่เพราะมันเย็นชา
แต่เพราะมันสื่อชัด...ว่า ‘อย่าพูดอะไรออกมา’
“พี่คิน...จะให้ผมย้ายกลับไป Raven เหรอครับ?”
นทีถามต่อ ดวงตาฉายแววสงสัย
อคินพยักหน้าเบา ๆ
“ฉันจัดการเรื่องเตียง VIP ไว้แล้ว อีกสองวันจะมีรถโรงพยาบาลมารับ”
“แล้ววันนี้พี่ไลลาจะกลับไปพักพร้อมกับพี่คินเหรอครับ?”
เสียงถามนั้นทำให้ไลลาหลุบตาลง เธอกำลังจะอ้าปากพูด แต่—
...แววตาอคินตวัดกลับมาทันที
“เดี๋ยววันนี้พี่สาวเธอฉันจะพากลับไปพักเอง คืนนี้ฉันจ้างพยาบาลจาก Raven มาเฝ้าให้แล้ว...นทีอยู่ได้ใช่มั้ย”
เขาเอ่ยแทน โดยไม่ให้โอกาสเธอได้พูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว
นทีมองทั้งคู่สลับไปมา ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ
“ได้ครับ...พี่ไลลา...ก็เหนื่อยมาหลายวันแล้ว กลับไปพักเถอะนะครับ”
คำพูดนั้นคือ ‘ใบอนุญาต’
ที่ทำให้หมออคินยื่นมือมาจับข้อมือเธอแน่นในทันที
ไลลายิ้มจาง ๆ ให้กับน้องชาย ก่อนจะก้มศีรษะ
แล้วเดินตามแรงลากของเขาอย่างเงียบงัน...เหมือนนักโทษที่ไม่มีสิทธิ์ขัดขืน
“จะขังฉันไว้กี่ห้อง...ก็ขังหัวใจฉันไม่ได้อยู่ดี”
— ไลลาพึมพำในใจ ก่อนจะยอมเดินตามเขาออกจากห้องไป...เหมือนคนที่รู้ว่าหนีไม่ได้อีกแล้ว
สองสัปดาห์สิบสี่วันสามร้อยสามสิบหกชั่วโมง...ที่เขาไม่มีเธออคินไม่ได้หลับสนิทแม้แต่คืนเดียว นับตั้งแต่ไลลาหายไปเขายังทำงานเหมือนเดิม ยังคงถือมีดผ่าตัดนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เพียงแค่หลังมือเปื้อนเลือดของคนไข้ เขากลับหลับตาลงแล้วเห็นภาพน้ำตาของผู้หญิงอีกคนในหัวเขาไม่มีภาพใครเลย...นอกจากเธอ“ยังหาไม่ได้เหรอ?”เสียงของอคินราบเรียบ แต่ผู้ช่วยรู้ว่าอีกนิดเดียว — แววตานั้นจะไม่เหลือความอดทนอีกต่อไป“ตอนนี้รู้แค่ชื่อของหมอเวรที่อนุมัติการย้าย...แล้วก็เส้นทางที่คนไข้ถูกย้ายไปค่ะ แต่คนชื่อไลลา...ยังไม่เจอว่าอยู่ที่ไหนแน่”อคินพยักหน้า ก่อนตัดสายเขายืนอยู่บนดาดฟ้าของตึกสูง ร่างสูงพิงราวระเบียง สูทสีเทาดำยังคงเป๊ะทุกระเบียบนิ้ว...แต่ลมหายใจไม่เป็นจังหวะเสียงในหัวมันดังขึ้นอีกแล้วเสียงของไลลาที่คล้ายกับกระซิบไว้ข้างหู“ฉันไม่ใช่เงาใคร”ในภาพหลอนที่มองเห็นเธอพูดด้วยคำนี้รอยยิ้ม แต่เขากลับได้ยินเหมือนคำสาป...และเขาก็สมควร
