อ้ายคนจนจำต้องทนทำงานหาเงิน
----------------------
วันนี้ฉันไม่มีเรียนแต่ก็ตั้งใจตื่นเช้ามาทำของอร่อยให้เขา เน้นเป็นเมนูของว่างซะส่วนใหญ่
ไก่ทอดแป้งกรอบ ๆ ฟู ๆ ทานกับทาร์ทาร์ซอสเข้ากันดีเป็นที่สุด
ทำเสร็จก็จัดใส่กล่องแล้วขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจไปมหา'ลัย ตอนเช้าเป็นเวลาเดียวที่ไม่ต้องลุ้นว่าจะได้เจอเขาหรือไม่เพราะได้เจอแน่ ๆ ขอแค่กะเวลาให้ถูก
มาจอดรถรออยู่ที่เดิม ข่าวว่าเข้าหน้าฝนอย่างเต็มรูปแบบแต่แดดจ้าจนน่าใจหายเลยล่
ะคะคุณผู้ชม จะตกเมื่อไรโทรบอกด้วยแล้วกัน
ระหว่างรอก็มีรถเลี้ยวเข้ามาจอดอยู่เรื่อย ๆ เท่าที่สังเกตไม่มีใครจอดตรงที่ของเขาเลยนะ ต้องบอกว่าที่ของทั้งแก๊งมากกว่า ที่จอดหกช่องว่างหมดเลย
ความอิทธิพลนี้นั้น...
มันช่างน่ากลัวววว
"อ้าว! เธอที่โรงอาหารวันนั้นหนิ" ชายหนุ่มหน้าตาดีแต่ขี้เผือกซึ่งฉันจำได้นะจ๊ะ เดินเข้ามาทัก
นี่ไม่ได้พูดอะไรทำเพียงแค่มองนิ่ง ๆ คอยดูสิต้องถามแน่ว่ามาทำอะไร หรือไม่ก็มาหา เตย์ ทมโภลี ใช่ไหม เป็นอะไรกัน บลา ๆ ๆ
"มาหา เตย์ ทมโภลี เหรอ"
น่ะ! ขาดคำซะที่ไหน
"ใช่ มีอะไรกับเราหรือเปล่า"
"เปล่า เธอน่ารักดีเลยอยากรู้จัก"
น่ารัก? มาเวย์สินะ เหอะ! ของมันแน่อยู่แล้วพ่อคุณ ฉันทั้งน่ารักทั้งจิ้มลิ้มไม่มีใครเกินหรอก
ยืนยืดอกเลย มีความภูมิใจที่ถูกชม ซึ่งนาน ๆ ทีจะมีคนพูดแบบนี้ รู้สึกดีเหมือนกันนะคะคุณชม คิคิ
"ถ้าเป็นแค่เพื่อนกันงั้นผมก็จีบได้ดิ"
โหย คนแรกเลยไหมเนี่ยที่อยากจีบฉัน น้ำตาจะไหลของจริง ในที่สุดก็มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามซะที ที่ผ่านมาอย่าว่าแต่ขอจีบเลย ชายตามองยังไม่มีสักคน
"จีบได้แต่จะติดไหมไม่รู้นะ เพราะเรามีคนที่รักอยู่แล้ว อย่ามาเสียเวลาเลยดีกว่า"
"เตย์ ทมโภลี เหรอ" วกกลับมาที่พ่อยอดดวงใจของฉันอีกละ
"ถ้าใช่แล้วจะทำไม"
"อ้าว! แล้วไหนบอกเพื่อนกัน เธอไม่รู้เหรอว่าเตย์มีคนที่รักอยู่แล้ว เขารู้กันทั้งมหา'ลัย"
ใครวะ?
