ร่างบางรู้สึกตัวตื่นเมื่อได้เวลา ทุกเช้าเธอจะตื่นมาเตรียมอาหารใส่บาตร และข้าวเช้าให้คนในบ้าน ก่อนจะเข้าสวนเพื่อเก็บผลไม้ ช่วงสายๆจะมีรถมารับหน้าสวน ถ้าสายหรือผิดเวลาจะต้องเอาไปส่งที่ตลาดเอง เป็นแบบนี้มาตั้งแต่จำความได้เธอจึงเคยชิน ขยับลุกจากที่นอน ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ที่บ้านสวน ตื่นมาเวลานี้จะทำอะไรต่อ เข้าห้องน้ำอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะลงบันไดแล้วเดินไปยังห้องครัว
"คุณเพชรลงมาทำไมคะ"ป้าน้อมถาม เมื่อเห็นหญิงสาวเดินเข้ามาในครัว
"มีอะไรให้ฉันช่วยไหมจ๊ะ"ถามพร้อมกับเดินไปชะโงกหน้าดูงานที่เด็กหมวยกำลังทำ น่าจะเป็นข้าวต้มกุ้งเพราะเธอเห็นกุ้งที่แกะเปลือกวางไว้บนโต๊ะ
"มาฉันช่วย"ลงมือช่วยเด็กหมวยแกะกระเทียม การกระทำของเธอทำให้ป้าน้อมกับหมวยงงหนัก หญิงวัยกลางคนได้ยินมาว่าคู่หมั้นเจ้านายเป็นไฮโซ จึงแปลกใจที่เห็นเธอตื่นมาเข้าครัวแต่เช้า
"นอนไม่หลับเหรอคะ"ป้าน้อมถาม เมื่อคิดว่าเธอคงแปลกที่จึงนอนไม่หลับ น่าแปลกสาวสวยนำสมัยอย่างเธอไม่น่าจะเข้าครัว หรือต้องการทำเพื่อเอาใจคู่หมั้น
"เคยน่ะป้า ได้เวลาตื่นก็ต้องตื่น"คำตอบเรื่อยๆของหญิงสาว ทำให้คนรับใช้มองหน้ากัน คุณเพชรคนที่อยู่ตรงหน้ากับคุณเพชรที่เคยได้ยินชื่อเสียงมา ช่างแตกต่างกันเหมือนคนละคน
"มาค่ะฉันทำเอง"มือบางแย่งทัพพีในมือคนแก่อย่างถือวิสาสะ ก่อนจะพาตัวเองไปอยู่หน้าเตา จับนั่นจับนี่อย่างทะมัดทะแมง
"คุณเพชรทำอาหารเก่งจังค่ะ"เด็กหมวยเอ่ยชม
"นั่นสิคะ แบบนี้คุณรันของป้าก็สบายเลย มีภรรยาเก่งครบเครื่อง"คำชมของแม่บ้านทำให้เธอหน้าแดงอย่างไม่มีสาเหตุ ร่างบางหันหลังกลับไปสนใจงานในมือ ปล่อยให้แม่บ้านกับเด็กรับใช้คุยกันต่อไป
"เสร็จแล้วจ้ะ"บอกเมื่อปิดแก๊ส แล้วหันมามองวัสดุอย่างอื่นที่ถูกเตรียมบนโต๊ะ
"กับข้าวพวกนี้เตรียมไว้ให้คุณรันค่ะ คุณรันเธอชอบใส่บาตร"คำบอกเล่าของแม่บ้านทำให้หัวคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ผู้ชายอย่างภารันใส่บาตรเป็นด้วยเหรอ
"คุณเพชรใส่กับคุณรันนะคะ ป้าจะเตรียมของเผื่อ"
"ไม่ดีกว่าค่ะ ฉัน..."คำพูดที่เหลือค้างไว้แค่ริมฝีปาก เมื่อเสียงแหบห้าวดังขึ้น
"ทำไมถึงใส่บาตรกับฉันไม่ได้"หญิงสาวกลอกตากับคำถามของเขา มองหน้าแม่บ้านนึกแปลกใจที่เห็นเขาตื่นแต่เช้า
"คุณรันจะรับอะไรไหมคะ เดี๋ยวป้าให้หมวยยกออกไปให้"
"ไม่ล่ะแค่เข้ามาดู ไม่นึกว่าเพชรจะตื่นมาเข้าครัว ไม่ยักรู้ว่าเธอชอบทำอาหาร"
"ยังมีอะไรที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับฉันอีกเยอะค่ะ ขอตัวนะคะ"พูดพร้อมกับเดินหนี
"เดี๋ยว!"ชายหนุ่มเรียกหญิงสาวเอาไว้ ร่างบางหยุดอยู่กับที่แต่ยังไม่หันมามองหน้าเขา
