เสียงกระดาษเสียดสีกับโต๊ะไม้เรียบสนิทดังเบา ๆ ในห้องรับรอง VIP ที่เงียบสนิทเกินจะเชื่อว่าตั้งอยู่ใจกลางโรงพยาบาลที่พลุกพล่าน
หมออคินผลักแฟ้มเอกสารบางส่วนมาทางเธอ ก่อนจะวางปากกาแท่งเรียบหรูสีดำที่ดูแพงเกินกว่าคนธรรมดาจะกล้าใช้ลงตรงหน้า
ไลลานิ่งอยู่ครู่หนึ่ง มือบางกำชายเสื้อแน่น ดวงตาแดงก่ำจากหยาดน้ำตาที่ยังไม่ทันแห้งดี
“ฉันต้องเซ็น...จริง ๆ เหรอคะ?”
“ทุกคำที่อยู่ในนั้น จะคุ้มครองคุณและน้องของคุณ...ถ้าคุณทำตามทุกข้อที่ผมกำหนด”
น้ำเสียงของเขายังคงเรียบ ไม่สูง ไม่ต่ำ ราบรื่นอย่างน่าขนลุก
ไลลาหยิบปากกาขึ้นช้า ๆ เธอไม่อ่านแม้แต่บรรทัดแรก — เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางไหนให้เลือกอีกต่อไป
เสียงหมึกแตะลงบนกระดาษในวินาทีที่มือของเธอสั่นอย่างห้ามไม่ได้
เธอไม่รู้ว่ากำลังเซ็นสัญญาชีวิต...หรือฆ่าความเป็นคนในตัวเองทิ้งไปพร้อมลายเซ็นนั้น
เมื่อเธอเซ็นเสร็จ อคินก็หยิบเอกสารกลับมา แยกออกเป็นสองชุด ยื่นให้เธอหนึ่งฉบับ
“เก็บไว้ให้ดี” เขากล่าวสั้น ๆ ก่อนจะเก็บชุดของตัวเองลงในแฟ้มและลุกขึ้น
ไลลาลุกตามเขาออกมา พยาบาลที่ยืนรออยู่หน้าห้องทำความเคารพอคินเล็กน้อยก่อนหลีกทาง
ร่างสูงในชุดเสื้อกาวน์เดินนำเธออย่างไม่เหลียวมอง มืออีกข้างเก็บปากกาใส่ในกระเป๋าเสื้อ
เขาพาเธอเดินผ่านโถงลิฟต์พนักงานไปจนถึงทางออกชั้นใต้ดิน ซึ่งเป็นที่จอดรถส่วนตัวของแพทย์อาวุโสเท่านั้น
รถของอคินคือ Porsche สีดำด้านเงาวาว ทะเบียนประจำหมอระดับบริหาร เปิดประตูให้เธอด้วยท่าทางเรียบนิ่ง แต่ไร้คำพูด
ไลลานั่งลงอย่างลังเล ภายในรถหรูราวกับห้องรับรองผู้บริหาร — เงียบ เย็น และสะอาด แต่ไม่รู้สึกถึงความอบอุ่น
เธอนั่งนิ่งในเบาะหนังแท้ที่นุ่มเกินความจำเป็น รู้สึกราวกับตัวเองถูกวางลงในหีบกำมะหยี่...ที่กำลังถูกเคลื่อนสู่หลุมฝัง
ระหว่างทาง เธอสูดลมหายใจเข้าช้า ๆ ก่อนจะกลั้นใจถาม
“ฉันขอกลับไปเอาเสื้อผ้าบ้างได้ไหมคะ...ฉันมีของจำเป็นที่ต้องใช้”
“ไม่จำเป็น” เขาตอบโดยไม่ละสายตาจากถนน
“ผมเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว”
เธอหันมองเขา แต่ไม่กล้าพูดอะไรอีก สีหน้าของเขาเหมือนกำแพงปูนหนาแน่น ไม่มีช่องให้เจาะ
และหลังจากนั้น...ไม่มีบทสนทนาใดอีกเลยตลอดทาง
เมื่อรถแล่นเข้ามาจอดใต้คอนโดหรูใจกลางสุขุมวิท ไลลารู้สึกเหมือนร่างกายจะไม่ฟังคำสั่งอีกต่อไป
