LOGINDiffuser Love หอมกลิ่นรัก 5
“คุณกัลป์อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมคะ?” พี่นิดามองกันด้วยรอยยิ้มขณะที่เห็นฉันเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลงข้าง ๆ เจ้าตัว
“อืม หนูอยากกินแกงเห็ดรวมกับต้มแซ่บหมูค่ะ” บอกผู้ช่วยมือก็ยื่นไปรับแก้วน้ำที่จุ๊บรินมาให้ ฉันนั่งข้างพี่นิดาส่วนพี่จิ๊บกับจุ๊บรวมถึงนนท์นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แม้จะทำงานด้วยกันมาหลายปี แต่ทุกคนก็ยังเกรงใจฉันเหมือนเดิม หรือฉันเผลอทำหน้าดุกันนะ?
“ไม่กินน้ำอัดลมกันเหรอคะ?” เอ่ยถามพนักงานอย่างข้องใจ ที่วันนี้ไม่มีน้ำอัดลมเลยปกติจะชื่นชอบกัน ฉันสังเกตเห็นว่าชอบก็มักจะซื้อมาใส่ตู้เย็นที่ร้านให้ตลอดเลยละ แต่ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนซื้อมาเพราะพนักงานเกรงใจฉันมากจนไม่กล้าหยิบจับอะไร แต่ทุกคนทำงานเก่งนะ ทั้งสามคนเลย
เหตุเป็นเพราะพี่จิ๊บกับจุ๊บเคยโดนไล่ออกจากงาน แล้วสองพี่น้องมีวุฒิการศึกษาแค่มัธยมต้น ทำให้หางานใหม่ค่อนข้างยาก ยิ่งมาโดนไล่ออกแบบนี้ยิ่งทำให้เครียดกันหลายทาง ช่วงนั้นฉันเปิดร้านและดูแลร้านเองคนเดียว ส่วนพี่นิดาก็จะคอยช่วยดูเรื่องเอกสาร และบางวันที่ว่างก็จะมาช่วยดูแลหน้าร้านด้วย วันนั้นถ้าจำไม่ผิด สองพี่น้องเดินมานั่งที่หน้าร้านแล้วร้องไห้ไปพร้อมกับกินข้าวไปด้วย ฉันเลยให้พี่นิดาไปถามว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้รู้ที่มาที่ไป พอรู้เรื่องทั้งหมดก็รู้สึกสงสารจึงให้มาลองทำงานดู แรก ๆ ให้ทำงานบ้านไปก่อน พร้อมกับจ่ายเงินเป็นรายวัน แต่พอเห็นว่าพวกเขาหัวเร็วและทำได้ดี จึงจับมาฝึกงานเกี่ยวกับเครื่องหอมในร้าน แล้วก็ให้เข้ามาทำงานขายอย่างเต็มตัว
ส่วนนนท์ น้องมาจากต่างจังหวัดแบบไร้ญาติขาดมิตร แต่จำต้องมาเพราะที่บ้านไม่มีกิน พอเห็นป้ายก็เดินเข้ามาสมัครด้วยตัวเอง คนนี้น้องชายฉันถูกชะตาเลยรับมาน่ะ นั่นแหละเรื่องบังเอิญต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้เราได้มาเจอมารู้จักกัน จนทำงานด้วยกันมาหลายปีแล้ว
