“คุณจีน่า…เพื่อนของท่านประธานมีใครบ้างเหรอคะ”
“...” คนถูกถามเอียงคอมองด้วยความสงสัย เหตุผลที่แซนด์ถามเช่นนี้กับเธอคืออะไร
“พอดีท่านประธานให้ฉันเช็กว่าบัตรเชิญส่งไปให้เพื่อนของท่านรึยังน่ะค่ะ”
“ถ้าเป็นเพื่อนสนิทที่ยังติดต่อกันสม่ำเสมอมีอยู่สองท่านค่ะ คือคุณอคิราห์และคุณอนล เบอร์ติดต่อจะอยู่ในคอนแท็กต์ของระบบ ส่วนเรื่องบัตรเชิญถึงมือสองท่านนั้นเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
แซนด์เข้าใจแล้วว่าทำไมคลื่นถึงเลือกจีน่ามาเป็นเลขานุการ นั่นก็เพราะว่าหล่อนทำงานได้อย่างเป็นมืออาชีพ รู้ใจเขาแทบทุกอย่าง หากคนที่เข้าไปในห้องเขาเมื่อกี้เป็นจีน่าก็คงจะให้คำตอบได้เลยทันที
ต่อจากนั้นหญิงสาวเริ่มเรียนรู้การเป็นเลขานุการของนักธุรกิจหมื่นล้าน เคยสงสัยว่าน้องชายข้างบ้านกลายเป็นใครและทำอะไร ซึ่งวันนี้ก็ได้รู้ทั้งหมดแล้ว
คลื่นมีธุรกิจที่ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าของหลายบริษัท แต่หลัก ๆ ที่ทำเงินให้เขาอย่างมหาศาลคือธุรกิจผลิตชิ้นส่วนของรถยนต์กับธุรกิจโรงแรมครบวงจรระดับหกดาว ไม่กี่วันข้างหน้าก็จะเปิดธุรกิจใหม่อย่างศูนย์นำเข้ารถหรูที่มีชื่อว่า ‘The Cerberus’
เด็กผู้ชายที่วัน ๆ เอาแต่ตามติดเธอเป็นปลิง ถ้าไม่โทรปลุกตอนเช้าก็ไม่คิดจะตื่นไปโรงเรียน ตอนนี้กลายเป็นนักธุรกิจที่มีคนมากมายนับหน้าถือตา
หญิงสาวรู้สึกภูมิใจที่เห็นคุณภาพชีวิตในฝันของใครหลายคนจากน้องชายข้างบ้านคนนี้ แม้ว่าจะไม่เคยติดต่อกันเลยตั้งแต่เธอย้ายไปเรียนต่อ แต่ก็นึกถึงเขาทุกครั้งที่มีโอกาส
นั่งทำงานไปสักพักก็ถึงเวลาที่หญิงสาวต้องเข้าร่วมวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์กับผู้เป็นเจ้านาย เนื่องจากเธอต้องเป็นคนเขียนวาระการประชุมทั้งหมดแล้วนำไปให้เขาอีกที
แซนด์ย้ายเข้ามานั่งในห้องทำงานของคลื่น โดยใช้โต๊ะของเขาเป็นที่วางโน้ตบุ๊ก ซึ่งตอนนี้เธอและเขานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน
“ก่อนจะเริ่ม คุณก็แนะนำตัวเองด้วย”
“ค่ะ”
ชายหนุ่มเหลือบมองคนตัวเล็กเป็นระยะ อยากรู้ว่าผู้หญิงที่มีดีกรีใบปริญญาสามใบอย่างเธอจะทำงานนี้ได้ดีแค่ไหน ถึงจะเป็นคนที่เขาเลือกมาอย่างไม่เป็นธรรม แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะปล่อยผ่านได้ ทำงานกับเขาต้องมีความเป็นมืออาชีพสูงมาก
ความผิดพลาดไม่เคยอยู่ในสารบบความคิดของเขา ผิดพลาดหนึ่งครั้งยังให้อภัยได้ แต่ถ้าครั้งที่สองนี่ต้องพิจารณาตนเองแล้ว
หญิงสาวเลือกสนใจงานแทนอีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองเธอไม่ละสายตา ไม่ว่าจะนำสายตาไปวางตรงไหนก็มักจะเห็นเขาตลอด จนกลายเป็นว่าเธอได้รับความสนใจมากกว่าการประชุม ถึงอย่างนั้นก็วางตัวเป็นธรรมชาติจนจบงาน
“วาระการประชุมค่ะ ไม่เกินสิบนาทีจะส่งไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ให้ผ่านอีเมลอีกครั้งนะคะ” ร่างบางกล่าวเสียงอ่อนน้อมพร้อมทั้งโน้มตัววางเอกสารบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะถือโน้ตบุ๊กลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“อืม” คลื่นพยักหน้าด้วยความพึงพอใจเมื่อเห็นรายละเอียดการประชุมที่อีกฝ่ายเขียนด้วยลายมือสวยงามของตนเอง มองคร่าว ๆ ครบถ้วนทุกหัวข้อ
“แล้วอีกครึ่งชั่วโมงฉันจะนำอาหารกลางวันเข้ามาเสิร์ฟให้ค่ะ”
“ไม่ต้องครับ ผมจะออกไปทานข้างนอกแล้วก็ไปหน้างานต่อเลย”
“ถ้างั้นฉันให้คนเตรียมรถเลยนะคะ”
“คุณไปเตรียมตัวเถอะ วันนี้ผมจะขับรถเอง”
“ค่ะ”
แซนด์โคลงศีรษะรับคำสั่ง จากนั้นเดินออกมาที่โต๊ะทำงานของตน บอกกล่าวให้จีน่ารับรู้ว่าพวกเธอต้องออกไปข้างนอกตั้งแต่ตอนนี้ แต่หล่อนกลับปฏิเสธและบอกให้เธอไปกับเจ้านายสองคน เพราะถึงเวลาที่แซนด์ต้องเรียนรู้การทำงานในฐานะเลขานุการด้วยตนเองแล้ว
จีน่าทำแบบนี้เพราะจะคอยดูอยู่ห่าง ๆ และรอฟังผลสรุปการทำงานของแซนด์ผ่านเจ้านาย แต่ถ้าอีกฝ่ายต้องการความช่วยเหลือก็จะสแตนด์บายรอเสมอ
สองหนุ่มสาวลงมาที่ซูเปอร์คาร์สีดำสนิทซึ่งจอดตระหง่านอยู่หน้าบริษัท คลื่นเป็นผู้ขับรถดังกล่าวไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งด้วยตนเอง
“คุณขับรถเป็นมั้ย” เขาทำลายความเงียบในรถด้วยการตั้งคำถามกับอีกฝ่าย
“เป็นค่ะ แต่ฉันยังไม่มีใบขับขี่ของไทย”
“ไปทำใบขับขี่ซะ บางครั้งคุณต้องมาขับแทนผมเหมือนที่คุณจีน่าเคยทำ” ชายหนุ่มมีคนขับรถส่วนตัวก็จริง แต่มีหลายครั้งที่ต้องเช่ารถยนต์ขับเวลาเดินทางไปทำงานที่ต่างจังหวัดกันสองคน
“ได้ค่ะ”
“แล้วทำงานวันแรกเป็นยังไงบ้างครับ เป็นเลขาฯ ผมไม่ยากอย่างที่คิดใช่มั้ย”
“ก็ใช่ค่ะ ยังรู้สึกว่าไม่ยากขนาดนั้น” อาจเป็นเพราะจีน่าวางแผนการทำงานไว้ให้เธออย่างเป็นระเบียบ เธอแค่ทำตามแค่นั้นเอง แต่ก็สงสัยว่าตนเองต้องทำงานแทนจีน่าไปอีกนานแค่ไหน ในสัญญาระบุแค่ว่าจนกว่าหล่อนจะกลับมาทำงาน ซึ่งแซนด์ก็เดาว่าน่าจะหลังคลอด
“คุณคลื่นรู้หรือเปล่าคะว่าคุณจีน่าตั้งครรภ์กี่เดือนแล้ว”
“ประมาณสิบแปดวีก” เป็นคนท้องสี่เดือนเกือบห้าเดือนที่ไม่เหมือนคนท้องเลยสักนิด ดูผ่าน ๆ จีน่ายังรูปร่างไม่ต่างจากเดิม
“แล้วฉันต้องเป็นเลขาฯ ของคุณนานแค่ไหนเหรอคะ”
“ก็จนกว่าจีน่าจะกลับมา”
“แล้วคุณจีน่าลาพักร้อนกี่เดือน”
“ผมให้พักจนถึงสามเดือนหลังคลอด” ตอนแรกจีน่าจะไม่ลางานด้วยซ้ำ แต่เขาบังคับให้เธอเอาเวลาไปดูแลสุขภาพตนเองและลูกในท้อง ไม่เช่นนั้นเขาคงรู้สึกหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับเธอ
แปลว่าแซนด์ต้องทำงานกับคลื่นประมาณแปดถึงเก้าเดือน สิ่งแรกที่เธอทำหลังจากรู้จำนวนที่แน่ชัดคือคำนวณเงินเดือนที่จะได้รับจากอีกฝ่าย อาจจะไม่มากถึงขั้นใช้หนี้ทั้งหมดได้ แต่ก็ดีกว่าไปทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนที่อื่นในระหว่างรอขายที่ดิน และรอภูธเนศช่วยจ่ายหนี้ให้ทุกเดือน
“ถามทำไมครับ ทำงานวันแรกก็อยากลาออกแล้วเหรอ”
“ฉันไปพูดแบบนั้นตอนไหนคะ”
“ผมก็นึกว่าอยากลาออก เผื่อมีเงินใช้หนี้แล้ว”
“ตอนนี้ยังไม่มีหรอกค่ะ ถ้ามีจะไปกู้เงินคุณทำไม” ถึงตอนนี้เธอจะมีเงินเก็บที่เหลือจากนำไปให้พี่ชายต่างแม่ใช้หนี้สินประมาณสิบล้านบาท แต่มันก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี เธอจำเป็นต้องรักษาเงินก้อนนี้เอาไว้ในกรณีจำเป็น
“นอกจากผมคุณไม่ได้เป็นหนี้ใครอีกใช่มั้ยครับ”
“ไม่ค่ะ แค่คุณคนเดียวก็เกินพอแล้ว”
“ทำไมคุณถึงกลับมาไทย”
คำถามที่ไม่มีที่มาที่ไปทำเอาหญิงสาวหันมองเขาด้วยความสงสัย “คำถามนี้มันเกี่ยวข้องกับคำถามก่อนหน้านี้ยังไงคะ”
“ไม่เกี่ยว แต่ผมอยากรู้”
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ได้อยู่ไทย”
“ตามมารยาทคุณควรตอบคำถามของผมก่อนนะ”
แซนด์ผ่อนลมหายใจเบา ๆ แล้วตอบสิ่งที่เขาต้องการรู้ “โดนว่าที่สามีนอกใจ อกหักก็เลยกลับมา ฉันตอบแล้วคุณก็ตอบฉันบ้างสิ”
“ผมไม่ได้บอกว่าจะตอบ”
“เหอะ นิสัยดีจริง ๆ”
ทำไมเธอถึงไม่เคยจำว่าเขาเป็นคนแบบนี้กันนะ!
