ฟะ... แฟนเหรอ!
ฉันทำหน้าเหวอทันทีเมื่อได้ยินเขาพูดเธอไปแบบนั้น พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าคนตัวโตก็กำลังสบตาฉันอยู่เช่นกัน ใบหน้าของเราอยู่ในระยะประชิดเพราะเขากอดฉันไว้แนบไหล่ ฉันเบนสายตาไปที่มือของตัวเองที่ยื้อไหล่ของฉลามดุเอาไว้จากเหตุการณ์กะทันหันเมื่อครู่ แล้วอยู่ดีๆ หน้าก็ร้อนขึ้นมา
แฟนอะไรกัน ไม่ใช่สักหน่อย
“เอ้ะ เราไม่เห็นรู้เลย” ผู้หญิงคนนั้นหน้าเสียไป ก่อนที่เธอจะหันมามองหน้าฉันอย่างงุนงง “แต่เราไม่เห็นได้ข่าวเลยว่าคะนิ้งดาวคณะอักษรจะมีแฟน”
อะ... อะไรน่ะ เธอรู้จักฉันด้วยเหรอ
“ดาวคณะ?” ฉลามดุทวนเสียงเข้มทันที ก่อนที่เขาจะก้มลงมามองฉันที่ก้มหน้างุด “จริงเหรอนิ้ง”
“อะ... อื้อ” ฉันตอบกลับไปเสียงอ้อมแอ้มอย่างไม่ค่อยอยากจะพูดถึงนัก ฉันไม่ค่อยชอบตำแหน่งนี้มาตั้งแต่แรก พยายามจะขอออกอยู่หลายครั้งแต่ไม่เคยสำเร็จสักที ทั้งๆ ที่ฉันพยายามทำตัวไม่ให้เป็นจุดเด่นมากแล้วนะ เธอก็ยังจำได้อีก
“แม่ง...” แต่ที่ผิดคาดกว่าคือฉลามดุดันสบถออกมาเหมือนไม่สบอารมณ์ แล้วกำชับอ้อมแขนแน่นขึ้นท่ามกลางสายตาของทุกคน “งี้คนก็จ้องแต่จะแอ้มเธออ่ะดิ ดีกรีดาวคณะไม่มีใครไม่อยากได้หรอก”
ฉันทำหน้างง ส่วนผู้หญิงคนนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิม เธอเลิกคิ้วออกมา
“เราไม่ชอบ ออกเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“...”
“ลาออกจากดาวคณะเดี๋ยวนี้เลย”
มาขอแบบนี้มันได้เหรอ!
“เมื่อกี้เราแค่ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธผู้หญิงคนนั้นว่ายังไง เธอไม่โกรธใช่มั้ย?”
ฉันทำหน้ามุ่ยเล็กๆ หลังจากที่ฉลามดุพูดประโยคนั้นจบ ดาวคณะนิเทศน์คนนั้นก็เลยขอตัวออกไปอย่างหัวเสีย ส่วนฉันก็รีบเด้งตัวออกจากหน้าตักของร่างสูงทันทีเมื่อเขาคลายมือออก แล้วขยับไปนั่งจนสุดขอบของเก้าอี้อย่างรักษาระยะห่าง แม้ว่าฉันจะเข้าใจเรื่องที่เขาไม่อยากให้ผู้หญิงคนอื่นมาจีบ เขาอาจจะอยากแสดงความจริงใจ หรืออะไรก็ตาม
แต่การที่ดึงฉันเข้ามาเกี่ยวด้วยนี่มันใช่แล้วเหรอ
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ” ฉันพูดกับเขาโดยไม่สบตา แล้วก็ได้ยินเสียงขยับตัวของคนข้างๆ
“ผิดเหรอ” และน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะตัดพ้อกลายๆ ของเขาทำให้ฉันชะงักไป “ที่ไม่มีสิทธิ์แต่หวงเธอเนี่ย”
“...”
