คอนโดชั้นบนสุดยังคงปิดเงียบเหมือนถูกลืมไว้กลางเมือง แสงเช้าอ่อนสาดผ่านม่านสีเทา มัวซึมเหมือนความรู้สึกของใครบางคนที่ไม่เคยเปลี่ยน
บนเตียงขนาดคิงไซส์ ร่างของไลลานอนหันหลังให้เขา ไหล่บางนั้นเกร็งแน่นแม้ในยามหลับ รอยแดงช้ำตามลำคอ ไหล่ และข้อมือยังไม่ทันจางไปจากคืนก่อน
อคินนอนลืมตาอยู่ด้านหลัง สายตาจ้องเพดานด้วยความคิดที่พันกันยุ่งเหยิง
มือของเขายังวางอยู่บนเอวเธอ — ไม่ใช่เพราะต้องการจะกอด แต่เพราะกลัวว่าเธอจะลุกหนีโดยที่เขาไม่รู้ตัวอีก
เธอไม่ได้พูดกับเขาเลยนับจากเมื่อคืน
ไม่มีคำต่อว่า ไม่มีแม้แต่เสียงกดดันใด ๆ
แต่นั่นแหละ...ที่ทำให้เขารู้ว่าเธอ “พัง” ข้างใน
และเขาเองก็...ไม่ต่างกัน
หลังอาบน้ำเสร็จ เขาเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ที่พับไว้อย่างเนี้ยบ ใบหน้าเย็นชาเหมือนเดิม แต่ดวงตา...กลับอ่อนล้ากว่าทุกวัน
ไลลายังนั่งกอดเข่าข้างเตียง สวมเสื้อคลุมที่เขาโยนให้เมื่อเช้า เธอไม่ได้พูด และเขาก็ไม่ถาม
เขาเดินเข้าครัว จัดอาหารเช้าอย่างเคย — ไข่ต้ม ขนมปังปิ้ง ข้าวต้มไก่สูตรเดิมที่เขาเคยทำให้ลลิน
เสียงช้อนกระทบถ้วยเบา ๆ ในความเงียบ ทำให้เขาชะงัก
‘เธอไม่ใช่ลลิน’
ประโยคที่เธอพูดในคืนนั้น...ยังตามหลอนอยู่ในหัว
แต่ภาพเธอในสายตาเขา — ก็ยังปะปนกับภาพของลลิน
ผมยาวระดับเดียวกัน
กลิ่นสบู่ที่เธอใช้...คือกลิ่นเดียวกับที่เขาเตรียมไว้ในห้องน้ำ — กลิ่นเดียวกับที่ลลินเคยใช้
และเขา...ก็เป็นคนเลือกมันเอง
ไม่มีความบังเอิญ
มีแค่ ‘การทำซ้ำ’
ซ้ำจนแม้แต่เขาเอง...ก็เริ่มแยกไม่ออกว่าเขากอดใครอยู่ในทุกคืน
“คุณจะกินตอนนี้ หรือให้เอาไปวางไว้เหมือนเดิม”
เสียงเขาเรียบนิ่ง ไลลานั่งอยู่เหมือนเดิมไม่ตอบสนอง
เขาพ่นลมหายใจเบา ๆ วางถาดอาหารลงบนโต๊ะ หันหลังเดินออกจากห้องเหมือนทุกครั้ง
แต่มือกลับกำแน่น...แน่นเหมือนคนกำลังพังทลาย
เย็นวันนั้น เขาเดินเข้าไปในคลินิกจิตแพทย์เอกชนแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท
“ดร.ธีรัตน์” เป็นเพื่อนเก่าสมัยแพทย์ประจำบ้าน และเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้เรื่องลลิน
“ไม่ได้เจอกันนานนะ อคิน”
“ผมต้องการคำตอบ” เขาเอ่ยทันที ไม่มีคำทักทาย ไม่มีน้ำเสียงไว้หน้า
“เรื่องลลินเหรอ?”
อคินพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะวางมือบนหน้าผากเหมือนคนที่กำลังยอมรับความอ่อนแอที่เกลียดนักหนา
“ผมฝันถึงเธอทุกคืนครับ...แม้จะตื่นอยู่ ผมก็ยังได้ยินเสียงเธอ”
“คุณพูดกับใครอยู่ทุกคืน?”
“ไลลา...” เขาตอบทันที
แต่ทันทีที่พูดชื่อนั้นออกมา...หัวใจก็เหมือนถูกบีบ
ใช่ — มันคือชื่อไลลา
แต่เสียงในหัวเขา...มันคือเสียงของลลิน
“คุณรักไลลาเหรอ?”
อคินเงียบ...
เขาไม่ตอบได้ในทันที
“ผมไม่ได้อยากให้เธอเป็นลลิน...แต่ผมก็ลืมลลินไม่ได้”
เสียงของเขาสั่นเล็กน้อยในตอนท้าย
ธีรัตน์ถอนหายใจ เอ่ยอย่างใจเย็นแต่เด็ดขาด
“คุณอาจกำลัง ‘project’ ความรักที่ไม่จบลงกับคนตาย...ใส่ลงไปในคนที่ยังมีชีวิตอยู่”
อคินชะงัก
คำว่า ‘project’ — มันเหมือนค้อนที่ทุบลงบนหัว
“มันอันตราย...ทั้งสำหรับคุณ และสำหรับเธอ”
“คุณหมายถึงไลลา?”
“ใช่...เธอไม่ใช่ลลิน และคุณก็รู้ดี”
อคินก้มหน้าลง เงียบอีกครั้ง
มือที่เคยจับมีดผ่าตัดได้อย่างแม่นยำ...สั่นนิด ๆ ขณะจับขอบเก้าอี้
“แล้วผมควรทำยังไง...” เขาพึมพำเบา ๆ
ธีรัตน์มองหน้าเขานิ่ง ก่อนจะพูดคำสุดท้ายก่อนจบการสนทนา
“เริ่มจากการยอมรับว่าเธอเป็นใคร...ไม่ใช่ใครที่คุณเคยรัก...”
อคินขับรถกลับคอนโด โดยไม่เปิดเพลง
ภายในรถเงียบจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น
เขากลับมา...
แต่ภาพในหัว — ยังคงไม่ใช่ไลลา
มันยังเป็นลลินอยู่ดี
เขาเปิดประตูเข้าห้อง...และพบเธอนั่งอยู่ที่เดิม
มองเขา...ด้วยสายตาของคนที่รู้
รู้ว่าเธอไม่ใช่เธอในหัวเขา
และนั่น...อาจเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยยอมรับเลยจริง ๆ
แสงไฟสลัวจากโคมไฟมุมห้องทอดเงายาวไปบนผนัง ไลลานั่งชันเข่าบนโซฟา ดวงตาแดงเรื่อขณะมองอคินที่ยืนนิ่งอยู่ตรงประตูห้องนั่งเล่น
เขาไม่พูดอะไรเลย
เขาแค่ยืนนิ่ง มองเธอด้วยดวงตาคู่นั้น—ลึก เย็น และสั่นไหวในเวลาเดียวกัน
เขาเหมือนคนที่เพิ่งออกจากสมรภูมิในจิตใจของตัวเอง
และมันยังคงดำเนินอยู่...ไม่มีวันจบ
ขณะสายตาทอดลงต่ำ มือของเขาคลายออกจากกำแน่นบนโทรศัพท์มือถือ—อุปกรณ์ที่เขาถือกลับมาหลังออกจากโรงพยาบาลเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
ไลลาไม่พูดเช่นกัน
แต่เธอสังเกต—เขาไม่เหมือนเดิม
ไม่ใช่ในแบบที่เขาเย็นชา
แต่เป็นแบบที่เหมือนเขากำลัง...แตกสลาย
ภาพตัดย้อน—
โต๊ะไม้ยาวในห้องจิตวิทยาของคลินิกส่วนตัวชื่อเงียบๆ ย่านทองหล่อ
ดร.ธีรัตน์—ชายวัยกลางคนในเสื้อเชิ้ตเรียบแต่ดูภูมิฐาน เอียงคอมองอคินที่นั่งฝั่งตรงข้าม
"ผมคิดว่าคุณไม่ได้มารักษา...คุณแค่มาหาคำตอบว่าจะอยู่กับภาพหลอนยังไง โดยไม่ให้มันกลืนคุณไป"
เสียงนั้นเรียบ...แต่คมพอจะกรีดลงไปในใจของอคินได้
อคินกัดฟันแน่น "ผมไม่ได้หลอน"
"คุณทำทุกอย่างเหมือนเดิม...เหมือนที่เคยทำกับลลิน ไม่เว้นแม้แต่เวลาตื่นนอน เพลงที่เปิด น้ำหอมที่ใช้ เสื้อผ้าที่คุณเตรียมให้เธอ..."
