เข้าสู่ระบบMarcus slammed his mouth on her in a brutal way. His hand still round her neck. The mating bond is a scum. Selena couldn't resist the taste of the lips even with how rough he was raving her. She came back to her senses when she remembered that he was getting married in few hours. She then begin to struggle. "You will never be my Luna!" This book, is filled with how a poor girl was miserable because In a short time she has two mates and none wanted her. one hated her for what she did when she was little, the other never wanted a mate. She had to go through the turbulence in the pain of her heart. keep reading to know what exactly happened to Selena. enjoy.
ดูเพิ่มเติมภายในโรงแรมชื่อดังหรูหราระดับประเทศ บรรดาสาวไฮโซทั้งหลายกำลังประชันความงามละลานตาอยู่บนเวทีกันอย่างเต็มความสามารถ เพราะต่างก็ต้องการได้เข้าร่วมเดินแบบเพชรมูลค่ากว่าพันล้านที่ Diamond Group แต่ดูเหมือนร่างที่ดูโดดเด่นเย้ายวนที่สุดบนเวที คงหนีไม่พ้นนางแบบสาวหน้าใหม่วัยยี่สิบห้าปีที่กำลังเป็นที่ฮือฮาของบรรดานักธุรกิจน้อยใหญ่
อนันตญา ณัฐพันธ์วณิชย์ หรือที่มักถูกเรียกขานกันจนติดปากว่า ‘บาร์บี้’ ซึ่งก็เป็นชื่อที่มาจากรูปลักษณ์อันสวยหวานราวกับตุ๊กตามีชีวิตนั่นเอง
ถึงแม้ว่าเธอจะก้าวเข้าสู่วงการนางแบบได้เพียงไม่นาน รวมทั้งยังไม่ได้โด่งดังอะไรมากมายนัก แต่ความมีพรสวรรค์ของเธอก็ทำให้ใครหลายๆ คนนึกชื่นชมได้ไม่ยาก
เสียงปรบมือดังสนั่นขึ้นอีกระลอก เมื่ออนันตญาเดินออกมาด้วยท่วงท่าที่ดูสง่างาม ภาพลักษณ์ที่งดงามราวกับเจ้าหญิงนั้นตรึงสายตาคมกล้าคู่หนึ่งให้จับจ้องมองมาด้วยความตกตะลึง สีหน้าแสดงให้เห็นชัดเจนว่ากำลังสนอกสนใจนางแบบคนนี้เอาอย่างมาก แม้ว่าจะอยู่ในสายตาของเขาแทบจะตลอดเวลา แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้ทันสังเกต ไม่แม้แต่จะมองตอบด้วยซ้ำ
“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านครับ บัดนี้ก็ได้เวลาอันสมควรแล้วที่เราจะประกาศรายชื่อ Queen of diamond เพื่อมาเป็นเกียรติในการร่วมเดินแบบเพชรมูลค่ากว่าพันล้านบาทที่บริษัทเพชรยักษ์ใหญ่อย่าง Diamond Group ครับ” เมื่อพิธีกรหนุ่มกล่าวจบก็ตามมาด้วยเสียงฮือฮาของบรรดาไฮโซทันที เหล่านางแบบสาวสวยทุกคนได้ออกมาเฉิดฉายความงามพร้อมกันอีกครั้งเพื่อรอลุ้นการตัดสิน
“และผมใคร่ขอเรียนเชิญ คุณนราภัทร บารมีไพศาลกุล ประธานการเดินแบบในครั้งนี้ขึ้นมามอบตำแหน่ง Queen of diamond บนเวทีด้วยครับ ขอเรียนเชิญครับ” พิธีกรหนุ่มคนเดิมทำหน้าที่ของตัวเองอีกครั้ง
ไม่นานร่างสูงสง่าในชุดสูทที่เข้มก็ปรากฏขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาคมคายฉาบด้วยรอยยิ้มเจ้าสเน่ห์ชวนมอง นราภัทร บารมีไพศาลกุล นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นชื่อดังวัยยี่สิบแปดปีที่พ่วงตำแหน่งสุดยอดเพล์ยบอยของประเทศ
