ก๊อกๆๆๆ
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น ทำให้คนที่กำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองสะดุ้งสุดตัว หญิงสาวมองบานประตูอย่างหวาดระแวง เพราะไม่รู้ว่าใครมาเคาะเรียกเธอ
"คุณเพชรเปิดประตูให้ป้าหน่อยค่ะ ป้ายกสำรับมาให้"ป้าน้อมนั่นเองหญิงสาวใจชื้น ก่อนจะเปิดประตูให้แม่บ้าน ตากลมโตเบิกขึ้นเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างหลังป้าน้อมและเด็กหมวย
"ขออนุญาตนะคะ"แม่บ้านเอ่ยขออนุญาตก่อนจะยกสำรับเข้ามาในห้องของเธอ โดยมีร่างสูงใหญ่เดินตามเข้ามาเป็นคนสุดท้าย พลอยพัดชาหายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อสบตากับเขา
"ฉันยังไม่ได้ทานข้าวเย็น เธอก็ยังไม่ได้ทาน เลยให้แม่บ้านยกมาบนนี้ จะได้ทานพร้อมกัน"เขาบอกเมื่อเดินตามแม่บ้านเข้ามาในห้องเธอ
"ฉันไม่หิวค่ะ"ตอบเมื่อเดินไปยืนอีกมุมของห้อง ตากลมโตมองแม่บ้านกับเด็กรับใช้ ที่ยกสำรับไปจัดที่โต๊ะริมระเบียง
"ไม่หิวก็ต้องกิน เดี๋ยวพ่อแม่เธอจะว่าเอาได้ว่าฉันดูแลลูกเขาไม่ดี"บอกด้วยน้ำเสียงที่คนฟังรู้ว่าเขากำลังประชด
"คุณภารันคะ ถ้าคุณไม่เป็นอะไรแล้วฉันขอกลับบ้านได้ไหม"
"มาทานข้าวก่อน เรื่องนั้นไว้ค่อยคุยกันทีหลัง"พูดพร้อมกับเดินไปที่ระเบียง ที่แม่บ้านตั้งสำรับไว้รอ
หญิงสาวจำใจลุกขึ้นเดินตามเขาไป รีบๆกินให้เสร็จจะได้คุยเรื่องนี้กับเขา
"เมื่อเย็นเป็นอะไร ทำไมถึงเอาแจกันตีหัวอำพล"ถามเหมือนจะชวนคุย แต่พลอยพัดชารู้สึกอึดอัดกับคำถามของเขา
"เขาลวนลามฉัน"
"ลวนลาม"ภารันทวนคำพูดของเธอ คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง ทำเหมือนไม่เชื่อหูกับสิ่งที่ได้ยิน
"ค่ะ ฉันพูดความจริง"
"หึๆๆๆ"เสียงหัวเราะของเขาทำให้เธอหน้าชา
"หัวเราะทำไมคะ คุณไม่เชื่อที่ฉันพูดเหรอ"
"เปล่า"ตอบสั้นๆ แต่ทำให้พลอยพัดชาเดือดจัด เขาต้องไม่เชื่อเธอแน่ๆ
"คุณไม่เชื่อที่ฉันพูดจริงๆด้วย"
"ฉันแค่แปลกใจ ปกติก็เห็นเธอสนิทกับอำพลนี่ เห็นคุยกันทุกที่"พูดมาถึงตรงนี้ภารันก็หยุด มือแกร่งยกเครื่องดื่มขึ้นมาจิบ ก่อนจะพูดประโยคถัดมา
"ในห้องทำงาน ห้องครัว และห้องน้ำ ออ...ยังมีในรถอีกนะ"พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน พร้อมกับมองหน้าเธอด้วยสายตาที่พลอยพัดชาขนลุก
"คุณภารัน! คุณพูดเรื่องอะไร!"
"หรือไม่จริง!"
"ฉันจะกลับบ้าน!"ร่างบางลุกขึ้นจากโต๊ะ แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อภารันตวาดลั่น
"นั่งลงเดี๋ยวนี้! ถ้าฉันไม่อนุญาตเธอก็ไปไหนไม่ได้ เพชรน้ำหนึ่ง!"
