ขวับ
เสียงหวานแฝงความประหม่า หลุดออกจากปากคนที่เอาแต่นั่งเงียบเหมือนคนเหม่อลอย เรียกสายตาของเพื่อนๆ ทุกคู่ให้หันไปมองยังต้นเสียงอย่างไม่ได้นัดหมาย
นั่งกันอยู่ตั้งนานน้ำหนาวแทบไม่พูดอะไร แต่พอแฟนเพื่อนสนิทโผล่มา ดันมีปากมีเสียงขึ้นมาเสียได้ แล้วจะไม่ให้คนอื่นแปลกใจได้อย่างไร
“เป็นอะไรของแกยัยหนาว ผัวเพื่อนค่าสาว~”
“ขอโทษค่ะ” คำพูดข้าวฟ่างทำให้น้ำหนาวก้มหน้างุด มองมือตัวเองอีกครั้ง เธอไม่ได้ตั้งใจ เธอแค่ลืมตัว และเหมือนจะโชคดีที่พริกแกงดูไม่ได้ใส่ใจอะไร
“บ้า ผัวเผออะไร ยังไม่ได้กันมะ” พริกแกงรีบฉวยแก้วของตัวเองขึ้นมากระดกเพื่อปกปิดความรู้สึก ข้าวฟ่างเป็นคนพูดตรงและพูดแรง ข้อนี้เธอรู้ดีตั้งแต่สมัยเรียนปีหนึ่ง แต่หลังๆ ก็ชอบพูดแซวแบบนี้ตลอดเลย เธอจะรู้บ้างไหมว่าคนโดนแซวทำตัวไม่ถูกน่ะ
“พี่พร้อมเป็นนานแล้ว แต่น้องพริกน่ะสิ ไม่พร้อมสักที”
“พี่แทน! พูดอะไรก็ไม่รู้” หันไปถลึงตาใส่แฟนรุ่นพี่แก้เก้อ
“พูดความจริงครับ^^” แทนไทว่ายิ้มๆ แล้วเดินไปนั่งข้างแฟนสาว เขาไม่ได้พูดเพื่อแกล้ง เขาพร้อมมาตั้งแต่ตามจีบเธอแล้ว แต่เป็นพริกแกงเองต่างหากที่ปฏิเสธมาตลอด
ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจ แต่เขาจะพยายามทำความเข้าใจ และไม่อยากบีบบังคับให้เธอต้องอึดอัดมากเกินไป
“เล่นตัวนัก ระวังเถอะจะโดนทิ้ง” ทว่าคำพูดหยอกเย้าของแผ่นดิน กลับทำให้พริกแกงหันไปมองตาเขียว
“พี่แทนไม่ใช่แก!”
“ครับ ไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่นอน จะนานแค่ไหน พี่ก็รอ” แทนไทเลื่อนมือไปกุมมือเล็กแล้วบีบเบาๆ เหมือนเป็นการยืนยันในคำพูด
“สั่งได้เต็มที่เลยนะครับ เดี๋ยวพี่จ่ายเอง”
Phikkaeng Part
พวกเราชาวเอกซ์โทรเวิร์ตดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน โดยมีอินโทรเวิร์ตอย่างน้ำหนาวปิดปากหาวเป็นช่วงๆ หลังจากรู้ว่ามีเจ้ามือเลี้ยง ข้าวฟ่างก็สั่งเมนูแนะนำมากินแทบทุกอย่าง พี่แทนเองก็ไม่มีขัด แถมยังช่วยสั่งเพิ่มให้อีก
แฟนใครก็ไม่รู้ทั้งหล่อทั้งรวย ใจดีสุดๆ
เวลาล่วงเลยไปถึงช่วงเที่ยงคืน ฉันเริ่มมีอาการมึนๆ เพราะวันนี้ดื่มค่อนข้างหนัก แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่ลืมธุระสำคัญที่ต้องคุยกับพี่แทนไทให้ได้
“พี่แทนคะ”
“ครับ?”