“ผิดขนาดนั้นเลยเหรอ” ฉันหันกลับไปมองเขาทันที แล้วก็ผงะไปเมื่อเห็นว่าร่างสูงขยับตัวมาใกล้ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และพอเขาเห็นฉันสบตาด้วย ฉลามดุก็ท้าวแขนเข้ากับโต๊ะหินอ่อนทางด้านหลัง แล้วเลื่อนใบหน้าเข้ามาอย่างไม่แคร์สายตาของคนอื่นที่มองมาทางนี้เลย
“อะ... ใกล้เกินไปแล้ว” ฉันท้วงเขาแล้วเอากระเป๋ามาบังหน้าเอาไว้ ร่างสูงชะงักไป เขาถอยหลังในทันที แล้วเริ่มหัวเราะ
“ไม่ได้สักที” เขาพึมพำอะไรสักอย่าง แล้วฉันก็เริ่มอยากให้ส้มหวานมาที่นี่เร็วๆ เพราะฉันเริ่มรับมือกับเขาไม่ถูกแล้ว “เธอใจอ่อนเมื่อไหร่... เราจะไม่ปล่อยให้หนีแน่คอยดู”
ฉันเบิกตากว้าง มองเขาที่ยกไฟแช็คมาเปิดปิดเล่น ฉลามดุไม่ยอมลุกไปซะที เอาแต่นั่งข้างๆ ฉันจนกระทั่งฉันเห็นร่างบางของส้มหวานที่เดินบึ่งเข้ามาในประตูมหาลัย
“ส้ม... ส้มมาแล้วล่ะ” ฉันพูดกับเขา แล้วร่างสูงก็ยืดตัวมองตาม
“เห็นแล้ว” เขาตีหน้าเซ็ง ในขณะที่ทันทีที่มาถึงตัวส้มหวานก็เริ่มบ่นอุบ
“พี่หลาม! วันหน้าวันหลังอย่าลากนิ้งไปฉุกละหุกแบบนั้นอีกนะ อย่างน้อยก็บอกกันก่อน” เธอเอ็ดฉลามดุเป็นอย่างแรกยังกะสนิทกันมานาน แล้วเขาก็ทำหน้าตายใส่ “ยังจะมาทำหน้าแบบนั้นอีก รู้มั้ยว่าน้องตกใจแค่ไหนเนี่ย อยู่ดีๆ ก็ลากนิ้งออกไปเลย!”
“ก็พี่แค่อยากอยู่กับนิ้ง” เขาตอบสั้นๆ แต่กลับทำให้ฉันตัวแข็งทื่อได้อย่างไม่น่าเชื่อ “ทำไมทุกคนถึงมองพี่ผิดๆ แบบนั้นกันนักวะ”
“พี่...!” ส้มหวานตั้งท่าจะพูดอะไรสักอย่าง หากแต่ว่าฉลามดุกลับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเสียก่อน เขามองหน้าฉัน แล้วเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มพร้อมกับล้วงกระเป๋ากางเกงของตัวเอง
“เลิกเรียนแล้วโทรมาเบอร์ที่พี่โทรไปนะ” เขาตบบ่าของส้มหวานเบาๆ แล้วเดินออกไปโดยไม่หันมามองหน้าฉันเลย แล้วนั่นก็ทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่า...
