@ร้านคาเฟ่A
"นายจะเข้าไปด้วยกันไหม?..." ใบหน้าสวยหันมาถามเพื่อนสนิทตัวสูงที่เดินเงียบๆ ด้านข้างเธอ เมื่อทั้งสองเดินมาถึงร้านกาแฟเล็กๆ แถวมหาวิทยาลัยตามที่นัดหมายหลังจากที่แยกย้ายกับเพื่อนสนิทอีกสองคนมาได้ไม่นาน
"ไม่" เสียงทุ้มนิ่งของคีรันตอบกลับสั้นๆ ตามประสาเขา มือหนาล้วงไปหยิบกล่องบุหรี่สีดำเมี่ยมออกจากกระเป๋ากางเกง ใช้ดวงตาคมสอดส่องเพื่อต้องการจะหาที่ระบาย
"ที่นี่เป็นที่สาธารณะ ลานจอดรถถึงจะสูบได้"
"..." เมื่อได้ยินดังนั้นคีรันจึงจัดการเก็บมันกลับเข้าที่เดิมสาวเท้ายาวเดินไปหาที่นั่งยังเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าร้านแทน
"นายไปทำธุระของนายก่อนก็ได้ คนเยอะขนาดนี้พี่เฟรมไม่กล้าทำอะไรฉันหรอก เขาไม่ได้ร้ายขนาดนั้น"
"รีบคุย...ฉันร้อน" เสียงทุ้มต่ำเอื้อนเอ่ยอย่างไม่สนใจในคำบอกของเธอ มือหนาเลื่อนไปคลายเน็คไทของชุดนักศึกษาออกเพื่อต้องการอากาศถ่ายเท เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มกรอบหน้าเมื่อแดดยามบ่ายสอดส่องไปที่ใบหน้าหล่อของเขา
"เฮ้อ พาคุณหนูมาลำบากแท้ๆ" เอวาบ่นเบาๆ แล้วหมุนตัวเดินเข้าไปในร้าน ดวงตากลมโตสอดส่องหาคนที่นัดเจอในวันนี้
คีรันมองตามแผ่นหลังเล็กที่เดินเข้าไปอย่างไม่ละสายตาใบหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ในตอนนี้ไม่สามารถบอกได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไร ประตูกระจกของร้านทำให้เขามองเห็นทุกการกระทำของร่างเล็กรวมไปถึงผู้ชายที่เธอนัดคุยในวันนี้
"พี่นัดฉันวันนี้ มีอะไร" ทันทีที่คนตัวเล็กหย่อนสะโพกนั่งลงตรงข้ามกับชายร่างสูงที่เป็นคนนัด เรียวปากเล็กก็ไม่รอช้าที่จะรีบเปิดประเด็นขึ้นโดยที่ไม่คิดจะทักทายอะไร
"มาถึงก็คุยเลยเหรอ สั่งอะไรก่อนสิ" เฟรมชายหนุ่มรุ่นพี่วิศวะที่พยายามตามจีบเธอมานานเอ่ยตอบอย่างเปลี่ยนเรื่อง มือหนาเลื่อนมาดึงเมนูของร้านส่งให้ร่างเล็กพร้อมกับเจ้าตัวที่ก้มลงมาดูเมนูอย่างไม่สนใจในท่าทีหงุดหงิดไม่พอใจของเอวา
"ฉันรีบ พี่มีอะไรก็พูดมา" ตอนนี้คนเดียวที่เธอคิดถึงคือคนที่นั่งรออยู่ด้านนอก เธอไม่อยากให้เขารอนานจึงรีบเร่งที่จะถามถึงธุระของคนตรงหน้าให้จบเร็วที่สุด
"ถ้ารีบงั้นก็ค่อยนัดคุยกันวันหลัง"
"พี่อย่ามาใช้เล่ห์เหลี่ยมกับฉัน มีอะไรก็พูดมา เพราะนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะออกมาเจอพี่อีก"
"..." เฟรมนิ่งอย่างไม่มีอะไรจะเอ่ย
"ถ้าไม่มีอะไรงั้นฉันกลับ แล้วพี่ก็เลิกตามตื๊อฉันสักที เลิกประกาศกับคนอื่นว่าเราเป็นอะไรกันทั้งที่มันไม่ใช่ความจริง พี่น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าฉันไม่เคยคิดอะไรกับพี่" สิ้นเสียงหวานเอ่ย เอวาก็หยัดตัวยืนขึ้นหมายจะเดินออกจากร้าน ทว่า...
หมับ!