“พริกมีเรื่องจะขอร้องพี่แทน...สักเรื่องได้มั้ยคะ” ฉันเกาะแขนเขา พลางเอนศีรษะซบไหล่กว้างอย่างออดอ้อน พี่แทนยกมือขึ้นมาจับผมฉันเล่น ตบท้ายด้วยการหยิกแก้มกันเบาๆ อย่างหยอกเย้า
เสียงก็นุ่ม มือก็นิ่ม ><
“ว่ามาสิครับ สำหรับพริก ไม่ต้องขอร้องหรอก พี่ยินดีทำให้เสมอ”
“คือ...เรื่องฝึกงานน่ะค่ะ” ไม่ค่อยมั่นใจเลยแฮะ กลัวจะเป็นการรบกวนเขามากเกินไป แต่ถ้าไม่ขอให้พี่แทนช่วย ฉันก็ไม่เห็นใครที่ช่วยได้แล้วเหมืนกัน
“น้องพริกจะมาฝึกที่โรงแรมพี่เหรอครับ มาเลย พี่ยินดีมากๆ” สีหน้าพี่แทนดูดีใจสุดๆ เล่นเอาฉันแทบไม่กล้าพูดต่อ แต่ถ้าไม่คุยวันนี้ ก็คงหมดโอกาสจะคุยแล้ว ยังไงก็ต้องคุยให้รู้เรื่อง!
“ปะ...เปล่าค่ะ พริกได้ที่ฝึกแล้ว”
“อ้าว แล้วน้องพริกจะขออะไรพี่ล่ะครับ”
“พริกจะรบกวนพี่ให้...ช่วยรับน้ำหนาวไปฝึกงานที่โรงแรมหน่อยได้มั้ยคะ ยัยหนาวเป็นคนไม่ค่อยทันใคร ถ้าให้ไปที่อื่น พริกก็เป็นห่วง แต่ถ้าเป็นพี่แทน พริกก็สบายใจค่ะ นะคะ นะ~” ฉันพยายามพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ไม่พอยังเขย่าแขนเขาเบาๆ พร้อมทำตาปริบๆ ชนิดที่คิดว่ากะมัดมือชก ไม่เปิดโอกาสให้เขาปฏิเสธได้
พี่แทนหันไปมองน้ำหนาวที่มองมาทางเราทั้งสองตาแป๋ว แล้วหันกลับมาส่งยิ้มให้ฉัน
“ได้ครับ ถึงจะไม่ได้มีแพลนรับเด็กฝึกงาน แต่ถ้าเป็นคำขอของพริก พี่ทำให้ได้อยู่แล้ว”
“น่ารักที่สุด จุ๊บ” เมื่อได้คำตอบที่ต้องการ ฉันก็ตกรางวัลให้คนใจดีด้วยการหอมแก้มขวาเขาไปหนึ่งที แต่ไม่ทันที่เราจะได้พูดอะไรกันต่อ เสียงหนึ่งดันดังแทรกขึ้นมา
“ไปด้วย~”
“อ้าวๆ ไหนเราตกลงกันแล้วไงข้าว ว่าเธอจะไปฝึกใกล้บริษัทพ่อฉัน” เอาแล้ว แผ่นดินงอแงขึ้นมา เมื่อจู่ๆ ข้าวฟ่างก็เปลี่ยนเป้าหมาย ส่วนฉันที่พอรู้มาบ้างจากแผ่นดินว่าข้าวฟ่างมีบริษัทที่เล็งไว้แล้วถึงไม่ห่วง แต่ไม่รู้ทำไมถึงออกมาเป็นแบบนี้ไปได้
“มาคิดๆ ดูแล้ว มันก็จริงแบบที่ยัยพริกบอก น้ำหนาวน่าเป็นห่วงจะตาย กล้าปล่อยเพื่อนไว้คนเดียวเหรอดิน?”
