‘ก๊อกๆๆ’
เสียงเคาะประตูดังขึ้น “ทำอะไรอยู่วะ แม่กูให้เอานมอุ่นมาให้” นี่ก็คงเป็นอีกเรื่องที่ทำให้แฟนมีตชอบมาที่นี่ เพราะคนที่บ้านนี้ดูแลเขาเป็นอย่างดี “กูก็กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย” “แล้วไอเรื่องที่คิด มึงพร้อมเล่าให้กูฟังหรือยัง” แฟนมีตยกแก้วนมอุ่นขึ้นดื่ม สายตาเหลือบมองเพื่อนสนิทเล็กน้อย “ไอ้ฟ้า มึงชอบดูพวกหนังผีหนังวิทยาศาตร์ใช่ไหม” “ถามทำไมวะ มึงอยากดูหนังหรอ” “เปล่า คือ..มึงว่าวิญญาณคนเราออกจากร่างมาโดยที่ยังไม่ตายได้หรือเปล่า” “ก็น่าจะได้นะ แบบพวกพระอาจารย์ถอดจิตในหนังไทยไงมึง” แฟนมีตเองก็ไม่เข้าใจว่าตอนนี้เขากำลังมานั่งถามเรื่องไร้สาระอะไรอยู่ แต่มันก็คงดีกว่าจมอยู่กับความเงียบ ให้ถือเสียว่าหาเรื่องคุยเรื่อยเปื่อยระหว่างที่นอนไม่หลับ “แล้วมึงว่าถ้าเขาออกจากร่างมานานหลายปี ร่างเขาจะไม่เน่าเปื่อยเหรอวะ” “นี่มึงจริงจังมากไหมกูจะได้ตอบถูก” ขอบฟ้าหย่อนตัวลงที่เก้าอี้ตัวสีขาว มือหยิบนมอุ่นที่แฟนมีตเพิ่งจะดื่มไปเมื่อครู่กระดกที่เดียวจนหมดแก้ว “คือถ้าให้พูดตามเนื้อหาหนังมันเป็นไปได้หมดแหละมึง แวมไพร์ยังหล่อเท่ คนติดเรือกลางทะเลกับเสือยังไม่โดนเสือแดก เอเลี่ยนมารวมร่างกับคนกระโดดลงบ่อไปนั่งแดกกุ้งสดกลางร้านอาหาร อะไรก็เป็นไปได้ ถ้ามึงถามถึงหนังที่กูดู” ก็คงจะจริงอย่างที่ขอบฟ้าบอก หนัง ละคร มันก็สามารถทำออกมาได้ทั้งนั้น บางสิ่งบางอย่างไม่ได้มีอ้างอิงถึงเหตุผลด้วยซ้ำ แค่เขียนบทว่ามันเป็นไปได้ มันก็เป็นไปได้ “แล้วถ้ามองว่าเป็นเรื่องจริง มึงคิดว่ายังไง” “คนไทยเขาก็ปลูกฝังเรื่องผีมาเป็นร้อยๆ ปีให้ลูกหลานฟังต่อๆ กันมา มันก็อาจจะต้องมีเค้าโครงบ้างไม่งั้นเขาจะเอาอะไรมาอ้างอิงว่าผีตัวนั้นหน้าตาเป็นแบบนั้น ผีตัวนี้กินอันนั้นเป็นอาหาร” “แล้วถ้าเขาไม่ใช่ผี แบบวิญญาณแค่ออกจากร่างมาแล้วกลับเข้าร่างไม่ได้ มึงว่ามันจะมีจริงๆ ไหม” ทั้งๆ ที่ปกติแฟนมีตเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องอะไรแบบนี้ แต่พอฟังขอบฟ้าอ้างอิงถึงชีวิตจริงกับโลกจินตนาการในภาพยนต์จู่ๆ เขาก็อยากจะรู้เรื่องขึ้นมา “มันก็ความเชื่อส่วนบุคคลนะมึง กูเคยได้ยินทวดกูเล่าว่าเมื่อก่อนมีพระแถวบ้านท่านนั่งทางในถอดจิตออกมาแล้วกลับเข้าร่างไม่ได้ ลูกศิษย์พากันคิดว่าท่านตาย จนวันเผาร่างท่านก็ไม่เน่าเปื่อย