"ฉันไม่..."คำพูดที่เหลือถูกกลืนหาย เมื่อหญิงสาวตั้งสติได้ เกือบไปแล้วเกือบหลุดปากบอกเขาไปแล้วว่าเธอไม่ใช่เพชรน้ำหนึ่ง
"ไม่อะไร!"ภารันถามต่อ เพราะแปลกใจกับท่าทางของเธอ
"ฉัน...ไม่ชอบคำพูดของคุณ"พูดจบก็เป่าลมออกปาก โล่งใจกับคำตอบที่เกือบเอาตัวรอดไม่รอด
"พูดเรื่องจริง ทำไมถึงไม่ชอบ"
"ตกลงจะทานข้าวไหมคะ"เธอถามเพราะไม่อยากคุยกับเขาอีกแล้ว รีบๆกินจะได้แยกย้ายกันไป เธอจะได้หาวิธีติดต่อคนที่บ้าน
"อือ..."ชายหนุ่มตอบสั้นๆ ก่อนจะยกเครื่องดื่มตรงหน้าขึ้นดื่ม เขายังไม่แตะอาหาร ในขณะที่เธอรีบๆกินเพื่อจะได้ให้เขาออกไปจากห้อง
มื้อเย็นผ่านไปในเวลาไม่นาน เมื่อพลอยพัดชารีบยัดของบนโต๊ะลงท้อง เธอไม่มองหน้าคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม เลยไม่รู้ว่าเขาลอบสังเกตเธออยู่ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน เมื่อหญิงสาวตักมะเขือเทศในปลาสามรสเข้าปาก แล้วตักมันเข้าปากอีกคำเมื่อรู้รส ชายหนุ่มเก็บความสงสัยเอาไว้ ตาคมเข้มมองคนตรงหน้า ใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางดูแปลกตา ปกติเพชรน้ำหนึ่งจะแต่งหน้าจัดเวลาที่อยู่ต่อหน้าเขา ผู้หญิงคนนี้มีหลายอย่างเปลี่ยนไป โดยเฉพาะเรื่องกิน เพชรน้ำหนึ่งไม่ชอบมะเขือเทศ เธอจะเขี่ยทิ้งทุกครั้งที่เจอมันในจานอาหาร
ไม่มีการสนทนาใดๆเกิดขึ้น เมื่อภารันยังนั่งดื่มต่อในขณะที่พลอยพัดชาต้องนั่งเป็นเพื่อนเขา ถึงแม้จะอึดอัด แต่เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ต้องจำทน หญิงสาวเว้นระยะห่าง จนคนที่เดินเข้ามาเสนอตัวให้เธอถึงห้องนอนต้องแปลกใจ เธอไม่แสดงอาการอะไรที่ทำให้เขารู้ว่า เธออยากนอนกับเขาเลยสักนิด ความเงียบเข้าปกคลุมเมื่อต่างคนตกอยู่ในความคิดของตัวเอง
ครืด~ครืด~ครืด
ร่างบางสะดุ้งเมื่อมือถือของภารันที่วางบนโต๊ะสั่นขึ้น หญิงสาวหายใจทั่วท้อง เมื่อเขาลุกออกไปรับโทรศัพท์อีกมุม เธอไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกับปลายสาย หลายครั้งที่เขาหันมามองหน้าเธอ จนบางครั้งหญิงสาวหลบแทบไม่ทัน เมื่อตาคมเข้มสบเข้ากับตากลมโต เมื่อเธอเผลอมองเขาอย่างลืมตัว ภารันเป็นผู้ชายที่หล่อจนหาตัวจับยาก เหตุผลอะไรกันนะที่ทำให้เพชรน้ำหนึ่งนอกใจเขา
"ที่ผ่านมา เธอหายไปไหน"ภารันถามเมื่อเดินกลับมานั่งที่เดิม พร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว
"ฉันก็เที่ยวไปเรื่อย"นี่เป็นคำตอบที่เพชรน้ำหนึ่งบอกให้ตอบ ถ้าเขาถามว่าเธอหายหน้าไปไหน
"เธอเคยเป็นห่วงฉันบ้างไหม"ใบหน้าสวยเห่อร้อนอย่างไม่มีสาเหตุ เมื่อสบตากับคนถาม นั่นสิเพชรน้ำหนึ่งเป็นห่วงเขาบ้างไหม
"ฉันนอนรักษาตัวอยู่เป็นเดือนๆ เธอไม่มาดูฉันเลยสักครั้ง"น้ำเสียงเว้าวอนมาพร้อมกับสายตาที่ตัดพ้อ ทำให้เธอต้องรีบหลบตาเขา ภารันเป็นคนแบบไหนกันแน่ เมื่อตอนหัวค่ำยังพูดจาดูถูกเธออยู่เลย ตกลงเขาคิดยังไงกับพี่สาวของเธอกันแน่