ในฐานะที่ตามเขามาสี่ปี ไม่ยักกะรู้ว่าเขามีคนที่รักอยู่แล้ว เขาไม่เคยคบใครด้วยซ้ำ
"ทำหน้างงใหญ่เลย แสดงว่าไม่รู้จริง ๆ สินะ"
"อ่า... ไม่รู้อะ บอกหน่อยสิว่าใคร"
"จิ๊ จิ๊ น่าสงสารจริง ๆ รักคนที่ไม่ควรรัก งั้นผมจะบอกให้ว่าคนที่ เตย์ ทมโภลี รักน่ะคือใคร"
อึก!
ลุ้นมากฮะ ใครกันหนอ...
ฉันคิดว่าตัวเองเป็น No.1 ที่รู้เกี่ยวกับเขามากที่สุดแล้วนะ ยังมีเรื่องที่ไม่เคยรู้อีกเหรอเนี่ย แล้วแม่งเป็นเรื่องที่สำคัญสุด ๆ อย่างการมีคนรัก
โอ๊ย โอ๊ย เจ็บกระดองใจ
แปล๊บ... แปล๊บ
"เธอคนนั้นคือ จันทร์เจ้า เนตรนรินทร์ ดาวมหา'ลัยปีที่แล้วคนนั้นไง คณะนิเทศน่ะ"
อ๋าาาาา แม่สาวสุดสวยดาวมหา'ลัยชื่อดังคนนั้นนั่นเองที่ไปแลกเปลี่ยนอยู่สิงคโปร์หนึ่งปี แว่ว ๆ ว่าจะกลับมาเดือนหน้า แต่นั่นมันก็แค่คู่จิ้นไม่ใช่เหรอ เพราะช่วงที่พ่อยอดรักยอดดวงใจได้ตำแหน่งเดือนมหา'ลัยทั้งคู่ร่วมงานกันบ่อยมากจนคนเข้าใจผิดคิดว่าคบกันเพราะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด
ขนาดฉันเองยังไหลไปกับข่าวบ้า ๆ พวกนั้นจนร้องห่มร้องไห้กินไม่ได้นอนไม่หลับ ตอนนั้นเตย์แก้ข่าวว่าไม่ได้เป็นอะไรกันประจวบกับที่จบปีหนึ่งพอดี แล้วจันทร์เจ้าคนนั้นก็บินไปแลกเปลี่ยน ข่าวจึงเงียบไปไม่มีใครสนใจอะไรอีก
"เตย์ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน"
"เชื่อก็บ้าละ รู้หรือเปล่าว่าครอบครัวของสองคนนั้นรู้จักกันด้วยนะ"
"แล้วยังไง ครอบครัวรู้จักกันเลยต้องคบกันเหรอ บ้าบอ"
"แค่อยากให้เผื่อใจไว้ไง"
"จ้า ๆ ขอบใจมาก"
"ถ้าไม่ติดอะไรลองเปิดใจให้ผมดูก็ได้ รับรองจะไม่ทำให้ผิดหวัง" ยักคิ้วเก๊กเท่ไปอีกพ่อคุณ แต่เอาจริงโกรธไม่ลง แค่หมั่นไส้อยากยกเท้าเตะก้นสักที
"เหอะ!" ฉันกอดอกเชิดหน้า
"ฮ่า ๆ ผมไปแล้ว ยินดีที่ได้คุยกันน้าคนน่ารัก" ไม่พูดเปล่ายื่นมือมาจับหัวเราอีก ผมที่จัดทรงมาอย่างดีชี้ ๆ ยุ่ง ๆ ไปหมด
"โว้ยยยย ไปไกล ๆ เลยนะตาบ้า!"