"ไปใส่บาตรกับฉัน"น้ำเสียงทรงอำนาจที่ได้ยิน มันไม่ใช่คำชวนแต่มันคือคำสั่ง แล้วเธอจะทำอะไรได้ หญิงสาวถอนใจอยากจะกลอกตาสักแปดตลบให้กับความเอาแต่ใจของเขา
"เชิญค่ะคุณเพชร"ป้าน้อมเอ่ยกับเธอ เมื่อร่างบางจำใจเดินตามหลังร่างสูงใหญ่ออกไปหน้าบ้าน รู้สึกแปลกใจไม่หาย ผู้ชายอย่างภารันใส่บาตรกับเขาเป็นด้วยหรือ
"นิมนต์ครับหลวงพ่อ"ชายหนุ่มนิมนต์พระเมื่อหลวงพ่อกับพระอีก 2 รูปเดินมารับบาตรที่หน้าบ้าน ร่างบางที่ยืนอยู่ข้างหลัง ถูกดึงให้มาอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มส่งทัพพีให้เธอ ก่อนจะเลื่อนมือไปจับมือของเธอเอาไว้ เมื่อหญิงสาวตักข้าวใส่บาตร พลอยพัดชาทำทุกอย่างอย่างคล่องแคล่ว เพราะอยู่บ้านสวนเธอก็ใส่บาตรทุกเช้า แต่ที่ขัดใจก็คือมือหนาที่กุมมือเธอนี่ต่างหาก เขาทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับบ่าวสาวที่ใส่บาตรคู่กัน เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แก้มสาวก็ร้อนผ่าว มือหนาแตะลงที่เอวบางเป็นเชิงบังคับให้เธอนั่งรับพรพระใกล้ๆเขา
"ขอให้รักกันยืนยาว ถือไม้ท้าวยอดทอง กระบองยอดเพชรนะโยม"หลวงพ่ออวยพรหลังจากให้พรเสร็จ
"เออ...คือ"หญิงสาวรีบตอบแต่ถูกคนที่นั่งข้างๆบิดเข้าที่แขนอย่างแรง
"ขอบคุณครับหลวงพ่อ"
"ฉันไม่ได้...โอ๊ย!คุณภารัน"ทันทีที่เธอเอ่ยปาก นิ้วเรียวก็บิดลงบนแขนเธออีก พลอยพัดชาหลุดเสียงร้องออกมาเพราะเจ็บจี๊ดตรงที่เดิม เนื้อบริเวณนั้นน่าจะเขียวช้ำ
"จะพูดอะไร!"ชายหนุ่มดุเมื่อเดินนำเธอเข้าบ้าน
"ฉันไม่ได้เป็นภรรยาคุณ"
"วันนี้ไม่เป็นวันหน้าก็ต้องเป็น"คำตอบของเขาทำให้เท้าที่ก้าวตามมาหยุดชะงัก เขาพูดแบบนี้หมายความว่าไง เมื่อวานยังทำท่าทางรังเกียจเธออยู่เลย
"เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ คุณไม่ได้รักฉัน"
"เธอจะรู้ใจฉันได้ยังไง"ภารันหันมาถาม เมื่อรู้สึกสนุกที่ได้ต่อปากกับเธอ
"ฉันรู้ว่าคุณเกลียดฉัน ที่คุณเอาฉันมาไว้ที่นี่ก็เพื่อต้องการแก้แค้น คุณจะทำให้ฉันเจ็บปวด"หญิงสาวตอบเขาไปตามความเข้าใจของตัวเอง เพราะเดาเรื่องราวจากการกระทำและคำพูดของเขา
"ทำไมฉันต้องทำแบบนั้น แล้วเธอทำอะไรไว้ล่ะ ฉันถึงได้เกลียดเธอ"
"ฉัน...มั่วไงคะ"ตอบแล้วก็หน้าชา รู้สึกอับอายกับคำพูดของตัวเอง เพชรน้ำหนึ่งเป็นอย่างที่เขากล่าวหาจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้
"อือ...แล้วเธอมั่วจริงไหม"
"ฉัน..."เมื่อเขาถามกลับมาแบบนี้เธอก็ไปไม่เป็น ภารันยิ้มเมื่อเห็นแววไหววูบในดวงตากลมโตคู่นั้น ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกว้าง และเป็นยิ้มที่ทำให้คนมองใจสั่น เพราะมันมีความอบอุ่นปนอยู่ในรอยยิ้มของเขา
"ยิ้มอะไรคะ"ถามเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย ที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ
