เสียงกระดาษเสียดสีกับโต๊ะไม้เรียบสนิทดังเบา ๆ ในห้องรับรอง VIP ที่เงียบสนิทเกินจะเชื่อว่าตั้งอยู่ใจกลางโรงพยาบาลที่พลุกพล่าน
หมออคินผลักแฟ้มเอกสารบางส่วนมาทางเธอ ก่อนจะวางปากกาแท่งเรียบหรูสีดำที่ดูแพงเกินกว่าคนธรรมดาจะกล้าใช้ลงตรงหน้า
ไลลานิ่งอยู่ครู่หนึ่ง มือบางกำชายเสื้อแน่น ดวงตาแดงก่ำจากหยาดน้ำตาที่ยังไม่ทันแห้งดี
“ฉันต้องเซ็น...จริง ๆ เหรอคะ?”
“ทุกคำที่อยู่ในนั้น จะคุ้มครองคุณและน้องของคุณ...ถ้าคุณทำตามทุกข้อที่ผมกำหนด”
น้ำเสียงของเขายังคงเรียบ ไม่สูง ไม่ต่ำ ราบรื่นอย่างน่าขนลุก
ไลลาหยิบปากกาขึ้นช้า ๆ เธอไม่อ่านแม้แต่บรรทัดแรก — เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางไหนให้เลือกอีกต่อไป
เสียงหมึกแตะลงบนกระดาษในวินาทีที่มือของเธอสั่นอย่างห้ามไม่ได้
เธอไม่รู้ว่ากำลังเซ็นสัญญาชีวิต...หรือฆ่าความเป็นคนในตัวเองทิ้งไปพร้อมลายเซ็นนั้น
เมื่อเธอเซ็นเสร็จ อคินก็หยิบเอกสารกลับมา แยกออกเป็นสองชุด ยื่นให้เธอหนึ่งฉบับ
“เก็บไว้ให้ดี” เขากล่าวสั้น ๆ ก่อนจะเก็บชุดของตัวเองลงในแฟ้มและลุกขึ้น
ไลลาลุกตามเขาออกมา พยาบาลที่ยืนรออยู่หน้าห้องทำความเคารพอคินเล็กน้อยก่อนหลีกทาง
ร่างสูงในชุดเสื้อกาวน์เดินนำเธออย่างไม่เหลียวมอง มืออีกข้างเก็บปากกาใส่ในกระเป๋าเสื้อ
เขาพาเธอเดินผ่านโถงลิฟต์พนักงานไปจนถึงทางออกชั้นใต้ดิน ซึ่งเป็นที่จอดรถส่วนตัวของแพทย์อาวุโสเท่านั้น
รถของอคินคือ Porsche สีดำด้านเงาวาว ทะเบียนประจำหมอระดับบริหาร เปิดประตูให้เธอด้วยท่าทางเรียบนิ่ง แต่ไร้คำพูด
ไลลานั่งลงอย่างลังเล ภายในรถหรูราวกับห้องรับรองผู้บริหาร — เงียบ เย็น และสะอาด แต่ไม่รู้สึกถึงความอบอุ่น
เธอนั่งนิ่งในเบาะหนังแท้ที่นุ่มเกินความจำเป็น รู้สึกราวกับตัวเองถูกวางลงในหีบกำมะหยี่...ที่กำลังถูกเคลื่อนสู่หลุมฝัง
ระหว่างทาง เธอสูดลมหายใจเข้าช้า ๆ ก่อนจะกลั้นใจถาม
“ฉันขอกลับไปเอาเสื้อผ้าบ้างได้ไหมคะ...ฉันมีของจำเป็นที่ต้องใช้”
“ไม่จำเป็น” เขาตอบโดยไม่ละสายตาจากถนน
“ผมเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว”
เธอหันมองเขา แต่ไม่กล้าพูดอะไรอีก สีหน้าของเขาเหมือนกำแพงปูนหนาแน่น ไม่มีช่องให้เจาะ
และหลังจากนั้น...ไม่มีบทสนทนาใดอีกเลยตลอดทาง