"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวนะคะ คุณก็ควรกลับไปพักได้แล้ว"เอ่ยปากไล่เพราะกลัวเขาจะถามอะไรอีก เธอไม่ได้กลัวว่าจะตอบเขาไม่ได้ เพราะเตรียมคำตอบเอาไว้แล้ว แต่เธอรู้สึกอึดอัดกับสายตาที่เขาใช้มองเธอ
"เพชร...เธอก็รู้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับเธอ แต่เธอก็ทำให้ฉันเชื่อใจเธอไม่ได้สักครั้ง"
"คุณคงเมามากแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ"ถึงจะอยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไรต่อ แต่เธอไม่ชอบความรู้สึกที่เกิดกับตัวเองตอนนี้ เลยเอ่ยปากไล่เขาอีกครั้ง
"เธอเปลี่ยนไปมากนะ เพชรน้ำหนึ่ง"
"ฉันมาที่นี่เพื่อดูแลคุณ ฉันจะทำหน้าที่ของฉันให้ดีที่สุด มาค่ะฉันช่วยคุณดีกว่า"พูดพร้อมกับเดินไปประคองเขา เมื่อเห็นเขาเซเวลาที่ลุกขึ้น ภารันป่วยจริงหรือแกล้งป่วย เธอจะไม่สนใจมันอีก หน้าที่ของเธอคือดูแลเขา จนกว่าเพชรน้ำหนึ่งจะกลับมาทำหน้าที่ของตัวเอง
ก่อเกียรติเดินเข้าไปข้างใน ชานนท์ค้อมหัวให้อย่างสุภาพ ชายหนุ่มพยักหน้าให้ ก่อนจะเดินผ่านหน้าเขาไปหาคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างในสุด ต้องรักมองหน้าเขา ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากัน เมื่อเห็นเหงื่อตามไรผมของเขา ก่อเกียรติไปทำอะไรมาใบหน้าถึงชื้นไปด้วยเหงื่อ ความสงสัยของเธอต้องถูกพับเอาไว้ เมื่อร่างสูงที่ยืนข้าง ๆ จับมือของเธอ แล้วสอดนิ้วเข้ามาประสานกับนิ้วมือของเธอ ตากลมโตมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ดึงมือกลับ จับและสอดประสานนิ้วเข้ากับนิ้วมือของเขา “ทำไมไม่บอกว่าจะมา จะได้ให้คนไปรับ” ก่อเกียรติถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามปรับให้เป็นปรกติ แม้มันจะยากลำบากก็ตาม ลงวิ่งบันไดมาเกือบยี่สิบชั้น เพื่อมาดักรอเธอชั้นนี้ ไม่เหนื่อยก็ไม่ใช่คนแล้ว อีกอย่างอายุเขาก็ไม่ใช่น้อย ๆ ไม่ช็อคตายก็ถือว่าบุญ ต้องรักงงกับคำถามของเขา แต่เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู ก็เข้าใจเรื่องราวมากขึ้น ก่อเกียรติต้องการให้ชานนท์เข้าใจแบบไหน เธอก็จะเล่นไปแบบนั้น เขาคบซ้อนได้ทำไมเธอจะคบซ้อนไม่ได้ แม้คนที่กำลังแสดงละครว่าคบกัน จะไม่น่าคบก็ตาม “อยากให้คุณเซอร์ไพรส์น่ะค่ะ” ตอบเสียงหวานพร้อมกับซบลงที่อกของเขา
ก่อเกียรติมองคนที่เดินเข้ามาในอาคาร ตั้งแต่หัวจรดเท้า ชุดที่เธอใส่เป็นชุดนักศึกษาก็จริง แต่วันนี้ดูดีขึ้นมาหน่อย กระโปรงรัดรูปยาวมาถึงเข่า ใส่เสื้อคลุมทับเสื้อนักศึกษาอีกตัว รวม ๆ ก็พอไปวัดไปวาได้ จะติดก็ตรงที่รองเท้าที่ใส่มาเท่านั้น ต้องรักชอบใส่รองเท้าผ้าใบ ไม่ว่าจะอยู่ในชุดไหนเธอก็จะใส่แต่ผ้าใบเท่านั้น แปลกในความคิดเขา แต่ก็น่ารักเพราะมันเป็นตัวตนของเธอ วันก่อนเขาติงเรื่องชุด