1 ชั่วโมงก่อนหน้า
ปัง ปัง เสียงปืนไล่หลังมาเฟียหนุ่มมาติดๆ ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าออกแรงวิ่งฝ่าน้ำขังตามพื้นของเจ้านายและลูกน้องที่วิ่งหลบกระสุนจากผู้ไม่หวังดี เลือดจากบาดแผลก็ยังไหลออกมาไม่จบสิ้นและนั่นยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับทั้งสามคน ฝนก็ตกแรงขึ้น ทุกอย่างดูทุลักทุเลมาก
คาร์ลเตอร์ วิ่งมาหลบอยู่ที่ตรอกซอกตรงซอยแคบกับบอดี้การ์ดคนสนิทอีกสองคน ลูก้า ไทกิ สองบอดี้การ์ดที่เหมือนพี่น้องอีกคนของมาเฟียที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มจำความได้ ทั้งไทกิและลูก้าถูกฝึกศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่ยังเด็กให้ปกป้องดูแลคาร์ลเตอร์และน้องชายฝาแฝดอีกคน
“แยกกันไป พวกมึงไปทางนั้น” คาร์ลเตอร์เอ่ยปากออกคำสั่งบอดี้การ์ดคนสนิททั้งสองคนให้วิ่งไปอีกทาง
“ไม่ครับ! ผมจะไม่ทิ้งนายท่านเด็ดขาด!” ไทกิยืนยันเสียงหนักแน่นไม่ยอมไปตามที่เจ้านายสั่ง
“นายท่านบาดเจ็บแบบนี้จะไปคนเดียวไม่ได้นะครับ!” ลูก้ารีบพูดเสริมเพราะว่าตอนนี้คาร์ลเตอร์เองก็มีบาดแผลจากกระสุนปืนอยู่ที่ต้นแขนข้างขวา
คาร์ลเตอร์อยากจะตบกระบาลพวกมันสักที ทั้งไทกิและลูกก้าก็มีสภาพไม่ได้ต่างจากเขาเลย ทั้งสองคนเองก็ถูกยิงมาเช่นกัน
“ฟัง! มึงรีบไปส่งสัญญาณบอกคนของเรา กูจะหนีไปซ่อนอยู่แถวนี้ไม่ให้พวกมันหาเจอ พวกมึงสองคนค่อยตามจากจีพีเอสที่เข็มกลัดกู”
สิ้นเสียงคำสั่งประกาศิตที่ลูกน้องต้องจำยอมฟัง นิ้วเรียวชี้มาที่เข็มกลัดประจำตระกูลและเป็นตัวแทนเขากับกลุ่มเพื่อนในแก๊งมาเฟียที่ก็มีของแทนตัวสืบทอดจากตระกูล
ก่อนจะผลักให้ลูกน้องวิ่งล่อมันไปอีกทาง เมื่อลูกน้องวิ่งออกไปแล้ว คาร์ลเตอร์ก็เริ่มวิ่งไปอีกทาง ลูกน้องที่เข้าใจว่าเขาโดนยิงแค่ที่ต้นแขนแต่ไม่รู้ว่าที่บริเวณหน้าท้องคาร์ลเตอร์นั้นถูกมีดฟันมาด้วย แต่เขาไม่แสดงความเจ็บปวดให้ลูกน้องได้เห็นเลยสักนิด
วันนี้เขาก็แค่อยากออกมาพักผ่อนดื่มไวน์เงียบๆ คนเดียว โดยไร้ซึ่งบอดี้การ์ดนับสิบที่คอยติดตามดูแลเหมือนทุกวัน แต่วันนี้เขามาแค่กับบอดี้การ์ดคนสนิทสองคน
และมันคงเป็นอีกวันที่ซวยของมาเฟียหนุ่ม เขากลับต้องมาเจอคนลอบฆ่า พวกมันมากันเกือบยี่สิบคนได้นี่เขาก็ช่วยกันจัดการไปเกือบครึ่ง ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติพวกมันคงไม่มีโอกาสได้แตะต้องถึงตัวเขาแน่ แต่นี่มันเล่นยกมาทั้งฝูง!