"กร๊ากกกก บ๊ายบาย"
เอาเถอะ! เรื่องคนรักอะไรนั่นไม่ใช่เรื่องจริงอยู่แล้ว ฉันไม่คิดมากหรอก
พอตาบ้านั่นไปได้ไม่นาน เตย์ ทมโภลี พ่อยอดยาหยีคนดีของฉันก็มา วันนี้เปลี่ยนรถอีกแล้ว รถสปอร์ตสีแดงแสบตาบาดใจ นี่เขามีรถกี่คันกันแน่เนี่ย ไม่รวยจริงทำไม่ได้นะคะ
ด้วยความไม่มีเรียนฉันเลยใส่แค่เสื้อบอลแมนยูกับกางเกงยีนส์ขาสั้น รองเท้าคอนเวิร์สสีดำ ซอรี่พอดีพี่ไม่ใช่สายหวาน ผมหยิกเป็นลอนธรรมชาติจัดทรงยากเหลือเกิน
ทันทีที่รถจอดเข้าซองสนิทฉันก็มายืนรอประชิดเป็นที่เรียบร้อย ทักทายเขาด้วยรอยยิ้มสดใสสู้กับแสงแดดอันร้อนแรงแต่เช้า
"สวัสดีค่ะเตย์" คนอะไรหล๊อหล่อ มองไม่เบื่อเลยสักนิด อยากครอบครอง อยากกอด อยากจุ๊บ ๆ ที่แก้ม ฮืมมม มันเขี้ยว!
ฉันยื่นถุงอาหารให้ ตัวของเขาสูงแตะร้อยแปดสิบหกเซนติเมตร รูปร่างดีตามแบบฉบับคนขยันออกกำลังกาย เป็นนายแบบได้สบาย ๆ เลยล่ะ
"มันคืออะไร" เขาเอ่ยถามพลางมองของในถุง
"ไก่ทอดกับทาร์ทาร์ซอสค่ะ"
"ทำเอง?"
"อื้อ ปอเปี๊ยะเมื่อวานได้ทานไหม" ไม่รู้ทำไมถึงได้ลุ้นกับคำตอบของเขานัก
"อร่อยดี" เขาบอก
เพียงเท่านี้ก็ทำให้ฉันฉีกยิ้มกว้างอย่างสุขใจ กระโดดกอดเขาอย่างเผลอตัว ก่อนจะรีบถอยออกพร้อมเอ่ยขอโทษเสียงเบา เกาแก้มแก้เขิน และแอบหวั่นเล็ก ๆ ว่าเขาจะไม่โอเค
แต่ฉันคงคิดมากไป พอมองหน้าก็พบว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เรียบนิ่งราวกับถูกสตัฟฟ์เอาไว้ ฮู่ว~ โล่งใจไปที
"ทานให้อร่อยนะคะ เราไปล่ะ"
โบกมือลา แม้จะเสียดายแต่ก็ไม่อยากเซ้าซี้ชวนคุยอะไรให้มากความ เวลาและโอกาสยังมีอีกมาก ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า
.
.
.
17 : 10 น.
เดินทางมายังร้านกาแฟเร็วกว่าเวลาเข้างานสองชั่วโมง พี่พนักงานกำลังหัวหมุนเพราะลูกค้าเต็มร้านเลยตอนนี้
"มาเร็วเชียว เดี๋ยวผู้จัดการจะเข้ามาตอนหกโมงครึ่ง ระหว่างนี้ช่วยพี่หน่อยได้ไหม ขอล่ะพี่จะตายแล้ว อ๊าาาา" พี่พนักงานเว้าวอน ทั้งทำทั้งเสิร์ฟเหนื่อยตาย ร้านไม่ใหญ่ก็จริงแต่พอลูกค้าเข้าเยอะเอาอะไรมาทำทัน
"ให้กิ๋งทำอะไรดีคะ"
จากนั้นความหัวหมุนก็เริ่มต้นขึ้น ลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ต่างจากเมื่อวานแทบไม่มีลูกค้าเลย แปลกมาก! มันยังไงแน่เนี่ย