เขาพาร่างสูงโปร่งเกินมาตรฐานชายไทยขึ้นสู่เวทีเพื่อเตรียมมอบตำแหน่งสำคัญ ท่ามกลางเสียงปรบมือและกรี๊ดกราดของสาวๆ ที่ดังขึ้นเป็นระยะ
“สวัสดีท่านผู้มีเกียรติทุกท่านครับ ผม...นราภัทร บารมีไพศาลกุล รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยนะครับที่ได้ร่วมงานกับนางแบบสาวสวยทุกท่านในค่ำคืนนี้”
นราภัทรส่งสายตากรุ้มกริ่มและยากที่จะอ่านออกไปยังสุภาพสตรีที่มาร่วมงาน เล่นเอาสาวๆ น้อยใหญ่พากันแสดงท่าทีเก้อเขินอย่างมีความหวัง พิธีกรขัดจังหวะนั้นด้วยการเริ่มประกาศรายชื่อของนางแบบผู้โชคดี ผลที่ออกมาทำให้ชายหนุ่มกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ เพราะคนที่ได้ตำแหน่งนั้นตรงกับที่ใจเขากำลังต้องการอยู่พอดี
“และนางแบบสาวสวยคนที่ได้รับตำแหน่ง Queen of diamond แห่งค่ำคืนนี้ก็คือ...คุณอนันตญา ณัฐพันธ์วณิชย์ นางแบบหน้าใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้าสู้วงการได้เพียงไม่นานมานี้เองครับ ยินดีด้วยนะครับ!”
เสียงปรบมือจากทุกคนดังสนั่นขึ้นทันทีที่รู้ว่าใครคือผู้ที่ได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรติในค่ำคืนนี้ แน่นอนว่าอนันตญายังคงถูกนางแบบรุ่นพี่และสาวสวยไฮโซหลายคน ใช้สายตาดูถูกเหยียดหยามเพราะความริษยาเช่นเคย
นราภัทรยิ้มกริ่ม เขาสนใจเธอมานานพอดูแล้วเหมือนกัน แต่ท่าทางถือดีและการวางตัวอย่างดีเยี่ยมของเจ้าหล่อน ทำให้ไม่มีโอกาสได้เข้าไปเสนอตัวตีสนิทมากเท่าไหร่นัก
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ได้ตั้งปณิธานอันแรงกล้าเอาไว้แล้ว ว่าแม้จะต้องแลกด้วยอะไร...เขาก็จะเอาเธอมาเชยชมให้ได้
ครั้งแรกที่นราภัทรได้พบกับเธอในงานสังคมแห่งหนึ่ง เขาก็สรุปได้เลยว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก เรียกได้ว่าสวยประหารเลยทีเดียว วันนี้ใบหน้างามแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ชั้นดี บวกกับโครงหน้าที่ดูโดดเด่น ริมฝีปากอิ่มทาทับด้วยลิปสติกสีชมพู ทำให้เรียวปากนั้นแลดูน่าจุมพิตยิ่งนัก เรือนผมสีน้ำตาลเข้มของเธอถูกเกล้าขึ้นสูง แต่ก็ไม่ลืมที่จะปล่อยปอยผมลงมาเคลียที่แผ่นหลังขาวเนียนเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความเย้ายวน
ชุดเกาะอกสีขาวยาวกรอมเท้าประดับด้วยโบว์เล็กๆ สีชมพูรอบอก เมื่ออยู่ในเรือนร่างสูงเพรียวสมส่วนของหญิงสาวแล้ว มันทำให้เธอดูงดงามราวกับเจ้าหญิงที่หลุดออกมาจากโลกแห่งความฝัน อนันตญามาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ส่งยิ้มหวานให้ด้วยความปลาบปลื้มใจ วันนี้นับว่าเป็นโอกาสดีของเขาที่จะได้เข้าใกล้ชิดเธออย่างที่หวังเอาไว้