“ผิดเหรอ... ที่ไม่มีสิทธิ์แต่หวงเธอเนี่ย”
“ทำไมทุกคนถึงมองพี่ผิดๆ แบบนั้นกันนักวะ”
เขาพูดเหมือนกำลังน้อยใจฉันเลย
จบคลาสแล้ว และฉันก็ได้แต่ยืนกระวนกระวายใจอยู่ข้างๆ ส้มหวาน
ให้ตายเถอะ ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขาสักหน่อย เจอกันไม่กี่วันเอง แถมอีกฝ่ายก็เอาแต่จะวู่วามใส่อยู่ท่าเดียว แล้วทำไมฉันจะต้องมากังวลเรื่องที่เขาทำท่าเหมือนน้อยใจฉันด้วยนะ
“ส้มโทรหาพี่หลามแปปนะนิ้ง” ส้มหวานหันมาพูดกับฉันที่บังเอิญหันมามองหน้าเธออย่างขออนุญาตโดยไม่รู้ว่าทำไม ฉันแสร้งทำเป็นไม่สนใจตอนเธอยกโทรศัพท์ขึ้นมา แต่ก็แอบเงี่ยหูฟังเสียงปลายสายเมื่อเธอเริ่มพูดเมื่อฝั่งนั้นรับสายแล้ว “ฮัลโหล พี่หลาม! เลิกเรียนแล้วนะ”
[เหรอ] ฉันได้ยินเสียงปลายสายตอบกลับมา มันชัดมากเพราะส้มหวานเปิดสปีกเกอร์โฟนต่อหน้าฉันเลยหลังจากเห็นว่าฉันเอียงหน้าไปทางโทรศัพท์ของเธอมากเกินไปหน่อย ทำเอาหน้ามานไปเลยเมื่อเห็นว่าเธอจับได้ว่าฉันแอบฟังอยู่
เปล่าสนใจสักหน่อย
“พี่จะพูดแค่นี้เหรอ” เธอถามปลายสายและเหลือบมองฉัน แล้วฉันก็ทำเมินหน้าหนีไปมองทางอื่น
[อ่า... รู้แล้วว่าเลิกเรียน]
“...”
[ฝากบอกนิ้งด้วยว่าวันนี้พี่ไม่ว่าง] ฉลามดุตัดสายไปในทันที ในขณะที่ฉันชะงักไป น้ำเสียงของเขาดูเรียบเฉยมากเลย จนกระทั่งส้มหวานเอาโทรศัพท์ออกแล้วเริ่มบ่น
“อะไรของพี่เค้าเนี่ย เสียมารยาทสุดๆ ตัดสายใส่ได้ยังไง” เธอทำหน้ามุ่ยตอนมองฉันที่นิ่งไป “งั้นเรากลับกันเถอะนิ้ง ดูพี่เค้าจะไม่ว่างนะ”
“อะ... อื้อ” ฉันพยักหน้าอย่างเก้ๆ กังๆ แล้วต่อมาก็โดนแรงจับจูงของส้มหวานให้เดินไปขึ้นสองแถวอีกฝั่งหนึ่ง ฉันถอนหายใจตอนขึ้นไปนั่ง แล้วก็ถอนหายใจอีกเมื่อยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู
เขาน้อยใจฉันเหรอ? หรือว่าเขาจะไม่จริงจังกับฉันกันแน่นะ
... ถ้าจะไม่มารับ ก็น่าจะส่งไลน์มาบอกกันบ้างสิ
“... อะ” ฉันสะดุ้งเมื่อเผลอคิดแบบนั้นออกไป เธอคิดอะไรอยู่นะคะนิ้ง เธอไม่ได้รอเขาสักหน่อย ตอนที่เรียนอยู่เธอแทบไม่นึกถึงเขาด้วยซ้ำ ถึงเขาจะมาหรือไม่มา จะจริงใจหรือไม่จริงใจเธอก็ไม่เห็นต้องไปสนใจเลยนี่
ใช่ ไม่เห็นจะต้องไปสนใจเลย
ฉันพยักหน้ากับตัวเอง เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีก
จนกระทั่ง...
ดึกแล้ว ท้องฟ้าเริ่มมืด แต่ก็ไม่มีเสียงโทรศัพท์สั่นเลยสักนิด
แต่ฉันไม่ได้กระวนกระวายใจเลยนะ ฉันนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือของส้มหวานที่เราจะผลัดกันมานั่งทำเวลามีงาน ในขณะที่ส้มเล่นโน้ตบุ๊คอยู่บนเตียง
ฉันเอาโทรศัพท์ไปวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงเลยล่ะ ถึงใครจะโทรมาฉันก็ไม่ได้ยิน...
