เสียงนาฬิกาเดินอย่างเงียบงันบนผนังคอนโดหรู…
ความเงียบในห้องยังหนาวเหมือนเคย — แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคืออคิน…ที่ยืนอยู่กลางห้องอย่างคนที่ควบคุมอะไรไม่ได้อีกแล้ว
ชายหนุ่มยืนพิงเคาน์เตอร์ครัว แขนไขว้แน่นบนแผ่นอกที่เต็มไปด้วยความคุกรุ่น ใบหน้าคมสันเคร่งเครียดแม้ในความเงียบ แววตาใต้กรอบแว่นสะท้อนแสงไฟอ่อนในห้อง ลึก…และมืดกว่าที่เคยเป็น
หลายวันแล้ว...
นับจากวันที่เขาพลาด
นับจากวันที่มือที่เคยเชื่อมั่นในตัวเอง…สั่นไหว
และเพราะถูกพักงาน
อคินไม่มีผ่าตัด ไม่มีคนไข้ ไม่มีตารางเร่งรีบ
ไม่มีอะไรให้โฟกัส—นอกจากเธอ
ไลลา.
เขาเริ่มจัดตารางวันของเธอใหม่อีกครั้ง
เช้า 7 โมง – อาหารเช้า
9 โมง – เดินในสวนที่เขาเตรียมไว้
บ่าย 1 โมง – อ่านหนังสือที่เขาเลือก
เย็น – อาหารมื้อเดิม
กลางคืน – อยู่กับเขา จนนอนหลับ
ตารางที่เขาคิดว่า “ดี” สำหรับเธอ
ตารางที่เขาเชื่อว่าจะ “ควบคุมความวุ่นวายในหัวใจ” ได้เหมือนคิวคนไข้
แต่เธอไม่ใช่เคสผ่าตัด
ไม่ใช่คนไข้
และเธอไม่ยอมจำนน
“ฉันอยากเลือกหนังสืออ่านเอง”
“ฉันกินข้าวตอนบ่ายสามไม่ไหวค่ะ มันเร็วไป”
“ฉันไม่อยากอาบน้ำตอนห้าโมงเย็นค่ะ ฉันยังไม่เหนื่อย”
เสียงเหล่านี้เริ่มดังขึ้นในแต่ละวัน
ไม่ใช่เสียงตะโกน
แต่คือเสียงของ ‘ขัดขืน’
และมันทำให้เขาเดือด
ไม่ใช่เพราะเธอก้าวร้าว
แต่เพราะ...เธอกำลังหลุดจากมือเขา
วันนั้น เขาเห็นเธอรับโทรศัพท์สายหนึ่ง
เธอคุยเบา ๆ แต่ยาวนานเกินไป
เขาไม่ถามว่าใครโทรมา
เขาไม่ตะโกน
เขาไม่หึงหวง
...เขาแค่เดินเข้าไป ปิดโทรศัพท์ในมือตรงหน้าเธอ
ก่อนจะพูดด้วยเสียงเรียบเฉียบที่เย็นจนเธอสะอึก
“ขึ้นห้อง ไปนั่งรอในนั้น”
“ทำไม—”
“ขึ้นไป”
น้ำเสียงนั้น…ไม่เปิดพื้นที่ให้ตั้งคำถาม
ไลลาถูกขังในห้องอย่างเงียบงัน ประตูล็อกจากด้านนอก
ไม่มีเสียงตะโกน
ไม่มีเสียงโวยวาย
แค่ความเงียบที่กดหัวใจจนเต้นแทบไม่ออก
ตอนเย็นของวันนั้น อาหารไม่ได้ถูกยกมาให้
แสงไฟไม่ถูกเปิดเหมือนทุกคืน
มีเพียงเธอ กับกล่องสี่เหลี่ยมว่างเปล่าที่เขา ‘จัดเตรียมไว้ให้’
เธอไม่ร้องไห้
ไม่ตะโกน
เธอแค่...นั่งอยู่ตรงนั้น สวมชุดเดิม ที่เขาเลือก
ในห้องของเขา
กับหัวใจที่...เป็นของเธอเอง — แต่ถูกปิดตาย
เสียงล็อกประตูยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเธอ แม้เวลาจะผ่านไปหลายนาทีแล้วก็ตาม
ภายในห้องนอนที่ปิดทึบ ไม่มีแม้แต่แสงไฟลอดเข้ามา ไลลานั่งนิ่งอยู่ริมเตียง ร่างกายเย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศที่ไม่เคยหยุดทำงาน...แต่เย็นยิ่งกว่าคือภายในหัวใจของเธอ
เธอรู้ว่าเขาเห็น—อคินเห็นทุกอย่าง ไม่ใช่แค่สายโทรศัพท์ที่เธอรับ...แต่เขาเห็นการ “ต่อต้าน” ของเธอ
และเขาลงโทษ—ไม่ต้องใช้มือ ไม่ต้องใช้คำพูด แค่กดปุ่มล็อกประตูจากระบบของคอนโด ทุกอย่างก็จบ
ไลลาเดินไปแตะลูกบิดอีกครั้ง มันไม่ขยับ
เขาขังเธอไว้เหมือนสัตว์เลี้ยงที่ดื้อ—เหมือนของที่เขา “เป็นเจ้าของ” แต่ควบคุมไม่ได้
เธอเดินกลับมานั่งลงที่พื้นข้างเตียง หัวใจสั่นระรัวอย่างไม่อาจควบคุม
...นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่เธออยู่ในที่แห่งนี้แต่ไม่มีตัวตน
...และคืนนี้ก็เหมือนคืนอื่น—แค่เย็นกว่า หนาวกว่า อ้างว้างกว่าทุกคืนที่ผ่านมา
หลายชั่วโมงผ่านไป
เสียงประตูเปิดขึ้นในความเงียบ
ไลลาหันขวับไป—อคินยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาคมกริบของเขาแทบไม่มีแวว
เขาเดินเข้ามาโดยไม่พูดอะไร
ประตูเปิดช้า ๆ
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินเข้ามา
เธอก็ไม่ได้ลุกขึ้นต้อนรับ
อคินหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
ดวงตาของเขาไม่เคลือบแววความเย็นอีกต่อไป — มันมี ‘เพลิง’ อยู่ในนั้น
เขาเดินกลับไปที่ประตูอย่างช้า ๆ ก่อนจะปิดประตูลง
ในมือของเขามีโทรศัพท์ของเธอ—หน้าจอถูกเปิดค้างไว้ และชื่อที่แสดงอยู่...เป็นชื่อของผู้ชาย
เธอลุกขึ้น ยืนนิ่งอยู่ปลายเตียง พยายามข่มความกลัวในอก แม้เธอจะไม่ได้ทำอะไรผิด...แต่นั่นไม่มีความหมายเลยสำหรับเขา
“เขาเป็นใคร...” เสียงเขาเบา แต่ลึกจนสั่นเหมือนคลื่นใต้น้ำ
“เพื่อนเก่า...”
“เพื่อนเก่าที่โทรหาเธอ...ในเวลานี้?” เขากระตุกยิ้ม ดวงตาไร้แววแต่เต็มไปด้วยเพลิงที่คุมไม่อยู่
“แล้วคุณมีสิทธิอะไรจะถาม?” น้ำเสียงของเธอสั่น แต่ไม่ถอย
เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้ามาช้า ๆ จนระยะห่างแทบไม่มีเหลือ
“ฉันจ่ายเพื่อเธอแล้ว...เธอเป็นของฉัน” เสียงของเขาต่ำ แต่หนักแน่นจนเธอขนลุก
“ไม่..ฉันไม่ใช่ของใคร...” เธอโพล่งออกมา
เขาชะงัก
สายตาของเขานิ่ง ราวกับคำพูดนั้นตบหน้าเขาฉาดใหญ่
...แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาถอย
“เธอจะเป็นของใครไม่ได้...เธอต้องเป็นของฉันคนเดียว” เขากระซิบตอบ...ก่อนจะคว้าข้อมือเธอแน่น
เสียงหอบหายใจของเขาหนักขึ้นในความเงียบงันของห้องนอนที่มีเพียงแสงไฟจากโคมมุมเตียงส่องลอดเงาสะท้อนระยิบระยับบนผนัง ไลลาจ้องใบหน้าเขาด้วยดวงตาแดงช้ำเต็มไปด้วยแรงอัดแน่นจากความโกรธและความสิ้นหวัง
เธอพยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา แต่เขาไม่ปล่อย...ไม่ยอมแม้แต่นิดเดียว
"ปล่อยฉัน...!" เสียงของเธอสั่น ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะข่มน้ำตาไว้ไม่อยู่
อคินจ้องเธอ แววตาดำมืดเต็มไปด้วยคลื่นอารมณ์ที่แทบระเบิด มือรั้งข้อมือเธอไว้แน่นก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกเฉียดปลายจมูก
“อย่าลองดี…” เสียงเขาเข้มจัด
เธอหันหน้าหนี แต่อคินกลับยิ่งโน้มเข้ามาใกล้
เขาไม่ได้หิวร่างกาย...เขากำลังกลัวสูญเสีย
และความกลัวนั้น...ทำให้เขาทำสิ่งที่ไม่ควรทำอีกครั้ง
เขากดร่างเธอลงกับเตียง มือกระชากเสื้อของเธอจนตะเข็บหลุด เส้นด้ายกระจายเต็มพื้นเหมือนความอดทนที่ขาดสะบั้น
“คุณไม่มีหัวใจเลย...” ไลลาร้องไห้ออกมา ดวงตาแดงจัดขณะจ้องเขาอย่างตัดพ้อสุดขีด
เขานิ่งไปเพียงชั่ววินาที ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำแต่แรงสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่
“...แต่ฉันมีเธอ”
แล้วเขาก็ทาบริมฝีปากลงบนลำคอเธอทันทีอย่างไม่ลังเล ขบกัด ดูดดึงแรงอย่างคนที่กำลังจะสูญเสียทุกอย่าง มืออีกข้างสอดเข้าด้านหลังปลดตะขอเสื้อชั้นในออกอย่างแม่นยำในเสี้ยววินาที
ปลายลิ้นของเขาไล้จากไหปลาร้าลงมาถึงทรวงอก สัมผัสเปียกชื้นกับแรงดูดกลืนที่รุนแรงจนเธอสะดุ้ง เธอพยายามหันหน้าหนี แต่เขาจับกรามเธอไว้ให้สบตาเขาแน่น
“มองฉันไว้...ไลลา”
เสียงเขาไม่ใช่เสียงสั่ง แต่เป็นคำขอร้องที่เจ็บปวดอยู่ลึก ๆ — ปะปนระหว่างความโกรธ ความรัก ความทรมาน
ไลลาน้ำตาไหลรินอาบสองข้างแก้ม แต่เธอไม่เบือนหน้าอีก เขาโน้มลงมาอีกครั้ง ขบเม้มที่ยอดอกของเธออย่างแรง สลับข้าง ไม่ได้ถนอม แต่ก็ไม่หยาบช้า — มันเต็มไปด้วย ‘ความบ้า’ ของคนที่ขาดสติ
มือของเขาเลื่อนไปที่ขอบกางเกงของเธอ รูดลงอย่างไม่ให้โอกาสจะต่อต้าน
ร่างเธอสั่นเกร็ง ขณะที่เขากดเข่าระหว่างเรียวขา บังคับให้เธอเปิดออก เธอพยายามหุบมันเข้าแต่เขาแข็งแรงเกินไป มือเขาทั้งกด ทั้งจับ ทั้งบีบเอวเธอแน่น
“อย่าขัด...” เขากระซิบเสียงแหบ
“เพราะตอนนี้...ฉันไม่ไหวแล้วจริง ๆ”
เขาสอดกายเข้ามาในคราวเดียว — เธอกระตุกเฮือก น้ำตาไหลพราก
เขารู้ว่าเธอเจ็บ...แต่เขาก็ไม่หยุด
เขารู้ว่าเธอไม่ต้องการ...แต่เขาก็ยัง ‘ต้องการเธอ’
เสียงครางของเขาหนักต่ำ ลึก และสั่นเป็นช่วง ๆ เหงื่อซึมเต็มแผ่นหลังขณะที่เขากระแทกแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกจังหวะเต็มไปด้วยอารมณ์รุนแรงที่เก็บไว้จนล้น
มือหนึ่งจับขาเธอเกี่ยวขึ้นมาพาดเอว อีกมือหนึ่งจับข้อแขนเธอกดลงกับเตียง
เขาทำเหมือนเธอเป็นของเล่นชิ้นสุดท้าย...ที่ถ้าเขาปล่อยไป เขาจะไม่มีอะไรเหลืออีกเลย
ทุกการขยับคือการลงโทษ
แต่ทุกสัมผัส...กลับเต็มไปด้วยความรักแบบผิดรูปผิดรอย
เขาซุกหน้าลงที่ซอกคอเธอ กัดแรงจนเกิดรอยแดงช้ำ แล้วดูดคล้ายจะทิ้งเครื่องหมายบางอย่างไว้ว่า — ‘เธอเป็นของเขา’
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังเป็นจังหวะ เขากระแทกจนเตียงสั่น เสียงร้องไห้ของเธอเบาผ่านลมหายใจติดขัด สองมือกำผ้าปูเตียงแน่นจนเล็บจิก
แต่เขาก็ยังไม่หยุด...