ตึงตัง! ร่างหนาเดินโซเซมาหลบที่ร้านขายดอกไม้ โชคดีมากที่ซอยเล็กๆ พอเดินมาเจอว่ามีร้านขายดอกไม้ต้นไม้อยู่แถวนี้มันจึงทำให้เขาใช้เป็นที่กำบังหลบไอ้พวกลอบฆ่าได้ ไม่มั่นใจว่าคนที่มาลอบฆ่าหรือศัตรูฝั่งไหนที่ส่งมา แต่แน่นอนว่าพวกมันหวังเอาชีวิตเขา
“อึก! แม่ง เจ็บฉิบหาย!” สบถออกมาด้วยความเจ็บ แต่ถึงจะเจ็บเขาก็ไม่วายจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ เหมือนกับว่ายังคงสบายใจไม่ได้กลัวความตายที่กำลังคลืบคลานใกล้เข้ามา
ไม่นานลูกน้องคงจะมา เขาคิดว่าเขาน่าจะยังพอทนไหว..แม้ตอนนี้สายตาจะเริ่มพล่ามัวแล้วก็ตาม
แกร๊ก คาร์ลเตอร์ได้ยินเสียงเปิดประตูข้างหลัง เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งที่มองไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
“คุณ!” เธอร้องตกใจเมื่อเห็นเขา แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยปากพูดอะไรเรี่ยวแรงที่มีมันก็ลดหายลงไปจนหมด เขาฟุบลงไปนอนกับพื้น ร่างบางเปิดประตูออกกว้างรีบนั่งลงมาประคองตัวเขา
“คุณคะ คุณอย่าเป็นอะไรนะเดี๋ยวฉันจะเรียกรถพยาบาลให้” น้ำเสียงที่ฟังดูร้อนรนและเสียงหัวใจที่เต้นถี่รัวดังจนคาร์ลเตอร์ที่ซบหน้าอยู่ตรงอกเธอได้ยิน
“อึก..ใคร..” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยถามช้าๆ อย่างคนที่กำลังจะหมดแรง
“เอ่อ ฉันผิงอันค่ะ ฉันชื่อผิงอัน..แต่นั่นไม่สำคัญสักหน่อยคุณยังไม่ต้องพูดอะไรนะแต่ห้ามหลับด้วยนะคะ” เธอรีบตอบแล้วถอดเสื้อคลุมมากดซับเลือดที่ไหลออกมาเต็มหน้าท้องของเขา
มือเล็กก็เร่งกดเบอร์โทรหารถโรงพยาบาลทันที
“ขอรถฉุกเฉินด่วนเลยค่ะ! มีคนถูกทำร้ายเลือดท่วมไปทั้งตัว ฉันไม่รู้ว่าเขาโดนอะไรมาแต่ที่ท้องเขาเลือดไหลออกมาไม่หยุดเลยค่ะ”
“อย่า..” คาร์ลเตอร์ที่พยายามจะห้ามไม่ให้เธอโทรศัพท์ไปแต่นั่นคงจะเป็นเสียงที่เปล่งออกมาไม่ดังพอให้เธอได้ยิน และตอนนี้เขาก็เริ่มจะฝืนร่างกายต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ‘เธอเป็นใครทำไมต้องมาสนใจชีวิตคนอื่นด้วย’ คาร์ลเตอร์ได้แต่คิดในใจ
“275/58 ซอยสรีดาญา เขตแจ้งวัฒนะ รีบมานะคะ!” เมื่อคุยบอกรายละเอียดกับทางโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วเธอก็ก้มลงมามองชายหนุ่มในอ้อมแขน กับเสียงลมหายใจที่โรยริน
“อย่า..”