“ยินดีด้วยนะครับ คุณบาร์บี้” นราภัทรกล่าวขึ้นอย่างสนิทสนมพร้อมกับใช้สายตาโลมเลียอย่างเปิดเผย หญิงสาวชักยิ้มไม่ออก แต่ก็ไม่แสดงสีหน้าบ่งบอกถึงความรู้สึกใดๆ รีบยื่นมือไปรับดอกลิลลี่สีขาวช่อใหญ่ที่เขาส่ง และยอมรับโดยดุษฎีว่าชักรู้สึกอึดอัดมากขึ้น หลังจากเห็นสายตาวูบไหวของเขายังคงจับจ้องอย่างสนใจ
“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มตอบตามมารยาท พยายามไม่ตีความหมายของสายตาเขาที่จ้องมองอย่างไม่ลดละ แต่ที่แย่กว่านั้นคือเขาไม่ยอมปล่อยมือเธอเสียที ดังนั้นจึงจำเป็นต้องชักมือกลับเกือบสุดแรง แม้จะรู้ว่านั่นเป็นการเสียมารยาทก็ตาม
นราภัทรรู้สึกขัดใจระคนแปลกใจอยู่ไม่น้อยกับการกระทำนั้น การที่เธอแสดงออกว่าไม่ได้สนใจใยดีในตัวเขา เปรียบเสมือนการท้าทายอีกรูปแบบหนึ่ง นั่นก็เท่ากับว่าเขาเลือกสนใจคนได้ไม่ผิดจริงๆ สาวสวยคนนี้มีอะไรหลายอย่างที่น่าค้นหามากกว่าผู้หญิงที่เขาเคยรู้จักทุกคน คงเป็นเพราะเธอพยายามวิ่งหนี
ไม่ใช่วิ่งโร่เข้าหาเขาแบบผู้หญิงคนอื่น...
รอยยิ้มของนราภัทรแต้มขึ้นที่มุมปากพร้อมกับความคิดบางอย่างที่ผุดพรายขึ้นมา หลังจากเสร็จสิ้นการมอบตำแหน่งอันทรงเกียรตินั้นแล้ว ชายหนุ่มก็ขอตัวแยกออกมาอีกทาง ล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางสแล็ค แล้วมีคำสั่งให้คนของเขาเตรียมของสำคัญบางอย่างทันที
เมื่อทุกคนได้แสดงความยินดีกับอนันตญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอจึงมีเวลาแยกตัวไปล้างหน้าล้างตา รวมทั้งเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวกลับไปที่พักผ่อนยังคอนโดมิเนียมของตัวเอง ถ้าหากเธอยังอยู่ที่นี่ต่อไปก็คงจะยิ่งอึดอัดเสียเปล่าๆ เพราะสายตาวาววับของนราภัทร เอาแต่จ้องมองอยู่แทบจะทุกอิริยาบถเลยก็ว่าได้ แล้วไหนจะสายตาเกลียดชังของนางแบบหลายคนในที่แห่งนี้อีก
สักพักใหญ่หญิงสาวในคราบนางฟ้าก็อยู่ในชุดเดรสสีชมพูหวาน ช่วยขับผิวขาวนวลผ่องให้ดูน่ามองยิ่งขึ้น ผมที่เกล้าไว้ถูกปล่อยสยายอยู่บนแผ่นหลัง
ใบหน้างามสะอาดสะอ้านและปราศจากเครื่องสำอางค์ มีเพียงแป้งฝุ่นบางเบากับลิปกลอสธรรมดาช่วยเติมเต็มเล็กน้อย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความน่าชื่นชมในตัวเธอลดลงไปได้เลยสักนิด
อนันตญากล่าวลาบรรดาทีมงานที่เกี่ยวข้องและทุกคนในบริเวณนั้นอย่างสุภาพ ก่อนจะพาร่างกายอันอ่อนล้าเดินตรงไปยังลานจอดรถ วันนี้รู้สึกเหนื่อยมากกว่าทุกวัน แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะย่อท้อเลย
ความจริงแล้วอนันตญาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะได้มาทำงานเป็นนางแบบ เพราะก่อนหน้านี้เธอเป็นแค่เพียงเจ้าของห้องเสื้อเล็กๆ เท่านั้น ความจำเป็นบางอย่างทำให้เธอต้องยอมเดินเข้าสู่วงการที่มากด้วยการแข่งขันอย่างไม่มีทางเลือก
เหตุผลของความจำเป็นนั้นก็คือชีวิตของผู้ให้กำเนิดของเธอเอง...