หลายอาทิตย์ต่อมา...ปุ้ง!“ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะคุณจีน่า” แซนด์ดึงพลุกระดาษพร้อมกับกล่าวอย่างสดใส ทำเอาจีน่าที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องทำงานของคลื่นถึงกับสะดุ้งตกใจ“ตกใจหมดเลยค่ะคุณแซนด์ แต่ขอบคุณนะคะ”นี่เป็นวันแรกของการกลับทำงานหลังจากที่หล่อนลาพักร้อนไปเกือบเก้าเดือน ดีใจที่ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเจ้านายหนุ่มที่ยอมให้คนรักตนเองทำอะไรเช่นนี้“วันนี้คุณจีน่ามาทำงาน แปลว่าฉันคงต้องลาออกแล้วล่ะค่ะ”“คุณแซนด์ทำงานต่อไปก็ได้นี่คะ ดิฉันว่าท่านประธานน่าจะอยากให้ทำแบบนั้น”“คุณคลื่นบอกว่าถ้าฉันอยากทำงานที่นี่ต่อก็จะไล่คุณจีน่าออก”จีน่าหันไปเลิกคิ้วมองผู้เป็นเจ้านายที่ทำหน้าเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะดึงความสนใจกลับไปที่หญิงสาวอีกคน “ถ้างั้นเชิญคุณแซนด์เลยค่ะ”“คุณจีน่าจะออกเหรอคะ”“เชิญคุณแซนด์ไปลาออกกับเอชอาร์ตอนนี้เลยค่ะ ลูกดิฉันยังเล็ก”“ฮ่า ๆ” ประโยคนั้นทำเอาแซนด์ถึงหลุดหัวหัวเราะ “ล้อเล่นค่ะ ฉันทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดีเท่าคุณจีน่าหรอก อีกอย่างฉันว่าจะกลับไปอังกฤษสักพักด้วย”พรึ่บ!“กลับไปทำไมครับ” คลื่นผุดลุกจากเก้าอี้อย่างแรง ก่อนจะเดินมาหาแฟนสาวของตนเอง “ตอบผมสิครับ”“พี่จะกล
เช้าวันต่อมา…หญิงสาวมีอาการเจ็ตแล็กจนเผลอหลับไปตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานและตื่นขึ้นมาอีกทีตอนตีสี่ ไม่อยากรบกวนแฟนหนุ่มที่ยังนอนหลับสบาย จึงพาตนเองมาล้างหน้าล้างตาแล้วถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลงมาที่ห้องครัวเพราะมีใครบางคนเสียบปลั๊กกาต้มน้ำร้อนเอาไว้ ทำให้แซนด์เดาว่าน่าจะมีคนตื่นแล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหน เธอกดน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วเดินออกมานั่งที่โต๊ะนอกบ้าน“ตื่นแต่เช้าเลยนะ”“อ๊ะ! คุณตา” หญิงสาวสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลังตน เป็นฟาบริโอที่เดินผ่านพุ่มไม้มาพร้อมกับกรรไกรตัดแต่งต้นไม้ “สวัสดีตอนเช้าค่ะ”“อืม เจ้าเด็กนั่นยังไม่ตื่นเรอะ”“ยังเลยค่ะ หนูนอนก่อนก็เลยตื่นก่อนค่ะ”“กินของไม่มีประโยชน์ตั้งแต่เช้า สุขภาพมันจะแย่เอา” ชายสูงวัยมองถ้วยบะหมี่บนโต๊ะเล็กน้อย ก่อนจะหันมาเตือนแฟนสาวของหลานชายด้วยความหวังดี“หนูไม่แน่ใจว่าทำอะไรทานได้บ้างก็เลยคิดว่าบะหมี่น่าจะง่ายสุดค่ะ”“ที่นี่ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง”“ขอบคุณค่ะ แล้วคุณตาจะไปไหนแต่เช้าเหรอคะ”“ว่าจะเข้าไร่ไปเก็บองุ่นมาให้เจ้าคลื่นมันกินนั่นแหละ เด็กนั่นมันชอบ”“อ้อ หนูขอไปด้วยได้มั้ยคะ”