“อะไรนะคะ ฉันไม่ได้ยิน” เธอเอียงหูเข้าไปใกล้ๆ ริมฝีปากบาง
“อย่าเรียก..เก็บนี่ไว้..” เขาที่กำลังจะห้ามเธอแต่รู้สึกไม่มีแรงจะพูดเลยเปลี่ยนเป็นดึงเข็มกลัดสัญลักษณ์รูปปีกนกมาให้เธอ
“เก็บมันไว้ จนกว่าฉันจะมาเอาคืน ด้วยตัวเอง..” จบประโยคนั้นคาร์ลเตอร์ก็สลบไปในอ้อมแขนของเธอ ปล่อยให้ผิงอันงุนงงกับของที่เขาให้มาและร้อนรนเมื่อเขาสลบ
“คุณ! คุณ! ไม่นะอย่าหลับนะ” ผิงอันร้องเรียกร่างหนาให้รู้สึกตัวแต่เขากลับหลับตาสนิท
“อย่าตายนะคะ คุณจะมาตายแบบนี้ไม่ได้นะ อย่าน้อยก็อย่ามาตายที่หน้าร้านฉันสิคะ! ฉันกลัวผี!” เสียงหวานเริ่มสั่นเครือด้วยความกลัว ใจดวงน้อยเริ่มกังวลถึงเธอจะไม่ได้รู้จักอะไรกับเขาก็ตามแต่เธอก็เป็นห่วงเขามาก
ผ่านไปนานมากกว่าที่รถกู้ภัยจะมาถึง และใช่เธอจะไปด้วย ผิงอันรีบวิ่งขึ้นไปชั้นสองหยิบกระเป๋าสะพายข้างกับกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วขึ้นรถไปกับคาร์ลเตอร์
โรงพยาบาลเอกชน BN
คาร์ลเตอร์ถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดทันทีที่มาถึง ผิงอันที่ยังคอยนั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องไม่ไปไหน เธอจะรอจนแน่ใจว่าเขาปลอดภัย
ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้านับสิบได้ที่กำลังวิ่งกรูกันมายังทางที่ผิงอันนั่งอยู่ เมื่อเธอเงยหน้ามาก็พบกับชายฉกรรจ์นับสิบ พวกเขาล้วนสวมใส่ชุดสูทสีดำทั้งตัว หน้าเข้ม สายตาก็ดุดัน แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ดูแตกต่างจากพวกเขา และใบหน้าก็คุ้นเหมือนเธอเคยเห็นจากไหนมาก่อน…
“พี่ชายกูอยู่ไหน! ไปตามหมอมา!” เคอร์วิน น้องชายฝาแฝดตะโกนเสียงดังลั่นหน้าห้องผ่าตัด พวกพยาบาลที่รู้ดีว่าบุคคลตรงหน้านี้เป็นใครก็เริ่มหวาดกลัว ไม่กล้าแม้แต่จะเข้ามาบอกถึงอาการคาร์ลเตอร์ พี่ชายที่มาเฟียแฝดน้องกำลังถามหาด้วยซ้ำ
“ใครที่มันเป็นคนพาไอ้คาร์ลมาโรงพยาบาลไปสืบมาให้หมด” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยพูดกับเหล่าลูกน้องรอบข้าง
“เอ่อ คือว่า คุณคะ..”
ขวับ! สายตาคมกริบที่เหมือนจะบาดไปถึงขั้วหัวใจหันมามองเธอ หัวจรดเท้า ตามเนื้อตัวและเสื้อผ้าของผู้หญิงตรงหน้าเปื้อนไปด้วยเลือด เธอสะดุ้งเล็กน้อยกับสายตาคมกริบที่จ้องมา ก่อนจะสังเกตเห็นที่เสื้อของผู้ชายที่หันมามีเข็มกลัดแบบเดียวกับที่คนที่เธอช่วยมี
เธอลุกขึ้นยืนเดินเข้าไปใกล้ผู้ชายที่ตะโกนตามหาพี่ชายอย่างบ้าคลั่ง
“เอ่อคือ พี่ชายคุณใช่คนที่มีเข็มกลัดแบบนี้หรือเปล่าคะ” พร้อมยื่นเข็มกลัดที่เปื้อนเลือดไปให้เขาดูใกล้ๆ
“ถ้าใช่คนเดียวกับที่คุณตามหาอยู่ เขาอยู่ในห้องผ่าตัดค่ะ ฉันเป็นคนพาเขามาเอง” เธอไม่กล้าจะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ เธอก้มหน้ามองพื้น มือที่ยื่นออกไปก็สั่นเป็นเจ้าเข้า
หมับ เขาหยิบเข็มกลัดมาดู ก่อนที่เคอร์วินจะจับไปที่ข้อมือน้อยแล้วออกแรงดึงจนเธอเซมากระแทกโดนอกเขาอย่างแรง แต่ไม่ได้ออกแรงบีบเพียงแค่กำไว้เฉยๆ
“อ๊ะ ขอโทษค่ะ” ตัวเองไม่ได้ทำผิดแต่ก็ยังเอ่ยปากขอโทษ
“เงยหน้าขึ้น” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ย เขายังคงจ้องมองมาที่เธออย่างไม่ละสายตา ผิงอันถอนหายใจออกมาแรงๆ เหมือรวบรวมความกล้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเคอร์วิน ทั้งคู่สบตากันก่อนที่จะละสายตาจากกัน
“เธอบอกว่าเป็นคนพาพี่ชายฉันมาที่โรงพยาบาล พามาได้ไงแล้วเจอพี่ชายฉันที่ไหน” เขาถามเพราะไม่ไว้ใจเธอ แต่ยังมีเรื่องที่สร้างความประหลาดใจเขามากกว่าคือเข็มกลัดของคาร์ลเตอร์มาอยู่ที่เธอ
“เขามานอนสลบอยู่หน้าบ้านฉันค่ะ ฉันเลยเรียกรถพยาบาลค่ะ”
“แล้วเข็มกลัดนี่?”