กว่าลูกค้าจะซาก็ปาไปหกโมงกว่า ผู้จัดการมาถึงยังต้องช่วยกันเลยคิดดู พอร้านโล่งต่างคนต่างหมดสภาพ นั่งพักไม่เอาอะไรอีกแล้ว
ป๋ากับหม่าม้าจะรู้ไหมว่าการเรียนแฟชั่นมันไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องใช้ทั้งเงินแล้วก็เวลา เรื่องนอนพักผ่อนอย่าได้ฝัน แต่มันก็ต้องสู้เพราะเลือกเรียนแล้วหนิ สุดท้ายก็ได้แค่บ่นแล้วก็บ่น
เมื่อหายเหนื่อยผู้จัดการลุกไปเอาชุดพนักงานมาให้ ส่วนฉันก็ส่งเอกสารสมัครงาน เรียบร้อยก็สอนงานกันต่อทันที
กะกลางคืนเนี่ยที่ร้านเขาเปิดขายอาหารง่าย ๆ แต่ละคืนก็จะติดป้ายเมนูเอาไว้ อย่างของวันนี้เป็นข้าวผัดปู แซนวิสแฮมชีส เกี๊ยวน้ำ แล้วก็ผัดซีอิ๊วหมู
แน่นอนฉันทำเป็นหมดทุกเมนู ให้มันรู้ไปว่าลูกสาวแม่ค้าขายบะหมี่จะทำไม่ได้ ขอบคุณที่ตอนเด็กรักการกินเลยเรียนรู้ที่จะหัดทำทุกเมนู ส่วนเมนูเครื่องดื่มตัดเหลือแค่เอสเปรสโซ่กับน้ำผลไม้ปั้น
หน้าที่หลักมีแค่นี้ ฉันคิดว่ากะกลางคืนไม่น่าจะยุ่งเท่ากลางวัน ระแวกนี้นอกจากคอนโดหรูที่ตั้งอยู่ข้างกันแล้วก็ยังมีซุปเปอร์มาร์เก็ต อพาร์ทเมนท์หรู ร้านสะดวกซื้อ สำนักงานต่าง ๆ สวนสาธารณะ ซึ่งทั้งหมดมีเจ้าของเป็นคนเดียวกัน
ผู้จัดการบอกว่าคุณเจ้าของเนี่ยยังมีแพลนจะสร้างคอนโดและอพาร์ทเมนท์เพิ่มอีก แล้วก็แพลนจะสร้างห้างสรรพสินค้าด้วย อยากทำให้เป็นอาณาจักรที่มีทุกอย่างครบครัน เพื่อความสะดวกสบายของลูกบ้าน
มีเงินอย่างเดียวไม่ได้ต้องคิดการณ์ไกลด้วยนะ ทำให้อยากเห็นเลยว่าคุณเจ้าของคนนั้นเป็นใคร คงจะเก่งงานบริหารแล้วก็ฉลาดหลักแหลมน่าดู
--------------------
---100%---
กินอะไรก็ไม่อร่อยเท่ากินเธอ เอ้ย! กินกับเธอ (2)-------------------------------------20 : 30 น.ร้านกาแฟประจำการที่เคาน์เตอร์เรียบร้อย ในร้านยังไม่มีลูกค้าเข้าจึงใช้เวลานี้ตรวจเช็ควัตถุดิบต่าง ๆ ซึ่งเราไม่ต้องเตรียมอะไรเลย ทางร้านเตรียมไว้ให้ทั้งหมด เราแค่มีหน้าที่ทำตามออเดอร์เท่านั้น บอกเลยว่าโคตรเจ๋ง!เมนูวันนี้เป็นผัดกระเพราหมูหมึกกุ้งเลือกได้ตามใจชอบ แกงจืดสาหร่าย ยำวุ้นเส้น แล้วก็ชุดรวมของทอด นะคะคุณลูกค้าขาาาาเช็คของอะไรเสร็จก็มานั่งทบทวนบทเรียนระหว่างรอลูกค้าเข้าร้าน พาลทำให้คิดถึงเรื่องของเขาโดยไม่มีเหตุผล ด้วยความโลภที่อยากจะเข้าใกล้มากกว่านี้ "เฮ้อ~ คงมีโอกาสอยู่ละมั้ง ดูไม่ออกเลยว่าเขาคิดอะไร" ไอ้เรื่องเผื่อใจน่ะเตือนตัวเองตลอดนั่นแหละ ของแบบนี้มันแน่นอนซะที่ไหนกริ๊งงงงงงงงเฮือก!