อ้ายคนจนจำต้องทนทำงานหาเงิน
----------------------
วันนี้ฉันไม่มีเรียนแต่ก็ตั้งใจตื่นเช้ามาทำของอร่อยให้เขา เน้นเป็นเมนูของว่างซะส่วนใหญ่
ไก่ทอดแป้งกรอบ ๆ ฟู ๆ ทานกับทาร์ทาร์ซอสเข้ากันดีเป็นที่สุด
ทำเสร็จก็จัดใส่กล่องแล้วขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจไปมหา'ลัย ตอนเช้าเป็นเวลาเดียวที่ไม่ต้องลุ้นว่าจะได้เจอเขาหรือไม่เพราะได้เจอแน่ ๆ ขอแค่กะเวลาให้ถูก
มาจอดรถรออยู่ที่เดิม ข่าวว่าเข้าหน้าฝนอย่างเต็มรูปแบบแต่แดดจ้าจนน่าใจหายเลยล่
ะคะคุณผู้ชม จะตกเมื่อไรโทรบอกด้วยแล้วกัน
ระหว่างรอก็มีรถเลี้ยวเข้ามาจอดอยู่เรื่อย ๆ เท่าที่สังเกตไม่มีใครจอดตรงที่ของเขาเลยนะ ต้องบอกว่าที่ของทั้งแก๊งมากกว่า ที่จอดหกช่องว่างหมดเลย
ความอิทธิพลนี้นั้น...
มันช่างน่ากลัวววว
"อ้าว! เธอที่โรงอาหารวันนั้นหนิ" ชายหนุ่มหน้าตาดีแต่ขี้เผือกซึ่งฉันจำได้นะจ๊ะ เดินเข้ามาทัก
นี่ไม่ได้พูดอะไรทำเพียงแค่มองนิ่ง ๆ คอยดูสิต้องถามแน่ว่ามาทำอะไร หรือไม่ก็มาหา เตย์ ทมโภลี ใช่ไหม เป็นอะไรกัน บลา ๆ ๆ
"มาหา เตย์ ทมโภลี เหรอ"
น่ะ! ขาดคำซะที่ไหน
"ใช่ มีอะไรกับเราหรือเปล่า"
"เปล่า เธอน่ารักดีเลยอยากรู้จัก"
น่ารัก? มาเวย์สินะ เหอะ! ของมันแน่อยู่แล้วพ่อคุณ ฉันทั้งน่ารักทั้งจิ้มลิ้มไม่มีใครเกินหรอก
ยืนยืดอกเลย มีความภูมิใจที่ถูกชม ซึ่งนาน ๆ ทีจะมีคนพูดแบบนี้ รู้สึกดีเหมือนกันนะคะคุณชม คิคิ
"ถ้าเป็นแค่เพื่อนกันงั้นผมก็จีบได้ดิ"
โหย คนแรกเลยไหมเนี่ยที่อยากจีบฉัน น้ำตาจะไหลของจริง ในที่สุดก็มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามซะที ที่ผ่านมาอย่าว่าแต่ขอจีบเลย ชายตามองยังไม่มีสักคน
"จีบได้แต่จะติดไหมไม่รู้นะ เพราะเรามีคนที่รักอยู่แล้ว อย่ามาเสียเวลาเลยดีกว่า"
"เตย์ ทมโภลี เหรอ" วกกลับมาที่พ่อยอดดวงใจของฉันอีกละ
"ถ้าใช่แล้วจะทำไม"
"อ้าว! แล้วไหนบอกเพื่อนกัน เธอไม่รู้เหรอว่าเตย์มีคนที่รักอยู่แล้ว เขารู้กันทั้งมหา'ลัย"
ใครวะ?