“แต่เราคุยกันแล้วไงข้าว”
“คุยกันแล้วก็เปลี่ยนได้ ไม่รู้อะ ฉันเอาแบบนี้แหละ”
“ยัย! เพราะเธอเลย ยัยพริก” เมื่อค้านแฟนไม่ได้ แผ่นดินก็หันมามองหน้าฉันอย่างคาดโทษ ก่อนถอนหายใจเบาๆ แล้วพยักหน้ารับอย่างจำยอม เพราะมันเองก็ห่วงน้ำหนาวไม่ต่างจากใคร แต่ไหงมันดันมาจบที่พาลใส่ฉันล่ะยะ
ฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย ไอ้บ้านี่
“เอาละครับๆ ไม่ต้องเถียงกัน น้องข้าวไปกับน้องหนาวก็ดี น้องพริกจะได้สบายใจไง แต่...พี่ช่วยรับเพื่อนพริกมาฝึกงานตั้งสองคน รางวัลแค่นี้คงไม่พอ พี่ขอรางวัลเพิ่มได้มั้ยครับ?”
เอ๊ะ!?
“คะ?” ฉันหลุดถามเสียงเบาอย่างมึนงง ก่อนเอ่ยถามต่อ “รางวัลอะไรคะ?” พี่แทนจะมาเอารางวัลอะไรอีกล่ะ กรณียัยข้าวฟ่างเขาก็ออกปากรับเองไม่ใช่เหรอ ฉันไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย
“รางวัลนี้ไงครับ” ขณะที่กำลังมึนงง สองมือของเขาก็ประคองแก้มฉันให้หันหน้าไปมองกัน ก่อนจะมอบรางวัลแสนหวานให้ที่ปาก จนได้ยินเสียงดัง จุ๊บ ออกมาเบาๆ
ใช่! ปาก! พี่แทนจูบฉัน เราจูบกันท่ามกลางสายตานับสิบที่มองมา ทำเอาใจเต้นแรงแทบกระเด้งออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่เราทำอะไรกันแบบนี้ในที่สาธารณะ
ก็แน่อยู่แล้ว ใครจะมาทำอะไรประเจิดประเจ้อล่ะ
ส่วนที่ทำลงไปเมื่อกี้ ขอยกความผิดให้พี่แทนคนเดียวแล้วกัน!
ไม่รู้ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ หรือเพราะอยากตอบแทนความใจดีและความรักที่เขามีให้เสมอมากันแน่ ฉันถึงได้นั่งนิ่งไม่ผลักไสเขาออก ยินยอมรับรสจูบจากคนรักแต่โดยดี จนสมองพร่าเบลอ
ทว่าในขณะที่จูบแสนหวานกำลังไต่ระดับความเร่าร้อนขึ้น
เพล้ง
โครม!