ตกใจเสียงโทรศัพท์ของร้าน ฉันรีบลุกไปยกหูรับสาย ผู้จัดการบอกว่าถ้าโทรศัพท์เครื่องนี้มีคนโทรเข้ามาให้สันนิษฐานเอาไว้ก่อนเลยว่าปลายสายคือเจ้าของคอนโด เขามักจะโทรมาสั่งอาหารในเวลานี้ เมื่อทำเสร็จให้เอาขึ้นไปส่งยังชั้นบนสุดอ่า...ตื่นเต้นยังไงก็ไม่รู้"สวัสดีค่ะ ร้านทีคอฟฟี่ยินดีให้บริการค่ะ"
กินอะไรก็ไม่อร่อยเท่ากินเธอ เอ้ย! กินกับเธอ (1)--------------------------------------ทำงานวันแรกค้นพบว่าไม่ได้สบายอย่างที่คิดนะคะคุณผู้ชม ลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในวัยนักเรียนนักศึกษาที่ต้องทำงานส่งอาจารย์และอ่านหนังสือดึก ๆ ต่อให้มีร้านสะดวกซื้อพวกเขาก็ยังต้องการกินอาหารที่ปรุงสุกสดใหม่มากกว่าอาหารแช่แข็งอุ่นร้อน กว่าร้านจะไม่มีลูกค้าเข้าแล้วจริง ๆ ก็ปาไปตีสามกลับมาถึงบ้านตีห้าอย่าถามว่าได้นอนตอนไหน ไม่มีเวลาจ้ะ! เข้าครัวทำอาหารให้พ่อยอดรักยอดดวงใจต่อทันที ตอนนี้หกโมงเช้ากำลังจัดแฮมเบอร์เกอร์ลงกล่อง มีสลัดเบคอนแล้วก็นักเก็ตกับเฟรนช์ฟรายส์เพิ่มอีกอย่างละกล่องให้ไปด้วยต้องขอบคุณผู้สนับสนุนใจดีอย่างหม่าม้าที่ซื้อของมาใส่ไว้ในตู้เย็นให้ เพราะรู้ว่าลูกสาวคนนี้เงินไม่ค่อยมี แต่ก็ดันให้จีบผู้ชายเต็มที่ เอาเลยหม่าม้าเชียร์บ้านเงียบราวกับไม่มีใครอยู่ ที่เป็นแบบนี้เพราะหม่าม้าออกไปที่ร้านตั้งแต่ตีสาม เตรียมของขายเฉกเช่นทุกวันนั่นแหละ ส่วนป๋ากับพี่ชายอยู่บ้านสวนโน่นแน่ะ จะได้เจอกันแค่เดือนละครั้งทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็กลับขึ้นห้องไปอาบน้ำชำระร่างกาย วันนี้มีเรียนยาวถึงหกโมงเย็น เน้นแพทเทิร์นแ
อ้ายคนจนจำต้องทนทำงานหาเงิน----------------------วันนี้ฉันไม่มีเรียนแต่ก็ตั้งใจตื่นเช้ามาทำของอร่อยให้เขา เน้นเป็นเมนูของว่างซะส่วนใหญ่ไก่ทอดแป้งกรอบ ๆ ฟู ๆ ทานกับทาร์ทาร์ซอสเข้ากันดีเป็นที่สุดทำเสร็จก็จัดใส่กล่องแล้วขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจไปมหา'ลัย ตอนเช้าเป็นเวลาเดียวที่ไม่ต้องลุ้นว่าจะได้เจอเขาหรือไม่เพราะได้เจอแน่ ๆ ขอแค่กะเวลาให้ถูกมาจอดรถรออยู่ที่เดิม ข่าวว่าเข้าหน้าฝนอย่างเต็มรูปแบบแต่แดดจ้าจนน่าใจหายเลยล่ะคะคุณผู้ชม จะตกเมื่อไรโทรบอกด้วยแล้วกันระหว่างรอก็มีรถเลี้ยวเข้ามาจอดอยู่เรื่อย ๆ เท่าที่สังเกตไม่มีใครจอดตรงที่ของเขาเลยนะ ต้องบอกว่าที่ของทั้งแก๊งมากกว่า ที่จอดหกช่องว่างหมดเลยความอิทธิพลนี้นั้น...