มารดาของเธอป่วยหนักและถูกส่งตัวไปรักษาที่ต่างประเทศได้สักพักหนึ่งแล้ว เงินที่ได้จากการตัดเย็บเสื้อผ้าไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งของเธอและมารดา เพราะแบบนี้เองจึงได้เลือกที่จะมาทำงานเป็นนางแบบทันทีที่มีคนชักชวน การเดินแบบในครั้งก่อนๆ รวมทั้งในครั้งนี้ทำให้เธอมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นอีก
แม้มันอาจจะยังไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดของผู้เป็นแม่ แต่อย่างน้อยการได้ทำงานที่มีผลตอบแทนมากมายแบบนี้ ถือเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอมีความหวังที่จะยื้อชีวิตท่านให้ยาวนานขึ้นไปอีก เธอเดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนใกล้จะถึงรถ แต่เสียงเรียกของใครคนหนึ่งทำให้ต้องชะงักฝีเท้าเอาไว้ก่อน
“คุณบาร์บี้ครับ...คุณบาร์บี้!” เสียงทุ้มนุ่มหูร้องเรียกเสียงดัง หญิงสาวหันกลับมาก็พบนราภัทรกำลังเดินกึ่งวิ่งตรงมาหา หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างรำคาญใจ เดาไม่ออกเลยว่าเขาจะมาวุ่นวายอะไรกับเธออีก
“ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรกับดิฉันเหรอคะ?” อนันตญาเอ่ยถามเสียงแข็งจนเกือบจะกลายเป็นห้วน รู้สึกสงสัยอยู่บ้างที่เห็นเขาออกมาจากงานที่ตนเองเป็นประธานแบบนี้ เวลานี้เขาควรกำลังรับประทานอาหารร่วมกับบรรดานักธุรกิจรายใหญ่อยู่เสียด้วยซ้ำไป
‘เขาตามเธอมาทำไมกัน’
หญิงสาวครุ่นคิด มือเรียวกระชับกระเป๋าในมือแน่นเพื่อลดความกังวล ผู้ชายมือไวใจเร็วอย่างนี้ไว้ใจได้ที่ไหนกัน ชายหนุ่มยิ้มพราย มองเธอด้วยสายตาจาบจ้วงที่ทำให้รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งใบหน้าอย่างขุ่นเคือง
“ว่ายังไงคะ ถ้าไม่มีอะไร...ฉันคงต้องขอตัว” เมื่อพูดจบหญิงสาวก็ตั้งท่าจะหมุนตัวเดินกลับไปขึ้นรถ ทว่าช้ากว่ามือหนาที่เอื้อมมาคว้าต้นแขนแขนกลมกลึงไว้อย่างถือวิสาสะ
เธอรีบหันกลับมาส่งสายตาเอาเรื่อง เป็นเชิงบอกให้เขาปล่อยมือเสีย ดูเหมือนชายหนุ่มเองก็รู้ได้ถึงความคิดนั้นเช่นกัน
“ขอโทษทีครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” นราภัทรกล่าวแล้วชักมือกลับไปซุกไว้ข้างในกระเป๋ากางเกง “คือ...ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วยหน่อยครับ คุณพอจะมีเวลาไหม ผมรบกวนไม่นานหรอก”
“ฉันคงไม่มีเวลาคุยเรื่องไร้สาระกับคุณหรอกนะคะ วันนี้ฉันเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ฉันต้องการพักผ่อนค่ะ”