"แล้วที่ผ่านมาคืออะไร" ไม่ทันทีที่ร่างเล็กจะได้เดินออกไป มือบางของเธอก็ถูกคนตรงข้ามคว้าไว้พร้อมกับโยนคำถามใส่หน้าคนตัวเล็กด้วยน้ำเสียงที่เริ่มดังขึ้นกว่าเดิม ภายในร้านที่มีคนไม่เยอะมากเริ่มพากันหันมาสนใจยังทั้งสองคน
"ฉันชัดเจนกับพี่มาตลอด...พี่น่าจะรู้คำตอบดี" ตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอตัดสินใจจะเริ่มคุย เธอได้พูดอย่างชัดเจนเน้นย้ำถึงสถานะมาตลอดว่ามันคงมากกว่าคำว่าคนคุยไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่าเธอก็พูดกับคนอื่นๆ อย่างชัดเจนเช่นกัน
"ทำไม...ทำไมพี่ถึงเป็นคนนั้นไม่ได้?" เฟรมพูดขึ้นเลื่อนมือเล็กของเอวามากุมไว้ โดยที่เอวาเองก็พยายามแกะมือปลาหมึกออกเพื่อต้องการเป็นอิสระ
"ปล่อยฉัน"
"ตอบพี่สิเอวา เพราะอะไร"
"…"
"เพราะฉันมีคนในใจแล้ว" เรียวปากเล็กของเอวาตัดสินใจพูดขึ้นหลังจากที่เธอยืนเงียบไปนาน ดวงตากลมโตที่สื่อถึงอะไรบางอย่างเลื่อนไปมองยังคนที่กำลังเปิดประตูเข้ามาในร้านด้วยท่าทีร้อนรนสาวเท้าหนักเดินตรงมาหาเธอ
"มีอะไรกัน" กระทั่งเสียงทุ้มหนาของคีรันที่เดินมาถึงเอ่ยดังขึ้น ดวงตาคมกริบจดจ้องไปที่มือที่กำลังประสานกันตรงหน้าเขา
"ปล่อยฉันนะพี่เฟรม" เอวาพยายามสะบัดมือให้หลุดจากการเกาะกุม ทว่ามือสากกลับกำแน่นขึ้นทันทีที่ได้ยินคำตอบที่ไม่ค่อยพอใจออกมาจากปากเล็ก
"เจ็บ"
"ผมว่าพี่ปล่อยมือเพื่อนผมดีกว่า" เสียงเย็นชาถูกสาดใส่พร้อมกับดวงตาคมกริบที่เริ่มฉายถึงความดุดันแผ่รังสีของความน่ากลัวที่เย็นยะเยือกจนรู้สึกขนลุก
"ปล่อย" คีรันเอ่ยอีกครั้งพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองไว้
พรึ่บ!
และแล้วมือเล็กก็สะบัดออกจนสำเร็จ เอวาลูบแขนตรงที่เกิดรอยแดงจากการถูกบีบแน่นเพื่อคลายความเจ็บ โดยที่ทุกการกระทำของเธอล้วนแต่อยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด
"..." นัยน์ตาคมเข้มตวัดสายตาไปมองยังเจ้าของการกระทำด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก คีรันมองหน้าเขานิ่งๆ อารมณ์ที่พลุ่งพล่านภายในกำลังจะปะทุระเบิดออกมา ทว่า...
"รันไปเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว" มือเรียวกลับคว้าแขนของคีรันไว้พร้อมกับส่ายหัวห้ามไม่ให้เขาทำ เธอรู้ดีว่าตอนนี้...เขาเริ่มที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้แล้ว
"..." เจ้าของร่างหนาก็นิ่งเบนสายตาดุดันมามองยังมือเรียวที่กำลังห้ามปราม
"มันจบแล้ว" เอวาเอ่ยเสียงเบา ฉายแววตาอ้อนวอนเพื่อไม่ต้องการให้เพื่อนสนิทมีเรื่องเพราะเธอ
"หยุดทุกอย่างที่พี่กำลังทำกับเอวา" เสียงหนาเปลี่ยนเป้าหมายมาพูดกับชายหนุ่มรุ่นพี่ตรงหน้าเน้นย้ำทุกประโยคอย่างชัดเจน
"ทำไมกูต้องฟังมึง?" ทว่าเฟรมกลับเลิกคิ้วถามด้วยความกวนประสาท
"ไม่ฟังก็ได้ครับ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพี่...ถือว่าผมเตือนแล้ว" สิ้นเสียงหนาเอ่ย มือสากของคีรันก็คว้ามือของเอวาเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว
เรือนร่างฉันถูกจับพลิกตัวให้นอนราบไปกับโซฟาหรู ก่อนที่มือหนาจะจับเอวคอดไว้แล้วดันให้บั้นท้ายฉันกระดกขึ้นตั้ง หันหน้าไปมองทางประตูระเบียงแล้วเอื้อมมาล็อกมือฉันไว้แน่น"วิวสวยไหม?" คีริวถามพร้อมกับลูบไล้ต้นขาอ่อนฉันเบาๆ เขาเอ่ยเสียงแหบแห้งเพิ่มความเร่าร้อนในจินตนาการของฉันที่เริ่มคิดไปไกลว่าเขาจะลงโทษร่างกายฉันอย่างหนัก"สะ สวย…" ฉันตอบเสียงสั่นเครือ ตัวลอยไปตามแรงเคลิบเคลิ้มของสัมผัสยั่วอารมณ์จากฝ่ามือหนาที่ลูบไล้ก้นงอนของฉันด้วยความเบามือ"วันนี้อิงแสบมากรู้ตัวหรือเปล่า…""ระ รู้…""ริวเตือนอะไรไม่เคยฟังเลย""ฟังแล้ว…""ฟังแล้วทำไมยังดื้ออยู่อีก"เพียะ!ทันทีที่เขาพูดจบฝ่ามือหนาจากที่ลูบไล้กลับฟาดลงบนแก้มก้มฉันเสียงดังจนฉันสะดุ้งโหยงหลุดออกจากห้วงภวังค์ของความวาบหวาม"จะ เจ็บนะ" ฉันหันกลับมาจะลุกหนีแต่คีริวกลับจับเอวมั่นแล้วจัดการฟาดก้นฉันอีกครั้งอย่างไม่ยั้งแรงเพียะ!"สำหรับเด็กดื้อ" อย่างนี้มันหลอกกันนี่นา ฉันคิดว่าเขาจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเสียแล้ว เขาทำดีเพื่อทำให้ฉันชะล่าใจ สุดท้ายก็กลับมาตีก้นฉันเป็นการลงโทษโดยที่ฉันไม่สามารถหนีไปไหนได้เพราะถูกเขาล็อกไว้ทุกทาง"งื้อ…เจ็บ ไหนริวบ
"อิงมีเหตุผลที่ทำไปนะ ไม่ได้ทำเพราะอยากแกล้งสักหน่อย" ทันทีที่เข้ามานั่งในรถฉันก็รีบพูดแก้ต่าง ปรายตามองคีริวที่กำลังคาดเข็มขัดนิรภัยเพื่อที่จะขับรถมุ่งหน้ากลับคอนโด"ว่าอะไรหรือยัง" เขาตอบโดนไม่มองหน้า ลดกระจกยิ้มให้พ่อกับแม่ฉันแล้วรถก็เคลื่อนขับออกไปจากหน้าบ้าน"งั้นก็แสดงว่าริวไม่โกรธอิงเหรอ?""ถ้าบอกว่าโกรธ?""