แม้เธอจะกระซิบเสียงสั่นว่า
“พอ...ได้แล้ว...”
เขาเพียงกระซิบกลับมาว่า
“ไม่...จนกว่าเธอจะเข้าใจว่าเธอเป็นของฉัน…”
เขาเร่งจังหวะจนถึงขีดสุด — ทุกจังหวะรุนแรงดุดันเหมือนสัตว์ป่าที่หวงถิ่น เสียงลมหายใจของเขาหนักหน่วงและหยาบกร้าน
เมื่อถึงที่สุด เขากระตุกแรงครั้งสุดท้าย แล้วปล่อยตัวทาบทับเธอ หอบหายใจรุนแรง
ร่างของไลลาเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อและน้ำตา สั่นระริกอยู่ใต้เขา ราวกับทุกอย่างในร่างถูกกระแทกกระเทือนจนแทบแตกสลาย
อคินไม่พูดอะไรอีก...เพียงแต่โอบเธอไว้แน่น — แน่นจนเหมือนจะฝังเธอไว้กับตัวเอง
และในอ้อมแขนที่ไม่ใช่ความอบอุ่นนั้น...เธอรู้ดี
เขาไม่มีหัวใจ
มีแต่เธอ—ที่เขายึดไว้แน่น
...ราวกับถ้าปล่อยไปอีกครั้ง เขาอาจไม่เหลือแม้แต่ตัวเอง
คอนโดชั้นบนสุดยังคงปิดเงียบเหมือนถูกลืมไว้กลางเมือง แสงเช้าอ่อนสาดผ่านม่านสีเทา มัวซึมเหมือนความรู้สึกของใครบางคนที่ไม่เคยเปลี่ยนบนเตียงขนาดคิงไซส์ ร่างของไลลานอนหันหลังให้เขา ไหล่บางนั้นเกร็งแน่นแม้ในยามหลับ รอยแดงช้ำตามลำคอ ไหล่ และข้อมือยังไม่ทันจางไปจากคืนก่อนอคินนอนลืมตาอยู่ด้านหลัง สายตาจ้องเพดานด้วยความคิดที่พันกันยุ่งเหยิงมือของเขายังวางอยู่บนเอวเธอ — ไม่ใช่เพราะต้องการจะกอด แต่เพราะกลัวว่าเธอจะลุกหนีโดยที่เขาไม่รู้ตัวอีกเธอไม่ได้พูดกับเขาเลยนับจากเมื่อคืนไม่มีคำต่อว่า ไม่มีแม้แต่เสียงกดดันใด ๆแต่นั่นแหละ...ที่ทำให้เขารู้ว่าเธอ “พัง” ข้างในและเขาเองก็...ไม่ต่างกันหลังอาบน้ำเสร็จ เขาเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ที่พับไว้อย่างเนี้ยบ ใบหน้าเย็นชาเหมือนเดิม แต่ดวงตา...กลับอ่อนล้ากว่าทุกวันไลลายังนั่งกอดเข่าข้างเตียง สวมเสื้อคลุมที่เขาโยนให้เมื่อเช้า เธอไม่ได้พูด และเขาก็ไม่ถามเขาเดินเข้าครัว จัดอาหารเช้าอย่างเคย — ไข่ต้ม ขนมปังปิ้ง ข้าวต้มไก่สูตรเดิมที่เขาเคยทำให้ล
เสียงนาฬิกาเดินอย่างเงียบงันบนผนังคอนโดหรู…ความเงียบในห้องยังหนาวเหมือนเคย — แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคืออคิน…ที่ยืนอยู่กลางห้องอย่างคนที่ควบคุมอะไรไม่ได้อีกแล้วชายหนุ่มยืนพิงเคาน์เตอร์ครัว แขนไขว้แน่นบนแผ่นอกที่เต็มไปด้วยความคุกรุ่น ใบหน้าคมสันเคร่งเครียดแม้ในความเงียบ แววตาใต้กรอบแว่นสะท้อนแสงไฟอ่อนในห้อง ลึก…และมืดกว่าที่เคยเป็นหลายวันแล้ว...นับจากวันที่เขาพลาดนับจากวันที่มือที่เคยเชื่อมั่นในตัวเอง…สั่นไหวและเพราะถูกพักงานอคินไม่มีผ่าตัด ไม่มีคนไข้ ไม่มีตารางเร่งรีบไม่มีอะไรให้โฟกัส—นอกจากเธอไลลา.