“นิ้ง! พี่หลามโทรมา”
ฉันแทบจะหันไปทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่ต่อมาก็หันหน้าหนี แล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ระ... เหรอจ๊ะ ส้มรับให้หน่อยสิ”
“โอเค” เธอกดรับทันที ถึงแม้ว่าตอนแรกฉันอยากจะทิ้งไว้จนเขากดวางไปเอง แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนี้ “พี่หลามเหรอ! ส้มพูดนะ พอดีนิ้งอ่านหนังสืออยู่”
“...”
“อ้อ นิ้งไม่ว่าหรอก แค่อ่านทวนของวันนี้น่ะ ใกล้จะจบแล้ว ส้มแอบดูอยู่” ฉันตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินแบบนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฉลามดุคงคิดว่าฉันยุ่งอยู่เรื่องอ่านหนังสือ แต่ทว่า... “ฮะ? พี่อยู่หน้าหอเหรอ ยามไม่ให้เข้า?”
“...”
“โอเคๆ เดี๋ยวส้มบอกนิ้งให้”
ติ๊ด
ฉันได้ยินเสียงเธอวางสาย จนกระทั่งส้มหวานวางโทรศัพท์ฉันลงที่เดิมแล้วพูดขึ้น
“นิ้ง พี่หลามรออยู่หน้าหอเราอ่ะ นิ้งลงไปรับเขาขึ้นมาหน่อยสิ”
อะ... อะไรนะ
ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาที่ทำสีหน้าเหมือนห่อเหี่ยวแปลกๆ ก่อนที่จะทำสีหน้าครุ่นคิด อืม... จะอธิบายยังไงดีนะ“ก็... หน้าโหดๆ แต่ขี้อ้อนล่ะมั้ง” ฉันพูดแล้วก็นึกถึงน้องหมาประเภทหนึ่ง แล้วอยู่ๆ ก็หลุดพูดออกไป “เหมือนร็อกไวเลอร์ที่นิสัยน่ารักๆ อ่ะ”แต่ฉันพูดแล้วฉันก็งงเองเหมือนกัน ร็อกไวเลอร์ที่นิสัยน่ารักๆ เนี่ยนะ คิดภาพไม่ออกเลย“ใครเป็นร็อกไวเลอร์?”ฉันสะดุ้งทันทีเมื่อทันทีที่พูดออกไปแบบนั้นก็ได้ยินเสียงทุ้มที่คุ้นเคยที่ดังขึ้นด้านหลังเหมือนบังเอิญเข้ามาได้ยินประโยคนั้นพอดี พอหันกลับไปก็เห็นว่าเป็นฉลาม เขากำลังเดินถือขวดอะไรสักอย่างมาหาฉันพร้อมกับถุงอะไรก็ไม่รู้เต็มไม้เต็มมือไปหมดฉันเรียกเขาด้วยท่าทางตื่นๆ “ฉะ... ฉลาม ถืออะไรมาน่ะ”“ขนม” เขาตอบสั้นๆ แล้ววางถุงขนมลงตรงหน้าฉัน “เห็นบอกว่ามีเพื่อนเลยซื้อมาให้เยอะหน่อย”“โห ดีจัง ขอบคุณนะ” ฉันคลี่ยิ้ม ฉลามพยักหน้ารับแล้วเขาก็นั่งลงข้างๆ ฉันอีกฝั่งที่ไม่มีใครนั่งอยู่ แต่หันหน้าไปทางสนามบาสแทน ฉันก็เลยเหลือบมองขวดในมือของเขา “นั่นอะไรน่ะฉลาม”“เอ็มร้อย” เขาตอบกลับมาทันทีแล้วยกมาจ่อตรงหน้าให้ฉันดู แล้วฉันก็ทำหน้ามุ่ยใส่เขา“มันไม่ดีนะ ไม่ต้องกินแล