“สั่งมาเลยค่ะ ไม่ต้องเกรงใจ กินให้อิ่มเลยนะ กัลป์เลี้ยง” รีบบอกพนักงานทุกคนอย่างใจดี
“เดี๋ยวพี่สั่งให้เองค่ะ กินแบบอิ่ม ๆ เลยคุณกัลป์เลี้ยงแบบนี้ พี่ชอบมากค่ะ” พี่นิดาหัวเราะเบา ๆ อย่างสนุกทำให้บรรยากาศไม่น่าอึดอัดสักเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าทุกคนกลัวจนเกร็งนะ แต่ทุกคนยังพูดเล่นหัวเราะหยอกล้อกันปกติ แต่บางทีเวลาพามากินข้าวหรือเลี้ยงข้าวทุกคนมักจะเกรงใจเท่านั้นเอง
“อุ๊ย เงินเดือนออกแล้ว ขอบคุณค่ะเจ้านาย” พี่นิดาอุทานหลังจากได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของตัวเอง ซึ่งก็เป็นช่วงจังหวะเดียวกับพนักงานอีกสามคน ส่วนพนักงานของอะพาร์ตเมนต์ก็ออกพร้อมกัน ปกติที่อื่นจะออกตอนเที่ยงคืนหรือตอนเช้า แต่เพราะครั้งแรกที่ฉันไปส่งเอกสารดันเลือกเวลาสี่ทุ่มน่ะสิ จากนั้นมาธนาคารเลยตั้งโอนเงินเดือนพนักงานให้ตอนสี่ทุ่มตลอด ฉันเองก็อยากเปลี่ยนเหมือนกันนะ อยากให้มันออกตอนเช้า สงสัยต้องลองปรึกษาพี่นิดาดูอีกที
“ขอบคุณค่ะคุณกัลป์”
“ขอบคุณครับ”
“อะไรกันคะ นั่นค่าเหนื่อยทุกคนนะคะ ไม่ต้องขอบคุณเลย แล้วก็อย่าเกรงใจหนูมากทำงานด้วยกันมานานแล้วนะคะ มีอะไรเข้ามาคุยมาปรึกษาได้ค่ะ” ฉันถือโอกาสบอกพนักงานที่น่ารักของตัวเองไปด้วย
“เข้าใจแล้วค่ะ” พี่จิ๊บตอบรับ พร้อมกับอาหารที่สั่งไปหลายอย่างถูกยกมาเสิร์ฟทีละจาน ทำให้เราทุกคนเริ่มมื้อดึกด้วยความอร่อย รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของพนักงานที่เหนื่อยมาด้วยกัน ทำให้ฉันเผลอยิ้มตามไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว
ส่วนวันนี้แค่เป็นวันเงินเดือนออกที่พนักงานมีความสุข...ก็เพียงพอแล้วละสำหรับฉัน
SP. Diffuser Love 3.3 จบตอนพิเศษ“ที่รัก กลับบ้านกันครับ” แต่นั่งคุยได้ไม่นาน สามีสุดหล่อก็เดินข้ามถนนมาตามถึงบ้านพ่อเลย“โห ห่างกันบ้างเถอะครับ ให้ผมอยู่กับคนสวยบ้าง” คาร์โลว์รีบแกล้งพี่คริสติน แล้วพออีกฝ่ายนั่งลงบนเก้าอี้ว่างข้าง ๆ ฉัน น้องชายยิ่งส่ายหน้าเอือมระอากับท่าทางไม่ยี่หระจากคนมาใหม่“ไม่เอา เมียพี่ พี่หวง”“เฮ้อ ไม่เคยชินสักทีเวลาพี่เป็นแบบนี้” คาร์โลว์แซวทั้งยังหัวเราะอย่างสนุกที่ได้แกล้งพี่คริสแบบนี้ณ สนามแข่งรถเสียงเพลง เสียงร้องเชียร์ เสียงโห่ร้องชอบใจดังกระหึ่มไปทั่วทุกสารทิศ ภายในห้องรับรอง VVIP ถูกจับจองด้วยกลุ่มของญาตินักแข่ง ทั้งฉัน พ่อ สามี และน้องอลิซกับครอบครัว เราพักอยู่ที่ห้องนี้ระหว่างดูการแข่ง กล้องถ่ายรูปตัวใหญ่ถูกยกขึ้นมารัวชัตเตอร์ถ่ายรูปน้องชายไว้ตั้งแต่ที่เดินออกมาเตรียมตัวต่าง ๆ กระทั่งน้องก้าวขึ้นรถในจังหวะที่เปลี่ยนตัวนักแข่ง ภาพเหล่านั้นฉันไม่ลืมที่จะบันทึกไว้ถ้าจำไม่ผิด สามีเล่าให้ฟังคร่าว ๆ ว่าในหนึ่งรอบจะมีนักแข่งสองคนเปลี่ยนกันขับคนละครึ่งของระยะทาง ในวันนี้ที่เป็นการแข่งขันวันแรก คาร์โลว์ขับเป็นคนที่สอง เมื่อน้องสับเปลี่ยนตัวกับรุ่นพี่นักแข
SP. Diffuser Love 3.2ใช้เวลาสักพักก็กลับมาถึงบ้านหลังใหญ่ บ้านที่เมื่อก่อนมีแค่ฉันกับน้องชายอยู่ด้วยกัน แต่ตอนนี้ที่บ้านขยายใหญ่ขึ้น พร้อมกับคนงานภายในบ้านที่เข้ามาอยู่ เพื่อทำให้การใช้ชีวิตของฉันสะดวกสบายขึ้น ทุกการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ล้วนเกิดจากสามีของฉันที่คอยเอื้ออำนวยความสะดวกสบายให้“วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ?” รีบถามคนรักเมื่อเราทั้งคู่เดินกลับเข้ามาที่ห้องนอนส่วนตัว“พี่เวียนหัวทั้งวันเลย ลืมผ้าห่มหนู”“คิกคิก ติดกลิ่นมากเลยเหรอคะ?” หัวเราะคิกคักยามได้แซวสามี ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ยกมือประคองใบหน้าของสามีให้โน้มต่ำลง แล้วจูบที่ริมฝีปากเบา ๆ เป็นการปลอบโยนคนลืมผ้าห่ม“ติดมากเลยครับ อยากพาไปทำงานด้วยเลย” คนตัวโตเอ่ยอ้อนเสียงแผ่ว ทั้งยังยกแขนโอบรอบเอวฉันไว้หลวม ๆ เพื่อออดอ้อน“ไม่ได้ค่ะ หนูมีงานต้องทำเหมือนกันนะ”“รู้ครับ งั้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดกัน อยากกอดจะแย่แล้ว” คนตัวสูงรีบบอกพร้อมกับประคองฉันให้เข้าห้องน้ำเพื่อช่วยอาบน้ำแต่งตัวให้ ช่วงนี้ฉันหลับเร็วมาก ยังไม่ทันจะสามทุ่มก็หลับป๊อกแล้ว ดังนั้นสามีเลยต้องรีบอาบน้ำให้ตั้งแต่หกโมงเย็น ป้องกันฉันหลับไปก่อนที่จะได้อาบน้ำ“ท้องโตขึ้นไหม?