ครอบครัวของคลื่นอาศัยอยู่แทบชานเมืองเซียน่าในแคว้นทัสคานีของประเทศอิตาลี ตลอดเส้นทางจะสังเกตได้ว่าล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่น ตัวบ้านที่ปลูกสร้างด้วยอิฐสีแดงสไตล์อิตาลีการมาเยือนประเทศอิตาลีคราวนี้เป็นครั้งที่สองแล้วก็จริง แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบกับครอบครัวของแฟนหนุ่ม แซนด์ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคลื่นบอกครองขวัญไปแล้วหรือยังว่าตอนนี้เขากับเธอเป็นอะไรกันหญิงสาวเปิดประตูลงมาจากรถยนต์ ก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่ไม่ได้พบเจอกันมาตั้งสิบกว่าปี ซึ่งท่านก็ออกอาการตกใจเมื่อเห็นหน้าเธอ“สวัสดีค่ะน้าครองขวัญ”“หนูแซนด์เหรอ…” ครองขวัญเอ่ยถามด้วยภาษาไทยสำเนียงต่างชาติ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่บอกกล่าวเธอเลยว่าจะพาแซนด์มาด้วยกัน“ใช่ค่ะ”“โตเป็นสาวแล้วสวยเชียว” หญิงวัยห้าสิบปีคลี่ยิ้มอย่างยินดีที่ได้พบกัน ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาโอบไหล่เด็กสาวรุ่นลูก “ทำไมมาด้วยกันได้ล่ะฮึ”“คลื่นยังไม่ได้บอกคุณน้าเหรอคะ”“เจ้าตัวดีมันบอกอะไรน้าที่ไหนกัน แถมยังจะยืนหน้ามึนอีก”“เซอร์ไพรส์ไงครับ” ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ แล้วอ้อมรถยนต์มาหาแฟนสาวกับแม่ของตน แต่โน้มเข้าไปกระซิบข้างหูแม่ให้ได้ยินกันสองคน “…ผมเอาลูกสะใภ้มาฝาก”“คล
“คนเก่งหันมายิ้มหน่อยครับ”“หือ…” เมื่อหันไปเห็นว่าแฟนหนุ่มถือสมาร์ตโฟนอยู่ หญิงสาวจึงคลี่ยิ้มตามที่เขาต้องการ “ถ่ายสวยมั้ย”“นางแบบสวย ถ่ายยังไงก็สวยครับ”ติ๊ง~K.Da : พี่หนึ่งกับพี่สองกำลังไปที่บ้านนะK.Da : แกยังอยู่ที่นั่นมั้ยคลื่นตอบข้อความของพี่สาวกลับไปแค่สั้น ๆ ก่อนจะเก็บสมาร์ตโฟนใส่กระเป๋ากางเกง จังหวะนั้นมีชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหา“สวัสดีครับท่านทั้งสอง”“สวัสดีครับ”“กระผมชื่อโอลิวิเยร์ เป็นผู้ดูแลคฤหาสน์แห่งนี้ครับ”“คิมหันต์ครับ” คลื่นแนะนำตนเองกลับไปเป็นภาษาฝรั่งเศส“อีกครู่หนึ่งจะมีคนนำของว่างและชามาเสิร์ฟนะครับ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมสามารถแจ้งกระผมได้”“ขอบคุณครับ แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว” ชายหนุ่มโคลงศีรษะเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะเดินกลับมาหาแฟนสาวตนเองไม่นานสาวใช้ประจำปราสาทก็นำอาฟเตอร์นูนทีมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะกลางสวนดอกไม้ ก่อนจะเดินออกไปยืนห่าง ๆ เพื่อให้สองชายหญิงดื่มด่ำกับบรรยากาศกันตามลำพังช่วงเย็นบริเวณสวนดังกล่าวถูกจัดตกแต่งด้วยโต๊ะรับประทานอาหารแบบยาว พร้อมทั้งเสิร์ฟอาหารไฟน์ไดน์นิงที่ส่งตรงมาจากเชฟมิชลินสตาร์เป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่คลื่นร่วมรับประทานอาหา