อนันตญาทำลายความหวังนั้นลงอย่างไร้เยื่อใย ทำท่าจะเดินจากไปอีกเป็นหนที่สอง คราวนี้ชายหนุ่มไม่ได้แตะต้องเนื้อตัวเธอ แต่ใช้คำพูดที่มีเหตุผลของเขาหยุดรั้งเธอไว้แทน
“คุณคิดว่าผมออกมาจากงานเพื่อพูดเรื่องไร้สาระงั้นเหรอ?” ร่างสูงผึ่งผายยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ขณะที่อีกฝ่ายหันกลับมาหาอย่างจำใจ “ผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับคุณ” เขาปรับสีหน้าให้เป็นดูกังวลเล็กน้อยเพื่อเรียกร้องความสนใจ แน่นอนว่าวิธีนี้ยังคงใช้ได้เหมือนอย่างเคย
อนันตญาเห็นใบหน้าหล่อเหลาดูไม่สู้ดีนัก จึงคิดว่าบางทีเขาอาจมีธุระสำคัญจริงๆ ก็ได้ หญิงสาวลอบถอนหายใจ ก่อนจะตอบตกลง แต่ถ้าจะให้ยืนคุยกันอยู่ตรงนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ เธอก็ไม่อยากเป็นข่าวกับนักธุรกิจเนื้อหอมคนนี้สักเท่าไหร่นัก เพราะนั่นอาจทำให้ไม่มีลูกค้าผู้หญิงเข้าไปสั่งชุดที่ห้องเสื้ออีกเลยก็ได้
นราภัทรพาอนันตญามาที่ภัตตาคารหรูแห่งหนึ่งที่ตกแต่งอย่างประณีตตามสไตล์ตะวันตก โต๊ะอาหารตกแต่งด้วยผ้าปูสีชมพูอ่อน เหมาะสำหรับการดินเนอร์ระหว่างคู่รัก ซึ่งมันคงไม่ใช่เธอกับเขาแน่ๆ
ชายหนุ่มเดินนำตรงไปยังโต๊ะอาหารที่ได้ให้คนโทรศัพท์มาสั่งจองไว้ล่วงหน้าก่อนจะมาถึงที่นี่ หญิงสาวเดินตามหลังมาโดยทิ้งระยะห่างไว้พอสมควร ทั้งสองคนนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกัน เขายิ้มพอใจ แต่เธอนิ่งเฉยไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ สุดท้ายเขาจึงต้องเป็นฝ่ายเปิดฉากก่อน
“คุณจะทานอะไรดีครับ สั่งเลยดีกว่า เดี๋ยวเราจะได้คุยธุระกัน”
“พูดธุระของคุณมาก่อนดีกว่าค่ะ ฉันยังไม่หิว” อนันตญาเร่งเร้า ใบหน้างามบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด นั่นก็เพราะเธอรู้สึกอ่อนเพลียและหงุดหงิดที่ต้องอยู่ใกล้เขา นี่ถ้าไม่คิดว่าอาจจะเป็นธุระสำคัญจริงๆ ละก็ เธอคงไม่ยอมมาด้วยแน่
นราภัทรฉีกยิ้มเสแสร้ง แต่ในใจกำลังมอดไหม้เป็นเถ้าธุลีจากความเย็นชาของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า เขาสังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทางแปลกๆ แล้วก็หน้าตาบูดบึ้งตั้งแต่ตอนขึ้นรถมาแล้ว การแสดงออกพวกนั้นทำให้คิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย นอกจากความจริงที่ว่าเธอรังเกียจที่จะต้องอยู่ใกล้ชิดกับเขา
อนันตญาเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนคนไร้ค่า ไร้เสน่ห์ ไม่ใช่ที่น่าสนใจและโดนเหยียดหยาม ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงไม่มานั่งเสียเวลาแบบนี้แน่ๆ