SP. Diffuser Love 3ครอบครัว...ใครจะไปคิดว่าทันทีที่รู้ว่าท้อง ทั้งคนรักและน้องชายจะเล่นใหญ่ขนาดนี้ ทำห้องเด็กไว้ตั้งสามห้อง อีกทั้งยังสั่งของใช้เด็กเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน ฉันเหนื่อยใจจริง ๆ นะ ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่น้องชายไปอยู่ต่างประเทศ เวลาว่างก็ยังโทร. มาหาเพื่อขอดูพุงกลม ๆ ของฉัน แม้อายุครรภ์จะย่างเข้าสัปดาห์ที่ยี่สิบเอ็ดพุงก็ยังยื่นออกมาไม่มาก แต่คุณสามีกลับชื่นชอบที่จะซื้อชุดคลุมท้องมาให้ บอกว่าฉันใส่แล้วน่ารัก ส่วนคาร์โลว์ที่โทร. มาขอดูพุงก็ชมไม่ขาดปากหลังจากที่จัดงานแต่งไปทั้งสองประเทศ ตอนนี้ทั้งฉันและพี่คริสติน เราจดทะเบียนสมรสกันแล้วนะคะ ทั้งของไทยและของอิตาลี มีคนมาร่วมยินดีกับเราเยอะมากและส่วนใหญ่จะเป็นคนสนิทกันเท่านั้น“อ้าว คุณกัลป์อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ประตูร้านก้านไม้หอมถูกผลักเข้าไปก็ได้ยินเสียงพนักงานที่น่ารักส่งเสียงทักทายมาทันที“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ร้านพร้อมเปิดหรือยังคะ?” เอ่ยถามพนักงานพร้อมกับรอยยิ้มสดใส ตั้งแต่ตั้งครรภ์มาจนเข้าไตรมาสที่สอง ฉันไม่มีอาการแพ้ท้องเลยสักอย่าง เจ้าตัวเล็กเป็นเด็กดีมาก ส่วนคนที่มีอาการคล้ายคนแพ้ท้องและติดกลิ่นฉันหนักกว่าเมื่อก่อนคือคุณสามีฉันเอง
SP. Diffuser Love 2.4“อยากให้กูทำยังไงกับไอ้เหี้ยนี่ดี?” ทวนถามรอนทั้งยังจ้องตามันนิ่ง ๆ“กะ กูไม่เกี่ยว” มอลเลปฏิเสธเสียงกระท่อนกระแท่น ทั้งยังกระถดถอยออกห่างจากผม แต่ก็ไม่สามารถทำได้ดังใจคิด เมื่อผมใช้เชือกเส้นหนึ่งรัดเข้าที่คอของมันจนแน่นทั้งมือทั้งขาดีดดิ้นไปมาเมื่อใกล้ขาดอากาศหายใจ ขณะที่ทำผมยังแสยะยิ้มจ้องรอนอีเนียไปด้วย จ้องพร้อมกับรอยยิ้มไม่ได้สนใจคนที่ดีดดิ้นอยู่ข้างผมเลย“เฮือก!” เสียงสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ดังจากมอลเล เมื่อผมยอมคลายเชือกที่รัดคอมันออก“คุ้นไหม? เหมือนกับที่พวกมึงทำกับคนรักกูหรือยัง?” ครั้งนี้ตวัดสายตามองริตาสลับกับไอ้เหี้ยเวล มันคงจะชื่อเวลมั้ง แต่ก็มีนิกเนมที่คาร์โลว์ตั้งให้มัน ซึ่งผมก็คิดว่าเหมาะกับมันดีเหมือนกัน“พี่ครับ”“หือ?” ลืมไปเลยว่าครั้งนี้ไม่ได้มีแค่ผม แต่มีน้องชายของแฟนมาด้วย น้องจะตกใจกลัวผมไหม ที่ได้เห็นผมในมุมนี้“ผมขอคุยกับไอ้เหี้ยเวลได้ไหมครับ?”“เอาสิ” พยักหน้าส่งให้น้อง ก่อนจะลากคอเสื้อไอ้มอลเลไปมุมด้านหนึ่ง ท่าทางอ่อนปวกเปียกของมันทำเอาผมหงุดหงิดชะมัด ไม่ปากเก่งเหมือนตอนที่มันรวมกลุ่มคนเพื่อตลบหลังแด๊ดผมเลย“เดี๋ยวกูกลับมาจัดการมึงเอง ไม่ส