“คุณคนนั้นเขาให้ฉันไว้ค่ะ เขาบอกว่าให้เก็บไว้จนกว่าเขาจะมาเอาคืนเอง”
“พี่ชายฉันพูดอย่างนั้นเหรอ?”
“ค่ะ! เขาพูดอย่างนั้น จริงๆ นะคะฉันไม่ได้โกหก”
เคอร์วินรับรู้ได้ว่าเธอไม่ได้โกหกและก็พอจะรับรู้ถึงความหวาดกลัวของเธอด้วย
หมับ เขายัดเข็มกลัดใส่มือเธอ
“ถ้ามันพูดว่าจะกลับไปเอาเอง เธอก็เก็บไว้จนกว่าพี่ชายฉันจะไปเอาคืนที่เธอด้วยตัวเองละกัน”
“และอย่าพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังถ้าทำเป็นลืมไปเลยยิ่งดี!” น้ำเสียงจริงจังและสายตาคมกริบทำเอาคนฟังเสียวสันหลังวาบ เป็นการเตือนไม่ให้เธอพูดเรื่องของพี่ชายเขา
เธอเอียงคอเล็กน้อย ทำไมยังต้องให้เธอเก็บไว้ด้วยทั้งที่เธอฝากเขาไปคืนก็ได้ไม่ใช่หรือไงกัน
“ขอบคุณที่ช่วยพี่ชายฉัน ฉันจะให้คนไปส่งเธอที่บ้าน” เขาหันไปหยิบเช็คเงินสดจากลูกน้อง ในเช็คเขียนจำนวนเงินไว้ห้าแสนบาทมายื่นให้เธอ ต้องบอกว่าจับยัดใส่มือเธอเสียมากกว่า
“เจคไปส่งเธอ ส่งเธอให้ถึงบ้านอย่างปลอดภัย”
“รับทราบครับนายท่าน” หมับ ผิงอันคว้าข้อมือเคอร์วินจังหวะที่เขากำลังจะเดินหันหลังให้เธอ
“มีอะไร”
“ฉันไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนเลยค่ะ ขอแค่พี่ชายคุณปลอดภัยแค่นั้นฉันก็ดีใจมากแล้วค่ะ”
เธอยื่นเช็คเงินสดคืนเคอร์วินก่อนจะปล่อยมือเขาออก แล้วก้มไปเปิดกระเป๋าตัวเองหยิบเอาพลาสเตอร์ลายคิตตี้สีชมพูแกะออกแล้วแปะไปที่หลังมือของเคอร์วิน เขาไม่ได้ดึงมือกลับเพียงแต่มองดูการกระทำของเธอ
“แปะไว้ก่อนน่าจะดีกว่านะคะ ถึงแผลจะไม่ได้ใหญ่มาก ขอบคุณที่จะไปส่งนะคะ”
“ไปทำแผลด้วยนะคะ” เธอก้มหัวลงเล็กน้อยแล้วหันหลังเดินไปกับเจคบอดี้การ์ดของเคอร์วิน คำพูดนั้นทำเอามาเฟียหนุ่มนิ่งไปเขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่เป็นห่วงเขาแบบนี้เลยนอกจากแม่..