ในฐานะที่ตามเขามาสี่ปี ไม่ยักกะรู้ว่าเขามีคนที่รักอยู่แล้ว เขาไม่เคยคบใครด้วยซ้ำ
"ทำหน้างงใหญ่เลย แสดงว่าไม่รู้จริง ๆ สินะ"
"อ่า... ไม่รู้อะ บอกหน่อยสิว่าใคร"
"จิ๊ จิ๊ น่าสงสารจริง ๆ รักคนที่ไม่ควรรัก งั้นผมจะบอกให้ว่าคนที่ เตย์ ทมโภลี รักน่ะคือใคร"
อึก!
ลุ้นมากฮะ ใครกันหนอ...
ฉันคิดว่าตัวเองเป็น No.1 ที่รู้เกี่ยวกับเขามากที่สุดแล้วนะ ยังมีเรื่องที่ไม่เคยรู้อีกเหรอเนี่ย แล้วแม่งเป็นเรื่องที่สำคัญสุด ๆ อย่างการมีคนรัก
โอ๊ย โอ๊ย เจ็บกระดองใจ
แปล๊บ... แปล๊บ
"เธอคนนั้นคือ จันทร์เจ้า เนตรนรินทร์ ดาวมหา'ลัยปีที่แล้วคนนั้นไง คณะนิเทศน่ะ"
อ๋าาาาา แม่สาวสุดสวยดาวมหา'ลัยชื่อดังคนนั้นนั่นเองที่ไปแลกเปลี่ยนอยู่สิงคโปร์หนึ่งปี แว่ว ๆ ว่าจะกลับมาเดือนหน้า แต่นั่นมันก็แค่คู่จิ้นไม่ใช่เหรอ เพราะช่วงที่พ่อยอดรักยอดดวงใจได้ตำแหน่งเดือนมหา'ลัยทั้งคู่ร่วมงานกันบ่อยมากจนคนเข้าใจผิดคิดว่าคบกันเพราะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด
ขนาดฉันเองยังไหลไปกับข่าวบ้า ๆ พวกนั้นจนร้องห่มร้องไห้กินไม่ได้นอนไม่หลับ ตอนนั้นเตย์แก้ข่าวว่าไม่ได้เป็นอะไรกันประจวบกับที่จบปีหนึ่งพอดี แล้วจันทร์เจ้าคนนั้นก็บินไปแลกเปลี่ยน ข่าวจึงเงียบไปไม่มีใครสนใจอะไรอีก
"เตย์ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน"
"เชื่อก็บ้าละ รู้หรือเปล่าว่าครอบครัวของสองคนนั้นรู้จักกันด้วยนะ"
"แล้วยังไง ครอบครัวรู้จักกันเลยต้องคบกันเหรอ บ้าบอ"
"แค่อยากให้เผื่อใจไว้ไง"
"จ้า ๆ ขอบใจมาก"
"ถ้าไม่ติดอะไรลองเปิดใจให้ผมดูก็ได้ รับรองจะไม่ทำให้ผิดหวัง" ยักคิ้วเก๊กเท่ไปอีกพ่อคุณ แต่เอาจริงโกรธไม่ลง แค่หมั่นไส้อยากยกเท้าเตะก้นสักที
"เหอะ!" ฉันกอดอกเชิดหน้า
"ฮ่า ๆ ผมไปแล้ว ยินดีที่ได้คุยกันน้าคนน่ารัก" ไม่พูดเปล่ายื่นมือมาจับหัวเราอีก ผมที่จัดทรงมาอย่างดีชี้ ๆ ยุ่ง ๆ ไปหมด
"โว้ยยยย ไปไกล ๆ เลยนะตาบ้า!"