มันช่างน่ากลัวววว"อ้าว! เธอที่โรงอาหารวันนั้นหนิ" ชายหนุ่มหน้าตาดีแต่ขี้เผือกซึ่งฉันจำได้นะจ๊ะ เดินเข้ามาทัก นี่ไม่ได้พูดอะไรทำเพียงแค่มองนิ่ง ๆ คอยดูสิต้องถามแน่ว่ามาทำอะไร หรือไม่ก็มาหา เตย์ ทมโภลี ใช่ไหม เป็นอะไรกัน บลา ๆ ๆ"มาหา เตย์ ทมโภลี เหรอ" น่ะ! ขาดคำซะที่ไหน "ใช่ มีอะไรกับเราหรือเปล่า""เปล่า เธอน่ารักดีเลยอยากรู้จัก"น่ารัก? มาเวย์สินะ เหอะ! ของมันแน่อยู่แล้วพ
อ้ายคนจนจำต้องทนทำงานหาเงิน-------------------------เมื่อวานจบลงตรงที่กินข้าวกลางวันกันเสร็จก็แยกย้าย น้ำตาจะไหลพ่อยอดรักยอดดวงใจเขาเย็นชาเหลือเกินฉะนั้นเช้านี้ ณ ที่เดิมฉันมารอเขาพร้อมกับปอเปี๊ยะแสนอร่อยที่ตื่นมาผัดไส้ห่อแป้งเองตั้งแต่ตีสี่เอิ่ม กับเรื่องเรียนเอ็งตั้งใจขนาดนี้ไหมกิ๋งงงงงอุ๊ย! นั่น ๆ เขามาแล้ว เวลาดีเวลาเดิม เจ็ดโมงครึ่งไม่ขาดไม่เกินยืนมองรถหรูที่ไม่ใช่คันเดียวกับเมื่อวานเลี้ยวเข้ามา คันสีขาวมุกของอีกเจ้าหนึ่ง ส่วนคันนี้เป็นสีดำของอีกเจ้าซึ่งเป็นซุปเปอร์คาร์สวยน่าทึ่งพอเห็นแบบนี้ก็ยิ่งเห็นถึงความต่างชั้น หันมองมอเตอร์ไซค์ฮ่างของตัวเองแล้วแก้มแดง เขิน ๆ อาย ๆ ยังไงก็ไม่รู้รถยนต์ราคาแพงจอดสนิทที่จุดเดิม ฉันไม่รอช้ารีบวิ่งไปหาทันทีที่เขาเปิดประตูลงมา"สวัสดีค่ะเตย์" ทักทายเสียงใสด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แค่เห็นหน้าหล่อ ๆ ก็ชื่นใจมีแรงกลับไปเรียนแล้วจ้า"ต้องทำแบบนี้ทุกวันด้วยเหรอ" เสียงทุ้มเอ่ยถาม ไล่สายตามองมานิ่ง ๆ ไม่รู้สึกอะไรกับฉันเลย"เพิ่งวันที่สองเองนะคะ ถ้าถามว่าจะทำแบบนี้ทุกวันเลยไหมก็ต้องขอตอบว่าใช่! เอานี่...วันนี้เป็นปอเปี๊ยะ" "ถ้าเอาไปทิ้งจะโกรธหรือเปล
ขนมจีบขนมใจ---------------ฉันบอกไปหรือยังนะว่าที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยของเอกชน มีชื่อว่ามหาวิทยาลัยปราชญ์ชน (PU) อยู่ในเครือเดียวกันกับโรงเรียนเทียมฟ้านุกูล ที่ฉันกับแก๊งเพื่อนแล้วก็เขาคนนั้นจบมาใช้เวลาไม่นานก็มาถึง คณะของฉันกับคณะของเขาไม่ได้ไกลกันเท่าไร