เธอหันกลับมามองเคอร์วิน และใครจะไปคิดว่าเคอร์วินก็ยังคงมองเธออยู่ สายตาที่เขามองเธอแตกต่างจากตอนแรก จากแข็งกร้าวกลายเป็นอ่อนโยน
-เมื่อก้าวเข้าไปแล้วยากที่จะก้าวออกมา-“เซอร์ไพรส์อะไรครับ ตื่นเต้นเลย”คาร์ลเตอร์ถามเสียงหวาน “พี่หันได้ยัง พี่อยากรู้แล้ว อันอันจะเซอร์ไพรส์อะไร” เคอร์วินใจร้อนมากตอนนี้ “อย่าเพิ่งค่ะ” | “หันมาได้แล้วค่ะ” พรึบ! “เซอร์ไพรส์!!!” สองแฝดยืนอ้าปากค้าง จ้องตาไม่กะพริบ กับภาพของภรรยาสาวที่ใส่ชุดทูพีชสุดเซ็กซี่ สีแดงของผ้าตัดกับผิวขาวอมชมพูของเธอยิ่งทำให้เด่นกว่าเดิม “ฉันตั้งใจใส่มาเพื่อพี่สองคนเลยค่ะ” ผิงอันเตรียมชุดทูพีชสุดเซ็กซี่นี้มาเพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ “เกาะนี้มีแค่เราใช่ไหมล่ะคะ..” ผิงอันพูดเสียงหวาน ส่งสายตายั่วยวน มือเล็กก็ค่อยๆ แกะดึงส่วนบนที่เป็นสายผูกอยู่ด้านหลังออก จากที่ตอนแรกมีสิ่งปกปิดยอดปทุมถันสีชมพู กลับเปิดเทอมออกมา “ผิงอัน..” เคอร์วินกลืนน้ำลาย ช้า ๆ “พี่จะทนไมาไหวแล้วนะครับ” คาร์ลเตอร์รับรู้ถึงความซู่ซ่าในร่างกายตัวเอง “ก็ไม่ได้บอกให้ทนนี่คะ..” สองแฝดเดินไปประกบผิงอัน ขนาบข้างติดกันโดยมีเธออยู่ตรงกลาง จากที่สวมใส่เสื้อผ้าก็ถูกถอดออกทีละชิ้น คาร์ลเตอร์ไล่จูบเธอตั้งแต่หน้าผาก ลงมาที่แก้ม จมูก ปาก คอ หน้าอก และหน้าท้องน้อย… ส่วนเคอร์วินก็ซุกซนอยู่กับหลังคอของเธอ ย้ายมือมาจับบีบหน้าอกใหญ่จนล้นออกมาต
วันนี้วันดีที่ครอบครัวใหญ่อย่างฝาแฝดคาร์ลเตอร์,เคอร์วิน คู่พี่น้องตระกูลดูรองซ์และภรรยาสาวสวยกับลูกชายตัวน้อยทั้งสามคน เดินทางมาประเทศไทยตามแพลนที่วางไว้ครั้งก่อนเรื่องเที่ยวพักผ่อน ท้องฟ้าโปร่งใส พระอาทิตย์ส่องแสงให้ความอบอุ่นไม่ได้ร้อนมากเหมือนช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เพราะว่าได้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว อากาศจึงไม่ร้อน และทะเลหน้าหนาวก็สวยมากอีกด้วย ในเวลานี้สองแฝดกำลังขับรถไปส่งลูกชายฝาแฝดทั้งสามคนที่บ้านโรมิโอ ระหว่างที่ขับรถไปคนเป็นพ่อก็ชวนลูกคุย คาร์ลเตอร์แทนตัวเองกับลูกว่า ปะป๊า เคอร์วินแทนตัวเองกับลูกว่า แด๊ดดี้ “เราเตรียมของให้ลูกครบแน่นะ” เคอร์วินหันไปพูดกับพี่ชายที่ขับรถ “อืม เช็กแล้ว กระเป๋าเป้คนละใบ กับของเล่น” พี่ชายตอบน้องชายฝาแฝด “บอกไอ้โรมยังว่าใกล้ถึงแล้ว” คาร์ลเตอร์ถามเสียงเรียบ “ไลน์ไปบอกเมื่อกี้ ไอ้โรมบอกว่าเดี๋ยวจะพาเด็ก ๆ ไปเที่ยวเขาใหญ่พรุ่งนี้” “เหรอดีเลยสิ เคย์เดนน่าจะชอบ” เคย์เดนสนใจเรื่องป่าไม้ แปลกมาทั้งที่ตัวแค่นี้แต่เจอสิ่งที่รักแล้ว “ปะป๊า แด๊ดดี้ จะพาพวกเราไปนอนบ้านเพชรชมพูจริง ๆ เหรอครับ” ลูกชายคนเล็กสุดของบ้านเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น “ใช่ครับ เคย์เดน