"กร๊ากกกก บ๊ายบาย"
เอาเถอะ! เรื่องคนรักอะไรนั่นไม่ใช่เรื่องจริงอยู่แล้ว ฉันไม่คิดมากหรอก
พอตาบ้านั่นไปได้ไม่นาน เตย์ ทมโภลี พ่อยอดยาหยีคนดีของฉันก็มา วันนี้เปลี่ยนรถอีกแล้ว รถสปอร์ตสีแดงแสบตาบาดใจ นี่เขามีรถกี่คันกันแน่เนี่ย ไม่รวยจริงทำไม่ได้นะคะ
ด้วยความไม่มีเรียนฉันเลยใส่แค่เสื้อบอลแมนยูกับกางเกงยีนส์ขาสั้น รองเท้าคอนเวิร์สสีดำ ซอรี่พอดีพี่ไม่ใช่สายหวาน ผมหยิกเป็นลอนธรรมชาติจัดทรงยากเหลือเกิน
ทันทีที่รถจอดเข้าซองสนิทฉันก็มายืนรอประชิดเป็นที่เรียบร้อย ทักทายเขาด้วยรอยยิ้มสดใสสู้กับแสงแดดอันร้อนแรงแต่เช้า
"สวัสดีค่ะเตย์" คนอะไรหล๊อหล่อ มองไม่เบื่อเลยสักนิด อยากครอบครอง อยากกอด อยากจุ๊บ ๆ ที่แก้ม ฮืมมม มันเขี้ยว!
ฉันยื่นถุงอาหารให้ ตัวของเขาสูงแตะร้อยแปดสิบหกเซนติเมตร รูปร่างดีตามแบบฉบับคนขยันออกกำลังกาย เป็นนายแบบได้สบาย ๆ เลยล่ะ
"มันคืออะไร" เขาเอ่ยถามพลางมองของในถุง
"ไก่ทอดกับทาร์ทาร์ซอสค่ะ"
"ทำเอง?"
"อื้อ ปอเปี๊ยะเมื่อวานได้ทานไหม" ไม่รู้ทำไมถึงได้ลุ้นกับคำตอบของเขานัก
"อร่อยดี" เขาบอก
เพียงเท่านี้ก็ทำให้ฉันฉีกยิ้มกว้างอย่างสุขใจ กระโดดกอดเขาอย่างเผลอตัว ก่อนจะรีบถอยออกพร้อมเอ่ยขอโทษเสียงเบา เกาแก้มแก้เขิน และแอบหวั่นเล็ก ๆ ว่าเขาจะไม่โอเค
แต่ฉันคงคิดมากไป พอมองหน้าก็พบว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เรียบนิ่งราวกับถูกสตัฟฟ์เอาไว้ ฮู่ว~ โล่งใจไปที
"ทานให้อร่อยนะคะ เราไปล่ะ"
โบกมือลา แม้จะเสียดายแต่ก็ไม่อยากเซ้าซี้ชวนคุยอะไรให้มากความ เวลาและโอกาสยังมีอีกมาก ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า
.
.
.
17 : 10 น.
เดินทางมายังร้านกาแฟเร็วกว่าเวลาเข้างานสองชั่วโมง พี่พนักงานกำลังหัวหมุนเพราะลูกค้าเต็มร้านเลยตอนนี้
"มาเร็วเชียว เดี๋ยวผู้จัดการจะเข้ามาตอนหกโมงครึ่ง ระหว่างนี้ช่วยพี่หน่อยได้ไหม ขอล่ะพี่จะตายแล้ว อ๊าาาา" พี่พนักงานเว้าวอน ทั้งทำทั้งเสิร์ฟเหนื่อยตาย ร้านไม่ใหญ่ก็จริงแต่พอลูกค้าเข้าเยอะเอาอะไรมาทำทัน
"ให้กิ๋งทำอะไรดีคะ"
จากนั้นความหัวหมุนก็เริ่มต้นขึ้น ลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ต่างจากเมื่อวานแทบไม่มีลูกค้าเลย แปลกมาก! มันยังไงแน่เนี่ย