ตึกสูงระฟ้า หน้าต่างกระจกสะท้อนแสงเมืองยามค่ำคืน ป้ายชื่อโครงการเป็นภาษาอังกฤษทองอร่าม มีเจ้าหน้าที่รปภ.เปิดประตูให้ทันทีที่เห็นรถของอคินมาถึง
ลิฟต์พิเศษพาเธอขึ้นไปชั้นบนสุด โดยมีเพียงบัตรเข้าถึงของเขาเท่านั้นที่ใช้ได้
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก...ไลลายืนอึ้งกับภาพเบื้องหน้า
คอนโดของอคินไม่ใช่แค่หรู...แต่มัน ‘เย็นชา’ อย่างสมบูรณ์
เพดานสูงโปร่ง เฟอร์นิเจอร์โมเดิร์นสีเทาเข้มกับดำ เส้นสายเรียบเฉียบจัดวางอย่างไร้ตำหนิ ทุกอย่างถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบจนแทบไม่เหมือนมีคนอาศัย
โซฟาหนังแท้สีดำใหญ่กลางห้องรับแขกไม่มีหมอนอิงสักใบ โต๊ะรับประทานอาหารยาวสำหรับแปดที่นั่งไม่มีแม้แต่มื้ออาหารหรือแจกันสักชิ้น
ผนังสีเข้มเงาเรียบสะอาดไร้กรอบรูป หรือแม้แต่ร่องรอยของชีวิต
“ที่นี่คือ...บ้านคุณเหรอคะ?” ไลลาถามเบา ๆ
“เปล่า” เขาตอบขณะวางกระเป๋าเอกสารลงบนเคาน์เตอร์ครัว
“มันคือที่ที่คุณจะอยู่...จนกว่าผมจะบอกให้ไป”
เธอยืนนิ่งเหมือนถูกแช่แข็ง
อคินเดินกลับมาหยุดตรงหน้าเธอ สายตาไม่เปลี่ยน
“กฎมีไม่มาก”
“หนึ่ง — ห้ามถาม”
“สอง — ห้ามออกจากที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาต”
“สาม — ห้ามขัดคำสั่งผมทุกกรณี”
เขาเว้นจังหวะนิด ก่อนกล่าวด้วยเสียงนิ่งสนิทแต่กรีดเฉือน
“คุณต้องเชื่อฟังฉันทุกอย่าง...ไม่อย่างนั้น เธอจะไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไป และรวมถึงน้องชายเธอก็จะไม่ได้รับการรักษาด้วย”
หัวใจของไลลาหล่นวูบลงเหมือนถูกเหวี่ยงจากชั้นดาดฟ้าของตึกนี้เอง
เธอก้มหน้า กลั้นน้ำตาไว้จนข้างแก้มปวดร้อน
ความเงียบกดทับห้องหรูจนคล้ายคุกเงียบที่กลืนทุกเสียงไว้หมดสิ้น
อคินเดินไปที่ห้องฝั่งซ้าย มือเปิดประตูบานหนึ่งแล้วหันกลับมา
“ห้องคุณอยู่ตรงนี้”
ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีแม้แต่คำว่า ‘ยินดีต้อนรับ’
เพราะตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป...เธอไม่ใช่แขก ไม่ใช่คนรัก ไม่ใช่คนรู้จัก
แต่เป็น ‘ข้อตกลงที่เดินได้’ — ที่ไม่มีราคาต่อรองอีกแล้ว
ภายในห้องนอนที่เงียบราวกับห้องทดลอง ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศระดับต่ำพัดเอาอุณหภูมิลงต่ำกว่าที่ร่างเปลือยเปล่าควรจะทนได้
เตียงขนาดคิงไซส์ปูผ้าสีเทาเรียบสนิท ไม่มีรอยยับ ไม่มีเครื่องประดับ ไม่มีสิ่งใดนอกจากเงาสะท้อนของโคมไฟเหนือหัวที่ส่องลงบนร่างของหญิงสาวผู้หมดสิทธิ์จะเลือกเส้นทางให้ตัวเอง