แต่ลืมเรื่องรองเท้า ฝึกงานใส่ชุดสุภาพรองเท้าก็ควรสุภาพด้วย ส้นสูงหรือรองเท้าคัทชูน่าจะเหมาะสมกว่าร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเปิดประตูออกไปอย่างรีบร้อน เมื่อกล้องวงจรปิดที่กำลังดูอยู่ จับภาพว่าเธอกำลังจะไปที่ไหน “เกิดอะไรขึ้นคะท่าน!” พิศมัยถามเมื่อเห็นรองประธานบริษัทวิ่งออกมาจากห้อง ไม่มีเสียงตอบมีเมื่อก่อเกียรติวิ่งผ่านหน้าเธอไป “ท่านคะ! ท่าน!” เลขาวัยกลางคนยืนค้างอยู่กับที่ หัวใจร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เธอทำอะไรผิดพลาดหรือเปล่า ทำไมก่อเกียรติถึงรีบร้อนออกไปขนาดนั้น ต้องรักยืนรออยู่หน้าลิฟต์ พร้อมกับมองนาฬิกาข้อมือไปด้วย ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอจะขึ้นไปอีกชั้น เพราะคู่หมั้นรออยู่บนนั้น ชา
ก่อเกียรติอยู่คุยกับคุณอมรต่อ ในขณะที่ต้องรักแยกตัวไปเตรียมตัวมหาวิทยาลัย อมรถามถึงเหตุผลที่ก่อเกียรติมาเสียเวลากับลูกสาวเขา ก่อนจะต้องหัวเราะออกมา เมื่อได้รับคำตอบที่โดนใจ ก่อเกียรติหัวเราะในลำคอ เมื่อเอ่ยปากกับคุณอมรตามตรง ที่เหลือก็แค่รอเวลา ถ้ามันจะใช่ยังไงมันก็ใช่ ชุดนักศึกษาที่ต้องรักใส่สั้นและรัดรูปก็จริง แต่วันนี้เธอใส่เสื้อคลุมทับไปอีกตัว ชิดจันทร์เข้ามาหาลูกสาวเพราะเป็นห่วงสภาพจิตใจ อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมต้องรักไม่โวยวาย และไม่แสดงอาการอะไรออกมา “ต้อง มีอะไรจะคุยกับแม่ไหมลูก” ชิดจันทร์เดินเข้ามาหา พร้อมกับลูบมือลงบนศีรษะของลูกด้วยความรักและห่วงใย “ต้องไม่เป็นอะไรค่ะแม่” “ถ้าเจ็บปวด ก็อย่าฝืนนะลูก” “ต้องไม่เจ็บแล้วค่ะแม่ ต้องทำใจได้แล้ว” ถึงจะปฏิเสธ แต่น้ำตาก็รื้นหัวตา “แม่ดีใจนะที่เห็นต้องเข้มแข็ง ต้องโตขึ้นเยอะเลยรู้ไหม” “ต้องมาคิดดูแล้ว เรื่องหมั้นที่เกิดขึ้น มันคือความต้องการของต้องเพียงคนเดียว คุณนนท์เขาไม่ได้รักต้องเลยสักนิด ต้องบ้าไปเองคนเดียว ต้องก็ต้องทำใจค่ะแม่” “ต้องรัก หนูเ
บทสนทนาของเขาและเธอต้องจบลง เมื่อเด็กรับใช้ยกอาหารเช้ามาเสิร์ฟ ก่อเกียรติไม่พูดอะไร นั่งมองเธอตักข้าวต้มเข้าปากเงียบ ๆ โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำของเขา ทำให้ต้องรักประหม่าไปกันใหญ่ เธอไม่ชอบให้ใครมองเวลาเธอกินอาหาร โดยเฉพาะเขา “คุณไม่ไปทำงานเหรอคะ” ถามเมื่อเห็นเขายังไม่ยอมลุกไปไหน “รอไปพร้อมคุณ” “ไปพร้อมฉัน ไปไหนคะ!” “ไปส่งคุณที่บ้าน แล้วเลยไปส่งที่มหาวิทยาลัย แล้วเข้าบริษัทตอนบ่าย” “คนละทางกันเลยนะคะ คุณให้คนขับรถไปส่งฉันที่บ้านก็พอ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ทำให้ฉันนะคะ ถ้าไม่มีคุณฉันคงทำเรื่องที่ไร้สติไปแล้ว” “รีบ ๆ กินเข้าเถอะ ช้าเดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน” ก่อเกียรติตัดบท ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูอะไรไปเรื่อย ฆ่าเวลารอคนตรงหน้า เขาตั้งใจไปบ้านเธอเพราะต้องคุยบางอย่างกับพ่อแม่ของเธอ ชานนท์เป็นคนมีความสามารถ พ่อแม่เธอจึงไว้ใจให้หมอนั่นดูแลลูกสาว ท่านทั้งสองอาจจะมองว่าเรื่องที่ชานนท์มีคนอื่น เป็นเรื่องปรกติ เพราะทั้งสองยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่สำหรับเขาแล้ว เขาไม่อยากให้ต้องรักต้องทนอยู่ในสภาพนั้น วันนี้ทำได้ วันหน้าก