ทางวัดก็เลยให้เก็บศพเอาไว้” แฟนมีตขยับเข้าไปใกล้ตั้งใจฟังเรื่องที่ขอบฟ้าเล่าอย่างใจจดใจจ่อ “เห็นเขาว่าผ่านไปเป็นสิบปี จู่ๆ พระอาจารย์ก็ฟื้นขึ้นมา ท่านเล่าให้ฟังว่าท่านไปท่องเที่ยวมาหลายที่แต่หาทางกลับร่างไม่เจอทั้งๆ ที่ร่างก็ตั้งอยู่กลางวัด” “แล้วไงต่อวะ” “ก็พอเขาฟื้นก็สึกเลย เขาบอกมันทรมานมาก ทำอะไรไม่ได้ได้แต่วนไปเวียนมาเหมือนสัมภเวสี แต่เขาไม่ใช่ผี ร่างก็ยังอุ่นเหมือนคนนอนหลับ เขาไปหาพ่อแม่พี่น้องพยายามหาทางสื่อสารก็ทำไม่ได้ ที่น่าสงสารคือพอเขาฟื้นมา พ่อ แม่เขาก็เสียไปหมดแล้วไม่ทันได้ร่ำลากัน” แฟนมีตนั่งฟังขอบฟ้าเล่าประสบการณ์จากคุณย่าทวด พลางจินตนาการถึงความรู้สึกของพาสต้าในตอนนี้ 25 ปีที่เขาไม่มีใครพบเห็น 25 ปีที่เขาวนเวียนไปไหนไม่ได้ ทั้งๆ ที่ตัวเองยังไม่ตายแต่กลับเหมือนตายไปแล้ว “กูยังเคยคิดว่าถ้าเกิดวันหนึ่งวิญญาณกูเสือกเด้งออกจากร่างกูจะเป็นยังไงวะ จะมีคนอื่นอยู่อีกฝั่งหนึ่งของกูไหม แล้วกูจะได้กลับมาหรือเปล่า” “แล้วถ้าสมมุติบังเอิญมีคนเห็นมึงแล้วเขาพอจะช่วยมึงกลับร่างได้มึงจะทำไง” “กูคงก้มกราบตีนแล้วขอร้องให้เขาช่วย คือถึงโลกใบนี้มันจะไม่ได้น่าอยู่ แต่ถ้าให้กูเลือกระหว่างเป็นวิญญาณเร่ร่อนทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ตาย กับให้กูมีชีวิตปากกัดตีนถีบในสังคมเฮงซวยนี้กูขอกลับมาดีกว่า อย่างน้อยๆ ที่นี่ก็ยังมีมึงให้กูได้ระบาย มีเพื่อนให้กูได้โทรหา มีพ่อแม่ให้กูได้กอดได้บอกรัก” แทบจะเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่แฟนมีตกับขอบฟ้ามานั่งคุยกันนานขนาดนี้ ส่วนใหญ่ก็จะต่างคนต่างจมอยู่กับโลกส่วนตัวของตัวเองเสียมากกว่า แฟนมีตเล่นเกม ขอบฟ้าอ่านหนังสือ แฟนมีตชอบดูบอล แต่ขอบฟ้าชอบดูหนัง และเพราะการได้มาคุยกับขอบฟ้าเลยทำให้เขารู้สึกสงสารพาสต้าขึ้นมาจับใจ มันก็จริงอย่างที่ขอบฟ้าบอก ถ้าเป็นเขาที่อุตส่าห์รอมาตั้ง 25 ปี ทั้งๆ ที่คิดว่ามีความหวังจะได้กลับเข้าร่างของตัวเองเพื่อไปเจอครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ แต่แล้วทุกอย่างก็เหมือนพังทลายเพียงเพราะหนึ่งคนที่เป็นที่พึ่งเลือกที่จะเห็นแก่ตัว เรื่องในอดีตของแฟนมีตมันอาจจะมีใครสักคนที่โกหกและสักวันความจริงก็คงปรากฎ รวมถึงเรื่องของพาสต้าด้วย “กูจะนอน มึงกลับไปได้แล้วไป” “เอ้า ไอ้เชี่ยนี่ พอสบายใจก็ถีบหัวกูส่งเลยนะ” “แน่นอนนี่บ้านกู” “บ้านกูครับ” “อ่อออ” "เออๆ กูไปละว่าจะดูหนังสักเรื่องก่อนนอน” ถึงจะบ่นแต่ขอบฟ้าก็ยอมแต่โดยดี “นี่ไอมีต” “อะไรอีก” “คนเราต่างมีเหตุผลของตัวเองกันทั้งนั้นแหละมึง บางทีเราก็แค่รอให้คนๆ นั้นเขาพร้อมจะบอกเหตุผลให้เราฟังมันก็สบายใจดี ทั้งเราและเขา” ขอบฟ้าพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินกลับออกไป ปล่อยให้แฟนมีตได้ใช้ความคิดในช่วงเวลานี้ตามลำพังอีกครั้ง “พาสต้า พาสต้า พาส..” “ครับ..” สีหน้าเศร้าสร้อยและแววตาน่าสงสารเอาแต่ก้มมองพื้นตลอดเวลา คงกลัวว่าจะถูกแฟนมีตเรียกมาต่อว่าอะไรอีกแน่ๆ “ผมเปลี่ยนใจแล้ว ขอโทษที่เมื่อครู่นี้ผมพูดจาไม่ดีแบบนั้นออกไป” “ไม่เป็นไร ผมรู้ว่าคุณกำลังโกรธ แต่ผมไม่ได้โกหกคุณจริงๆ นะ” “เรื่องใครโกหกใครช่างมันเถอะ สักวันก็จะรู้ความจริงเอง เอาเป็นว่าเรื่องที่เคยรับปากว่าจะช่วยตามหาร่างให้เจอ ผมจะทำตามที่พูดไว้ก็แล้วกัน” “จริงๆ นะ” น้ำเสียงแปรเปลี่ยนไปแทบจะทันทีที่แฟนมีตบอกจุดประสงค์ของการเรียกเขากลับมาให้ฟัง “อืม..” “ขอบคุณนะแฟนมีต ขอบคุณมากๆ เลย” “ไม่เป็นไร โลกใบที่คุณอยู่มันว่างเปล่ามากเลยใช่ไหมล่ะก่อนที่ผมจะมองเห็นคุณ งั้นตอนนี้ผมเห็นคุณแล้ว เราก็เป็นเพื่อนกันแล้วนะ” “เอ่อ..ครับ ขอบคุณนะ แต่ว่า..” “มีอะไร?” “ผมอายุเยอะกว่าคุณนะแฟนมีต ผมต้องเป็นพี่หรือเปล่า ไม่สิ น่าจะน้าแล้วนะ!” “อะไรกันตอนนี้คุณ 25 อยู่แท้ๆ ยังจะมานับอายุเพิ่มอีก เห้ออ ผมนอนละ” “จะว่าไปคุณก็เรียกผมห้วนๆ ไปไหมนะ ต้องเรียกน้า..อืม.. พี่ก็พอ ต้องเรียกพี่พาสต้าหรือเปล่า” “เห้ออ ง่วงจังวันนี้นอนเร็วๆ ดีกว่า” แฟนมีตตีมึนเดินมาทิ้งตัวลงบนเตียวก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมโปงหนีพาสต้าที่โวยวายเรื่องลำดับอายุ : - TBC - #hgdคุณผีที่รัก“มีตกลับมาแล้วเหรอลูกแม่เห็นข่าวเรื่องที่บ้านของพาสต้า มีตไม่เป็นอะไรใช่ไหม”“ผมสบายดีครับแม่”พลอยแทบไม่เป็นอันทำอะไรในตอนที่ข่าวหน้าจอทีวีกำลังรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นในบ้านตระกูลเพียงสิงขรเธอสังหรณ์ใจว่าลูกชายของเธออาจจะมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่พอได้เห็นว่าแฟนมีตปลอดภัยดีเธอจึงยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ“ว่าแต่แม่เถอะครับเป็นไงบ้างผมไม่อยู่ตั้งสามวัน” “แม่จะเป็นอะไร ก็สบายมากๆ เลยไงมีทั้งน้ากิ่ง อาเวลมาช่วยดูแลแม่อยู่ตั้งสองคน”“จริงเหรอครับแล้วตอนนี้น้ากิ่งเขาอยู่ที่ไหน”แฟนมีตมองไปรอบๆ บ้าน เห็นแค่เพียงเวลที่กำลังนั่งซ่อมวิทยุตัวเก่งให้แม่ของเขาอยู่ที่มุมห้อง“เหมือนจะอยู่ในห้องนอนนะเห็นว่าเข้าไปหาอะไรสักอย่าง”“งั้นเหรอครับ ขอไปทักทายสักหน่อยดีกว่าจะได้รู้ว่าหลานรักกลับมาแล้ว”แฟนมีตเดินตรงไปยังห้องรับรองที่เขาเป็นคนจัดเอาไว้เพื่อให้กิ่งแก้วใช้เป็นที่นอนชั่วคราวระหว่างรอต่อเติมบ้าน“น้ากิ่งเขาไม่อยู่แล้วนิครับ เสื้อผ้าก็ไม่มี”“หมายความว่ายังไงลูก”“เป็นไปได้ยังไงก็ก่อนที่พลอยจะเข้าไปล้างจานในครัวอายังเห็นเขาอยู่ในห้องเลยนะ”พลอยกับเวลรีบตามลูกชายเข้าไป ถึงได้เห็นว่าภายในห้องไม่มีแม้แต
“พาสต้าคุณโอเคหรือเปล่า”หลังจากที่น้ำหนาวและพายุขอตัวกลับ แฟนมีตก็รีบขึ้นมาดูอาการของพาสต้าทันที“ดีขึ้นแล้วครับ เป็นยังไงบ้างน้ำหนาวกับพายุได้เรื่องหรือเปล่า”“ยิ่งกว่าได้เรื่องอีก อย่างแรกผมกู้คืนคลิปวิดีโอจากในมือถือตัวเองได้แล้วนะ ตอนนี้ผมเก็บไฟล์ทั้งหมดใส่ไดร์ฟเรียบร้อยแล้ว”แฟนมีตพูดพร้อมกับโชว์แฟลชไดร์ฟสีดำในมืออันเป็นหลักฐานสำคัญ“ส่วนอีกเรื่องคือเรื่องเครื่องติดตามพี่เพนเน่มีตัวส่งสัญญาณอีกหนึ่งตัวที่พายุเก็บเอาไว้ ตอนนี้กำลังดูว่าสัญญาณรถของพี่เพนเน่จะไปอยู่ที่ไหน”“แล้วคุณจะทำยังไงต่อไป”“หลังจากที่ผมแน่ใจแล้วว่าของทุกอย่างในโกดังมันถูกย้ายไปไว้ที่ไหน ผมจะส่งเรื่องทั้งหมดให้กับตำรวจและให้เขาเข้าไปจัดการ ถึงตอนนั้นคุณน่าจะเข้าไปใกล้ร่างของคุณได้แล้ว”แฟนมีตบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แต่พาสต้ากลับดูท่าทางคิดหนัก ทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นสิ่งที่เขารอคอยมันมาตลอด แต่เวลานี้เขากลับดูไม่ได้ดีใจกับมันเสียเลย“คุณต้องรีบหาวิธีกลับเขาร่างให้เร็วที่สุด คุณสัญญากับผมได้ไหมพาสต้า”“สัญญาอะไรเหรอครับ”“คุณต้องกลับเข้าร่างของคุณให้ได้นะ มันไม่ใช่เพราะว่าผมอุตส่าห์ลงทุนช่วยคุณมาถึงตอนนี้”“แล้ว
