Share

บทที่ 4

Penulis: light sky
last update Terakhir Diperbarui: 2025-10-03 18:42:29

3

หม่ำๆ กันคุณ

สรุปว่าฉันต้องเป็นคนขับรถให้หมอนั่นนั่งสบายใจเฉิบจนมาถึงคอนโดฉันนี่แหละ ระหว่างทางคนที่เรียกตัวเองว่า ‘พี่ตุ่นคนจริง’ ก็ตะโกนแหกปากร้องเพลงจนลั่นรถไม่ได้เกรงใจเจ้าของรถอย่างฉันเลยสักนิด พอบอกให้หยุดหมอนั่นก็เพิ่มระดับเสียงจนฉันยอมแพ้ในที่สุด

ไอ้บ้านี่มันฟังฉันเสียที่ไหน!

“นายเดินนำไปก่อนเลยนะ” ฉันว่าขึ้นเมื่อเราสองคนก้าวออกมาจากลิฟต์

“ทำไมอะคุณ”

“ก็ฉันไม่อยากให้น้องก้อยเห็นว่ามากับนาย”

“น้องก้อยไม่ว่าอะไรหรอก”

ฉันจ้องหน้านายตุ่นนิ่งเมื่อเขาไม่ยอมฟังที่ฉันบอก ฉันจึงส่งกระแสความกดดันผ่านสายตาเรียบเฉยจนนายนั่นล่าถอยไปในที่สุด ยอมตั้งแต่ทีแรกก็หมดเรื่องทำไมต้องชอบให้ทำหน้าดุด้วยก็ไม่รู้

ฉันที่รอให้นายตุ่นเดินเข้าไปในห้องน้องก้อยก่อนแล้วค่อยออกไปต้องย่นคิ้วขึ้นมาเมื่อนายตุ่นยังยืนอยู่ที่เดิมทั้งๆ ที่ประตูห้องก็เปิดแล้วแท้ๆ

เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า...

“ว่าแล้วทำไมถึงปิดเครื่อง”

“...”

“ที่แท้รับแขกอยู่นี่เอง”

ด้วยความที่อยู่ไม่ไกลกันมากนักฉันจึงได้ยินถ้อยคำของนายตุ่นค่อนข้างที่จะชัดเจน น้ำเสียงเย็นเยือกดังขึ้นตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะในลำคอคล้ายจะเย้ยหยันตัวเอง

ฉันที่รอไม่ไหวกะเดินเนียนๆ เข้าห้องไปกลับต้องชะงักเมื่อตอนที่เดินผ่านหลังนายตุ่นไปนั้นสายตาเจ้ากรรมเดินเหลือบไปเห็นบุรุษที่มีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันเอวเอาไว้ยืนพิงประตูอยู่ นี่มันอะไรกัน น้องก้อยพาผู้ชายคนอื่นเข้าห้องงั้นเหรอ

รักสามเส้าไหมล่ะ!

ฉันหยิบคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋าด้วยมืออันสั่นเทา ตอนนี้ฉันตกใจมากที่ต้องมาเจอสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้ นายนั่นคงเงิบน่าดูเลยแหละ

“ขอโทษนะคะ” นั่นคือคำพูดของน้องก้อยก่อนที่เสียงปิดประตูจะดังขึ้น

ฉันถอนหายใจออกมาเมื่อบังคับมือให้เสียบคีย์การ์ดตรงช่องไม่ได้ ก่อนจะตัดสินใจหันหลังไปมองร่างของนายตุ่นที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ฉันควรไปหาเขาไหมหรือปล่อยให้เขาอยู่เงียบๆ ดี

“นะ..นายโอเคใช่ไหม” ฉันตัดสินใจถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

“ไม่อะ” นายนั่นเงยหน้าขึ้นมามองฉันแล้วตอบ

“ไม่เป็นไรเนอะ”

“เป็นสิคุณ! ตอนนี้ผมโมโหมาก” นายตุ่นพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน ฉันก้าวถอยหลังเล็กน้อยอย่างหวาดๆ มือกำคีย์การ์ดไว้แน่น

“นาย...นายก็ไปหาผู้หญิงใหม่สิ”

“ไม่ใช่เรื่องนั้น ผมหมายถึงตอนนี้ผมโมโหหิวมาก!”