กว่าลูกค้าจะซาก็ปาไปหกโมงกว่า ผู้จัดการมาถึงยังต้องช่วยกันเลยคิดดู พอร้านโล่งต่างคนต่างหมดสภาพ นั่งพักไม่เอาอะไรอีกแล้ว
ป๋ากับหม่าม้าจะรู้ไหมว่าการเรียนแฟชั่นมันไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องใช้ทั้งเงินแล้วก็เวลา เรื่องนอนพักผ่อนอย่าได้ฝัน แต่มันก็ต้องสู้เพราะเลือกเรียนแล้วหนิ สุดท้ายก็ได้แค่บ่นแล้วก็บ่น
เมื่อหายเหนื่อยผู้จัดการลุกไปเอาชุดพนักงานมาให้ ส่วนฉันก็ส่งเอกสารสมัครงาน เรียบร้อยก็สอนงานกันต่อทันที
กะกลางคืนเนี่ยที่ร้านเขาเปิดขายอาหารง่าย ๆ แต่ละคืนก็จะติดป้ายเมนูเอาไว้ อย่างของวันนี้เป็นข้าวผัดปู แซนวิสแฮมชีส เกี๊ยวน้ำ แล้วก็ผัดซีอิ๊วหมู
แน่นอนฉันทำเป็นหมดทุกเมนู ให้มันรู้ไปว่าลูกสาวแม่ค้าขายบะหมี่จะทำไม่ได้ ขอบคุณที่ตอนเด็กรักการกินเลยเรียนรู้ที่จะหัดทำทุกเมนู ส่วนเมนูเครื่องดื่มตัดเหลือแค่เอสเปรสโซ่กับน้ำผลไม้ปั้น
หน้าที่หลักมีแค่นี้ ฉันคิดว่ากะกลางคืนไม่น่าจะยุ่งเท่ากลางวัน ระแวกนี้นอกจากคอนโดหรูที่ตั้งอยู่ข้างกันแล้วก็ยังมีซุปเปอร์มาร์เก็ต อพาร์ทเมนท์หรู ร้านสะดวกซื้อ สำนักงานต่าง ๆ สวนสาธารณะ ซึ่งทั้งหมดมีเจ้าของเป็นคนเดียวกัน
ผู้จัดการบอกว่าคุณเจ้าของเนี่ยยังมีแพลนจะสร้างคอนโดและอพาร์ทเมนท์เพิ่มอีก แล้วก็แพลนจะสร้างห้างสรรพสินค้าด้วย อยากทำให้เป็นอาณาจักรที่มีทุกอย่างครบครัน เพื่อความสะดวกสบายของลูกบ้าน
มีเงินอย่างเดียวไม่ได้ต้องคิดการณ์ไกลด้วยนะ ทำให้อยากเห็นเลยว่าคุณเจ้าของคนนั้นเป็นใคร คงจะเก่งงานบริหารแล้วก็ฉลาดหลักแหลมน่าดู
--------------------
---100%---
ความหล่อเป็นเหตุ--------------------------------------------ช่วงเวลาหนึ่งคนเรามักจะหมกมุ่นกับบางสิ่งบางอย่างฉันคิดว่าตัวเองกำลังเป็นแบบนั้น....ร่างกายอันแสนเซ็กซี่ของเบบี๋คือสิ่งที่ฉันกำลังหมกมุ่นอยู่ในขณะนี้ ชอบที่จะให้เขาถอดเสื้อโชว์หุ่นกำยำล่ำสันตลอดทั้งวันเขารู้ว่าเราคลั่งไคล้อย่างหนักหน่วงก็ยิ่งเอาใจถอดให้ดูทุกวัน เยี่ยมยอดสุด ๆ เลยใช่ไหมล่ะคะเวลาอาบน้ำก็จะอาบด้วยกัน ได้ลูบได้คลำแล้วสุขใจ ฉันรู้ตัวนะว่าตัวเองนั้นอาการหนัก ขืนยังเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่ดีแน่"เธอน่ะทำให้เรากลายเป็นคนหื่นกาม"ก่อนจะโทษตัวเองทำไมไม่ลองโทษคนอื่นดูก่อน"หึ ๆ" รายนี้ก็ดีแต่ขำชอบใจ"เราว่าต้องแยกกันอยู่สักพักแล้วล่ะ"เรื่องใหญ่เลยทีนี้ เขาหุบยิ้มแล้วดึงฉันที่ยืนหน้าบึ้งให้นั่งลงบนตัก กดจมูกหอมแก้มหมายให้ใจเย็นลงหน่อย"มันไม่ได้นะแบบนี้ เดี๋ยวเรากลายเป็นโรคจิตจะทำยังไง"เหมือนกำลังแสดงละครกันอยู่ไหม แต่จริง ๆ เครียดมากเพราะเราต้องได้ดูได้สัมผัสทุกวัน "คิดมาก คนรักกันเขาก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น"ใช่เหรอ?! คู่อื่นเขาชอบดูหุ่นแฟนชอบจับชอบลูบไล้แฟนแบบนี้เลยใช่หรือเปล่า มันคือเรื่องปกติงั้นสิ เขาน่ะชอบพูด
[คำเตือน : มีฉาก 18+]ยินดีต้อนรับกลับ--------------------------------------------------------ตอนนี้ฉันอยู่ที่สนามบินตรงหน้าทางออกที่เบบี๋กับครอบครัวจะเดินออกมา ในมือถือป้ายยินดีต้อนรับกับพวงมาลัยดอกดาวเรืองไว้คล้องคอเล่นใหญ่ราวกับไม่เจอกันเป็นสิบปี แต่สำหรับฉันมันนานไงคะ จากที่ว่าจะไปแค่สามวันเปลี่ยนเป็นสองอาทิตย์เต็ม ตอนได้ยินคือหูอื้อไปเลยตามประสาครอบครัวนักธุรกิจที่พอเจอคู่ค้าหรือใครที่สามารถเป็นพันธมิตรทางธุรกิจได้ก็รีบคว้าโอกาสทำความรู้จักกันเอาไว้ไอ้เราก็ทำได้เพียงแค่งอแง บ่นนั่นบ่นนี่ซึ่งสุดท้ายก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้อยู่ดี เลยต้องจำใจอดทนรอ ถึงอย่างนั้นก็เฟซไทม์คุยกันทุกวันเหมือนเดิมสองอาทิตย์คนทางนี้ไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองว่างหรือนอนแห้งปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปเฉย ๆ นะคะ กลับบ้านหมกตัวอยู่ในห้องทำงาน รื้อผ้าที่สะสมไว้ออกมาตัดส่วนใหญ่เป็นไซซ์ของตัวเอง แล้วก็ของพ่อยอดรักยอดดวงใจ แชทคุยกับเพื่อนบ้างบางครั้ง พวกนั้นอวดกันยกใหญ่ว่าตอนนี้ต่างก็มีคนคุยแล้วบทลงโทษที่ตกลงกันไว้ก็คือต้องเผชิญหน้่ากับสิ่งที่กลัวที่สุด แน่นอนว่าเราลอยตัวไม่โดนลงโทษเพราะมีแฟนก่อนใครเพื่อน กร๊ากกกก สะใจชะม
ทางใครทางมัน--------------------------------------------เข่าทรุดลงพื้น ยืนอยู่บ่ไหว หายใจบ่ทัน สถานการณ์เข้าขั้นเจ็บหนัก~~อารมณ์ของฉันเหมือนกับเพลงประกอบข้างต้นไม่มีผิดเพี้ยน เมื่อเบบี๋ที่รักลากกระเป๋าเดินทางออกจากห้องไป เหลือทิ้งไว้เพียงความเงียบงัน"ฮะ ฮึก!"