“ตื่นแล้วเหรอแฟนมีต”“กี่โมงแล้ว”“น่าจะเกือบเที่ยงได้แล้วมั้ง”“อะไรนะ นี่ผมหลับไปนานขนาดนั้นเลยเหรอ”แฟนมีตรีบเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอนทันทีแม้จะยังรู้สึกเจ็บกับบาดแผลตามลำตัวอยู่เล็กน้อยก็ตาม“คงเพราะว่าคุณเพลียมากนั่นแหละ ตอนเช้าขอบฟ้าเข้ามาดูอาการคุณไปรอบหนึ่งแล้วนะเห็นบ่นว่าจะออกไปทำธุระข้างนอก ตอนนี้เลยไม่มีใครอยู่บ้านสักคน”พาสต้าจัดการไล่เรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในตอนที่แฟนมีตนอนหลับให้เขาฟัง“แล้วที่ร้านพี่เพนเน่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”“ผมไปมาแล้ว ร้านปิดแถมยังขึ้นป้ายว่าปิดไม่มีกำหนดอีกต่างหาก”“อะไรนะคนอย่างพี่เพนเน่เหรอจะมาปิดร้านอย่างไม่มีกำหนดแบบนี้”“ก็คงมาจากเรื่องที่คุณบุกเข้าไปในโกดังเขาเมื่อคืนนั่นแหละ ตอนนี้ที่โกดังไม่มีใครอยู่เลยสักคน”พาสต้าใช้เวลาในช่วงที่แฟนมีตได้พักผ่อนออกไปตรวจสอบทุกที่มาจนหมดเพราะไม่อยากรู้สึกว่าเขาปล่อยให้แฟนมีตมาจัดการเรื่องนี้อยู่คนเดียว และมันก็ทำให้เขารู้ว่าตอนนี้ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดพยายามทำลายหลักฐานเพื่อหนีความผิดในครั้งนี้“เป็นไปได้ยังไง?”“พวกเขาย้ายออกจากที่นั่นไปแล้ว ไปพร้อมกับอุปกรณ์ทั้งหมดของโกดังน่าจะขนออกไปต
“อาเวลครับแม่หลับไปแล้วหรือยังครับ”แฟนมีตไม่กล้ากลับไปที่บ้านของตัวเองในเวลานี้จึงตัดสินใจมาที่บ้านของขอบฟ้าแทน‘พลอยหลับไปแล้ว อาบอกว่ามีตจะไปค้างบ้านเพื่อนพลอยเขาพยายามโทรหามีตตั้งหลายสายแต่ก็ไม่มีคนรับ’“พอดีผมทำโทรศัพท์หายครับอา นี่ผมก็มายืมโทรศัพท์ไอ้ฟ้ามันจะโทรมาฝากอาบอกแม่ด้วยแล้วกันนะครับว่าผมขออยู่บ้านฟ้ามันสักสองสามวัน พอดีฟ้ามันให้มาช่วยงาน”‘แน่ใจนะมีตว่าเราไม่ได้เป็นอะไร’เพราะน้ำเสียงแฟนมีตที่ตะกุกตะกักผิดปกติ ทำให้เวลจับผิดได้ไม่ยากว่าคนปลายสายกำลังโกหกเขาอยู่“นะครับอาทำตามที่ผมบอก”‘ก็ได้ แต่จบเรื่องนี้เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ’“ว่าแต่ทางนั้นมีอะไรน่าสงสัยหรือเปล่าครับ”เมื่อเห็นว่าเวลยอมให้ความร่วมมือ แฟนมีตจึงถามถึงเรื่องสำคัญที่ฝากเอาไว้ทันที‘ก็ไม่มีนะ กิ่งแก้วดูปกติดีไม่ได้ทำอะไร จะมีก็แค่เขาดูไม่ค่อยพอใจนิดหน่อยที่อามาอยู่ที่นี่’“จะเป็นอะไรไหมครับถ้าผมจะขอร้องให้อาหาเรื่องอยู่ที่บ้านนั้นกับแม่ไปก่อนจนกว่าผมจะกลับไป”‘มีตจะให้อาทำแบบนั้นจริงๆ เหรอ’“ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ แล้วครับอา และผมก็มีอีกเรื่องสำคัญที่จะฝากให้อาช่วย”ด้วยทุกอย่างมันผิดจากแผนเดิมไปจนหมด และแ