“ห้ะ”

“ผมอุตส่าห์หิ้วท้องมาขอข้าวน้องก้อยเขากิน เป็นไงล่ะเจอแจ็กพอตดังบึ้ม! ห้องคุณมีไรกินบ้างอะผมหิวจนจะกินคุณได้ทั้งตัวอยู่แล้ว”

“ไอ้บ้า! ไอ้ลามก!”

“คุณมาว่าผมทำไมเนี่ย ผมแค่ขอกินข้าวที่ห้องคุณเฉยๆ เองนะ ไม่ให้ก็บอกไม่ให้ดิทำไมต้องด่ากันด้วยวะ ผู้หญิงใจดำ!”

“ก็นายบอกว่าจะกินฉันนี่!” ฉันเหวใส่เสียงดัง

“มันคือคำเปรียบเปรย คุณครูที่โรงเรียนไม่เคยสอนหรือไง” นายตุ่นอธิบายเสียงขุ่น

“เขามีแต่หิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวต่างหาก นายนั่นแหละตอนเด็กๆ คงหลับในห้องเรียนสินะ”

“โหคุณอย่างกับมีญาณทิพย์อะ รู้ได้ไงเนี่ย อ้อคุณตอนนี้ผมก็ยังหลับในห้องเรียนอยู่นะ”

“มันใช่เรื่องที่ต้องมาอวดไหม!”

“ผมภูมิใจจะตาย” เขายืดอกพูดด้วยน้ำเสียงยียวน แล้วพูดต่อว่า “แล้วตกลงห้องคุณมีอะไรกินไหม นี่ผมหิวจริงจังเลยนะ อีกหน่อยคงเป็นโรคกระเพาะแน่ๆ เลย”

“มี แต่ไม่ให้เข้า”

“ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะใจดำเหมือนที่ผมพูดออกไปจริงๆ”

“นายจะว่าอะไรก็ว่าเถอะแต่ฉันจะไม่ยอมให้ผู้ชายที่เจอกันแค่สามครั้งแถมนิสัยแบบนายเข้าห้องฉันแน่ๆ”

นายตุ่นเงียบไปเลยหลังจากฉันพูดเสร็จ ฉันพูดตรงไปงั้นเหรอ? ก็ไม่นะในเมื่อนายนี่ดูไม่น่าไว้ใจจริงๆ นี่น่า ใครจะบ้ากล้าพาเข้าห้องขนาดพ่อฉันยังไม่เคยได้เข้าเลย

“....ร้านอาหารใกล้ๆ ก็ได้คุณ”

“หือ”

“นี่ผมจริงจังเลยนะ คือตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวผมมีศูนย์บาท คุณช่วยเลี้ยงข้าวผมหน่อยได้ไหมถือว่าทำทานก็ได้นะคุณ หรือคุณจะมองผมว่าเป็นขอทานก็ได้ ผมไม่เกี่ยงอยู่แล้ว”

“นายหิวขนาดนั้นเลยเหรอ” ฉันถามเสียงเรียบใช้นัยน์ตาโตจ้องมองนายตุ่นอย่างจับผิด

“แม่ผมไม่อยู่ไง ผมก็เลย...”