เมื่อรถแล่นเข้ามาจอดใต้คอนโดหรูใจกลางสุขุมวิท ไลลารู้สึกเหมือนร่างกายจะไม่ฟังคำสั่งอีกต่อไป
ตึกสูงระฟ้า หน้าต่างกระจกสะท้อนแสงเมืองยามค่ำคืน ป้ายชื่อโครงการเป็นภาษาอังกฤษทองอร่าม มีเจ้าหน้าที่รปภ.เปิดประตูให้ทันทีที่เห็นรถของอคินมาถึง
ลิฟต์พิเศษพาเธอขึ้นไปชั้นบนสุด โดยมีเพียงบัตรเข้าถึงของเขาเท่านั้นที่ใช้ได้
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก...ไลลายืนอึ้งกับภาพเบื้องหน้า
คอนโดของอคินไม่ใช่แค่หรู...แต่มัน ‘เย็นชา’ อย่างสมบูรณ์
เพดานสูงโปร่ง เฟอร์นิเจอร์โมเดิร์นสีเทาเข้มกับดำ เส้นสายเรียบเฉียบจัดวางอย่างไร้ตำหนิ ทุกอย่างถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบจนแทบไม่เหมือนมีคนอาศัย
โซฟาหนังแท้สีดำใหญ่กลางห้องรับแขกไม่มีหมอนอิงสักใบ โต๊ะรับประทานอาหารยาวสำหรับแปดที่นั่งไม่มีแม้แต่มื้ออาหารหรือแจกันสักชิ้น
ผนังสีเข้มเงาเรียบสะอาดไร้กรอบรูป หรือแม้แต่ร่องรอยของชีวิต
“ที่นี่คือ...บ้านคุณเหรอคะ?” ไลลาถามเบา ๆ
“เปล่า” เขาตอบขณะวางกระเป๋าเอกสารลงบนเคาน์เตอร์ครัว
“มันคือที่ที่คุณจะอยู่...จนกว่าผมจะบอกให้ไป”
เธอยืนนิ่งเหมือนถูกแช่แข็ง
อคินเดินกลับมาหยุดตรงหน้าเธอ สายตาไม่เปลี่ยน
“กฎมีไม่มาก”
“หนึ่ง — ห้ามถาม”
“สอง — ห้ามออกจากที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาต”
“สาม — ห้ามขัดคำสั่งผมทุกกรณี”
เขาเว้นจังหวะนิด ก่อนกล่าวด้วยเสียงนิ่งสนิทแต่กรีดเฉือน
“คุณต้องเชื่อฟังฉันทุกอย่าง...ไม่อย่างนั้น เธอจะไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไป และรวมถึงน้องชายเธอก็จะไม่ได้รับการรักษาด้วย”
หัวใจของไลลาหล่นวูบลงเหมือนถูกเหวี่ยงจากชั้นดาดฟ้าของตึกนี้เอง
เธอก้มหน้า กลั้นน้ำตาไว้จนข้างแก้มปวดร้อน
ความเงียบกดทับห้องหรูจนคล้ายคุกเงียบที่กลืนทุกเสียงไว้หมดสิ้น
อคินเดินไปที่ห้องฝั่งซ้าย มือเปิดประตูบานหนึ่งแล้วหันกลับมา
“ห้องคุณอยู่ตรงนี้”
ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีแม้แต่คำว่า ‘ยินดีต้อนรับ’
เพราะตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป...เธอไม่ใช่แขก ไม่ใช่คนรัก ไม่ใช่คนรู้จัก
แต่เป็น ‘ข้อตกลงที่เดินได้’ — ที่ไม่มีราคาต่อรองอีกแล้ว