เขาเริ่มจัดตารางวันของเธอใหม่อีกครั้งเช้า 7 โมง – อาหารเช้า9 โมง – เดินในสวนที่เขาเตรียมไว้บ่าย 1 โมง – อ่านหนังสือที่เขาเลือกเย็น – อาหารมื้อเดิมกลางคืน – อยู่กับเขา จนนอนหลับตารางที่เขาคิดว่า “ดี” สำหรับเธอตารางที่เขาเชื่อว่าจะ “ควบคุมความวุ่นวายในหัวใจ” ได้เหมื
แสงแดดอ่อนจางลอดผ่านผ้าม่านสีเทาในคอนโดหรูหราที่เหมือนถูกแช่แข็งไว้ด้วยอุณหภูมิความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันอุ่นขึ้น ร่างบางของไลลานั่งสงบอยู่ตรงเก้าอี้ตัวเดิมริมหน้าต่าง เธอไม่ได้พูดอะไร...และไม่คิดจะพูดอีกต่อไปผ่านมาเกือบสัปดาห์นับจากที่เธอตัดสินใจเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับอคิน — ‘สัญญาที่ไม่ยุติธรรม’ ที่แลกชีวิตน้องชายกับความเป็นตัวเองเขากลับมาอยู่ที่คอนโดทุกวัน ทำทุกอย่างตรงตามเวลาเหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้วอาหารตรงเวลาการจัดตารางชีวิตคำสั่งสั้น ๆ ที่ไม่มีคำอธิบายแต่ไลลาไม่ได้ต่อต้านอย่างเปิดเผยอีกแล้ว เธอไม่พูด ไม่ขัดขืน...แต่ก็ไม่ยอม ‘ยอมรับ’และอคินรู้ดีเธอเปลี่ยนแม้ไม่มีคำใดต่อต้านในน้ำเสียง แม้เธอจะเดินตามเขา กินอาหารที่เขาเตรียมให้ และไม่พยายามหลบหนีอีก แต่เขาก็รู้ — จากสายตาที่มองเขาราวกับเขาเป็นคนแปลกหน้าในบ้านของตัวเองเขาเริ่มหลับไม่สนิทบางคืนตื่นมาแล้วพบว่าเธอนั่งอยู่ริมเตียง มองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่รู้ว่าผ่านมากี่ชั่วโมงเธอเหมือน ‘เงา’ ที่เ
วันถัดมาเมื่อเธอคิดจะลอง “หนี” อีกครั้ง — เธอสวมเสื้อที่ตัวเองเย็บปะด้วยมือ ซ่อนเงินที่เหลือไว้อีกเล็กน้อย และรีบเดินออกจากห้องเงียบที่สุดแต่เมื่อเธอกดลิฟต์เสียงเตือนก็ดังขึ้น...“Access Denied. Invalid Code.”เธอกดใหม่...อีกครั้ง...และอีกครั้งจนกระทั่งเธอเข้าใจ...เขาเปลี่ยนรหัสเขาขังเธอไว้เขา...คุมเธอจากจอที่เธอมองไม่เห็นกล้องวงจรปิดทุกมุมในห้อง — ที่เธอเคยคิดว่าเป็นของระบบอัตโนมัติของคอนโด — ตอนนี้...เธอรู้แล้วว่าทุกตัวเชื่อมเข้ากับเขา”“แม้ไม่มีคำพูดใด แต่เธอรู้ว่าทุกการหายใจของเธอ...ถูกเขา ‘รู้”ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่รู้เลยว่า...ในห้องควบคุมลับของคอนโดนั้นภาพเธอที่ยืนคอตก เดินกลับห้อง — ถูกจับจ้องอยู่ผ่านจอใหญ่ขนาดครึ่งฝาโดยดวงตาที่ไม่ได้แสดงอารมณ์แม้แต่นิดเดียวคืนนั้น เธอกลับมานั่งที่โซฟาเดิมกอดตัวเองแน่นห้องทั้งห้องมืดเงียบเหมือน ‘ไลลา’ ไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้ว