พลั่ก
จู่ๆ เสียงแก้วตกแตกก็ดังขึ้นติดๆ กัน ตามมาด้วยเสียงโต๊ะล้มดังสนั่น จากมุมมืดด้านหลังไม่ห่างจากโต๊ะพวกเรานัก ทำให้ฉันตกใจ ดึงสติที่หลุดจากร่างกลับเข้ามาได้
“พะ...พอแล้วค่ะ” ฉันผลักอกพี่แทนออก รับรู้ได้เลยว่าใบหน้ากำลังร้อนวูบวาบ และมันยิ่งร้อนขึ้นกว่าเดิม เมื่อได้ยินสิ่งที่เขากระซิบแหบพร่าแผ่วเบาข้างใบหู
“ไปห้องพี่มั้ยครับ”
เพียะ
ฉันฟาดเข้าให้ที่ไหล่หนาเต็มแรง จะไม่ให้ฟาดได้อย่างไร ก็แฟนตัวดีไม่พูดเปล่า ยังจับมือฉันไปสัมผัสบางส่วนของเขาที่กำลังแข็งปึ๋งปั๋ง ไม่นิ่มเหมือนปาก แม้มันจะโดนแค่เฉี่ยวๆ แต่ฉันกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจน
“พะ...พูดอะไรก็ไม่รู้ พริกไม่คุยด้วยแล้ว ปะกลับกันได้แล้ว ดึกแล้ว พริกง่วงแล้วเนี่ย” แกล้งเอามือปิดปากทำท่าง่วงเต็มประดา ทั้งที่ความจริงแล้วตาสว่างสุดๆ ใครมันจะไปง่วงลง หลังเจออะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจ จนหายเมาเป็นปลิดทิ้งขนาดนั้น
“เดี๋ยวพี่ไปส่งครับ”
“ไม่ต้องเลย กลับไปเลยค่ะ พี่มีประชุมตอนเช้า พริกจำได้”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ค่ะ เราคุยกันแล้วนะคะ” ฉันลูบแก้มคนที่ทำหน้าเหมือนแมวอดกินอาหารเปียกเป็นการปลอบใจ ก่อนจะหันไปหาบรรดาเพื่อนตัวดีที่ตอนนี้นั่งแข็งเป็นหุ่นในพิพิธภัณฑ์ ตั้งแต่พี่แทนล็อกหน้าฉันหันไปรับจูบ
“ลุกสิยะ นั่งอ้าปากค้างอะไรกันอยู่ได้ แมลงเม่าเข้าไปวางไข่แล้วมั้งนั่น!!” ฉันเอ็ดเพื่อนกลบเกลื่อนเรื่องที่เกิดขึ้น ก่อนจะรีบเดินนำทุกคนออกมาโดยไม่รอใคร
ฉันอายจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว!
สับเท้าไวๆ เพื่อหนีการถูกแซว แต่ไม่ลืมเหลือบไปมองจุดที่เกิดเสียงดังโครมคราม ทว่าบริเวณนั้นค่อนข้างมืด จึงมองเห็นอะไรไม่ค่อยชัดนัก
แต่ความอยากรู้ดันเอาชนะความเขินอาย ฉันหยุดเดินแล้วหรี่ตามองมุมที่ว่านั้น เห็นเพียงแผ่นหลังของผู้ชายตัวสูงสองคน
หนึ่งในสองกำลังวุ่นวายกับการเจรจา จบด้วยยื่นแบล็กการ์ดให้พนักงานของร้าน ส่วนอีกคนนั่งหันหลังให้ฉัน ท่าทางไม่สนใจใคร ไม่ว่าสายตารอบข้างจะพุ่งไปหาเขามากมายแค่ไหนก็ตาม
เอาเถอะ ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ฉันก็นึกขอบคุณอยู่ในใจ
ถ้าไม่ได้เขา ก็ไม่รู้ว่าการมอบรางวัลเมื่อครู่ มันจะจบลงที่ตรงไหนเหมือนกัน
- End Phikkaeng Part –