เคอร์วินพูดจบก็เดินไปเล่นกับลูกชายคนกลาง ชวนลูกคุยถึงชื่อไดโนเสาร์สัตว์ดึกดำบรรพ์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว “ว้าว! สีตาสวยจริงด้วย!” รูบี้ใช้สองมือโอบใบหน้าเคย์เดนจ้องไปใกล้ ๆ “อื้ออ่อนเอ็บอะ” (อื้อ! ปล่อยเจ็บนะ) “รูบี้ไม่ทำแบบนั้นะลูก น้องจะเจ็บ” ลูกแก้วห้ามปรามลูกสาว รูบี้รีบปล่อยมือ แล้วชวนกันเล่น สักพักเบรย์เดนที่แยกตัวอยู่คนเดียวก็เริ่มชวนรูบี้ให้ดูในสิ่งที่ตัวเองชอบ “เหรอ มันชื่ออะไรอะ” “ไทรเซราทอป” “โอ๊ะ เบรย์เดนมีจุดสีดำที่จมูกนี่” รูบี้ตื่นเต้นกับไฝเสน่ห์ “เคย์เดนก็มีอะตรงปาก แม่หนูอยากมีจุดดำบ้าง!” “แต่หนูก็มีลักยิ้มไงคะ น้าชอบลักยิ้มหนูมากเลย”ผิงอันเอ่ยอ้าแขนออก รูบี้วิ่งไปกอด “วันนี้หนูมีของขวัญมาให้น้องด้วยไม่ใช่เหรอเอาไปให้น้องสิคะ เลือกเลยค่ะว่าจะให้ใครอันไหน” ลูกแก้วหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำสนิทสามกล่องไปให้ลูกสาว รูบี้เปิดทั้งสามกล่องขึ้นมา ทำท่าคิดว่าจะให้ใครอันไหนดี ของขวัญนี้เธอเลือกมาเองตอนไปบริษัทของพ่อ “อันนี้ให้อาร์เดนนะ” กล่องกำมะหยี่สีดำที่ใส่ทับทิมสีเลือดนกพิราบทั้งสีที่สดและใสแวววาว 9 การัตไปให้อาร์เดน “ส่วนอันนี้ เบรย์เดน” อีกกล่องคือ อเล็กซาน
3 ปีผ่านไป.. โรมิโอกับลูกแก้วและลูกสาวคนสวยในวัยสามขวบแปดเดือน ‘รูบี้’ มาหา และเอาของขวัญมาให้หลานชายที่อายุครบสามขวบ แต่ก็มาหลังจากที่จัดงานวันเกิดไปแล้ว เพราะสัปดาห์ก่อนพวกเขาไม่ว่างเลยมาวันนี้แทน (โรมิโอ-เรื่องมาเฟียพันธนาการรัก) “เป็นไงมึงไม่เจอกันนานเลย” “สบายดี เลี้ยงลูกสามคนสนุกดี พวกมึงล่ะเลี้ยงลูกสามคนเหมือนกันสนุกเลยสิ” โรมิโอแกล้งพูดหยอกล้อคาร์ลเตอร์กับเคอร์วิน ความจริงโรมิโอกับลูกแก้วมีเพียง ‘รูบี้’ เป็นลูกสาวทางสายเลือดเพียงคนเดียว แต่อีกสองคนคือ โอลิเวียร์และโอเรน ลูกสาวและลูกชายบุญธรรม หรือก็คือหลานแท้ ๆ นั่นแหละ “เออ ไม่ได้นอนกันเลยแหละ ดีที่จ้างพี่เลี้ยงมาช่วย” คาร์ลเตอร์เอ่ยตอบเพื่อน พร้อมกับเข้าไปกอดคอ “อิจฉามึงนะมีลูกสาว ไหนขอลุงอุ้มหน่อยครับ” เคอร์วินเข้าไปอุ้มรูบี้ที่ยืนจับขากางเกงพ่อ พร้อมยิ้มหวานให้พวกลุงๆ อวดลักยิ้มที่ได้มาจากแม่ของเธอ “ก็รีบปิดอู่ไวเกินพวกมึง” “สามคนทีเดียวก็สงสารผิงอันมากแล้ว แต่มีลูกสาวสักคนก็คงดี”คาร์ลเตอร์เอ่ยต่อมองไปทางหลาน พลางคิดว่าถ้าเขามีลูกสาวบ้างจะเป็นไงนะ บ้านคงมีสีสันขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่า “พวกมึงก็มาเป็นพ่อทูน