แสงสีส้มเรื่อของยามค่ำตกกระทบกับผ้าม่านโปร่งบางในห้องนอนไลลานั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงอีกฟาก — เงียบ เฉยชา เหมือนวิญญาณที่ถูกทิ้งไว้ในห้องว่างเธอเพิ่งเดินกลับจากห้องของเขา หลังจากที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังประตูเมื่อไม่กี่นาทีก่อนภาพที่เธอเห็น...ภาพที่เขาเปิดกล่องไม้แล้วลูบมันด้วยความอาวรณ์ — กล่องของลลิน — ยังติดตาหัวใจของเธอแน่นอึดอัด เหมือนอากาศในห้องกำลังลดลงเรื่อย ๆ จนแทบหายใจไม่ออกไม่ใช่เพราะเขาใจร้ายแต่เพราะเขาใจดี...กับใครอีกคนและเธอก็รู้แน่แล้วว่าเธอไม่เคยเป็น 'ใครคนนั้น'ไลลาหลับตา สูดลมหายใจลึกฝ่ามือบีบชายกระโปรงแน่น เสียงในหัวยังวนเวียนซ้ำเดิม— กลิ่นน้ำหอมที่เขาเลือกให้— เพลงที่เขาเปิด— เสื้อผ้าที่เขาเตรียมไว้ทั้งหมด...มันไม่เคยเป็นของเธอเลย“พอแล้ว…” เธอพึมพำเสียงแผ่วกับตัวเองดวงตาแดงเรื่อจากการร้องไห้ ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเด็ดเดี่ยวที่เธอไม่เคยมีถึงแม้นทียังรักษาไม่จบถึงแม้เธอไม่มีอะไรเลย
เสียงลมหายใจของไลลาเบาหวิวอยู่ในห้องที่ไร้เสียงภายในห้องนอนของเขา — หรู เรียบ และมืดหม่นไปด้วยความทรงจำที่เธอไม่เคยมีส่วนร่วม“ไลลา ช่วยจัดกระเป๋าให้หน่อย พรุ่งนี้ฉันต้องออกเดินทางแต่เช้า”เขาบอกสั้น ๆ ก่อนออกไปโทรศัพท์นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาขอให้เธอช่วย — ไม่ใช่ออกคำสั่งเธอจึงนั่งลงที่พื้นหน้าตู้เสื้อผ้าเปิดบานประตูตู้ไม้เนื้อดีอย่างเบามือ ไล้ปลายนิ้วไปตามแผ่นพับของเสื้อเชิ้ตที่รีดเรียบจนแทบไม่มีรอยพับเขายังคงเป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว เหมือนเดิมเธอหยิบเสื้อสีพื้นสองสามตัวออกมา พับใส่กระเป๋าผ้ากระทั่งสายตาเธอสะดุดเข้ากับกล่องไม้สีน้ำตาลเข้ม ขนาดพอดีฝ่ามือ วางอยู่ลึกในมุมสุดของชั้นเธอชะงักมือค่อย ๆ เอื้อมไปหยิบมันออกมากล่องถูกปิดสนิท แต่ไม่มีแม่กุญแจเธอเปิดออกช้า ๆ —ด้านในมีเพียง “กุญแจดอกหนึ่ง”เป็นกุญแจทรงคลาสสิกแบบเก่า ฝังในโฟมสีดำอย่างประณีต ราวกับเป็นสิ่งของสำคัญ“มันคือกุญแจอะไร...” เธอพึมพำเบา ๆด้วยแร
“คุณเคยรักอะไรบ้าง...ที่ไม่ใช่ภาพจำ?”เขาหันมาสบตาแต่ไม่ทันได้พูดอะไรเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้งอคินรับสายโดยไม่พูดอะไรสักคำ… ไม่มีแม้แต่คำทักทายหรือเสียงตอบกลับ มีเพียงความเงียบ และสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างช้า ๆไลลานั่งนิ่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ เธอมองเขา—เงียบ…แต่ใจสั่นสีหน้าของเขาไม่ใช่ความโกรธ ไม่ใช่ความเศร้าแต่เป็นอะไรบางอย่างที่คล้าย “ความไม่แน่ใจ...