"เปล่า"พูดพร้อมกับเดินนำไปอีกสองสามก้าว ก่อนจะหยุดเดินกะทันหัน จนคนที่เดินตามหลังชนเข้าอย่างจังกับแผ่นหลังของเขา
"อุ้ย!"หญิงสาวร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่ออยู่ๆเขาก็หยุดเดิน แล้วหันกลับมามองหน้าเธอ
"มีอะไรคะ"พลอยพัดชารู้สึกประหม่าเมื่อถูกจ้องมอง
"ไม่ยักรู้ว่าเธอถนัดมือขวา"
"คุณรัน!"พลอยพัดชาอุทานออกมาอย่างลืมตัว เธอลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง เพชรน้ำหนึ่งถนัดมือซ้าย ใบหน้าสวยซีดเผือด ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเขาสังเกตเธอตั้งแต่ตอนไหน
ก่อเกียรติเดินเข้าไปข้างใน ชานนท์ค้อมหัวให้อย่างสุภาพ ชายหนุ่มพยักหน้าให้ ก่อนจะเดินผ่านหน้าเขาไปหาคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างในสุด ต้องรักมองหน้าเขา ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากัน เมื่อเห็นเหงื่อตามไรผมของเขา ก่อเกียรติไปทำอะไรมาใบหน้าถึงชื้นไปด้วยเหงื่อ ความสงสัยของเธอต้องถูกพับเอาไว้ เมื่อร่างสูงที่ยืนข้าง ๆ จับมือของเธอ แล้วสอดนิ้วเข้ามาประสานกับนิ้วมือของเธอ ตากลมโตมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ดึงมือกลับ จับและสอดประสานนิ้วเข้ากับนิ้วมือของเขา “ทำไมไม่บอกว่าจะมา จะได้ให้คนไปรับ” ก่อเกียรติถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามปรับให้เป็นปรกติ แม้มันจะยากลำบากก็ตาม ลงวิ่งบันไดมาเกือบยี่สิบชั้น เพื่อมาดักรอเธอชั้นนี้ ไม่เหนื่อยก็ไม่ใช่คนแล้ว อีกอย่างอายุเขาก็ไม่ใช่น้อย ๆ ไม่ช็อคตายก็ถือว่าบุญ ต้องรักงงกับคำถามของเขา แต่เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู ก็เข้าใจเรื่องราวมากขึ้น ก่อเกียรติต้องการให้ชานนท์เข้าใจแบบไหน เธอก็จะเล่นไปแบบนั้น เขาคบซ้อนได้ทำไมเธอจะคบซ้อนไม่ได้ แม้คนที่กำลังแสดงละครว่าคบกัน จะไม่น่าคบก็ตาม “อยากให้คุณเซอร์ไพรส์น่ะค่ะ” ตอบเสียงหวานพร้อมกับซบลงที่อกของเขา
ก่อเกียรติมองคนที่เดินเข้ามาในอาคาร ตั้งแต่หัวจรดเท้า ชุดที่เธอใส่เป็นชุดนักศึกษาก็จริง แต่วันนี้ดูดีขึ้นมาหน่อย กระโปรงรัดรูปยาวมาถึงเข่า ใส่เสื้อคลุมทับเสื้อนักศึกษาอีกตัว รวม ๆ ก็พอไปวัดไปวาได้ จะติดก็ตรงที่รองเท้าที่ใส่มาเท่านั้น ต้องรักชอบใส่รองเท้าผ้าใบ ไม่ว่าจะอยู่ในชุดไหนเธอก็จะใส่แต่ผ้าใบเท่านั้น แปลกในความคิดเขา แต่ก็น่ารักเพราะมันเป็นตัวตนของเธอ วันก่อนเขาติงเรื่องชุด แต่ลืมเรื่องรองเท้า ฝึกงานใส่ชุดสุภาพรองเท้าก็ควรสุภาพด้วย ส้นสูงหรือรองเท้าคัทชูน่าจะเหมาะสมกว่าร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเปิดประตูออกไปอย่างรีบร้อน