ปวดใจถึงขนาดลงไปนอนแผ่อยู่ที่พื้นพรมกลางห้องโถง น้ำตาไหลเสียใจขนาดหนักเขาไปแล้ว...แชะ!แชะ!"ทำอะไรน่ะพี่ฝน""ถ่ายรูปส่งให้คุณเตย์ดูค่ะว่าคุณน้องกุ๋งกิ๋งเล่นใหญ่เบอร์ไหน""แรงมาก ก็คนมันเสียใจนี่นา""ลุกเถอะค่ะ ตรงนี้ยังไม่ได้ดูดฝุ่นเลย"ฉันถอนหายใจก่อนคลานไปนอนบนโซฟา เหมอมองแชนเดอเลียร์อันหรูหรา ในหัวก็คิดไปด้วยว่าจะทำอะไรดีพ่อยอดรักยอดดวงใจไม่อยู่สามวัน บินไปออสเตรเลียพร้อมกับครอบครัวเพื่อร่วมงานแต่งงานของญาติไอ้เราจะกลับบ้านก็ไม่เจอใครเพราะป๋าพาหม่าม้าขึ้นเหนือไปสวีตหวานกันสองคน พี่ชายก็ยุ่งจนหัวหมุน คนว่างเลยไม่มีอะไรให้ทำนัดรวมตัวก็ไม่ได้เดอะแก๊งแสนรักตอนนี้กำลังแข่งหาแฟนกันอย่างเข้มข้น ตัวฉันเองตั้งแต่มีแฟนก็ไม่ได้เข้าไปเช็คให้ห้องแชทเลยด้วยซ้ำช่างเถอะ! ไม่มีใครว่างเราก็หาอะไรทำคนเดียวก็ได้ นี่ ๆ รู้อะไรไหม เบบี
วันสบาย ๆ ริมลำธาร----------------------------------------------"อื้อ ออกไปได้แล้ว"บางครั้งเบบี๋ที่รักก็เซ็กจัดเกินไป! เห็นฉันตามใจหน่อยก็เอาใหญ่ ผลัก ๆ ดัน ๆ ให้เขาถอนตัวออกสักทีเดี๋ยวมันจะมีต่อรอบที่สามที่สี่"ฟอด! ขอบคุณมากครับ มาเถอะเดี๋ยวเบบี๋จะอาบน้ำให้""หืม? ดูพูดเข้า"กล้าพูดกล้าเล่นนะเดี๋ยวนี้ อาจเพราะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ฉันยิ้มขำทำตัวโอนอ่อนให้เขาอุ้มไปที่ห้องน้ำ คนตัวโตวางฉันลงในอ่าง เปิดน้ำเทสบู่ทำฟอง พอน้ำใกล้เต็มเขาก็ลงมาแช่ด้วยกันสองสามวันมานี้ฝนตกตลอดเราเลยไม่ได้ออกไปไหน มีแค่ป๋ากับพี่ชายที่ออกไปดูความเรียบร้อยในสวน แต่ไปไม่นานก็กลับเข้ามา เราทุกคนเลยได้ใช้เวลาภายในบ้านด้วยกันจนเบื่อป๋ากับพี่เกื้อชอบคุยเรื่องธุรกิจกับเบบี๋ บอกเป็นคนฉลาดรู้จักวางแผน แล้วจะไม่ให้ฉลาดได้ยังไง ไปดูพื้นเพตระกูลเขาสิ"อืม~"มือหนาลูบไล้ไปตามร่างกายของฉันอย่างถนุถนอม ผ่านต้นขา หน้าท้อง ไล่ขึ้นมาบริเวณอก พลางซุกซบใบหน้าเข้ากับซอกคอ พรมจูบไปตามไหล่แล้ววกกลับมาดูดเลียตรงลำคอ"อื้อ พอแล้วน่าเบบี๋ขา"แอ่นอกรับเมื่อยามที่เขาบีบคลึงสองเต้าสวยพอดีมือ ก่อนที่มือข้างหนึ่งจะเลื่อนลงไปตรงส่วนนั้น สร