ผมซบหน้าลงที่แผ่นหลังของเธอแล้วอ้อน อย่างน้อยก็แก้ตัวที่ทำสันดานแย่ๆ ใส่เธอวันนี้ ร่างเล็กมองหน้าผมเหมือนไม่รู้จะพูดยังไง ก่อนที่เธอจะค่อยๆ หันกลับมาเผชิญหน้ากันเหมือนไม่เต็มใจเท่าไหร่เเขนผมคล้องไว้ที่รอบเอวเธอแล้วลูบมันเบาๆตัวก็เล็ก เอวก็เล็ก แฟนใครวะเนี่ย“ตัวฉลามเหม็นเหล้าจัง” เธอเหมือนประชดผมด้วย คะนิ้งทำหน้ามุ่ยตอนที่ทายาให้ผมอีกแล้วแปะพลาสเตอร์ให้ผมอย่างเบามือ โคตรเบา ผมแทบไม่รู้สึก พอโดนต่อยผมก็สร่าง แต่ตอนนี้จะเมาเธอแทน “สะ... เสร็จแล้ว”“เสร็จแล้ว งั้นจูบต่อนะ” ผมแหย่เธอ คะนิ้งทำหน้าเหวอทันที เธอพยายามจะดึงมือผมออก แต่ผมก็ประสานมือเอาไว้ไม่ให้เธอดึงมันออกได้ง่ายๆ“กะ... กลับไปได้แล้ว”“อยากอยู่กับแฟน ไม่ได้เหรอ” ผมสวนขึ้น แล้วคะนิ้งก็เงียบไป“ดะ... ได้ แต่พรุ่งนี้ได้มั้ย” เธอต่อรอง “พรุ่งนี้นะ... ได้มั้ย?”ซึ่งพอเห็นเธออ้อนบ้างผมก็หวั่นไหว ก็เลยพยักหน้าไปอย่างว่าง่าย เออ ตามใจเธอหน่อยละกัน ค่อยรวบยอดทีหลังแล้วถ้าถึงตอนนั้นผมจะไม่ยอมให้นิ้งได้ลุกขึ้นมาห้ามอีกเลย คอยดู[จบพาร์ท : ฉลามดุ]ฉลามมารับฉันตั้งแต่เช้าตอนที่เจอหน้ากันเขาก็ดึงฉันเข้ามากอดนิดหน่อย ฉันหน้าแดงไปหมด รู้
“เฮ้ย! ไอ้หลาม หยุดนะมึง!!”ผมได้ยินเสียงของไอ้วินดังขึ้นข้างหลังตอนที่ผมผลักไอ้เด็กเวรนั่นจนล้มลงไปกองกับพื้น ผมขึ้นคร่อมมันไว้แล้วจะเหวี่ยงขวดเหล้าเปล่าใส่หัวมัน แต่ก็โดนเพื่อนผมกันออกไปก่อน ตอนนั้นในวงเด็กแว๊นพวกนั้นแตก ผมไม่เห็นว่าคะนิ้งทำหน้ายังไงเพราะถูกหิ้วปีกอยู่ แต่สติผมขาดไปแล้ว ในหัวผมมีแต่สิ่งชั่วๆ ที่พวกมันพูด“คนอะไรโคตรขาวจั้วะน่าเจี้ยะเลย นมนี่แบบ ผมอ่ะอื้มมม”“เออว่ะ น่าจับเ*ดสดสักที สวิงกิ้งกันให้หมดทั้งแก๊งเลยดีปะ”สวิงกิ้งเหรอ? อยากสวิงกิ้งกันมากนักใช่มั้ยมึง กูจัดให้เลย!!เพล้ง!!