เมื่อกล้องวงจรปิดที่กำลังดูอยู่ จับภาพว่าเธอกำลังจะไปที่ไหน “เกิดอะไรขึ้นคะท่าน!” พิศมัยถามเมื่อเห็นรองประธานบริษัทวิ่งออกมาจากห้อง ไม่มีเสียงตอบมีเมื่อก่อเกียรติวิ่งผ่านหน้าเธอไป “ท่านคะ! ท่าน!” เลขาวัยกลางคนยืนค้างอยู่กับที่ หัวใจร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เธอทำอะไรผิดพลาดหรือเปล่า ทำไมก่อเกียรติถึงรีบร้อนออกไปขนาดนั้น ต้องรักยืนรออยู่หน้าลิฟต์ พร้อมกับมองนาฬิกาข้อมือไปด้วย ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอจะขึ้นไปอีกชั้น เพราะคู่หมั้นรออยู่บนนั้น ชา
ก่อเกียรติอยู่คุยกับคุณอมรต่อ ในขณะที่ต้องรักแยกตัวไปเตรียมตัวมหาวิทยาลัย อมรถามถึงเหตุผลที่ก่อเกียรติมาเสียเวลากับลูกสาวเขา ก่อนจะต้องหัวเราะออกมา เมื่อได้รับคำตอบที่โดนใจ ก่อเกียรติหัวเราะในลำคอ เมื่อเอ่ยปากกับคุณอมรตามตรง ที่เหลือก็แค่รอเวลา ถ้ามันจะใช่ยังไงมันก็ใช่ ชุดนักศึกษาที่ต้องรักใส่สั้นและรัดรูปก็จริง แต่วันนี้เธอใส่เสื้อคลุมทับไปอีกตัว ชิดจันทร์เข้ามาหาลูกสาวเพราะเป็นห่วงสภาพจิตใจ อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมต้องรักไม่โวยวาย และไม่แสดงอาการอะไรออกมา “ต้อง มีอะไรจะคุยกับแม่ไหมลูก” ชิดจันทร์เดินเข้ามาหา พร้อมกับลูบมือลงบนศีรษะของลูกด้วยความรักและห่วงใย “ต้องไม่เป็นอะไรค่ะแม่” “ถ้าเจ็บปวด ก็อย่าฝืนนะลูก” “ต้องไม่เจ็บแล้วค่ะแม่ ต้องทำใจได้แล้ว” ถึงจะปฏิเสธ แต่น้ำตาก็รื้นหัวตา “แม่ดีใจนะที่เห็นต้องเข้มแข็ง ต้องโตขึ้นเยอะเลยรู้ไหม” “ต้องมาคิดดูแล้ว เรื่องหมั้นที่เกิดขึ้น มันคือความต้องการของต้องเพียงคนเดียว คุณนนท์เขาไม่ได้รักต้องเลยสักนิด ต้องบ้าไปเองคนเดียว ต้องก็ต้องทำใจค่ะแม่” “ต้องรัก หนูเ
บทสนทนาของเขาและเธอต้องจบลง เมื่อเด็กรับใช้ยกอาหารเช้ามาเสิร์ฟ ก่อเกียรติไม่พูดอะไร นั่งมองเธอตักข้าวต้มเข้าปากเงียบ ๆ โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำของเขา ทำให้ต้องรักประหม่าไปกันใหญ่ เธอไม่ชอบให้ใครมองเวลาเธอกินอาหาร โดยเฉพาะเขา “คุณไม่ไปทำงานเหรอคะ” ถามเมื่อเห็นเขายังไม่ยอมลุกไปไหน “รอไปพร้อมคุณ” “ไปพร้อมฉัน ไปไหนคะ!” “ไปส่งคุณที่บ้าน แล้วเลยไปส่งที่มหาวิทยาลัย แล้วเข้าบริษัทตอนบ่าย” “คนละทางกันเลยนะคะ คุณให้คนขับรถไปส่งฉันที่บ้านก็พอ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ทำให้ฉันนะคะ ถ้าไม่มีคุณฉันคงทำเรื่องที่ไร้สติไปแล้ว” “รีบ ๆ กินเข้าเถอะ ช้าเดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน” ก่อเกียรติตัดบท ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูอะไรไปเรื่อย ฆ่าเวลารอคนตรงหน้า เขาตั้งใจไปบ้านเธอเพราะต้องคุยบางอย่างกับพ่อแม่ของเธอ ชานนท์เป็นคนมีความสามารถ พ่อแม่เธอจึงไว้ใจให้หมอนั่นดูแลลูกสาว ท่านทั้งสองอาจจะมองว่าเรื่องที่ชานนท์มีคนอื่น เป็นเรื่องปรกติ เพราะทั้งสองยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่สำหรับเขาแล้ว เขาไม่อยากให้ต้องรักต้องทนอยู่ในสภาพนั้น วันนี้ทำได้ วันหน้าก