ไลลายืนนิ่งอยู่ตรงข้างเตียง เสื้อผ้าของเธอชื้นเพราะเปียกฝนเมื่อเย็น แต่เย็นยิ่งกว่าคือสายตาของเขาที่จ้องมาอย่างไม่มีคำพูด
อคินยืนอยู่ตรงหน้า — สูงกว่า หนักแน่นกว่า และเย็นชากว่าเงามืดเบื้องหลังเขาเสียอีก
เขาก้าวเข้ามาอย่างช้า ๆ มือยื่นขึ้นแตะที่กระดุมเม็ดบนสุดของเธอ
นิ้วเรียวยาวที่เคยแม่นยำบนมีดผ่าตัด...บัดนี้กำลังแกะกระดุมเสื้อราคาถูกของเธอออกอย่างมั่นคงทีละเม็ด
เม็ดที่หนึ่ง...ไม่มีเสียงนอกจากเสียงลมหายใจหนัก ๆ ของเขา
เม็ดที่สอง...เธอหลับตาแน่นจนขนตาสั่น
เม็ดที่สาม...เขาหายใจแรงขึ้น ราวกับต้องบังคับตัวเองไม่ให้ถอยหนี หรือกระโจนใส่
เมื่อกระดุมเม็ดสุดท้ายถูกปลด เขาใช้สองนิ้วแหวกสาบเสื้อออกจากกัน
ร่างของเธอปรากฏใต้แสงไฟที่เบาบาง แต่กลับชัดเจนราวกับแสงไฟห้องผ่าตัด
“หนาวไหม” เสียงของเขาเย็นเฉียบแต่ถามเบาราวกระซิบ — ไม่ใช่ด้วยความห่วงใย แต่เหมือนจะตรวจสอบว่าเธอยังรู้สึก
ไลลาไม่ตอบ เธอยืนนิ่งจนราวกับเป็นรูปปั้นหิน
เขาก้าวเข้ามาอีกก้าว ใกล้จนเธอได้กลิ่นสบู่และแอลกอฮอล์จากตัวเขา
เขาเกลียดที่ตัวเองต้องการเธอ...และเกลียดยิ่งกว่า ที่ไม่อาจห้ามใจไม่แตะต้องเธอได้
มืออุ่นจัดของเขาลูบผ่านแขนเธอ ไล้ลงมาถึงข้อมือ แล้วบีบเบา ๆ เพียงพอให้รู้ว่าเขาต้องการ เธอเดินถอยไปจนชนขอบเตียง
เขาจับมือเธอ แล้วค่อย ๆ กดลงบนที่นอน
“นอนลง” เสียงนั้นสั้น นุ่ม แต่ไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ
เธอนอนลงอย่างว่างเปล่า ดวงตาจ้องเพดาน ดวงหน้าไร้อารมณ์ และหัวใจที่เริ่มบีบรัดเจ็บช้า ๆ
อคินตามขึ้นมาบนเตียง เขาคุกเข่าข้างตัวเธอ มือไล้เส้นผมที่ชื้นจากฝนออกจากใบหน้าของเธอ
เขากำลังพยายามไม่สั่น — แต่นิ้วมือเขายังคุมตัวเองไม่ได้
เขากดริมฝีปากลงบนหน้าผากเธอ ไม่ใช่จุมพิตแต่อ่อนโยน แต่เหมือนตราประทับ — เย็น ชัด และเด็ดขาด
ปลายนิ้วของเขาเริ่มไล้จากลำคอลงมาถึงไหปลาร้า ผิวเธอสั่นระริกภายใต้แรงสัมผัส
“อย่าขัดขืน” เขากระซิบข้างหูเธอ ก่อนริมฝีปากจะเคลื่อนมาประทับลงบนแนวกรามของเธอ แผ่วเบาแต่แน่น
มืออีกข้างเลื่อนเข้ากระชับที่ขาเธอ ก่อนจะคลี่ออกอย่างมั่นคง
“เธอไม่ใช่เธอ...” เขาพึมพำเสียงเบา สายตาไล่มองทั่วร่างกายเธอเหมือนกำลังจดจำทุกอย่างไว้ในสมองแพทย์ของเขา
แต่เขาจำไม่ได้ว่า ‘เธอคนเก่า’ เป็นแบบนี้หรือไม่...หรือเพียงเพราะเขากำลังหลอกตัวเอง
เธอหลับตาแน่น มือกำผ้าปูเตียงไว้แน่นเช่นกัน ร่างกายแข็งเกร็ง
เขารู้ว่าเธอเจ็บ