เวลาผ่านไปไม่กี่เดือนหลังขอแต่งงานเธอก็ได้รับรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ได้เกือบสองเดือน และมากกว่านั้นคือผิงอันได้มีโซ่ทองคล้องใจ ถึงสามเส้นให้กับคาร์ลและเคอร์วิน เธอมีลูกชายฝาแฝดถึงสามคน! เป็นการตั้งครรภ์ที่เสี่ยงมากและพวกเขาก็ทำการปิดอู่ไปตลอดกาล…เพราะสองแฝดไม่อาจทนเห็นเธอทรมานอีกแล้ว การตั้งท้องทายาทให้พวกทีเดียวถึงสามคนไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้เลย แต่ผิงอันก็ให้ได้ ช่วงระยะเวลาเก้าเดือนที่เธออุ้มท้องลูกน้อยทั้งสามคน สองพี่น้องรู้สึกสงสารภรรยาตัวเองยิ่งนักเพราะมีเด็กอยู่ในท้องถึงสามคนเพียงแค่ สี่-ห้า เดือนท้องก็ใหญ่เหมือนจะใกล้คลอด เธอต้องทนปวดร้าวร่างกายเพื่อลูกพวกเขา สองแฝดคอยดูแลเธอไม่ห่าง เอาใจใส่ทุกอย่าง เพราะกลัวเธอจะคิดมากเรื่องร่างกายที่เปลี่ยนไป เพราะสำหรับผู้หญิงบางคนเรื่องรูปร่างก็สำคัญไม่ต่างจากการดูแลเส้นผม…ท้องเธอขยายใหญ่ จนเกิดรอยแตกลายขึ้นที่พุง กลับกันผิงอันไม่กังวลใจอะไรเลย มีแต่สองคนนั่นแหละที่เอาแต่กังวล จนร้องไห้แทนเธอ เอ็นดูพวกเขาจริงๆก่อนเธอคลอด“ฮือ ขอโทษนะครับที่ทำให้ทรมาน” เคอร์วินพูดไปร้องไห้ไป มือก็บีบนวดไหล่ให้เธอไปด้วย“ฮึก เจ็บมากใช่ไหม ให้นวดตรงไหน
พอทานอาหารเสร็จเคอร์วินก็เปลี่ยนมาขับรถพาเธอไปสะพานอเล็กซานเดอร์ที่ 3 (Alexander III Bridge) เพราะว่าสะพานนั้นอยู่ใกล้กลับสถานที่พิเศษของทริปนี้ที่พวกเขาอยากทำเซอร์ไพรส์ให้กับเธอ…ทั้งสามคนเดินเที่ยวเล่นกันหลายที่ นอนพักโรงแรมที่ใหม่ใกล้ๆแถวนั้น แล้วก็พาเธอออกมาเที่ยวต่อตามที่ผิงอันอยากไป แล้วเก็บเซอร์ไพรส์ไว้อย่างสุดท้ายเวลาก็ผ่านไปเรื่องจนพระอาทิตย์ที่เคยส่องแสงก็โบกลาลับไปกับขอบฟ้า เปลี่ยนพระจันทร์ที่มาทำหน้าที่แทนในการส่องสว่างสีขาวนวล“เหนื่อยหรือยัง”“ยางง”“โกหกแล้วที่รัก”“ไม่ได้โกหกสักหน่อย พูดจริงนะคะ”“แต่หิวมากกว่า..” ผิงอันลูบห้อง“ได้นิ เพราะที่สุดท้ายของวันนี้เป็นที่ ที่จะพาไปดินเนอร์”“แต่ต้องปิดตาก่อนนะ”“อุ้ย เป็นเซอร์ไพรส์เหรอคะ”“อืม”คาร์ลเตอร์หยิบผ้าขึ้นมาปิดตาเธอ พาไปขึ้นรถ รถหรูเปิดประทุนขับแล่นไปเรื่อยๆ สายลมในยามกลางคืนพัดผ่านมือผิงอันที่ยกขึ้นสัมผัสกับอากาศ“ถึงแล้วครับ”คาร์ลเตอร์เปิดประตู ประคองผิงอันลงมาจากรถ ค่อยแกะผ้าปิดตาเธอให้เปิดออกให้เห็นหอไอเฟลแสนสวยที่เธอใฝ่ฝันว่าจะได้มาเห็นกับคา มันปรากฏตรงหน้าเธอแล้ว“กรี๊ด! สวยมาก”“แต่ทำไมมีคนเลยล่ะ..”ผิงอั