“ฝันดียายดื้อ” ก่อเกียรติพูดชิดหน้าผากมน มองดวงหน้าหวานอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไป ทันทีที่ประตูห้องปิดลง ต้องรักก็ลืมตาขึ้นแล้วเบิกค้างอยู่อย่างนั้น หัวใจเต้นแรงจนแทบกระดอนออกมานอกอก จิกเล็บลงบนเนื้อตัวเอง เธอไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ก่อเกียรติเข้ามาในนี้ บ่นให้เธอสองสามประโยค ก่อนจะจูบหน้าผากเธอแล้วเดินออกไป “บ้าไปแล้ว คุณก่อต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ” พูดพร้อมกับตบมือลงบนหน้าผากตัวเอง ไอร้อนและกลิ่นมิ้นท์ยังติดอยู่บนนั้น เป็นไปได้ยังไง ก่อเกียรติไม่ชอบขี้หน้าเธอ สายตาที่เขามองมาแต่ละครั้ง ไม่ต่างจากมองขยะเปียก เขาเกลียดเธอมากไม่ใช่เหรอ แล้วเขาจูบเธอทำไม “โอ๊ย! ทำไงดีต้องรัก คิดสิคิดสิ” คนเมาสร่างเป็นปลิดทิ้ง เมื่อถูกขโมยจูบหน้าผาก คิดไม่ออกเลยว่าเวลาเจอกันต้องทำหน้ายังไง ก่อเกียรติอาจจะเมาค้าง เขาคงไม่ได้ตั้งใจจูบเธอ หรือไม่เธอก็คงคิดไปเอง ร่างบางกระโดนลงจากเตียงนอน หอบผ้าขนหนูวิ่งเข้าห้องน้ำ เธอต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับเขา ก่อเกียรติยกแก้วกาแฟค้างกลางอากาศ เมื่อเห็นคนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากบ้าน เสื้อที่เธอใส่เป็นเสื้
เช้านี้กรวิกามีเรียนแต่เช้า จึงรีบออกจากบ้าน ระหว่างนั้นเธอเห็นก่อเกียรติออกกำลังกายอยู่หน้าบ้าน จึงเข้าไปทักทายและเอ่ยปากฝากเพื่อนกับเขา ก่อเกียรติปฏิเสธ แต่กลับถูกน้องต่อว่า สาเหตุที่ต้องรักเมาจนขาดสติ เพราะเขาเป็นต้นเหตุ ถ้าเขาไม่พาไปดื่ม ต้องรักก็คงไม่เมามากขนาดนี้ “ทำเหมือนเพื่อนไม่เคยเมา” ก่อเกียรติย้อนเมื่อถูกน้องกล่าวหา “ก็เมาค่ะ แต่ไม่มากเท่านี้ ไม่รู้ล่ะพี่ก่อเป็นคนพาไป พี่ก่อต้องรับผิดชอบ เกลไปก่อนนะคะ มีเรียนเช้า ช้าเดี๋ยวรถติด” พูดจบก็เดินออกไป แต่ถูกพี่ชายเรียกเอาไว้ “เดี๋ยวเกล” “คะ” “พี่บอกเรื่องที่เกลจะไปเรียนต่อให้ต้องรักรู้แล้วนะ” “พี่ก่อ! เกลบอกแล้วไงคะว่าเกลจะบอกเรื่องนี้กับต้องเอง พี่ก่อพูดทำไมคะ!” กรวิการ้องออกมาอย่างตกใจ ตัดพ้อพี่ชายที่ถือวิสาสะบอกเรื่องของเธอให้ต้องรักรับรู้ “ช้าหรือเร็วก็ต้องบอก พี่เลยบอกให้” ก่อเกียรติยักไหล่ ก่อนจะยกขวดน้ำขึ้นดื่ม ตาคู่คมมองใบหน้าที่ยุ่งเหยิงของน้อง ที่แสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน “รีบไม่ใช่เหรอ ไปสิเดี๋ยวรถติด” ไล่น้อง