“ฝันดียายดื้อ” ก่อเกียรติพูดชิดหน้าผากมน มองดวงหน้าหวานอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไป ทันทีที่ประตูห้องปิดลง ต้องรักก็ลืมตาขึ้นแล้วเบิกค้างอยู่อย่างนั้น หัวใจเต้นแรงจนแทบกระดอนออกมานอกอก จิกเล็บลงบนเนื้อตัวเอง เธอไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ก่อเกียรติเข้ามาในนี้ บ่นให้เธอสองสามประโยค ก่อนจะจูบหน้าผากเธอแล้วเดินออกไป “บ้าไปแล้ว คุณก่อต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ” พูดพร้อมกับตบมือลงบนหน้าผากตัวเอง ไอร้อนและกลิ่นมิ้นท์ยังติดอยู่บนนั้น เป็นไปได้ยังไง ก่อเกียรติไม่ชอบขี้หน้าเธอ สายตาที่เขามองมาแต่ละครั้ง ไม่ต่างจากมองขยะเปียก เขาเกลียดเธอมากไม่ใช่เหรอ แล้วเขาจูบเธอทำไม “โอ๊ย! ทำไงดีต้องรัก คิดสิคิดสิ” คนเมาสร่างเป็นปลิดทิ้ง เมื่อถูกขโมยจูบหน้าผาก คิดไม่ออกเลยว่าเวลาเจอกันต้องทำหน้ายังไง ก่อเกียรติอาจจะเมาค้าง เขาคงไม่ได้ตั้งใจจูบเธอ หรือไม่เธอก็คงคิดไปเอง ร่างบางกระโดนลงจากเตียงนอน หอบผ้าขนหนูวิ่งเข้าห้องน้ำ เธอต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับเขา ก่อเกียรติยกแก้วกาแฟค้างกลางอากาศ เมื่อเห็นคนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากบ้าน เสื้อที่เธอใส่เป็นเสื้
เช้านี้กรวิกามีเรียนแต่เช้า จึงรีบออกจากบ้าน ระหว่างนั้นเธอเห็นก่อเกียรติออกกำลังกายอยู่หน้าบ้าน จึงเข้าไปทักทายและเอ่ยปากฝากเพื่อนกับเขา ก่อเกียรติปฏิเสธ แต่กลับถูกน้องต่อว่า สาเหตุที่ต้องรักเมาจนขาดสติ เพราะเขาเป็นต้นเหตุ ถ้าเขาไม่พาไปดื่ม ต้องรักก็คงไม่เมามากขนาดนี้ “ทำเหมือนเพื่อนไม่เคยเมา” ก่อเกียรติย้อนเมื่อถูกน้องกล่าวหา “ก็เมาค่ะ แต่ไม่มากเท่านี้ ไม่รู้ล่ะพี่ก่อเป็นคนพาไป พี่ก่อต้องรับผิดชอบ เกลไปก่อนนะคะ มีเรียนเช้า ช้าเดี๋ยวรถติด” พูดจบก็เดินออกไป แต่ถูกพี่ชายเรียกเอาไว้ “เดี๋ยวเกล” “คะ” “พี่บอกเรื่องที่เกลจะไปเรียนต่อให้ต้องรักรู้แล้วนะ” “พี่ก่อ! เกลบอกแล้วไงคะว่าเกลจะบอกเรื่องนี้กับต้องเอง พี่ก่อพูดทำไมคะ!” กรวิการ้องออกมาอย่างตกใจ ตัดพ้อพี่ชายที่ถือวิสาสะบอกเรื่องของเธอให้ต้องรักรับรู้ “ช้าหรือเร็วก็ต้องบอก พี่เลยบอกให้” ก่อเกียรติยักไหล่ ก่อนจะยกขวดน้ำขึ้นดื่ม ตาคู่คมมองใบหน้าที่ยุ่งเหยิงของน้อง ที่แสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน “รีบไม่ใช่เหรอ ไปสิเดี๋ยวรถติด” ไล่น้อง