อิงทำเพราะทดสอบ ริวต้องห้ามโกรธ""แล้วฉันเลือกอะไรได้ สุดท้ายฉันก็โกรธเธอไม่ได้อยู่ดี""อย่าพูดแบบนั้นสิ…" ฉันตอบเสียงหงอย ผิดคาดที่คิดว่าขึ้นมาในรถแล้วเขาจะโกรธและโวยวายใส่ ไม่คิดว่าเขาจะมาแนวดราม่าตัดพ้อแบบนี้ เจอแบบนี้ยัยอิงดาวถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว"คาดเข็มขัดด้วย" เขาเหลือบมามองฉันแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่สนใจที่จะแก้ต่างจนลืมคาดเข็มขัดนิรภัย เจ้าตัวก็รีบพูดขึ้นทันที"ขับไหวหรือเปล่า สลับให้อิงขับไหม""ไม่เป็นไร นอนเถอะ ถึงห้องเดี๋ยวฉันปลุก""ไม่เอาจะนั่งเป็นเพื่อน" ฉันรีบส่ายหัว แบมือไปตรงหน้าตักเขาจนเจ้าตัวก้มมามอง"อะไร?""ไม่โกรธก็ขอจับมือหน่อย""จับมืออะไรขับรถอยู่เห็นไหม?"โกรธชัวร์…"ทีตอนอื่นริวยังให้จับเลย" ฉันทำหน้าหงอยมองเขา เฮ้อ…มีหลายคดีตามติดตัวมาต
"อย่าปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนาน ไม่มีใครเคยบอกหรือไง?" หลังจากที่นั่งเราสองคนนั่งลงติดเบาะโซฟาข้างกันเสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้นทันที พ่อฉันยังคงการแสดงละครยอดเยี่ยมเหมือนเดิม ไม่เคยผิดหวังที่เกิดมาเป็นลูกของท่านเลยสักนิด"ขอโทษครับ" คีริวเอ่ยเสียงเรียบ ยอมรับโดยไม่มีเถียงอะไรสักคำ"พ่อไม่เห็นต้องว่าริวขนาดนั้นเลย…" ฉันเอ่ยเสียงเบา มองหน้าพ่อกับแม่เลิ่กลั่ก เพราะฉันคิดแต่แผนแกล้งเพื่อทดสอบเขาแต่ฉันไม่ได้คิดว่าต้องเฉลยยังไง…ตอนนี้ไม่อยากแกล้งต่อแล้ว รู้ซึ้งทุกอย่างจนต้องมองหน้าพ่อแม่เพื่อพยายามหาทางออกและหาตัวช่วยแล้ว"ผมซื้อของมาฝากคุณพะ…เอ่อ…คุณอัทธ์ด้วยครับ ขอโทษที่พึ่งเอามาให้ครับ" คีริวที่ปรายตามองของฝากที่อยู่ข้างๆ โซฟาก็รีบยกขึ้นมาไว้บนโต๊ะกลาง เป็นเซ็ตของรังนกแท้กล่องสีทองราคาแพงที่เขาตั้งใจเลือกก่อนมาถึง รีบวางไว้เพราะเจ้าตัวพึ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเอามาฝากด้วย"รังนกของโปรดคุณเลยนี่คะ ขอบคุณนะจ้ะ" แม่ที่เหมือนจะเข้าใจท่าทีของฉันก็พยายามลดใบหน้าที่กำลังตึงใส่คีริว เอื้อมไปหยิบกระเช้าตรงหน้าพร้อมกับยิ้มขอบคุณให้จนคนด้านข้างฉันเหวอไปเลยพึ่งจะชมไปหมาดๆ ว่าการละครบ้านนี้ดีแค่ไหน แต่การที่แม่แสดงแ
"ยังเรียนกันไม่จบ จะเลี้ยงลูกสาวฉันได้เหรอ?" ทันทีที่ฉันเดินมาถึงวางจานผลไม้ลงบนโต๊ะกลางของโซฟากลางห้อง เสียงทุ้มของพ่อฉันก็พูดขึ้นแสดงละครบทโหดอย่างต่อเนื่อง"ผมช่วยงานป๊าได้รับค่าตอบแทนทุกเดือนครับ" คีริวตอบอย่างไม่ลังเล ฉันหันไปขยิบตาใส่พ่อโดยไม่ให้คีริวเห็น ก่อนที่จะลงไปนั่งบนโซฟาใกล้ๆ คีริวที่กำลังโดนสอบสวนอย่างหนักหน่วง"อิงดาวมานั่งใกล้แม่" ก้นถึงเบาะได้ไม่ถึงหนึ่งวินาทีแม่คนสวยก็เรียกฉันไว้ ฉันแสร้งทำหน้ายิ้มแหย่ๆ หันมามองหน้าคีริวอย่างลำบากใจจนเจ้าตัวพยักหน้าฉันก็เปลี่ยนไปนั่งข้างแม่แทนตีบทแตกกระจายทั้งพ่อและแม่ ลูกคนนี้ภูมิใจมากที่สุดเลย"ช่วยงาน? งานอะไร?" พ่อถามต่อ"ผู้ช่วยผู้บริหารครับ หลังจากที่ผมเรียนจบผมต้องบริหารที่นั้นต่อทันที คุณพ่อวางใจได้ครับ ผมไม่ทำให้อิงดาวต้องลำบากแน่ๆ""ใครพ่อแก!" พ่อฉันรีบตวาดลั่นจนคีริวสะดุ้งโหยง ฉันแทบอยากจะขำกับท่าทีตั้งตัวไม่ทันของคีริวที่ไม่คิดว่าพ่อฉันจะเล่นใหญ่เสียงดังใส่จนตัวเองตกใจแต่ก็ต้องหายใจเข้าหายใจออกลึกๆ ไว้ อดทนไว้ก่อนอิงดาวห้ามขำ แกยังต้องพิสูจน์ในตัวเขาต่อ"ขอโทษครับคุณลุง""ฉันไม่เคยมีน้องชายเป็นพ่อแก" เนียนมากค่ะพ่อ ทำเ