สองเดือนต่อมา…@ฝรั่งเศสคำขอร้องจากปากพี่สาวต่างแม่ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเดินทางมาร่วมงานแต่งงานของเธอ เพราะอย่างไรเสียก็ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกัน ยังอยู่ในสถานะพูดคุยกันได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่สนิทใจที่จะพูดคุยกันทุกเรื่องเบื้องหน้าของเขาเป็นพิธีแต่งงานซึ่งจัดขึ้น ณ โบสถ์ทางศาสนาคริสต์ในแคว้นหนึ่งของฝรั่งเศส ถึงจะไม่ได้แสดงสีหน้าปีติยินดีออกมา แต่ลึก ๆ คลื่นก็รู้สึกแบบนั้นอยู่ในใจคราแรกคิดว่าตนเป็นสายเลือดคนเดียวที่มางาน แต่ที่ไหนได้กลับมีทั้งพี่ชายคนโตและคนรองมาด้วย คลื่นไม่ได้เข้าไปกล่าวทักทาย ส่วนทั้งสองคนนั้นก็ไม่กล้าหันมาสบตาหลังพิธีจบลงอย่างเป็นทางการ ‘ดา ดลยา’ ผู้เป็นเจ้าสาวก็เดินมาหาน้องชายต่างแม่ของตน เพื่อชวนเขาไปร่วมถ่ายภาพด้วยกัน“คลื่นไปถ่ายรูปกับพี่สิ”“พี่ไปถ่ายเถอะ”“เร็ว ๆ อย่าทำตัวเป็นเด็ก” ดลยาดึงแขนน้องชายให้ลุกจากเก้าอี้ ในขณะที่แซนด์ก็ต้องลุกพร้อมกันเมื่อคลื่นดึงเธอไปด้วย “…แวงซ็องต์คะ นี่น้องชายคนเล็กของฉันค่ะ”“สวัสดีครับ” เจ้าบ่าวหันมาทักทายอย่างสุภาพ พลางยื่นมือไปตรงหน้าน้องชายของภรรยา“สวัสดีเช่นกันครับ” คลื่นโคลงศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับยื่นมือไปเช็กแฮนด์ตาทมาร
“ลงมาจากโต๊ะครับ”แซนด์หย่อนปลายเท้าลงมายืนบนพื้น ก่อนจะหันหลังแล้วเอนกายไปด้านหน้า เริ่มรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินอีกฝ่ายหยิบบัตต์ปลั๊กอะลูมิเนียมที่มีกระดิ่งห้อยออกมาลิ้นชักโต๊ะทำงาน“เตรียมมาตรงนี้มาพร้อมแล้วเหรอครับ”“…ค่ะ” หลังจากวันนั้นที่คลื่นทำกับช่องทางด้านหลังเธอครั้งแรก เธอก็รู้ว่าต้องทำอย่างไรกับมันบ้าง“สมกับเป็นคนเก่งของผมจังนะครับ” ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้บั้นท้ายกลมกลึง ก่อนจะโน้มลงไปพรมจูบอย่างหลงใหล โดยใช้สองมือบีบไว้แน่น แล้วเริ่มตวัดปลายลิ้นเลียร่องตรงหน้าด้วยความนุ่มนวลเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนเพอร์เฟกต์ได้เท่าแซนด์มาก่อน ทั้งที่เขาไม่ชอบสีชมพู แต่กลับรู้สึกคลั่งไคล้เมื่อมันอยู่บนตัวเธอ มากไปกว่านั้นถ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจะดีมาก“คุณเลขาครับ”“ว่าไงคะ”“เรามีเวลาสักสิบห้านาทีมั้ย”“จะเสร็จทันก่อนสิบห้านาทีเหรอคะ”“น่าจะทันนะครับ”“ถ้าคิดว่าทันก็เอาเลยค่ะ” แซนด์ก็รู้สึกมีอารมณ์ไม่ต่างจากคนข้างหลัง อดทนอดกลั้นมาตั้งแต่เช้าจนป่านนี้บ่ายเข้าไปแล้ว แต่คลื่นก็ยังไม่คิดจะหยุดแกล้งเธอเสียที“แค่ถามตรงนี้ก็ไหลเยิ้มกว่าเดิมแล้วนะครับ ถ้าผมไม่สนอง คงไปร่านในห้องประชุมให้