- 10 ปีต่อมา -“เฮียขา ~”“ว่าไงครับคนสวย” ร่างสูงย่อตัวนั่งยองบนส้นเท้า กางแขนรอรับร่างลูกสาวคนสวยที่วิ่งยิ้มแป้นผมปลิวมาแต่ไกล ด้านหลังเด็กสาวผมเปียมีหนุ่มน้อยผิวขาวจัดตัดผมสีน้ำตาลธรรมชาติ ดวงตาคม รับกับริมฝีปากสีชมพูระเรื่อที่ทำเพียงยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้พูดอะไรหลังจากลูกสาวคนแรกคลอดได้ไม่ทันครบปี พริกแกงก็ตั้งท้องลูกชายอีกคน คราแรกยูนิกซ์ค้านหัวชนฝา เพราะไม่อยากเห็นแม่ของลูกต้องทรมานอีก แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเมียรักอยู่ดีทว่ารอบนี้มีการปรึกษาหมออย่างละเอียด และโชคดีที่เจ้าลูกชายเป็นเด็กดีตั้งแต่อยู่ในท้อง ไม่มีใครแพ้ท้องอาเจียนจนเป็นลมล้มพับเหมือนตอนท้องลูกสาว มีเพียงภรรยาที่ติดกลิ่นสามี ต้องตามติดแจไปไหนไปกัน ซึ่งเขาชอบมากที่เป็นอย่างนั้น ส่วนตอนคลอดเจ้าหนูก็คลอดง่ายดายต่างจากยัยแสบลิบลับฮันนี่ พรรณิกา เรเลอร์ตัน เด็กสาวแก้มป่องกับผิวขาวอมชมพูที่ใครเห็นก็อยากฟัด สีผมและนัยน์ตาดำสนิทเหมือนผู้เป็นพ่อ ตากลมโตฉายแววความดื้อรั้นมาตั้งแต่ยังไม่ทันครบขวบดี ปากนิดจมูกหน่อยดูจิ้มลิ้ม เป็นเด็กสดใสร่าเริง ไม่กลัวคน ไม่ยอมใคร แสบเหมือนแม่ แต่ติดความกวนนิด ๆ เหมือนพ่อ เป็นตัวของตัวเอง และที่สำคัญ
“ฮะ...เฮีย ฮึก”“คนดีเป็นอะไรครับ?” เสียงร้องเบา ๆ ทว่าเจ็บปวดจากคนตัวเล็ก ปลุกคนที่กำลังหลับใหล ให้ดีดตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจสุดขีดหมอคินกำชับนักกำชับหนา ช่วงนี้ให้ดูแลพริกแกงอย่างใกล้ชิด แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคืนนี้ เพราะก่อนหน้านี้ยังไม่มีสัญญาณเตือนอะไรอย่างที่ไอ้หมอบอกไว้ ดีที่เขาพยายามตื่นตัวและเตรียมความพร้อมตลอดเวลา“นะ...หนูเจ็บ”“อดทนหน่อยนะครับ” เสียงสั่นเทาเอ่ยปลอบทั้งภรรยาตัวเล็กและตัวเอง เขาพยายามตั้งสติห้ามมือไม้ไม่ให้สั่น แม้จะเตรียมตัวตลอดหลายวันที่ผ่านมา แต่เอาเข้าจริง เขากลับตื่นเต้นจนแทบทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเห็นชุดนอนเมียรักเปียกชุ่มไปด้วยน้ำคร่ำ อกด้านซ้ายยิ่งสั่นระรัวเหมือนจะหลุดออกจากอกยูนิกซ์จำคำเตือนของไอ้หมอได้ขึ้นใจ เมื่อไหร่ที่พริกแกงมีอาการน้ำเดิน นั่นหมายความว่า มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่เจ้าตัวน้อยจะออกมาลืมตาดูโลกภายในสิบสองชั่วโมง ถ้าเป็นแบบนั้นก็แสดงว่าในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เขาจะได้เจอหน้าคนที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่ยังไม่เคยเจอกันสักครั้งว่าที่คุณพ่อทั้งตื่นเต้น ดีใจ และตกใจแต่ก็ไม่ลืมช้อนอุ้มภรรยาขึ้น กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากห้องด้วยความระมัดระวัง โดยมี