“พอๆ ไม่ต้องพูดแล้วๆ” ฉันยกมือขึ้นห้ามก่อนที่ร่างสูงจะพร่ำพูดอะไรที่มันน่าเวทนาออกมาได้อีก ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้น “...ก็ได้”

ฉันพานายตุ่นมาที่ร้านอาหารร้านหนึ่งย่านคอนโดของฉันนี่แหละ นายตุ่นดูเหมือนจะชอบใจมากตั้งแต่เดินเข้าร้านมายังยิ้มไม่หุบเลย

“นายชอบร้านนี้ขนาดนั้นเชียว” ฉันถามขึ้นหลังจากที่เราเลือกโต๊ะนั่งได้แล้ว

“ชอบสิ ร้านนี้ดูแพงดูไฮโซดี ผมตื่นเต้นๆ” นายตุ่นว่าก่อนจะตาลุกวาวเมื่อเปิดเมนูอาหาร “แพงจริงด้วย ที่จริงคุณน่าจะพาผมไปกินร้านตามข้างทางก็พอ”

“ฉันไม่เคยกินร้านแบบนั้น = =”

“คุณนี่นะใช้ชีวิตไม่คุ้มเลย”

“ถ้าใช้คุ้มแล้วต้องเป็นเหมือนนายฉันขอบายดีกว่า” ฉันว่าก่อนจะก้มมองเมนูเพื่อเป็นการตัดบทแต่ก็ยังได้ยินเสียงนายตุ่นชวนคุยด้วยอยู่เนืองๆ แต่ฉันก็เลือกที่จะไม่ตอบจนอีกฝ่ายเงียบลงไปในที่สุด

โล่งหูขึ้นเยอะ

“ทวนรายการอาหารนะครับ ของคุณผู้หญิงเป็นสลัดผลไม้กับน้ำส้ม ส่วนของคุณผู้ชายเป็นผัดกะเพราหมู แกงเขียวหวานไก่ กุ้งอบหม้อดิน ปลาช่อนลุยสวนพร้อมกับเบียร์หนึ่งกระป๋องนะครับ”

“ครับ ตามนั้นเลย”

ไอ้หมอนี่มัน...ฮึ่ย!!

“ว่าแต่คุณชื่ออะไร” นายตุ่นถามขึ้นเมื่อพนักงานเดินพ้นไปแล้ว

“จำเป็นต้องบอกไหม” ฉันถามเขากลับเสียงราบนิ่งพลางจ้องหน้าใบหน้านายตุ่นด้วยแววตาเรียบเฉยอย่างที่ชอบทำจนเคยชิน

“ก็จำเป็นอยู่นะ”

“ฉันไม่เห็นว่ามันจะมีความจำเป็นตรงไหน”

“คุณนี่ไร้มนุษยสัมพันธ์ม๊ากมาก”

“ถ้าฉันเป็นแบบนั้นจริงฉันคงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก จะพูดอะไรนี่ช่วยคิดด้วย” ฉันเหน็บอย่างหมั่นไส้ เป็นคนที่ต้องเจียมตัวแท้ๆ กลับมาถามนั่นนี่ น่ารำคาญ

“ผมควรมอบโล่ให้คุณไหม” นายตุ่นเลิกคิ้วสูงไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดของฉันเลยสักนิด

“นายอย่ากวนประสาทฉันได้ไหม”

“ผมกวนตรงไหน ผมแค่ถามชื่อคุณเองนะ”

“ไม่บอกโอเคไหม!”

“โอเคคุณไม่บอก ว่าแต่ชื่อแปลกจังเลยน้า”

“นายตุ่น!!” ฉันเรียกชื่อเขาด้วยความโมโห ผู้ชายคนนี้เป็นคนแรกที่ทำให้ฉันอารมณ์ขึ้นได้อย่างง่ายดายแบบนี้ ปกติฉันจะมีใบหน้าที่เรียบเฉยติดออกจะหยิ่งด้วยซ้ำ

“โอ๊ะ คุณรู้ชื่อผมด้วย” นายนั่นยกมือขึ้นปิดปากแสร้งทำสีหน้าตกใจ

=_______=

“อ้อผมแนะนำตัวไปแล้วนี่น่า พี่ตุ่นคนจริง ฮ่าๆๆ”

=_________=

“คุณนี่ไม่มีอารมณ์ขันเอาเสียเลย” นายนั่นนั่งเท้าคางกับโต๊ะพลางมองหน้าฉันด้วยอารมณ์เซ็งๆ “ถ้าคุณไม่บอกชื่อ ผมจะเรียกคุณว่าคุณนมแบน”