เขารู้ว่าเธอไม่ได้รู้สึกเหมือนเขา
เขารู้...แต่เขาก็ไม่หยุด
ปลายนิ้วเขาเริ่มสอดเข้าใต้ขอบเสื้อด้านในของเธอ ถอดชิ้นแล้วชิ้นเล่าจนร่างกายเปลือยเปล่าท่ามกลางความมืดและเสียงลมหายใจของเขา
เขาทาบร่างลงช้า ๆ — และนั่นคือจุดเริ่มของความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันถอยกลับ
จากนี้ไป...เธอจะเป็นทุกอย่างที่เขาสั่ง — แม้ในใจเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าต้องการเธอ...หรือทำลายเธอ
ลานหน้าศูนย์การแพทย์ขนาดย่อมที่ตั้งอยู่ชานเมืองได้รับการตกแต่งด้วยโคมกระดาษหลากสี พวงมาลัยดอกดาวเรือง และผ้าริบบิ้นขาวสะอาดตา เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ แทรกอยู่ในจังหวะดนตรีบรรเลงแบบไทยประยุกต์ และเสียงแม่ค้าเรียกลูกค้าตามบูธอาหารวันนี้ไม่ใช่งานของโรงพยาบาลใหญ่ ไม่ใช่งานรัฐ ไม่ใช่โครงการของกระทรวง แต่เป็น ‘งานวันเปิดคลินิก’ ที่ชายคนหนึ่งในอดีตเคยเป็นหมอชื่อดังแห่ง Raven ตั้งใจจัดขึ้นด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเองอคิน — ในเสื้อเชิ้ตลินินสีขาว กางเกงสแลคเนื้อเบา และรอยยิ้มมุมปากที่ไลลาไม่เคยเห็นในตอนที่เขายังอยู่ในโลกเก่าเขาเดินเคียงข้างไลลา มือหนึ่งกุมมือนุ่มของเธอไว้แน่น อีกมือลูบหัวเด็กที่เข้ามาทักแล้วแจกขนมที่เตรียมมาให้"ใครจะไปคิด..." ไลลาหันมายิ้มให้เขา"...ว่า ‘คุณหมออคิน’ ที่เคยหน้านิ่งกับทุกคน จะยอมแจกขนมเด็ก"เขายิ้มในลำคอ “ก็เพราะเธออยู่ข้าง ๆ ผมไง ผมเลยอยากยิ้มให้คนอื่นได้บ้าง”เสียงเพลงในงานแทรกด้วยเสียงประกาศจากเวทีหลัก“ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานเปิดตัว ‘คลินิกใจกลางบ
ใบหน้าอคินซีดเผือด แต่สายตาของเขานั้นไหม้เกรียมด้วยไฟที่ไม่มีใครดับได้“...นี่คือสิ่งที่เธอได้ยิน ก่อนเธอจะตัดสินใจจบชีวิต”เขาเว้นจังหวะ หายใจเข้าลึก“และผม...คือลูกชายของคนที่พูดแบบนั้น”ไม่มีใครในห้องขยับแม้แต่นิ้วนอกจากชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่นั่งนิ่งในมุมขวาของโต๊ะวงรีเขา...ที่เคยเป็นเสาหลักของโรงพยาบาลเขา...ที่เคยกำกับทุกเสียงให้เป็นไปตามต้องการวันนี้ ไม่มีใครมองเขาด้วยความเคารพอีกต่อไปมือใหญ่ของเขากำแน่นบนขอบโต๊ะ เหงื่อเย็นชื้นเต็มไรผมนัยน์ตาคู่นั้นแดงก่ำ แต่ไม่ใช่เพราะเศร้า...เพราะโกรธโกรธลูกชายที่ทำลายภาพลวงตาที่เขาสร้างขึ้นมาทั้งชีวิต“มัน...ไม่มีน้ำหนักทางกฎหมาย...” เขาพูดเบา ๆ เหมือนสะอึกแต่อคินหันกลับมาช้า ๆ เสียงของเขาคมเท่ามีดในมือหมอ“แต่คนฟังรู้ว่า...มัน ‘จริง’ มากพอที่จะฆ่าผู้หญิงคนหนึ่งได้”อคินหันหน้ามาทางโต๊ะประชุมอีกครั้ง นัยน์ตาเขาแดงเรื่อ แต่ยังนิ่งแน่ว"ผมไม่ได้ออกจากตำแหน่งเพราะความ