“ค่อย ๆ ลุกนะคะคุณยู มาค่ะดิฉันช่วย”“ปล่อยครับ ผมลุกเองได้ ทำไมกูมาอยู่ที่นี่ได้วะ แล้วเมียกูไปไหน ไอ้เจฟ!” เอ่ยปฏิเสธคนที่ทำท่าจะเข้ามาช่วยพยุง เขาไม่ชอบให้ผู้หญิงคนอื่นมาถูกเนื้อต้องตัว แม้จะเป็นพยาบาลก็ตาม ก่อนประโยคหลังจะหันมาถามคนสนิท แต่คนที่ยืนอมยิ้มในความหวงตัวของเจ้านายกลับไม่ทันตอบ เสียงระคายหูของคนมาใหม่ ก็ทำให้คนที่เพิ่งพยุงตัวเองลุกพิงหัวเตียงได้ตวัดตามองไม่พอใจ“ตื่นมาก็ร้องหาเมียเลยนะมึง”ทำไมนอกจากหน้าไอ้เจฟ ตื่นมาคนที่เจอต้องเป็นมัน! คนที่เขาไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุดตอนนี้ด้วย! โชคดีที่โผล่มาแค่ตัวเดียว ถ้าอีกคนมาด้วย มันคงหัวเราะเยาะเขาจนเสียงแหบหรือไม่ก็คอแตกตายไปแล้วมั้ง“มึงมาทำไมไอ้เจย์”“มาดูคนกระจอก” ตอบเสียงนิ่ง พลางปัดหน้าจอดูงานทำเป็นไม่ใส่ใจ แตกต่างจากความเป็นจริงพอเขารู้ข่าวว่าน้องชายถูกหามส่งโรงพยาบาลก็รีบมาดู แต่สภาพน่าอดสูของมัน กลับทำเขาอดยิ้มเยาะในความน่าสมเพชไม่ได้เกิดมาตากแดดตากลม อดหลับอดนอนลากยาวติดต่อกันแค่ไหนไอ้ยูก็ไม่เคยป่วย แต่วันนี้มันกลับโดนเสียบสายน้ำเกลือเพราะแพ้ท้องแทนเมีย ผู้ชายห่าอะไรแพ้ท้องหนักไม่พอ ยังเหม็นกลิ่นตัวเองหนักถึงขนาดเป็น
“เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่าตัวเล็ก” เสียงทุ้มเอ่ยถามภรรยาด้วยความห่วงใยเขายืนหวีผมให้เมียรักเหมือนอย่างที่ทำเป็นประจำก่อนนอนทุกวัน ทว่าวันนี้กลับสังเกตเห็นใบหน้าหวานที่สะท้อนผ่านกระจกมีสีหน้าเศร้าหมองเหมือนคนคิดไม่ตก ทำให้อย่างยูนิกซ์อดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้เขาชอบเห็นใบหน้าสวย ๆ ของภรรยาประดับไปด้วยรอยยิ้มมากกว่า ไม่ชอบใบหน้าอมทุกข์อย่างเช่นตอนนี้เลยสักนิดพริกแกงจับมือใหญ่ของสามีที่วางอยู่บนบ่า พลางบีบเบา ๆ สบสายตาคมผ่านกระจกบานใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะระบายลมหายใจหนัก หันมาเอ่ยกับคู่ชีวิตด้วยเสียงแผ่วเบาไม่ค่อยมั่นใจนัก เพราะรู้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรเก็บมาคิดหรือใส่ใจ“จู่ ๆ ช่วงนี้หนูก็คิดถึงข้าวฟ่างขึ้นมา ผ่านมาเป็นปีแล้ว ไม่รู้เธอจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างนะคะ”“หนูเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นเหรอ”“ก็มีบ้างค่ะ” หากไม่นับเรื่องแทนไท ข้าวฟ่างก็นับเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง เธอกับข้าวฟ่างคอยช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกันมาตลอด แต่เพราะอีกคนพลาดที่มอบหัวใจให้คนผิด ไปรักผู้ชายเห็นแก่ตัวที่ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เรื่องมันถึงต้องจบลงแบบนั้น แต่ถึงจะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ เธอก็ไ