แฟนมีตเดินลัดเลาะไปที่ด้านหลังของโกดังซึ่งอยู่ติดกับทุ่งนาของชาวบ้านรั้วสูงถูกพันเอาไว้ด้วยลวดหนาม เป็นหนทางเดียวที่เขาจะสามารถเข้าไปด้านในได้ และเขาต้องยอมเสี่ยงแฟนมีตสำรวจไปรอบๆ เพื่อความปลอดภัยว่าจะไม่มีใครมาเจอตัวของเขาก่อนที่เขาจะเข้าไปในโกดังได้หนามจากลวดเกี่ยวเข้าที่แขนและขาของชายหนุ่มจนเป็นรอยยาว โชคดีที่เขาไม่ได้เป็นอะไรมาก จึงสามารถข้ามเข้ามาในฝั่งของโกดังได้อย่างปลอดภัย“คุณแม่มาถึงหรือยัง”“ด็อกเตอร์กำลังเดินทางมาครับ อีกประมาณ 15 นาทีจะถึง เห็นท่านแจ้งว่าวันนี้รถค่อนข้างติด”ผู้ชายวัยกลางคนเดินออกมาต้อนรับเพนเน่ที่ด้านหลังโกดังซึ่งถูกดัดแปลงให้เป็นที่จอดรถ ชายคนนั้นสวมชุดขาวคล้ายกับชุดป้องกันรังสีเหมือนในภาพยนต์ที่เคยเห็น“ก็จริง กว่าฉันจะมาถึงได้ก็เสียเวลาไปหลายนาทีอยู่ แล้วข้างในเป็นยังไงบ้าง”“ด็อกเตอร์สั่งปรับสูตรยาตัวใหม่ให้มีประสิทธิภาพที่แรงขึ้นกว่าเดิมสองเท่าครับ”“สองเท่าเองเหรอ?”“ใช่ครับ ฟังดูมันอาจจะน้อยนะครับคุณเพนเน่ แต่สองเท่าสำหรับยาสูตรนี้ถ้าหากเป็นคุณเพนเน่คนเดิมที่เพิ่งเคยใช้ยาตัวนี้เป็นครั้งแรกอาจจะไม่ต้องใช้ยาไปอีกเลยถึงสามเดือน”ผู้ดูแลอวดอ้างสรรพ
แฟนมีตหลับสนิทไปแล้ว ส่วนพาสต้ายังคงนอนตะแคงมองใบหน้าของเขาอยู่อย่างนั้นถ้าวันหนึ่งเขากลับเข้าร่างไปได้ เขาจะมีโอกาสมาอยู่แบบนี้อีกหรือเปล่า แฟนมีตจะหายไปจากชีวิตของเขาไหม หรือเขาจะต้องไปอยู่ที่ไหนกันแน่เรื่องที่เรนิสากับภานุทำเอาไว้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถ้าความจริงถูกเปิดเผยพ่อกับแม่ของเขาก็คงต้องไปชดใช้ความผิดตามกฎหมายที่ไม่รู้ว่ามันจะหนักหนามากสักแค่ไหนแต่ที่แน่ๆ มันอาจจะนานมากพอที่จะทำให้ยาอายุวัฒนะที่อยู่ในร่างกายของคนพวกนั้นหมดฤทธิ์แล้วธรรมชาติก็จะได้กลับมาทำหน้าที่ของมัน..:“แม่คะ หนูรู้สึกว่ายารอบนี้ประสิทธิภาพมันลดลงนะคะ”เพนเน่กลับมาจากร้านกาแฟ เธอรีบตรงไปหาเรนิสาที่ห้องทำงานทันที หลังจากที่เธอเจอความผิดปกติบางอย่างในร่างกาย“เกิดอะไรขึ้น?”“คือหลังจากหนูรับยาไปได้ 1 สัปดาห์ร่างกายก็เริ่มรู้สึกอ่อนเพลียแล้วก็เหมือนมันจะมีอาการคล้ายๆ กับเวลายามันหมดฤทธิ์”“เป็นไปได้ยังไง ในเมื่อตัวยานี้มันสามารถดูดซึมอยู่ในร่างกายถึง 1 เดือนหรือเพราะมีอะไรผิดพลาด”เรนิสาถอดแว่นตาออกก่อนจะเดินรอบๆ ตัวของลูกสาวเธอเพื่อสำรวจความผิดปกติที่เกิดขึ้น“หนูเองก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะแม่ แต่มันเป็นแบบน