เสียงรองเท้าหนังของอคินกระทบพื้นหินอ่อนของลานจอดรถชั้นใต้ดิน ท่ามกลางแสงไฟสีเหลืองหม่น เขาเดินตรงไปยังรถของตัวเองโดยไม่พูดอะไร มือข้างหนึ่งกำโทรศัพท์ที่ยังคงมีสายมาจากชื่อเดิมซ้ำ ๆ — ไลลาเขาไม่รับ ไม่แม้แต่จะมองหน้าจอสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องทำงานเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ยังคงก้องในหัว... เสียงของพ่อเขา เสียงของความเงียบ เสียงของความเจ็บปวดที่เขาปล่อยให้เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่ารถคันหรูแล่นฝ่าความเงียบของยามค่ำคืนจนมาถึงบาร์ส่วนตัวของคิรินทร์ — มาเฟียผู้ทรงอิทธิพลที่รู้จักเขามานาน“มึงมาคนเดียว?” คิรินทร์เงยหน้าจากแก้ววิสกี้เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาอคินไม่ตอบ เขาทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาหนัง ตรงข้ามกับบาร์ไม้โอ๊ค เสียงแก้วกระทบโต๊ะเบา ๆ ขณะที่คิรินทร์รินวิสกี้ใส่แก้วอีกใบแล้วยื่นให้เสียงแก้วกระทบขอบโต๊ะไม้ดังแผ่ว ภายในบาร์ส่วนตัวของคิรินทร์เงียบสงบ มีเพียงเสียงเพลงแจ๊สคลอเบา ๆ จากลำโพงฝังผนัง อคินนั่งก้มหน้ามองแก้วเหล้าสีอำพันในมือ พลันถอนหายใจออกมาอย่างช้า ๆ“มึงโทรหากู...เพื่อมานั่งเงียบ ๆ แบบนี้?” คิรินทร์ถาม ขณ
ห้องประชุมเล็กชั้นบนสุดของโรงพยาบาล — เงียบราวกับหลุมศพอคินยืนอยู่ปลายโต๊ะวงรีขนาดยาว ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จับจ้องเขา ราวกับเขาคือเข็มนาฬิกาที่หยุดเดิน โลกในตอนนี้ไม่มีเสียงเครื่องมือแพทย์ ไม่มีเสียงผู้ป่วย มีเพียง “ความจริง” ที่กำลังจะถูกชำแหละ“ผมเรียกประชุมในวันนี้...เพื่อเปิดเผยบางสิ่งที่พวกคุณควรได้รู้ — ไม่ใช่แค่ในฐานะแพทย์ แต่ในฐานะมนุษย์”เสียงของอคินหนักแน่นแต่คุมอารมณ์ไม่มีใครพูดสอด ทุกคนต่างขยับตัวในที่นั่ง บ้างนิ่งงัน บ้างเลิกคิ้ว แต่ไม่มีใครหัวเราะ หรือเบ้หน้าเหมือนครั้งก่อน ๆ ที่เขาเคยกลายเป็นข่าวลือเสียสติหลังคนรักตายอคินวางแฟลชไดรฟ์ลงบนโต๊ะ ก่อนจะเสียบเข้ากับโน้ตบุ๊กเครื่องหนึ่ง เสียงบูตเครื่องดังขึ้นในห้องอันวังเวงไม่ใช่ภาพ...แต่คือเสียง“...เขาบอกให้ปล่อยไป อย่าปั๊มหัวใจ อย่าใช้ยากระตุ้นใด ๆ... เขาไม่อยากให้เธอ ‘ตื่น’ ขึ้นมาอีกแล้ว...”เสียงผู้หญิงวัยกลางคนสั่นเครือในคลิปสัมภาษณ์บุคลากรเก่าของโรงพยาบาลที่เคยอยู่เวรฉุกเฉินวันนั้นเสียงนั้น