อยากรู้นักว่าถ้าหากเธอตกมาเป็นผู้หญิงของเขา แล้วถูกทิ้งเหมือนดอกไม้ริมทางที่หมดความน่าชื่นชม เธอจะทำอย่างไรต่อไป...จะวิ่งตามอ้อนวอนเหมือนที่ผู้หญิงพวกนั้นเคยทำหรือเปล่า
คนอย่างนราภัทร บารมีไพศาลกุล ไม่เคยยอมให้ใครหน้าไหนมามีอิทธิพลเหนือเขาได้อย่างเด็ดขาด แต่เมื่อได้มาเจอกับผู้หญิงคนนี้ เขาก็สูญเสียความเป็นตัวเอง เพราะรู้สึกพิเศษกับเธออย่างจริงจังแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน
“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ ถ้ายังไม่หิวก็ตามใจคุณแล้วกัน”
หลังจากคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ชายหนุ่มก็ดึงตัวเองกลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง เขาหันไปบอกบริกรหนุ่มให้ออกไปก่อน ยอมทำตามความต้องการของเธออย่างใจเย็น ความนิ่มนวลเท่านั้นที่จะทำให้เธอพ่ายแพ้ให้แก่เขาได้
“คือ...ผมอยากจะขอถามหน่อยน่ะครับว่าคุณพอใจหรือเปล่าที่ได้ร่วมเดินแบบให้กับงานของผม” เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง ดวงตาจ้องมองใบหน้างดงามอย่างคาดหวังในคำตอบ
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ทำไมเหรอคะ?” อนันตญาย่นคิ้วชนกันอย่างไม่เข้าใจ
“ผมคิดว่าคุณเหมาะที่จะมาเป็นนางแบบประจำของบริษัทผมน่ะครับ แล้วที่ผมต้องการจะพูดกับคุณก็คือ...ผมต้องการซื้อตัวคุณด้วยราคายี่สิบล้านบาท ไม่ทราบว่าคุณจะโอเคไหมครับคุณอนันตญา” นราภัทรไม่อ้อมค้อมสักนิด สีหน้าของเขาดูก็รู้ว่าไม่ได้พูดเล่นแน่
หญิงสาวเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่าซื้อตัว นี่เขาบ้าไปแล้วหรือเปล่า ถึงได้คิดจะซื้อตัวเธอเพื่อไปเดินแบบถึงยี่สิบล้านบาท
อนันตญามองหนุ่มหล่อตรงหน้าอย่างพิจารณา อันที่จริงคนระดับเขาน่าจะไปหานางแบบจากต่างประเทศได้ในราคาที่ถูกกว่านี้มากเสียด้วยซ้ำ หรือถ้าต้องการเธอไปทำงานด้วย เขาก็แค่ไปติดต่อกับผู้จัดการส่วนตัวเสียก็สิ้นเรื่อง ไม่เห็นต้องเสนอเงินมากมายถึงขนาดนี้เลย
“คุณนราภัทรคะ ฉันว่ามันมากเกินไปนะคะ ที่จริงถ้าคุณต้องการนางแบบสักคนก็ไม่น่าจะให้ราคาสูงขนาดนี้ บริษัทของคุณ ใครๆ ก็อยากเข้าไปทำงานด้วยอยู่แล้วละค่ะ” หญิงสาวให้เหตุผล
“แล้วว่ายังไงละครับ คุณยินดีตอบตกลงไหม” ชายหนุ่มถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ แอบหัวเราะอยู่ในใจที่เห็นว่าสาวน้อยตาหวานคนนี้ กำลังเข้าใจความหมายของคำว่า ‘ซื้อตัว’ ผิดไปในแง่ดี ความจริงเขาไม่ได้ต้องการนางแบบอะไรทั้งนั้น
สิ่งที่เขาต้องการก็คือตัวเธอต่างหาก!