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารมื้อเย็นตกอยู่ในความเงียบงันไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา ฉันปรายตามองพ่อและแม่ที่กำลังมองมาที่เราสองคนอย่างไม่ละสายตา ตั้งแต่ที่ฉันมาถึงทั้งสองก็ต่างไม่มีใครพูดอะไร เว้นแต่ประโยคชวนจากแม่ฉันเพียงแค่หนึ่งประโยคที่ยังตามให้เรานั่งทานข้าวด้วยกัน"เป็นอะไรกัน?" เสียงนุ่มลึกของคนเป็นพ่อเอ่ยขึ้นกลางวงอาหาร ฉันตกใจเล็กน้อยกับน้ำเสียงที่เข้มดุ แต่ดูเหมือนว่าคนด้านข้างฉันจะไม่มีความเกรงกลัวอะไรเลย เขารีบโพล่งตอบแทนฉันทันที"ผมเป็นแฟนอิงดาวครับ" คีริวตอบเสียงฉะฉาน เขากลายเป็นคนที่น่าเชื่อถือเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อกับแม่ฉัน มุมจริงจังที่ยากจะเห็นเขาในมาดนี้ เว้นแต่ตอนที่ดุฉันเท่านั้น"ฉันถามลูกสาวฉัน" เหมือนการทานอาหารครั้งนี้จะไม่ค่อยราบรื่นสินะ พ่อฉันช้อนสายตามองคีริว เข้มดุอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่สายตานั้นจะกลับมามองที่ฉันเพื่อรอคำตอบ"แฟนค่ะพ่อ" ทันทีที่ฉันตอบคีริวก็หันขวับมามอง คงจะตกใจในคำตอบของฉันที่พูดออกไปว่าเป็นแฟนกัน ทั้งที่ทุกครั้งที่เขาขอ ฉันปฏิเสธกลับมาทุกครั้ง"คบกันนานเท่าไหร่แล้ว?" คำถามที่สองมาอีกครั้ง"เรา…""พ่อถามมัน" ขณะที่ฉันกำลังจะอ้าปากตอบ คนที่นั่งหัวโต๊ะกลับพูดด
"อะ โอ้ย…เจ็บ…" เสียงทุ้มร้องลั่นทั่วห้องคอนโดหรูทันทีที่ฉันใช้สำลีที่ชุ่มด้วยแอลกอฮอล์แตะลงที่มุมปากหนาของคีริว ท่ามกลางสายตาของคีรันและเอวาที่กำลังมองมาที่ฉันที่กำลังทำแผลให้ก็พากันหัวเราะชอบใจใหญ่ โดยเฉพาะพี่แฝดของคีริวเอง"หึ สมน้ำหน้า" คีรันหัวเราะในลำคอ ส่ายหน้ามองดูสภาพของน้องชายตัวเอง"ผู้หญิงบ้าอะไรมือหนักชิบ" จนเจ้าตัวเอื้อมมาจับที่มุมปากพร้อมกับตาขวางเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพนี้"ก็สมควรกับที่มึงทำไม่ใช่เหรอ?" คีรันเอ่ยต่อ"ตกลงนายพิสูจน์ให้อิงดาวดูยังไงถึงกลับมาเจ็บตัวแบบนี้" เอวาเอ่ยถาม วันนี้หลังจากที่เราอ่านหนังสือสอบกันมาได้ครึ่งวัน คีริวก็นึกคึกเมื่อเราเถียงกันเรื่องที่เขาไปดูรูปสาวๆ แล้วฉันจับได้ หลังจากนั้นฉันก็ถูกลากให้ไปที่คอนโดที่ไหนสักที่ บอกฉันว่าจะพิสูจน์ให้ฉันมั่นใจว่าเขาเลิกกับผู้หญิงทุกคนแล้วจริงๆ สภาพถึงออกมาอย่างที่เห็น"ก็คงเรียกพวกผู้หญิงของมันมายืนยันให้อิงดาวเข้าใจว่าเลิกกันแล้วจริงๆ" คีรันตอบแทนน้องชาย ซึ่งฉายารู้ใจน้องชายมากที่สุดไม่เกินจริงเลย อย่างที่คีรันบอกทุกอย่าง เขาเรียกอดีตผู้หญิงของเขาเกือบห้าคนมายืนเรียง เพื่อยืนยันให้ฉัน