แค่คั่นกลางด้วยคณะบริหารเท่านั้นสามสาวสองชายเดินเรียงหน้ากระดานเข้าไปในโรงอาหารประดุจแคทวอล์คก็ไม่ปาน เหล่าชายโฉดทั้งหลายชายตามองจับจ้องกันยกใหญ่ คนต่างคณะมาบุกถึงถิ่นมีหรือจะไม่สนใจถามว่าอายไหม ตอบเลยว่า มาก! ไอ้เราก็ไม่ใช่คนหน้าหนาขนาดนั้น เพื่อความมั่นก็ทำกันไปงั้น สุดท้ายก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้"แย่ว่ะ" พาสเทลว่าพลางยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความอาย"เราทำกันไปทำไมวะ" ลูกเจี๊ยบเองก็หน้าแดงไม่แพ้กัน"ฮ่า ๆ ๆ เรียกร้องความสนใจเว่อร์" น้ำเงี้ยวยืนเท้าเอวหัวเราะปากกว้าง"แล้วไม่ได้เตี๊ยมกันด้วยนะ พร้อมใจสุดไรสุด" สามว่าพลางโบกมือพัดไล่ความร้อนบนใบหน้าขณะที่คนอื่นหัวเราะขบขันให้กับความบ้าบอ ฉันก็รีบสอดส่ายสายตามองหาคนของใจว่าเขานั่งอยู่โต๊ะไหน พอเห็นก็รีบชี้ ๆ ให้เพื่อนดู"เข้าไปทักดิ" สามบอก ส่วนคนที่เหลือก็ผลัก ๆ ดัน ๆ สนับสน
ขนมจีบขนมใจ-------------สวัสดีเช้าที่แสนสดใส ให้ทายว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนเอ่ย... เฉลย! มารอพ่อยอดรักยอดดวงใจอยู่ตรงลานจอดรถข้างคณะวิศวะน่ะซี่~ มันคือทางเดียวที่จะเจอเขาได้ในเวลานี้นั่นเองเดินวนไปมารอบรถมอเตอร์ไซค์ เบื่อก็หยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดดูนั่นนี่บ้าง คือไม่ใช่คนติดโซเชียลอะไรเท่าไรไง ส่วนใหญ่จะใช้คุยงานอ่านนิยายอ่านการ์ตูนมากกว่าฉันสืบตารางเวลาเรียนของเขามาหมดแล้วเรียบร้อย มีเรียนเช้าทุกวันฉะนั้นสามารถมาหาเขาเวลาเช้าแบบนี้ได้ยืนรอประมาณครึ่งชั่วโมงพ่อยอดยาหยีก็ขับรถยนต์คันโก้เลี้ยวเข้ามา ความร่ำรวยนี้เป็นที่เลื่องชื่อลือนามมากนะคะ ทายาทคนเล็กของท่านเจ้าสัวพิชิตกับคุณหญิงทิพาวดีน่ะตระกูลนี้เขาทำธุรกิจเกี่ยวกับขนส่งโลจิสติกส์รายใหญ่ทั้งในและนอก อีกทั้งยังเป็นเจ้าของธุรกิจค้าปลีกร้านสะดวกซื้อที่มีมากกว่าหนึ่งหมื่นสาขาทั่วประเทศ ไม่นับรวมสาขาต่างประเทศซึ่งก็มีไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันแห่ง และมีโรงงานผลิตสินค้าเพื่อนำมาจำหน่ายเองโดยเฉพาะแฮะ แฮะ หวังสูงสุด ๆ เลยฉันเนี่ย...ทำไงได้ไอ้เราก็รักเขาโดยไม่สนเรื่องฐานะตั้งแต่แรกอยู่แล้วรถยนต์คันหรูจอดเข้าซองเรียบร้อย ฉันฉีกยิ้มรีบวิ่งไปหา