“เฮ้ย!” พวกมันตกใจเมื่อผมโยนขวดเหล้าไปจนเกือบโดนหนึ่งในพวกนั้น อย่าคิดว่าถูกกันไว้แบบนี้ผมจะทำอะไรไม่ได้ ผมได้ยินเสียงของไอ้วินไม่ชัดเพราะผมใช้ศอกกระแทกหน้ามันให้ปล่อยผมออก ตัวผมเซไปนิดหน่อย หน้ามืดเพราะฤทธิ์เหล้า แต่ก็ยังพอมีสติบ้างใครก็ห้ามผมไม่ได้ทั้งนั้นเวลาผมเลือดขึ้นหน้า“มึงเป็นเหี้ยอะไรวะ!!” ไอ้เด็กแว๊นที่ผมจะฟาดหัวมันตวาดลั่นพอลุกขึ้นมาได้ มันโยนเสื้อทิ้งอย่างกร่างๆ ผมเดือดก็เลยถอดเสื้อที่ใส่อยู่เหวี่ยงทิ้งไปบ้าง ให้มันรู้ว่าอย่ามาห้าวกับคนอย่างผมเพื่อนมันทุกคนอึ้งไปแล้วไม่กล้า
หลังจากนั้นเราก็ไปหาอะไรกินกันใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยของฉัน แต่นั่นยังไม่พอ ฉลามยังพาฉันนั่งรถไปเที่ยวเล่นที่นู่นที่นี่อีก พอขากลับเขาก็ขับรถเล่นอยู่ตั้งหลายชั่วโมง มารู้สึกตัวอีกทีก็หกโมงเย็นแล้วฉันไม่คิดว่าเวลามันจะผ่านไปเร็วขนาดนี้ จนกระทั่งเพื่อนของเขาก็โทรมาตามให้เขาไปกินเหล้าด้วยแล้ว ฉันกอดอกมองเขาทันที เเต่ฉลามก็ได้แต่ฉีกยิ้มให้ฉันเหมือนให้ฉันหายโกรธเขาเถอะ เรื่องแค่นี้เอง แล้วขับตรงไปในซอยใกล้ๆ กับมหาลัยที่ฉันเรียนอยู่มันเป็นบ้านที่มีโต๊ะม้าหินอ่อนข้างหน้า แล้วฉันก็เบิกตาโตเพราะจำได้แล้วว่าที่นี่คือที่ไหนมันคือที่แรกที่ฉลามดุขับขับพาฉันมาเพื่อที่จะขอเบอร์ฉันนี่“เราเคยพานิ้งมาที่นี่ จำได้ปะ” ร่างสูงดับเครื่องแล้วถามขึ้นมาตรงกับสิ่งที่ฉันคิดพอดี ฉันสะดุ้งทันทีเพราะมัวแต่คิดอะไรเพลินๆ อยู่ ก่อนที่จะพยักหน้าหงึกหงัก แต่เขาก็ถามเรื่องอื่นขึ้นมาซะก่อน “ลงได้มั้ยนิ้ง?”“อื้อ ลงได้” ฉันพยักหน้าอีกแล้วทำท่าจะลง แต่ก็ถูกเขาใช้มือทั้งสองข้างยกตัวของฉันขึ้นอุ้มทั้งตัวแล้ววางลงกับพื้นซะก่อน ฉันหน้าร้อนวาบขึ้นมาทันที ยังไงก็ไม่ชินจริงๆ เวลาที่เขามาจับมาอุ้มแบบนี้อ่ะ“เพื่อนเราปากหมาหน่อยนะ
“แต่... บางวันเรามีเรียนเช้ามากเลยนะ” ฉันยู่หน้าแล้วดึงมือของเขาออก ใช่แล้ว บางวันฉันมีเรียนตั้งเจ็ดโมงกว่าๆ แน่ะ ฉันเกรงใจเขาอ่ะ “ฉลามตื่นไหวเหรอ”“เอ้า ไหวดิ เช้าแค่ไหนก็โทรมาเหอะ” เขาพูดอย่างจริงจัง “ต่อให้เธอมีเรียนตอนตีสามเราก็จะตื่นมาส่งอ่ะ เข้าใจปะครับ”ฉันหลุดยิ้มออกมาเลย โห... เขาน่ารักจัง“ขอบคุณนะ” ฉันคลี่ยิ้มหวานให้เขาบ้าง ฉลามมองหน้าฉันนิ่งๆ ก่อนที่ต่อมาเขาจะดึงกระจกหมวกกันน็อคลงมาปิดหน้า