“ไม่เอานะ” ฉันรีบแหวใส่ ส่งสายตาจิกกัดไปให้นายตุ่นอย่างเคืองๆ

“งั้นก็บอกมา”

“...พิมพ์ ฉันชื่อพิมพ์”

“ก็เท่านี้แหละ เก็บอมไว้อย่างกับดอกพิกุลจะร่วงโรยลงมาอย่างั้นแหละ”

Tun’ s part

ผมมองหน้าผู้หญิงคนที่ผมบังเอิญเจอในบาร์อย่างนึกตลก แม่คุณเป็นคนปากร้ายชอบทำหน้าตายแถมยังปรายตามองผมอย่างกับตัวอะไรสักอย่างอีก พอเห็นแบบนั้นเข้าผมเลยนึกอยากจะกวนประสาทขึ้นมา ได้ผลนะ เธอค่อนข้างโมโหผมเชียวล่ะ

สนุกดีออกกก

“คุณนี่ผู้หญิ๊งผู้หญิงเนอะ แต่งตัวดูเนี๊ยบรูปร่างอ้อนแอ้นมีรถคันแบ๊วแถมยังกินอย่างกับแมวดมทั้งๆ ที่ผมจนจะเห็นกระดูกอยู่แล้ว”

“มันเรื่องของฉัน” เธอตอบพลางจิ้มสลัดของเธอต่อไป เห็นแล้วนี่รู้สึกขาดสารอาหารแทน “คุณลองทานผัดกะเพราดู อร่อยนะ”

“อ้วน”

“เรื่องมากนะคุณ” ผมเอ็ดเสียงล้อ แต่ถึงจะอย่างนั้นผมก็พูดจริงนะ ผมค่อนข้างไม่ชอบผู้หญิงประเภทที่จะกินอะไรสักทีต้องมานั่งคำนวณแคลอรีอะ ดูเยอะ

“นายกินของนายไปเถอะ อย่าให้เหลือนะ”

“ผมจะไม่ทำให้คุณต้องเสียตังค์ฟรีแน่นอน” ผมพูดขึ้นพลางตักนั่นกินนี่เข้าปากไปเรื่อยจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมานั่นแหละถึงจะหยุด

-ไอ้แจ้-

“ว่าไงคะ” ผมกรอกเสียงลงไป แวบหนึ่งคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับผมปรายสายตาขึ้นมองด้วยความสงสัยปนประหลาดใจ

“สวัสดีค่ะ แป้งร่ำฝากมาถามว่าพี่ตุ่นได้ชีทโจทย์วิชาได...ได...”

“ไดนามิกส์ค่ะ”

“ใช่ค่ะวิชานั้นเลย”

“ยังเลยค่ะ”

“ว่าแล้ววว” น้องเทคของผมลากเสียงยาวก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “หนูขี้เกียจบ่นพี่แล้วอะ บ่นไปก็เท่านั้นแหละ แต่พยายามอย่าขาดเรียนนะคะ งั้นเดียวหนูจะบอกให้แป้งร่ำถ่ายชีทเผื่อนะคะ”

“ขอบคุณนะคะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่กวนละน้า บ๊ายบาย” พูดจบกุญแจซอลหรือที่ผมเรียกติดปากว่าไอ้แจ้ก็ชิ่งตัดสายไป บางครั้งผมก็คิดนะว่ามีน้องหรือมีแม่กันแน่

“มองไรคุณ” ผมถามเจ้ามือที่เลี้ยงผมในวันนี้อย่างสงสัยก็เล่นจ้องตาไม่กะพริบขนาดนั้น