อนันตญาใช้เวลาคิดเพียงไม่นานก็ตอบตกลง เพราะตอนนี้มารดากำลังรอการผ่าตัดรักษาเนื้องอกในสมองอยู่ที่ประเทศอเมริกา ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดก็สูงมากด้วย หากเธอขืนชักช้ามัวแต่อวดดี นั่นก็เท่ากับว่าปิดโอกาสรอดของมารดาไปด้วย ไม่น่าเชื่อว่าโชคดีจะเข้าข้างเธอได้รวดเร็วขนาดนี้
ถ้าหากบิดาของเธอยังมีชีวิตอยู่ ภาระทุกอย่างคงไม่ตกมาอยู่ที่เธอเพียงลำพังเช่นนี้ อนันตญาไม่อยากเสียมารดาไปอีกคน ถ้ามัวแต่รอให้เธอเก็บเงินได้ครบเสียก่อน อาการของผู้ให้กำเนิดที่เหลือเพียงคนเดียวจะไม่แย่ไปมากกว่านี้หรอกหรือ
“ค่ะ ฉันตกลง” หลังจากครุ่นคิดทบทวนจนแน่ใจ เธอก็ตอบตกลงทันที ในใจตอนนี้นึกถึงเพียงอาการที่เริ่มทรุดหนักของมารดา ไม่ทันได้สนใจสิ่งใด “แต่ฉันไม่ขอรับค่าตัวที่สูงขนาดนั้นหรอกนะคะ” แล้วต่อรองเขา
นราภัทรอดคิดไม่ได้ว่าเธอโง่หรือบ้ากันแน่ ถึงได้ไม่ยอมรับเงินจำนวนมหาศาลที่เขาเสนอให้อย่างหน้าใหญ่ใจโต แต่นั่นก็ทำให้ได้รู้ว่าเธอแตกต่างไปจากผู้หญิงคนอื่นที่เคยวนเวียนเข้ามาในชีวิตเขา นอกจากจะเล่นตัวให้น่าสนใจแล้ว เธอยังไม่ได้หลงใหลในอำนาจของเงินทองอีกด้วย
“ถ้างั้นผมจะโทรให้คนของผมนำสัญญามาที่นี่เลยนะครับ ผมเตรียมไว้แล้ว” พูดจบชายหนุ่มก็โทรศัพท์ไปหาคนสนิทเพื่อสั่งให้นำสัญญาที่สั่งให้ร่างไว้หลังจากที่รู้ว่าเธอได้รับรางวัล Queen of diamond มาให้โดยเร็วที่สุด
เนื่องจากมีการตระเตรียมกันเอาไว้ก่อนแล้ว เวลาผ่านไปราวสิบนาทีสัญญาฉบับสำคัญจึงมาอยู่ตรงหน้าอนันตญาอย่างรวดเร็วทันใจ มีการแก้ไขข้อตกลงนิดหน่อยว่าเงินที่ใช้ซื้อตัวเธอนั้น อยู่ที่ห้าล้านบาท ไม่ใช่ยี่สิบล้านบาทอย่างที่เขาเสนอให้ เพราะมันมากเกินกว่าจะรับได้จริงๆ
อนันตญาอ่านสัญญาที่นราภัทรยื่นมาวางตรงหน้าอย่างคร่าวๆ ก่อนจะจรดปลายปากกาเซ็นชื่อลงไปอย่างรวดเร็ว เพราะมั่นใจว่าสิ่งที่เลือกคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วสำหรับตอนนี้ ถึงแม้หญิงสาวจะไม่ชอบท่าทีจาบจ้วงของเขาสักเท่าไหร่นัก แต่ชีวิตของมารดาก็สำคัญมากกว่าทิฐิส่วนตัว
จะว่าไปแล้วอนันตญาก็ควรต้องขอบคุณเขาเสียด้วยซ้ำที่ช่วยเสนอทางออกให้ในช่วงเวลาที่กำลังยากลำบาก แต่ถ้าหากหญิงสาวฉุกคิดหรือปรึกษาใครสักนิดก่อนตัดสินใจ เธอจะรู้ว่าในสัญญาฉบับนี้ระบุว่าเพียงว่าต้องการซื้อตัวเธอให้เป็นสิทธิ์ของเขาโดยสมบูรณ์เท่านั้น
แต่ไม่ได้ระบุว่าในฐานะนางแบบ...หรือฐานะใดกันแน่!