“ทำอะไรอยู่ครับ หืม?” คุณสามีที่เพิ่งกลับมาจากทำงาน เดินเข้าไปสวมกอดภรรยา พร้อมกดปลายจมูกโด่งลงบนแก้มนิ่มฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึงนับวันเขายิ่งรู้สึกทั้งรักทั้งหลงยัยตัวเล็กมากขึ้นทุกวัน กลับมาจากทำงานเหนื่อย ๆ พอได้กอดรัดฟัดเหวี่ยงคนในอ้อมแขน ได้สูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเรือนผมนุ่ม ก็ทำให้ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันหายเป็นปลิดทิ้ง เหมือนได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง“อ่านบันทึกค่ะ”“ไม่เบื่อเหรอ เฮียเห็นหนูอ่านแทบทุกวัน”“ไม่เบื่อค่ะ ก็มันเป็นจุดเริ่มต้นของเรานี่คะ” เสียงหวานเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน พริกแกงไม่เคยลืมเลือน เธอสามารถอ่านมันได้ซ้ำ ๆ ทุกวันไปตลอดชีวิต ทุกตัวอักษรคือเรื่องราวทั้งสุขและทุกข์ก่อนที่เราสองคนจะสมหวัง แล้วเธอจะเบื่อได้อย่างไรไม่มีทาง“แต่ตอนนี้หนูหยุดอ่าน แล้วมาช่วยเฮียก่อนได้มั้ยครับ?”“หือ ช่วยอะไรคะ”“อาบน้ำให้เฮียหน่อยค่ะคนดี”“...แต่หนูเพิ่งอาบไปเองนะ”“อาบแล้วก็อาบอีกได้ มาครับเมีย เฮียจะทำความสะอาดให้ทุกซอกทุกมุมเลย” แม้จะทำสีหน้าเหมือนไม่ยินยอมกับคำพูดสองแง่สองง่ามของสามี แต่เธอก็อ้าแขนออกกว้างให้เขาเข้ามาอุ้ม เรียกรอยยิ้มเอ็นดูได้ไ
“มันกวนตีนแบบนี้มานานแล้วน้องรัก เธอแค่ยังไม่เห็น!”“ถ้ามึงไม่หยุด ผมจะโทร. บอกเมียคุณนะ”“โอ๊ย ถ้าขึ้นมึงแล้ว ก็ไม่ต้องผม ๆ คุณ ๆ หรอกเพื่อนรัก” พี่เขยเอ่ยเย้า แต่พอเห็นน้องเขยในคราบเพื่อนสนิททำท่าขอโทรศัพท์จากการ์ดด้านล่าง ชานนท์ก็รีบรูดซิปปาก แล้วกลับไปนั่งเงียบ ๆ ข้างเจนิกซ์แต่โดยดี“น้องมึงแม่งชอบขู่”“กูก็โดน” พอได้ฟังเจนิกซ์ตอบก็ยิ่งต้องเงียบเสียงกว่าเดิมพี่มันยังไม่เว้น แล้วเพื่อนจะเหลืออะไรล่ะคร้าบ“กลับมาต่อนะครับ เหตุผลแค่นี้เองเหรอเนี่ยที่ทำให้เธอจำพี่ใจดีไม่ได้? งั้นพี่ช่วยตอบเพื่อนผมหน่อยสิว่าทำไม”“ที่ผิวคล้ำ เพราะช่วงนั้นบ้าเล่นเซิร์ฟครับ ครั้งแรกที่เราเจอกัน พี่ก็เพิ่งกลับจากแข่งเซิร์ฟ ส่วนทำไมผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นถึงเป็นสีน้ำเงิน มันเป็นของแจกน่ะ พี่ได้มาตอนไปลงทะเบียนแข่งครับ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก แล้วปล่อยให้เข้าใจผิดตั้งนาน ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมถึงชอบกวน...” ยูนิกซ์ลดไมค์ลงครู่หนึ่ง ก้มลงไปใกล้ใบหูสีแดงของว่าที่ภรรยา เขาพูดเสียงกระซิบทว่ายกไมค์ขึ้นจ่อปากไว้“พี่กวนเฉพาะคนสนิท แต่กับหนู...พี่อยากกวนทั้งตัวทั้งใจเลยครับที่รัก”หลังส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอเสร็จ แขกเหรื่อแล