“คุณกำลังบอกว่า...ผมหลอมเธอให้เป็นลลิน?”
“ผมไม่ได้บอก” จิตแพทย์ตอบเสียงนิ่ง
“แต่คุณรู้ตัวเองอยู่แล้ว”
“ถ้าไม่หยุด...สุดท้ายคุณอาจสูญเสียเธอไปเหมือนคนก่อน”
คำพูดนั้นก้องอยู่ในหัวของเขา ขณะที่เขาก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่น
และก็เหมือนทุกครั้ง—ขาเขาพาไปยังเครื่องเสียงอัตโนมัติ
ปลายนิ้วกดปุ่ม play แบบไม่คิด
เพลงเดิมดังขึ้นทันที—เปียโนช้า ๆ ที่วนลูปจนไลลาจำได้
เธอหลับตาลงขณะเสียงแรกบรรเลง...
และในวินาทีนั้น—เธอรู้ว่าเขายังไม่กลับมา
เขา...ยังติดอยู่กับเงาของใครอีกคน
กลางดึก คืนนั้น
เตียงนอนแสนกว้างกลับเต็มแน่นด้วยความเงียบและความอึดอัด
อคินกอดเธอไว้แน่นจากด้านหลัง แขนแข็งทื่อแต่ไม่ยอมปล่อย
ลมหายใจของเขาร้อนเกินกว่าจะนอนหลับสนิท
เธอลืมตาในความมืด จังหวะหัวใจของเขาเต้นแรงแนบหลังเธอ รุนแรงเกินกว่าคนหลับ
“ลลิน...”
เสียงพึมพำนั้นดังที่ซอกคอเธอ
ไลลาสะดุ้ง
เธอรู้ว่าเขากำลังหลับอยู่
แต่คำพูดนั้น...ไม่ใช่ชื่อเธอ
“ลลิน...อย่าหายไป...”
เสียงกระซิบนั้นดังขึ้นอีก ราวกับละเมอ แต่แผ่วเบาจนกลายเป็นคมมีดที่กรีดกลางหัวใจ
เธอพยายามพลิกตัว—เบี่ยงออกจากอ้อมกอดนั้น
แต่มือของเขารั้งไว้แน่น
เขากอดเธอไว้...เหมือนกลัวว่าเธอจะหายไปจากอ้อมแขน — เหมือนคนที่กอดอดีตไม่ยอมปล่อย
“อย่าทำแบบนี้...” เธอพึมพำ ทั้งน้ำตา
เธอไม่อยากเป็นใครอีกคนอีกแล้ว
เธอไม่อยากอยู่ในร่างใคร ไม่ว่าจะตายไปแล้วหรือยังอยู่
มือเธอผลักเบา ๆ ที่อกเขา
อคินรู้สึกตัวทันที
เขาขยับ พลิกตัวขึ้นเล็กน้อยแล้วมองเธอในความมืด
“เป็นอะไร...”
เธอเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดอย่างเจ็บปวด
“คุณเรียกชื่อคนอื่น...คุณละเมอ เรียกชื่อคนที่ไม่ใช่ฉัน...”
อคินไม่ตอบในทันที
เขานิ่ง...และความเงียบของเขาก็เจ็บกว่าคำสารภาพใด ๆ
“ถ้าคุณยังต้องการคนคนนั้น...คุณควรไปหาเขา...และปล่อยฉันไป”
คำพูดนั้นเหมือนระเบิดลูกเล็กที่จุดกลางเตียง
เขานั่งนิ่ง มือแน่น ดวงตาจ้องมองเธอราวกับจะเจาะเข้าไปในจิตใจ
“ผมไปหาเธอไม่ได้...และคนที่ผมต้องการคือคุณ...” เขาพูดเบา ๆ
“…ไม่ใช่ลลิน”
แต่ในแววตานั้น — เหมือนภาพของเธอยังซ้อนทับอยู่กับใครอีกคนที่เธอไม่เคยรู้จัก...แต่เขาไม่มีวันลืม
และไลลาก็รู้ดี
ว่าเขาอาจ ‘พูด’ ว่าต้องการเธอ
แต่หัวใจของเขา...ยัง ‘จำ’ ใครอีกคนอยู่ตลอดเวลา
คอนโดชั้นบนสุดยังคงปิดเงียบเหมือนถูกลืมไว้กลางเมือง แสงเช้าอ่อนสาดผ่านม่านสีเทา มัวซึมเหมือนความรู้สึกของใครบางคนที่ไม่เคยเปลี่ยนบนเตียงขนาดคิงไซส์ ร่างของไลลานอนหันหลังให้เขา ไหล่บางนั้นเกร็งแน่นแม้ในยามหลับ รอยแดงช้ำตามลำคอ ไหล่ และข้อมือยังไม่ทันจางไปจากคืนก่อนอคินนอนลืมตาอยู่ด้านหลัง สายตาจ้องเพดานด้วยความคิดที่พันกันยุ่งเหยิงมือของเขายังวางอยู่บนเอวเธอ — ไม่ใช่เพราะต้องการจะกอด แต่เพราะกลัวว่าเธอจะลุกหนีโดยที่เขาไม่รู้ตัวอีกเธอไม่ได้พูดกับเขาเลยนับจากเมื่อคืนไม่มีคำต่อว่า ไม่มีแม้แต่เสียงกดดันใด ๆแต่นั่นแหละ...ที่ทำให้เขารู้ว่าเธอ “พัง” ข้างในและเขาเองก็...ไม่ต่างกันหลังอาบน้ำเสร็จ เขาเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ที่พับไว้อย่างเนี้ยบ ใบหน้าเย็นชาเหมือนเดิม แต่ดวงตา...กลับอ่อนล้ากว่าทุกวันไลลายังนั่งกอดเข่าข้างเตียง สวมเสื้อคลุมที่เขาโยนให้เมื่อเช้า เธอไม่ได้พูด และเขาก็ไม่ถามเขาเดินเข้าครัว จัดอาหารเช้าอย่างเคย — ไข่ต้ม ขนมปังปิ้ง ข้าวต้มไก่สูตรเดิมที่เขาเคยทำให้ล
เสียงนาฬิกาเดินอย่างเงียบงันบนผนังคอนโดหรู…ความเงียบในห้องยังหนาวเหมือนเคย — แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคืออคิน…ที่ยืนอยู่กลางห้องอย่างคนที่ควบคุมอะไรไม่ได้อีกแล้วชายหนุ่มยืนพิงเคาน์เตอร์ครัว แขนไขว้แน่นบนแผ่นอกที่เต็มไปด้วยความคุกรุ่น ใบหน้าคมสันเคร่งเครียดแม้ในความเงียบ แววตาใต้กรอบแว่นสะท้อนแสงไฟอ่อนในห้อง ลึก…และมืดกว่าที่เคยเป็นหลายวันแล้ว...นับจากวันที่เขาพลาดนับจากวันที่มือที่เคยเชื่อมั่นในตัวเอง…สั่นไหวและเพราะถูกพักงานอคินไม่มีผ่าตัด ไม่มีคนไข้ ไม่มีตารางเร่งรีบไม่มีอะไรให้โฟกัส—นอกจากเธอไลลา.เขาเริ่มจัดตารางวันของเธอใหม่อีกครั้งเช้า 7 โมง – อาหารเช้า9 โมง – เดินในสวนที่เขาเตรียมไว้บ่าย 1 โมง – อ่านหนังสือที่เขาเลือกเย็น – อาหารมื้อเดิมกลางคืน – อยู่กับเขา จนนอนหลับตารางที่เขาคิดว่า “ดี” สำหรับเธอตารางที่เขาเชื่อว่าจะ “ควบคุมความวุ่นวายในหัวใจ” ได้เหมื