ภายในห้องนอนที่เงียบราวกับห้องทดลอง ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศระดับต่ำพัดเอาอุณหภูมิลงต่ำกว่าที่ร่างเปลือยเปล่าควรจะทนได้
เตียงขนาดคิงไซส์ปูผ้าสีเทาเรียบสนิท ไม่มีรอยยับ ไม่มีเครื่องประดับ ไม่มีสิ่งใดนอกจากเงาสะท้อนของโคมไฟเหนือหัวที่ส่องลงบนร่างของหญิงสาวผู้หมดสิทธิ์จะเลือกเส้นทางให้ตัวเอง
ไลลายืนนิ่งอยู่ตรงข้างเตียง เสื้อผ้าของเธอชื้นเพราะเปียกฝนเมื่อเย็น แต่เย็นยิ่งกว่าคือสายตาของเขาที่จ้องมาอย่างไม่มีคำพูด
อคินยืนอยู่ตรงหน้า — สูงกว่า หนักแน่นกว่า และเย็นชากว่าเงามืดเบื้องหลังเขาเสียอีก
เขาก้าวเข้ามาอย่างช้า ๆ มือยื่นขึ้นแตะที่กระดุมเม็ดบนสุดของเธอ
นิ้วเรียวยาวที่เคยแม่นยำบนมีดผ่าตัด...บัดนี้กำลังแกะกระดุมเสื้อราคาถูกของเธอออกอย่างมั่นคงทีละเม็ด
เม็ดที่หนึ่ง...ไม่มีเสียงนอกจากเสียงลมหายใจหนัก ๆ ของเขา
เม็ดที่สอง...เธอหลับตาแน่นจนขนตาสั่น
เม็ดที่สาม...เขาหายใจแรงขึ้น ราวกับต้องบังคับตัวเองไม่ให้ถอยหนี หรือกระโจนใส่
เมื่อกระดุมเม็ดสุดท้ายถูกปลด เขาใช้สองนิ้วแหวกสาบเสื้อออกจากกัน
ร่างของเธอปรากฏใต้แสงไฟที่เบาบาง แต่กลับชัดเจนราวกับแสงไฟห้องผ่าตัด
“หนาวไหม” เสียงของเขาเย็นเฉียบแต่ถามเบาราวกระซิบ — ไม่ใช่ด้วยความห่วงใย แต่เหมือนจะตรวจสอบว่าเธอยังรู้สึก
ไลลาไม่ตอบ เธอยืนนิ่งจนราวกับเป็นรูปปั้นหิน
เขาก้าวเข้ามาอีกก้าว ใกล้จนเธอได้กลิ่นสบู่และแอลกอฮอล์จากตัวเขา
เขาเกลียดที่ตัวเองต้องการเธอ...และเกลียดยิ่งกว่า ที่ไม่อาจห้ามใจไม่แตะต้องเธอได้
มืออุ่นจัดของเขาลูบผ่านแขนเธอ ไล้ลงมาถึงข้อมือ แล้วบีบเบา ๆ เพียงพอให้รู้ว่าเขาต้องการ เธอเดินถอยไปจนชนขอบเตียง
เขาจับมือเธอ แล้วค่อย ๆ กดลงบนที่นอน
“นอนลง” เสียงนั้นสั้น นุ่ม แต่ไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ
เธอนอนลงอย่างว่างเปล่า ดวงตาจ้องเพดาน ดวงหน้าไร้อารมณ์ และหัวใจที่เริ่มบีบรัดเจ็บช้า ๆ
อคินตามขึ้นมาบนเตียง เขาคุกเข่าข้างตัวเธอ มือไล้เส้นผมที่ชื้นจากฝนออกจากใบหน้าของเธอ
เขากำลังพยายามไม่สั่น — แต่นิ้วมือเขายังคุมตัวเองไม่ได้
เขากดริมฝีปากลงบนหน้าผากเธอ ไม่ใช่จุมพิตแต่อ่อนโยน แต่เหมือนตราประทับ — เย็น ชัด และเด็ดขาด