แสงแดดบ่ายส่องลอดม่านบางในห้องรับรองส่วนตัวของตึกวีไอพีชั้นบนสุด — ห้องที่ไม่มีใครกล้ารบกวนหากไม่ได้รับคำสั่งจากคนในอคินยืนพิงหน้าต่างกระจกสูง เงาสะท้อนของเขาทอดยาวลงบนพื้นหินอ่อน ความนิ่งเงียบรอบกายเหมือนจะกลืนเขาให้หายเข้าไปในเงาของตึกประตูไม้หนักถูกเคาะสองครั้ง ก่อนจะถูกเปิดเข้ามาอย่างแน่นหนัก“ขอโทษที่ให้รอนาน”เสียงทุ้มต่ำและทรงอำนาจของผู้มาใหม่ทำลายความเงียบลงอคินหันกลับไปทันทีที่เห็นคิรินทร์ในชุดสูทสีดำสนิท ก้าวเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสารบาง ๆ ในมือ“นี่คือทั้งหมดที่ฉันหาได้” เขาพูด ก่อนจะวางแฟ้มลงบนโต๊ะกลางห้อง“มันเกี่ยวกับลลิน...เกี่ยวกับการตายของเธอ”แววตาอคินเปลี่ยนทันที — ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุนเขาก้าวเข้าไปหยิบแฟ้มขึ้นมา เปิดอย่างระมัดระวังภายในคือสำเนาเอกสารทางการแพทย์ เวชระเบียนที่ถูกปรับเปลี่ยน ตราประทับโรงพยาบาล รายงานจากเจ้าหน้าที่เวร และสำเนาการสืบสวนภายในที่ไม่เคยเปิดเผยหน้าแรกของเอกสารแนบด้วยโน้ตเล็ก ๆ ที่เขียนด้วยลายมือของคิรินทร์ &mdash
เคสผ่านไปด้วยดี ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เด็กหญิงปลอดภัยอคินออกจากห้องผ่าตัดด้วยเหงื่อชื้นที่ขมับ เขาเดินไปที่ห้องพักแพทย์ — แล้วพบว่าไลลานั่งรออยู่ที่นั่นแล้วเขาทิ้งตัวลงนั่งข้างเธอ ร่างสูงเอนพิงโซฟา ปิดเปลือกตาลงเงียบ...อยู่นานก่อนจะเอ่ยเสียงเบา"ตอนผ่าตัด...ฉันไม่เห็นลลินเลย"เธอหันไปมองเขา — แต่เขายังคงหลับตา"ไม่มีเสียง ไม่มีเงา ไม่มีความหลอน...มีแค่เสียงหัวใจของเด็กคนนั้นที่ฉันต้องรักษาให้ได้"เขาเปิดเปลือกตาอีกครั้ง แล้วหันมาสบตาเธอเต็ม ๆ“และมีเธอ...อยู่ข้างนอกตรงนั้น”ไลลาไม่พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มบาง ๆ แต่ในหัวใจของเธอเต็มไปด้วยคลื่นน้ำที่กำลังไหลเชี่ยวเขายื่นมือมาจับมือเธอไว้แน่น“ฉันอยากจะบอกอะไรบางอย่าง...ที่ไม่เกี่ยวกับอดีต ไม่ใช่เพราะเธอเหมือนใคร ไม่ใช่เพราะเธอเยียวยาฉันจากใคร”“ฉันต้องการเธอ...ในแบบที่เธอเป็น”มือที่จับแน่นขึ้น ริมฝีปากที่เคยแข็งเรียบสั่นน้อย ๆ“การผ่าตัดครั้งนี้...มันไม่ใช่แค่การหัวใจของคนไข้&rdquo