แสงแดดอ่อนจางลอดผ่านผ้าม่านสีเทาในคอนโดหรูหราที่เหมือนถูกแช่แข็งไว้ด้วยอุณหภูมิความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันอุ่นขึ้น ร่างบางของไลลานั่งสงบอยู่ตรงเก้าอี้ตัวเดิมริมหน้าต่าง เธอไม่ได้พูดอะไร...และไม่คิดจะพูดอีกต่อไปผ่านมาเกือบสัปดาห์นับจากที่เธอตัดสินใจเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับอคิน — ‘สัญญาที่ไม่ยุติธรรม’ ที่แลกชีวิตน้องชายกับความเป็นตัวเองเขากลับมาอยู่ที่คอนโดทุกวัน ทำทุกอย่างตรงตามเวลาเหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้วอาหารตรงเวลาการจัดตารางชีวิตคำสั่งสั้น ๆ ที่ไม่มีคำอธิบายแต่ไลลาไม่ได้ต่อต้านอย่างเปิดเผยอีกแล้ว เธอไม่พูด ไม่ขัดขืน...แต่ก็ไม่ยอม ‘ยอมรับ’และอคินรู้ดีเธอเปลี่ยนแม้ไม่มีคำใดต่อต้านในน้ำเสียง แม้เธอจะเดินตามเขา กินอาหารที่เขาเตรียมให้ และไม่พยายามหลบหนีอีก แต่เขาก็รู้ — จากสายตาที่มองเขาราวกับเขาเป็นคนแปลกหน้าในบ้านของตัวเองเขาเริ่มหลับไม่สนิทบางคืนตื่นมาแล้วพบว่าเธอนั่งอยู่ริมเตียง มองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่รู้ว่าผ่านมากี่ชั่วโมงเธอเหมือน ‘เงา’ ที่เ
วันถัดมาเมื่อเธอคิดจะลอง “หนี” อีกครั้ง — เธอสวมเสื้อที่ตัวเองเย็บปะด้วยมือ ซ่อนเงินที่เหลือไว้อีกเล็กน้อย และรีบเดินออกจากห้องเงียบที่สุดแต่เมื่อเธอกดลิฟต์เสียงเตือนก็ดังขึ้น...“Access Denied. Invalid Code.”เธอกดใหม่...อีกครั้ง...และอีกครั้งจนกระทั่งเธอเข้าใจ...เขาเปลี่ยนรหัสเขาขังเธอไว้เขา...คุมเธอจากจอที่เธอมองไม่เห็นกล้องวงจรปิดทุกมุมในห้อง — ที่เธอเคยคิดว่าเป็นของระบบอัตโนมัติของคอนโด — ตอนนี้...เธอรู้แล้วว่าทุกตัวเชื่อมเข้ากับเขา”“แม้ไม่มีคำพูดใด แต่เธอรู้ว่าทุกการหายใจของเธอ...ถูกเขา ‘รู้”ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่รู้เลยว่า...ในห้องควบคุมลับของคอนโดนั้นภาพเธอที่ยืนคอตก เดินกลับห้อง — ถูกจับจ้องอยู่ผ่านจอใหญ่ขนาดครึ่งฝาโดยดวงตาที่ไม่ได้แสดงอารมณ์แม้แต่นิดเดียวคืนนั้น เธอกลับมานั่งที่โซฟาเดิมกอดตัวเองแน่นห้องทั้งห้องมืดเงียบเหมือน ‘ไลลา’ ไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้ว