เสียงเพลงเปียโนบรรเลงช้า ๆ ไหลวนในอากาศอย่างไร้จุดสิ้นสุด — เป็นทำนองเดิมที่เปิดทุกวันในคอนโดสูงชั้นสุดของใจกลางกรุงเทพมหานครแต่กับไลลา...มันไม่ใช่เพลงอีกต่อไปมันคือเสียงหลอนมันคือหลักฐานว่าเธอกำลังอยู่ในฉากซ้ำเดิมที่ไม่ใช่ของตัวเองเธอนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาหนังสีดำ กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ แนวฟลอรัลที่อบอวลอยู่ทั่วห้องยังคงเป็นกลิ่นเดิม — กลิ่นที่ไม่เคยเปลี่ยนมาตั้งแต่วันแรกที่เธอก้าวเข้ามาในสถานที่นี้สถานที่ที่เธอไม่เคยรู้สึกว่าเป็น ‘บ้าน’อคินไม่พูดมาก เขายังคงทำหน้าที่ของเขาในโรงพยาบาลอย่างเคร่งครัด แต่ทุกคืนเขากลับมาที่นี่ — พร้อมกับกิจวัตรที่เป๊ะเหมือนจับวางเปิดเพลงเดิม เวลาเดิมเปิดแอร์ที่อุณหภูมิเดิม...แม้ไลลาจะปรับขึ้นให้สูงเพียงใด มันก็จะถูกเปลี่ยนกลับทุกครั้งที่เขาเข้าห้องที่แย่กว่านั้นคือ...แม้แต่คำพูดของเขา“นอนได้แล้ว ลลิน...”นั่นไม่ใช่ชื่อเธอและเขาก็รู้...ว่าไม่ใช่แต่เขาก็ยังเรียกมัน“กินข้าวให้หมด...เหมือนทุกที”
เช้าวันถัดมา แสงแดดอ่อนของฤดูฝนลอดผ่านม่านทึบแสงในห้องนอนสีเทาอมน้ำเงิน ความเงียบยังคงปกคลุมอย่างเหนียวแน่น ราวกับเวลาที่นี่เดินช้ากว่าทุกแห่งบนโลกบนเตียงขนาดคิงไซส์ ร่างบางของไลลานอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มหนา ดวงตายังหลับพริ้ม แต่เหงื่อที่ซึมตามไรผม และสีหน้าซีดเซียวบ่งบอกว่าเธอไม่ได้หลับสบายอย่างที่ควรเป็นพิษไข้จากความเครียดและความเหนื่อยสะสมกำลังเล่นงานเธอจนไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัวประตูห้องนอนถูกเปิดออกช้า ๆอคินยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาคมกริบใต้กรอบแว่นทรงเรียบจ้องร่างเธอแน่นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้“ไข้ขึ้น...” เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเดินออกจากห้องทันทีไม่ถึงสิบห้านาทีต่อมา เขากลับมาพร้อมถาดข้าวต้มร้อน ๆ และกล่องยาสีขาวสะอาดเสียงช้อนกระทบถ้วยเบา ๆ ทำให้ไลลาค่อย ๆ ลืมตา ดวงตากลมโตที่แดงก่ำมองเขาอย่างเลื่อนลอย“คุณ...ทำข้าวต้มเหรอคะ?” เสียงเธอแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน“กินซะ จะได้กินยา” เขาตอบสั้น ๆ วางถาดไว้บนโต๊ะหัวเตียง ก่อนจะยื่นผ้าเย็นเช็ดหน้ามาให้เธอรับไว้เงียบ ๆ ซับ