ปลายนิ้วของเขาเริ่มไล้จากลำคอลงมาถึงไหปลาร้า ผิวเธอสั่นระริกภายใต้แรงสัมผัส
“อย่าขัดขืน” เขากระซิบข้างหูเธอ ก่อนริมฝีปากจะเคลื่อนมาประทับลงบนแนวกรามของเธอ แผ่วเบาแต่แน่น
มืออีกข้างเลื่อนเข้ากระชับที่ขาเธอ ก่อนจะคลี่ออกอย่างมั่นคง
“เธอไม่ใช่เธอ...” เขาพึมพำเสียงเบา สายตาไล่มองทั่วร่างกายเธอเหมือนกำลังจดจำทุกอย่างไว้ในสมองแพทย์ของเขา
แต่เขาจำไม่ได้ว่า ‘เธอคนเก่า’ เป็นแบบนี้หรือไม่...หรือเพียงเพราะเขากำลังหลอกตัวเอง
เธอหลับตาแน่น มือกำผ้าปูเตียงไว้แน่นเช่นกัน ร่างกายแข็งเกร็ง
เขารู้ว่าเธอเจ็บ
เขารู้ว่าเธอไม่ได้รู้สึกเหมือนเขา
เขารู้...แต่เขาก็ไม่หยุด
ปลายนิ้วเขาเริ่มสอดเข้าใต้ขอบเสื้อด้านในของเธอ ถอดชิ้นแล้วชิ้นเล่าจนร่างกายเปลือยเปล่าท่ามกลางความมืดและเสียงลมหายใจของเขา
เขาทาบร่างลงช้า ๆ — และนั่นคือจุดเริ่มของความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันถอยกลับ
จากนี้ไป...เธอจะเป็นทุกอย่างที่เขาสั่ง — แม้ในใจเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าต้องการเธอ...หรือทำลายเธอ
เสียงหายใจของเขาหนักขึ้นในห้องที่เงียบกริบ ราวกับเครื่องช่วยหายใจที่สูบกลืนเอาออกซิเจนจากร่างทั้งสองไปจนหมดสิ้นอคินโน้มกายลง แนบริมฝีปากกับลาดไหล่ของไลลาอย่างแนบแน่น เขาไม่ได้จูบ...แต่ ‘กด’ ลงไปด้วยแรงข่มความรู้สึกบางอย่างลมหายใจของเขาร้อนผ่าว — ต่างจากมือที่ยังเย็นจัดราวเหล็กจากห้องผ่าตัดเขาเลื่อนจูบลงต่ำ ซุกไซ้แนวผิวเนื้อที่เปลือยเปล่า ราวกับต้องการ 'ยืนยัน' ว่านี่คือของจริง ไม่ใช่ภาพหลอน ไม่ใช่ลลิน...แต่ความเหมือนของใบหน้า กลิ่นผิว และดวงตาคู่นั้น กลับกระแทกจิตใจเขาจนทุกสัมผัสกลายเป็น ‘พิษ’ ที่เขาเองก็กลืนไม่ลงมือเขาสอดใต้แผ่นหลังของเธอแล้วดึงขึ้นเล็กน้อย สะโพกของเธอเบียดชิดเข้ามาโดยปริยายจากแรงโน้มของเขาไลลานอนนิ่ง...ดวงตาไร้โฟกัส มองเพดานว่างเปล่าร่างกายเธอเกร็งเล็กน้อยยามมือของเขาไล้ผ่านแนวเอว สะโพก ก่อนจะกดแนบชิดเข้าหาเธอเต็มแรงเขาไม่พูด...เธอไม่ร้องและในความเงียบนั้น เสียงครางต่ำของเขาค่อย ๆ ดังขึ้น — ไม่ใช่ด้วยความสุขสม แต่เหมือนคนที่กำลัง ‘คลั่ง’ อยู่ในความฝันที่บิดเบี้ยวเขาประกบริมฝีปากกับลำคอ