SP. Diffuser Love 2.3“คาร์ล กัลป์ฟื้นแล้วเหรอ?” ช่วงเวลาสิบโมงเช้าผมรีบโทร. หาคาร์โลว์ทันทีหลังจากได้เห็นข้อความจากน้องพร้อมกับรูปถ่ายคนเจ็บ ที่กำลังนั่งทำหน้าบึ้งจ้องมองถาดอาหาร(ตื่นแล้วครับพี่ คุณหมอส่งเข้าตรวจร่างกายแล้วก็สแกนสมองอีกครั้ง)“แล้วทำไมทำหน้างอแงแบบนั้นล่ะ” รีบเซ็นเอกสารเล่มสุดท้ายจากนั้นก็คว้าเสื้อสูทตัวเองมาถือไว้ แล้วเดินออกจากห้องทำงานด้วยความรีบร้อน(ไม่อยากกินข้าวต้มน่ะครับ)“บอกกัลป์ว่าเดี๋ยวพี่ซื้ออาหารเข้าไปให้”(ครับ อ้อ พี่คริสฝากซื้อนมสดคาราเมลมาให้ด้วยนะครับ สองแก้ว ๆ)“ได้ครับ พี่จัดการให้” ตอบรับอย่างง่ายดาย ระหว่างที่เดินเข้าลิฟต์ก็มีผู้ช่วยทั้งสองคนรีบเดินตามเข้ามาประกบ ก่อนจะพาแวะซื้อของที่ต้องการแล้วมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาล เพื่อเฝ้าและดูแลคนรักที่บาดเจ็บหลายส่วน รอยแผลที่ไม่ว่าจะมองเห็นกี่ครั้งก็ยังสร้างความหงุดหงิดใจให้ผมได้อย่างดีเลย ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด“ไม่ทำหน้าแบบนั้นสิคะ” คนที่บาดเจ็บต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปลอบให้ใจเย็น มือข้างหนึ่งจับมือคนเจ็บไว้หลวม ๆ เพื่อเตือนตัวเองว่าผมยังมีกัลป์อยู่ข้าง ๆ แม้ภายในใจจะร้อนรุ่มด้วยไฟแค้นก็ตาม“ขอโทษที่ทำให้เจ็บค
SP. Diffuser Love 2.2ระยะเวลาที่ได้อยู่กับกัลป์ เราสนิทกันมากขึ้น คุยกันมากขึ้น และผมก็ตีเนียนย้ายตัวเองไปค้างกับเธอแต่กว่าจะผ่านด่านเจ้าเด็กคาร์โลว์ได้ก็แทบแย่ ยากกว่าจัดการพวกหนอนบ่อนไส้ที่จะเข้ามาทำร้ายผมอีก แต่สุดท้ายก็ได้อยู่ใกล้กลิ่นหอม ๆ และหลับด้วยความรู้สึกสบายใจในรอบหลายปีแต่วันหนึ่งที่มีคนขอนัดคุยเรื่องงาน ทั้งยังนัดไปที่โรงแรมอื่น ไม่ใช่โรงแรมผมเหมือนอย่างคนอื่น ๆ นัดในช่วงเวลาสองทุ่ม แต่พอไปถึงแล้วรอสักพักคนที่นัดก็ยังไม่ยอมมา พร้อมกับใจผมที่เริ่มรู้สึกแปลก ๆ มันทั้งหวิวและสั่นไหวอย่างไม่น่าให้อภัย“นายจะไปไหนครับ?” ตัดสินใจลุกขึ้นยืน จัดชุดให้เข้าที่ เพราะการเจรจางานบางงานผมดูแลด้วยตัวเองสำหรับการเจรจาครั้งใหญ่ แต่เนื่องจากไม่รู้ว่าจะมีการตลบหลังไหม ทั้งมือซ้ายและมือขวาถึงได้ตามมาด้วย และครั้งนี้มันแปลกเกินไป“กลับ”“ครับนาย” คนที่นัดมาช้าไปยี่สิบนาทีแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องรอ“กลับบ้านของกัลป์ ด่วนที่สุด” จิตใจที่กระสับกระส่าย ทำให้ผมรู้สึกกังวลอยู่ไม่น้อย ระหว่างนั่งรถก็พยายามส่งข้อความหาคนรักเพื่อบอกว่าจะกำลังจะกลับ แต่ข้อความที่ส่งเข้ามานั้นทำให้ผมถึงกับต้อง