" Dylan, you have to return home," Luka said to him. Now he was looking really good. Although he hasn't recovered because his wolf was still weak. Dylan had taken it upon himself to take good care of his brother and he succeeded. And just within a month he was looking so good. After Dylan's wedding, he had left the pack claiming that his brother who was the rightful person to the Alpha King had already arrived. Luka tried to talk him out of it but Dylan was so adamant. "You are supposed to be the king, not me," he said to Luka. "Dylan, I know but then I'm weak. A weak king can't lead. People see you as their deity now. You can't leave the pack stranded. People will take over,"Luka said. Now he's been married for three months and yet he has refused to go back home. He, Selena and Lucius had gone to one of the pack's Dylan had invested in. "Luka it is your responsibility and I won't do it for you" Dylan disagreed. Luka had come to persuade him but he wouldn't bulge. Selena came o
All through their return to the palace, Andrea was looking angrily at Selena. At some point she tried to attack her but the silver chain held her down. Dylan's father was the saddest of them all but none knew. He kept blaming himself for adopting a demon like Andrea. "After everything we've done for you, you still paid us with so much evil" Dylan's mother cried when they were back at the palace. The woman was crying bitterly and seeing the woman crying Andrea also cried. She didn't know that this was going to be the ending of all that she had done. The family had really treated her like their own daughter. Yes she was really bad to them. "I'm sorry" she said crying. Dylan's father glared at Andrea. “If I had known you are such a monster, I wouldn't have adopted you," he said before turning to his wife. “I'm sorry for bringing a demon home," he said as tears strolled down his cheek. No one had ever seen Dylan's father cry but this time he even cried more than everyone. He felt li
"I can't hear you well, '' Dylan said with squinted eyes. His body was already vibrating. Everyone was already scanning the room to see Andrea but they discovered that she had escaped. "When I saw her helping me, I was so happy and I told her that there was no monster in this place, only assassins. I even told her that you were not here because she was the one who called me that you went to Meribaa but all of a sudden she changed and striked me. I was still in shock when she had someone to tie me up. I kept shouting, asking her why she was doing what she did......" Luka paused and sighed. " What did she say?" Dylan's mother asked. " She said she hated to be my mate. She said she only wanted Dylan and she would get him. She said she would make him the Alpha King, that I do not deserve it. I pleaded with that I would make Dylan marry her but she wouldn't listen. I watched her as she removed my clothes, poured a chemical on one of the dead bodies that looked like my statue after clawi
Everyone looked at Selena as she ran to the monster they were trying to pull. Dylan, afraid that she would hurt herself, followed her. "What are you doing?" Dylan asked her. "Wait" she said to him. She moved closer to the monster and touched its damp body. The monster looked at her. It didn't even sneer as a normal monster should do. Selena could feel the dampness of its body and she thought something was not right. "Is there a swamp at Meribaa?" She asked. " Yes, a big one," Dylan replied. Now Selena was beginning to get what was going on. "Give me a hammer" she ordered. Lucius didn't even allow her to land before he sent someone to go get the hammer. He knew if he didn't do that there would not be anyone that would answer her because they thought she was crazy for touching a monster. They were all watching her like she was performing some magic. The hammer came and Selena hit the hammer on the monster. Then a cracking sound came. She hit it again and part of it fell to the gr
Destined to the Alpha King (Selena's plight) is a werewolf novel by Xterian with a rating score of 9.8 that tells the story of a girl whose mates never wanted her. All Selena's heart felt was pain and turbulence because she didn't have any luck with mates. One despised her for the thing she did as a child, while the other didn't want a mate in the first place. How will Selena's story continue? Will she be able to finally find happiness? Read the novel to discover.
คะแนน
ความคิดเห็นเพิ่มเติม