เสียงกระดาษเสียดสีกับโต๊ะไม้เรียบสนิทดังเบา ๆ ในห้องรับรอง VIP ที่เงียบสนิทเกินจะเชื่อว่าตั้งอยู่ใจกลางโรงพยาบาลที่พลุกพล่านหมออคินผลักแฟ้มเอกสารบางส่วนมาทางเธอ ก่อนจะวางปากกาแท่งเรียบหรูสีดำที่ดูแพงเกินกว่าคนธรรมดาจะกล้าใช้ลงตรงหน้าไลลานิ่งอยู่ครู่หนึ่ง มือบางกำชายเสื้อแน่น ดวงตาแดงก่ำจากหยาดน้ำตาที่ยังไม่ทันแห้งดี“ฉันต้องเซ็น...จริง ๆ เหรอคะ?”“ทุกคำที่อยู่ในนั้น จะคุ้มครองคุณและน้องของคุณ...ถ้าคุณทำตามทุกข้อที่ผมกำหนด”น้ำเสียงของเขายังคงเรียบ ไม่สูง ไม่ต่ำ ราบรื่นอย่างน่าขนลุกไลลาหยิบปากกาขึ้นช้า ๆ เธอไม่อ่านแม้แต่บรรทัดแรก — เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางไหนให้เลือกอีกต่อไปเสียงหมึกแตะลงบนกระดาษในวินาทีที่มือของเธอสั่นอย่างห้ามไม่ได้เธอไม่รู้ว่ากำลังเซ็นสัญญาชีวิต...หรือฆ่าความเป็นคนในตัวเองทิ้งไปพร้อมลายเซ็นนั้นเมื่อเธอเซ็นเสร็จ อคินก็หยิบเอกสารกลับมา แยกออกเป็นสองชุด ยื่นให้เธอหนึ่งฉบับ“เก็บไว้ให้ดี” เขากล่าวสั้น ๆ ก่อนจะเก็บชุดของตัวเองลงในแฟ้มและลุกขึ้น
“ขอโทษนะทีน...”เสียงไลลากระซิบแผ่วขณะก้าวลงจากรถสองแถวเก่า ๆ ที่มุ่งหน้าเข้าซอยลึกย่านชุมชนบางบัวทอง ใบหน้าเธอยังคงเปียกจากฝนปรอยๆ ที่โปรยลงมาระหว่างทาง น้ำฝนผสมเหงื่อไหลซึมตามไรผมลงสู่ปลายคางถุงผ้าที่ใส่ของใช้สำหรับน้องชายแน่นไปด้วยเสื้อยืดสีซีด ยา และเอกสารโรงพยาบาล แต่หัวใจของเธอเบากว่าเดิม — เพราะไม่มีงาน ไม่มีเงิน ไม่มีอนาคตให้คาดหวังอีกแล้วเสียงหัวเราะของผู้โดยสารคนหนึ่งในรถยังดังก้องในหัวเธอ แม้มันจะแค่ชั่วครู่ แต่กลับเหมือนมีดเล่มบางกรีดผ่านใจเธอกำลังตกงานในวันที่ไม่มีแม้แต่เงินเหลือติดกระเป๋าเกินสามหลักและพรุ่งนี้...เธอควรจะซื้อยาให้นทีแต่ยาราคาเกือบพัน — ในขณะที่เธอเหลือไม่ถึงห้าร้อยเธอนั่งนิ่งอยู่ริมถนน หัวใจว่างเปล่าราวกับหล่นหายระหว่างทางฝนตก เธอไม่แม้แต่จะปาดน้ำตาที่เริ่มรินช้า ๆ จากหางตา“อย่าเพิ่งร้องไห้...เดี๋ยวทีนจะไม่มีคนดูแล” เธอบอกตัวเองในใจอย่างร้าวลึกทันใดนั้น...เสียงโทรศัพท์มือถือที่จอแตกร้าวและปุ่มกดค้างบางปุ่มก็ดังขึ้น“ฮัลโหล?” เธอรับสายด้วยเสียงเหนื่อยล้า“คุณไลลาหรือเปล่