เสียงเพลงเปียโนบรรเลงช้า ๆ ไหลวนในอากาศอย่างไร้จุดสิ้นสุด — เป็นทำนองเดิมที่เปิดทุกวันในคอนโดสูงชั้นสุดของใจกลางกรุงเทพมหานครแต่กับไลลา...มันไม่ใช่เพลงอีกต่อไปมันคือเสียงหลอนมันคือหลักฐานว่าเธอกำลังอยู่ในฉากซ้ำเดิมที่ไม่ใช่ของตัวเองเธอนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาหนังสีดำ กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ แนวฟลอรัลที่อบอวลอยู่ทั่วห้องยังคงเป็นกลิ่นเดิม — กลิ่นที่ไม่เคยเปลี่ยนมาตั้งแต่วันแรกที่เธอก้าวเข้ามาในสถานที่นี้สถานที่ที่เธอไม่เคยรู้สึกว่าเป็น ‘บ้าน’อคินไม่พูดมาก เขายังคงทำหน้าที่ของเขาในโรงพยาบาลอย่างเคร่งครัด แต่ทุกคืนเขากลับมาที่นี่ — พร้อมกับกิจวัตรที่เป๊ะเหมือนจับวางเปิดเพลงเดิม เวลาเดิมเปิดแอร์ที่อุณหภูมิเดิม...แม้ไลลาจะปรับขึ้นให้สูงเพียงใด มันก็จะถูกเปลี่ยนกลับทุกครั้งที่เขาเข้าห้องที่แย่กว่านั้นคือ...แม้แต่คำพูดของเขา“นอนได้แล้ว ลลิน...”นั่นไม่ใช่ชื่อเธอและเขาก็รู้...ว่าไม่ใช่แต่เขาก็ยังเรียกมัน“กินข้าวให้หมด...เหมือนทุกที”
เช้าวันถัดมา แสงแดดอ่อนของฤดูฝนลอดผ่านม่านทึบแสงในห้องนอนสีเทาอมน้ำเงิน ความเงียบยังคงปกคลุมอย่างเหนียวแน่น ราวกับเวลาที่นี่เดินช้ากว่าทุกแห่งบนโลกบนเตียงขนาดคิงไซส์ ร่างบางของไลลานอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มหนา ดวงตายังหลับพริ้ม แต่เหงื่อที่ซึมตามไรผม และสีหน้าซีดเซียวบ่งบอกว่าเธอไม่ได้หลับสบายอย่างที่ควรเป็นพิษไข้จากความเครียดและความเหนื่อยสะสมกำลังเล่นงานเธอจนไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัวประตูห้องนอนถูกเปิดออกช้า ๆอคินยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาคมกริบใต้กรอบแว่นทรงเรียบจ้องร่างเธอแน่นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้“ไข้ขึ้น...” เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเดินออกจากห้องทันทีไม่ถึงสิบห้านาทีต่อมา เขากลับมาพร้อมถาดข้าวต้มร้อน ๆ และกล่องยาสีขาวสะอาดเสียงช้อนกระทบถ้วยเบา ๆ ทำให้ไลลาค่อย ๆ ลืมตา ดวงตากลมโตที่แดงก่ำมองเขาอย่างเลื่อนลอย“คุณ...ทำข้าวต้มเหรอคะ?” เสียงเธอแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน“กินซะ จะได้กินยา” เขาตอบสั้น ๆ วางถาดไว้บนโต๊ะหัวเตียง ก่อนจะยื่นผ้าเย็นเช็ดหน้ามาให้เธอรับไว้เงียบ ๆ ซับ