แล้วเอียงหน้าลงมาหอมแก้มฉันหนักๆ ผ่านพลาสติกอุ่นๆ จากแดดยามเช้าโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว ฉันเบิกตากว้าง หน้าแดงขึ้นมาทันทีเพราะที่ตรงนี้ก็มีคนอยู่ แต่ฉลามไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น เขาแค่ลูบหัวฉัน แล้วพูดอะไรบางอย่าง“ตั้งใจเรียนนะนิ้ง จะได้รีบจบมาแต่งกับเราเร็วๆ”“...!”ขะ... เขาพูดเสียงดังด้วยอ่ะแต่ฉันก็ตั้งใจเรียนอย่างที่เขาบอกก่อนที่จะขับออกไปจริงๆ นั่นแหละจนตอนนี้สิบเอ็ดโมงกว่าๆ แล้ว ฉันเพิ่งเลิกคลาส แต่ยังไม่ทันเดินออกจากห้องเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทันทีว่ามีคนโทรเข้ามา พอยกขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นฉลามเขารีบโทรมาจังนะ กลัวฉันจะหนีกลับก่อนรึไงก็ไม่รู้“ฮัลโหลค่ะ” ฉันกดรับ แล้วเสียงลมก็แท
ฉันว่าฉันคิดดีแล้วล่ะเพราะหลังจากที่ฉันโทรไปบอกฉลามดุว่าจะเป็นแฟนกับเขา ฉลามก็ตัดสายใส่ทันทีเลย ฉันเองก็เขินจนไม่กล้าคุยต่อแล้วเหมือนกัน มันยากนะที่ต้องขอใครสักคนเป็นแฟนก่อนแบบนี้ ยิ่งกับอีกฝ่ายที่เป็นคนแบบเขาด้วยฉันไม่เคยพูด ไม่เคยคบกับใคร ก็เลยอายจนต้องซุกหน้าลงกับหมอนที่ตัวเองกอดอยู่แบบนั้นส้มหลับไปแล้ว เธอเพิ่งได้กลับมาค้างที่ห้องก็วันนี้ แต่เพราะทำกิจกรรมมาหนักก็เลยหลับไปตั้งแต่หัวค่ำ ประตูห้องปิดอยู่ ส่วนฉันก็นั่งอยู่ที่โซฟาข้างนอกห้อง ที่ฉันเงียบไปไม่ยอมคุยกับเขาก็เพราะตอนที่ไปเที่ยวกับเขาฉันมีความสุขมากจนเก็บอาการไม่อยู่แล้ว ฉันชอบฉลามดุ แล้วก็ชอบมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยฉันนั่งทำใจให้หายเขินอยู่นานมาก จนประตูห้องเหมือนถูกใครเคาะ เสียงค่อนข้างดังก็อกๆๆ!ฉันชะงักไป สงสัยนิดหน่อยว่าเป็นใคร ตอนเปิดประตูออกไปตัวก็แทบจะถลาไปด้านหลังเพราะถูกคนๆ นั้นโถมตัวเข้ามาหาทันทีฉันรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ท่วมตัวเขา ใจเต้นขึ้นมาทันทีพอเห็นว่าเป็นเสื้อยืดที่คุ้นเคย พอเขาผละออก ฉันก็ตกใจที่เห็นว่าเป็นฉลามเขา...“พูดจริงเหรอนิ้ง!” เขาผละออกมาแล้วคว้าไหล่ฉันมาเขย่าทันที ฉันเอ๋อไป ก็พอรู้อยู่นะว่าฉลาม