"ชื่อเต็ม...ไลลา อินทรานนท์"อคินนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานในห้องส่วนตัวของเขา ภายในออฟฟิศแพทย์ระดับบริหารชั้น 17 ที่มีเพียงไม่กี่คนในโรงพยาบาล RAVEN เท่านั้นที่มีสิทธิใช้โต๊ะไม้โอ๊คแท้ทาสีดำวาว เครื่องคอมพิวเตอร์สเปกสูง รายล้อมด้วยชั้นหนังสือและตู้เก็บประวัติคนไข้ที่ล็อกทุกช่องอย่างแน่นหนาชายหนุ่มแตะนิ้วลงบนจอแล็ปท็อป เขากำลังอ่านข้อความจากไฟล์รายงานที่เลขาฯ ส่วนตัวส่งมาให้เมื่อไม่ถึงสิบนาทีก่อนข้อมูลที่ปรากฏตรงหน้าทำให้เขานิ่งงันอยู่พักใหญ่— หญิงสาวอายุ 26 ปี อาศัยอยู่ในแฟลตเช่าเก่า ๆ ชุมชนแออัดย่านบางบัวทอง— อาชีพ: พนักงานเสิร์ฟร้านกาแฟ / รายได้ประมาณ 10,000 – 12,000 บาทต่อเดือน— ผู้ปกครองของ ‘ด.ช. นที อินทรานนท์’ ผู้ป่วยโรคหัวใจแต่กำเนิด— ประวัติเคยเป็นเด็กในสถานสงเคราะห์แห่งหนึ่งและที่สำคัญที่สุด — หมอประจำเคส รพ.รัฐที่เธอเคยไปรักษา ส่งเธอมา ‘ขอคำปรึกษา’ กับเขา เพราะเป็นเคสซับซ้อนหายากระดับประเทศอคินพิงหลังกับพนักเก้าอี้หนัง เสียงลมหายใจของเขาสะท
⚠️ คำเตือนเนื้อหา:❗นิยายเรื่องนี้เป็นแนวโรแมนติกดราม่าที่มีเนื้อหาค่อนข้างรุนแรงทางอารมณ์ และมีฉากความสัมพันธ์ทางกายที่เข้มข้น ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน❗ตัวละครบางตัวมีพฤติกรรมในด้านมืดและผ่านประสบการณ์ทางจิตใจที่ส่งผลต่อพฤติกรรม ความสัมพันธ์ในเรื่องไม่ได้สะท้อนแบบอย่างความรักที่เหมาะสมในชีวิตจริง🖤 นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียนเพื่อความบันเทิงเท่านั้น🖤 เหตุการณ์ ตัวละคร สถานที่ และบุคคลใด ๆ ที่ปรากฏในเรื่อง มิได้อ้างอิงหรือสะท้อนความจริง หรือเจตนาให้พาดพิงบุคคลใดในโลกแห่งความเป็นจริงผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ และรับชมด้วยใจเปิดเสรีในโลกของจินตนาการในโลกใบนี้ มีบางครั้งที่เสียงหัวเราะของเด็กคนหนึ่ง...สามารถปลุกอดีตทั้งชีวิตให้ฟื้นกลับมาได้เสียงหัวเราะแผ่วเบาแต่ชัดเจน ลอยมากับกระแสลมแอร์เย็นเฉียบภายในโถงแผนกศัลยกรรมหัวใจ โรงพยาบาลเอกชนระดับไฮเอนด์อย่าง RAVENโรงพยาบาลที่ขึ้นชื่อว่ามีค่าใช้จ่ายแพงที่สุดในประเทศ มีเครื่องมือการแพทย์ทันสมัยที่สุด และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในทุกสาขาที่คัดสรรอย่างเข้มงวด