"เราน่ะไปกับพี่เราเลยไป ทิ้งเตย์ไว้นี่แหละเดี๋ยวป๋าดูแลให้เอง""สาบานว่าห้ามแกล้งนะป๋า กิ๋งพาเขามาพักผ่อนไม่ได้พาเขามาพิสูจน์รักแท้ใด ๆ" "ไม่ต้องมาทำเป็นรู้ดี ไป ๆ เจ้าเกื้อรีบพาน้องเข้าสวนได้แล้ว"ฉันกลัวเหลือเกินว่าป๋าจะให้เบบี๋ทำอะไรแปลก ๆ ถอนหายใจแรงก่อนสะบัดหน้าเดินตามแรงดึงของพี่ชายไปที่รถ ไม่ไว้ใจเลยแฮะ"เอาน่า จะประคบประหงมอะไรขนาดนั้น" พี่ชายตบหลังปลอบใจ"ตัวเองไม่มีแฟนจะเข้าใจอะไรล่ะ""เอ้า! พาลอีก เจ้านั่นมันโตแล้วน่า แค่พาเข้าสวนไม่ตายหรอก"ฉันตวัดสายตามองพี่ชายอย่างไม่ชอบใจ เขาเคยทำที่ไหน อากาศร้อนจะตาย"นั่งดี ๆ คาดเข็มขัด วันนี้เราจะเข้าสวนทุเรียนกัน"วันเวลาผ่านไปจนตอนนี้เราปิดเทอมเป็นที่เรียบร้อย เบบี๋เคลียร์งานเพื่อการนี้โดยเฉพาะ มาอยู่ที่บ้านสวนได้สามสี่วันแล้วฮะป๋าแยกให้ฉันเข้าสวนทุเรียนกับพี่ชาย ขณะที่ตัวเองพาแฟนลูกเข้าสวนลำไย แยกกันไปคนละทาง หมายมั่นให้เขาได้ลองทำงานในสวนซึ่งไม่จำเป็นสักนิด แน่นอนว่าเขาเห็นดีเห็นงามอยากเอาใจพ่อแฟน เลยมีแค่ฉันที่ว้าวุ่นอยู่คนเดียวงานในสวนช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง จริง ๆ ก็ยุ่งทุกช่วงเพราะผลไม้เก็บขายได้ตลอดปี โซนนี้เสร็จก็ไปโซนนั้นว
ความสุขของเรายังคงดำเนินต่อไป (2)คำเตือน : มีฉาก 18+-----------------------------------ก็...ตามนั้นสรุปจบแบบเข้าใจง่ายคือฉันกับเขาเรามีอะไรกันแล้ว มันทั้งดีทั้งหนักหน่วงจนฉันหมดแรง เพราะเขาพอได้ทำก็ไม่ได้ทำแค่ครั้งเดียว รับจบสามรอบเอาให้ตายคาอกกันไปเลย อ่อนเปลี้ยเพลียแรงขนาดที่ว่าหลับยาวจนถึงเย็น ของก็ไม่ได้ไปขาย กีฬาก็ไม่ได้ไปเชียร์ นัดเพื่อนไว้ก็เป็นอันต้องยกเลิกแต่ถามว่ามันดีไหม ตอบเลยว่า ดี! มาก! อิ่มเอมสุด ๆ แม้จะเจ็บในตอนแรกแต่พอชินสติก็เตลิดขึ้นสวรรค์ เรื่องแบบนี้อายปากอยู่บ้างแต่ก็อยากอวด ต้องขออภัยคนไร้คู่ด้วยนะจ๊ะ กร๊ากกกกกพอตื่นแล้วก็ลงมาหาอะไรใส่ท้อง เช็คมือถือพบว่าเบบี๋ส่งข้อความมาเมื่อสามสิบนาทีที่แล้วว่าแข่งเสร็จแล้ว ผลคือเสมอนะคะ ก็ถือว่าจบสวยแบบมิตรภาพที่ดี กำลังกลับและยังบอกอีกว่าไม่ต้องทำอะไรจะแวะซื้ออาหารกลับมาด้วย ฉันเลยกินขนมปังทาแยมรองท้องรอร่างกายยังคงหลงเหลือความวูบวาบ เวลานึกถึงก็จะร้อนขึ้นใบหน้า อดเขินและยิ้มออกมาไม่ได้ เรียกว่าคอมพลีทอีกขั้นไหม...เสียตัวให้กับรักแรกและรักเดียวเนี่ยไม่นานเกินรอเสียงรถคุ้นหูก็ขับมาจอดหน้าบ้าน ฉันที่นั่งดูทีวีอยู่รีบเ