บางอย่าง”“ฉันต้องออกไปธุระ” เขาพูดขึ้นทันทีที่วางสาย ดวงตาไม่สบเธอแม้แต่น้อย“อย่าออกจากห้อง จนกว่าฉันจะกลับมา”“ถ้าฉันต้องออกไป—”“ไม่ได้ ไลลา”เสียงของเขาตัดบททุกอย่างสั้น ๆ“ถ้าฉันรู้ว่าเธอออกไป…เธอก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นใช่ไหม”เขาไม่รอฟังคำตอบเสียงประตูคอนโดปิดลงพร้อมเงาสูงที่หายไปในความมืดของลิฟต์โดยสารรถยนต์คันสีดำแล่นฝ่าแสงไฟเมืองกรุงเทพฯ ไปยังตรอกด้านหลังของทองหล่อ
เธอขยับปลายคางขึ้น...ปล่อยให้ริมฝีปากของเขากดซ้ำลงมาบนปากเธออีกครั้ง คราวนี้นุ่มลึกและเนิบนานกว่าครั้งไหน — จูบที่ไม่มีคำขอ ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีแม้แต่การบีบบังคับ...แต่มันเต็มไปด้วย “แรงดึงดูด” ที่กลืนกินหัวใจทั้งสองไปทีละนิดมืออุ่นของอคินลูบต้นแขนเธอ ไล้ลงสู่เอว แล้วสอดเข้าใต้เสื้อคลุมในจังหวะที่เธอกำลังเปิดอกให้เขาอย่างเต็มใจเสียงเสียดสีของผ้าบางเบาระหว่างผิวเนื้อ และเสียงลมหายใจที่หนักขึ้นทุกวินาที ทำให้บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่ไม่ต้องพูดเขาจูบลำคอของเธออย่างช้า ๆ ลากไล้ริมฝีปากจากมุมกรามลงสู่ไหปลาร้า ดูดเม้มปล่อยรอยจางไว้ราวกับต้องการจารึกว่า—คืนนี้ เธอเป็นของเขา...ในแบบที่ไม่ใช่เพราะเงินหรือสัญญาไลลาหลับตาแน่นเมื่อปลายนิ้วของเขาไล้ผ่านช่วงขาด้านใน แล้วหยุดลงตรงกลางร่างกายเธอ“ได้ไหม...” เขากระซิบแผ่วที่ข้างหู น้ำเสียงต่ำพร่าเจือความสั่นเธอพยักหน้าคำตอบของเธอ...ไม่ใช่คำพูด แต่คือร่างกายที่เบียดเข้าใกล้เขาอย่างเชื่องช้าเธอดึงเขาลงมาอย่างอ่อนโยน แล้วกระซิบเสียงเบา&l
เสียงของนาฬิกาบนผนังยังเดินไปตามเวลาของมัน...แต่โลกของไลลากลับหยุดนิ่งหลายวันหลังจากคืนนั้น...คืนนั้นที่เขาพูดว่า “ผมต้องการเธอ ไม่ใช่ลลิน”มันคือคำพูดที่ควรปลอบใจเธอ...แต่กลับกลายเป็นเสียงที่หลอนในความเงียบเพราะในดวงตาของเขา...ยังเต็มไปด้วย “เงา” ที่ไม่ใช่เธอไลลาไม่ได้หนีอีกต่อไปไม่ได้ตะโกนโต้กลับแต่เธอก็ไม่ใช่ ‘ของเล่น’ ที่ยอมจำนนเหมือนเคยอีกแล้วเธอเริ่ม “เงียบ” ในแบบที่เขาฟังไม่ออกไม่ปฏิเสธคำสั่งแต่ไม่ทำตามทุกอย่างบางวัน เธอเลือกอ่านหนังสือของตัวเองแทนเล่มที่เขาวางไว้บางมื้อ เธอเปลี่ยนจากไข่ต้มเป็นข้าวผัดกุนเชียงที่เธอทำเองและเขา...ก็เงียบอคินยังคงจัดตารางให้เธอยังคงเปิดเพลงเดิมตอนเย็นยังคงเตรียมน้ำอาบในอุณหภูมิเดิมแต่บางอย่างเริ่ม ‘เปลี่ยน’“เธออยากกินอะไรเย็นนี้” เขาถามเบา ๆ ระหว่างยื่นโทรศัพท์ให้ดูเมนูไลลาชะงักมันไม่ใช่คำสั่งมันคือ “คำถาม”