“ปะ...เปล่า”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   บทที่ 60

    “พิมพ์ใจเย็นๆ ก่อนนะลูก” คุณแม่ปรามฉันซึ่งว่ากันตามตรงคนที่ท่านควรห้ามปรามคือคุณพ่อเสียมากกว่า “พิมพ์ใจร้อนตรงไหนคะ พิมพ์แค่บอกว่าพิมพ์จะไม่แต่งงานกับพี่แทน พิมพ์ไม่ได้รักพี่แทน เลิกเอาความรักกับธุรกิจมาเกี่ยวข้องกันสักทีเถอะค่ะ” “ลูกชายป้าทำหนูพิมพ์ไม่พอใจหรือเปล่า บอกป้ามาได้เลยนะเดี๋ยวป้าจะจัดใ

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   บทที่ 59

    32 เร่งรัด Tun’s part หลังจากเคลียร์กับนุ่นเสร็จผมก็รีบเดินลงมาหาพิมพ์เขาที่ร้านกาแฟ ผมไม่รู้ว่าเธอจะรู้สึกโอเคหรือเปล่าที่ต้องมาเจอกับนุ่นแบบนั้น ภายนอกเธออาจจะดูแข็งกร้าวแต่ทว่าตลอดระยะเวลาที่รู้จักกันมาผมสัมผัสได้ว่าเนื้อในเธอเปราะบางมาก เท้าของผมชะงักเมื่อเดินเข้าไปร้านแล้วสายตาของผมก็พลันเข

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   บทที่ 58

    “ให้นุ่นเน่าไปนอนกอดสักคืนดีไหม?” “ที่รัก” น้ำเสี่ยงเลี่ยนๆ ที่มาพร้อมกับมือหนาที่วางไว้บนเอวของฉันอย่างพอดิบพอดีทำให้ฉันนึกอยากจะถลึงตาใส่นายตุ่นนักแต่ก็ทำได้เพียงแสร้งกรีดยิ้มหวานกลับไปเท่านั้น “มาแล้วเหรอคะ” ฉันพูดเพราะใส่เขาเสร็จ คิ้วเข้มนั่นก็เลิกขึ้นทันทีในขณะที่ฉันก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือ “ภ

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   บทที่ 57

    31 นุ่นเน่าๆ คำตอบที่แสนจะจริงจังของเขาทำเอาฉันนิ่งค้างไปอย่างนึกทั้งอายทั้งโกรธขึ้นมา นึกอยากจะตะบันหน้าที่ยิ้มกริ่มของเขาตอนนี้ยิ่งนัก “ล้อเล่นน่าคุณ ซีเรียสไปได้” นายตุ่นว่าอย่างไม่จริงจังนักพลางยกนิ้วโป้งลงมาทาบบนระหว่างคิ้วของฉันแล้วคลึงเบาๆ “ก็หน้านายเหมือนว่าจะเอาจริงนี่” “เผื่อฟลุ๊กคุณต

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   บทที่ 56

    “โหหอมจัง!” ฉันที่ทำท่าจะอ้าปากถามเขาจำต้องปิดปากพลันเมื่อคนตัวสูงแสร้งโพล่งออกมาเพื่อต้องการเปลี่ยนเรื่องอย่างตั้งใจ ฉันสูดลมหายใจลึกพลางนึกรอว่าให้ทานอาหารเสร็จก่อนแล้วค่อยเค้นปากร่างสูงเอาก็ได้ ที่จริงฉันกะว่าจะปล่อยเลยตามเลยแต่แววตาของนายตุ่นมันทำให้ฉันฉุกคิดได้ว่าเรื่องที่เขาต้องการจะปิดบังฉัน

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   บทที่ 55

    30 จริงจังกันไหม? “สวัสดีครับแม่” นายตุ่นยกมือไหว้ผู้หญิงวัยกลางคนที่เขาเรียกว่าแม่ ท่านกำลังรดน้ำต้นไม้ตามที่นายตุ่นบอกจริงด้วย “สวัสดีค่ะคุณน้า” ฉันยกมือไหว้ท่านอีกคน “อ้าวตุ่น มานี่ทำไมไม่บอกแม่หึ” คุณน้าละจากต้นไม้หมุนตัวมาทางเราพลางถามคำถามลูกชายอย่างไม่จริงจังนัก “เซอร์ไพรส์ไหมล่ะครับ” “

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status