LOGINฟะ... แฟนเหรอ!
ฉันทำหน้าเหวอทันทีเมื่อได้ยินเขาพูดเธอไปแบบนั้น พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าคนตัวโตก็กำลังสบตาฉันอยู่เช่นกัน ใบหน้าของเราอยู่ในระยะประชิดเพราะเขากอดฉันไว้แนบไหล่ ฉันเบนสายตาไปที่มือของตัวเองที่ยื้อไหล่ของฉลามดุเอาไว้จากเหตุการณ์กะทันหันเมื่อครู่ แล้วอยู่ดีๆ หน้าก็ร้อนขึ้นมา
แฟนอะไรกัน ไม่ใช่สักหน่อย
“เอ้ะ เราไม่เห็นรู้เลย” ผู้หญิงคนนั้นหน้าเสียไป ก่อนที่เธอจะหันมามองหน้าฉันอย่างงุนงง “แต่เราไม่เห็นได้ข่าวเลยว่าคะนิ้งดาวคณะอักษรจะมีแฟน”
อะ... อะไรน่ะ เธอรู้จักฉันด้วยเหรอ
“ดาวคณะ?” ฉลามดุทวนเสียงเข้มทันที ก่อนที่เขาจะก้มลงมามองฉันที่ก้มหน้างุด “จริงเหรอนิ้ง”
“อะ... อื้อ” ฉันตอบกลับไปเสียงอ้อมแอ้มอย่างไม่ค่อยอยากจะพูดถึงนัก ฉันไม่ค่อยชอบตำแหน่งนี้มาตั้งแต่แรก พยายามจะขอออกอยู่หลายครั้งแต่ไม่เคยสำเร็จสักที ทั้งๆ ที่ฉันพยายามทำตัวไม่ให้เป็นจุดเด่นมากแล้วนะ เธอก็ยังจำได้อีก
“แม่ง...” แต่ที่ผิดคาดกว่าคือฉลามดุดันสบถออกมาเหมือนไม่สบอารมณ์ แล้วกำชับอ้อมแขนแน่นขึ้นท่ามกลางสายตาของทุกคน “งี้คนก็จ้องแต่จะแอ้มเธออ่ะดิ ดีกรีดาวคณะไม่มีใครไม่อยากได้หรอก”
ฉันทำหน้างง ส่วนผู้หญิงคนนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิม เธอเลิกคิ้วออกมา
“เราไม่ชอบ ออกเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“...”
“ลาออกจากดาวคณะเดี๋ยวนี้เลย”
มาขอแบบนี้มันได้เหรอ!
“เมื่อกี้เราแค่ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธผู้หญิงคนนั้นว่ายังไง เธอไม่โกรธใช่มั้ย?”
ฉันทำหน้ามุ่ยเล็กๆ หลังจากที่ฉลามดุพูดประโยคนั้นจบ ดาวคณะนิเทศน์คนนั้นก็เลยขอตัวออกไปอย่างหัวเสีย ส่วนฉันก็รีบเด้งตัวออกจากหน้าตักของร่างสูงทันทีเมื่อเขาคลายมือออก แล้วขยับไปนั่งจนสุดขอบของเก้าอี้อย่างรักษาระยะห่าง แม้ว่าฉันจะเข้าใจเรื่องที่เขาไม่อยากให้ผู้หญิงคนอื่นมาจีบ เขาอาจจะอยากแสดงความจริงใจ หรืออะไรก็ตาม
แต่การที่ดึงฉันเข้ามาเกี่ยวด้วยนี่มันใช่แล้วเหรอ
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ” ฉันพูดกับเขาโดยไม่สบตา แล้วก็ได้ยินเสียงขยับตัวของคนข้างๆ
“ผิดเหรอ” และน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะตัดพ้อกลายๆ ของเขาทำให้ฉันชะงักไป “ที่ไม่มีสิทธิ์แต่หวงเธอเนี่ย”
“...”
“ผิดขนาดนั้นเลยเหรอ” ฉันหันกลับไปมองเขาทันที แล้วก็ผงะไปเมื่อเห็นว่าร่างสูงขยับตัวมาใกล้ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และพอเขาเห็นฉันสบตาด้วย ฉลามดุก็ท้าวแขนเข้ากับโต๊ะหินอ่อนทางด้านหลัง แล้วเลื่อนใบหน้าเข้ามาอย่างไม่แคร์สายตาของคนอื่นที่มองมาทางนี้เลย
“อะ... ใกล้เกินไปแล้ว” ฉันท้วงเขาแล้วเอากระเป๋ามาบังหน้าเอาไว้ ร่างสูงชะงักไป เขาถอยหลังในทันที แล้วเริ่มหัวเราะ
“ไม่ได้สักที” เขาพึมพำอะไรสักอย่าง แล้วฉันก็เริ่มอยากให้ส้มหวานมาที่นี่เร็วๆ เพราะฉันเริ่มรับมือกับเขาไม่ถูกแล้ว “เธอใจอ่อนเมื่อไหร่... เราจะไม่ปล่อยให้หนีแน่คอยดู”
ฉันเบิกตากว้าง มองเขาที่ยกไฟแช็คมาเปิดปิดเล่น ฉลามดุไม่ยอมลุกไปซะที เอาแต่นั่งข้างๆ ฉันจนกระทั่งฉันเห็นร่างบางของส้มหวานที่เดินบึ่งเข้ามาในประตูมหาลัย
“ส้ม... ส้มมาแล้วล่ะ” ฉันพูดกับเขา แล้วร่างสูงก็ยืดตัวมองตาม
“เห็นแล้ว” เขาตีหน้าเซ็ง ในขณะที่ทันทีที่มาถึงตัวส้มหวานก็เริ่มบ่นอุบ
“พี่หลาม! วันหน้าวันหลังอย่าลากนิ้งไปฉุกละหุกแบบนั้นอีกนะ อย่างน้อยก็บอกกันก่อน” เธอเอ็ดฉลามดุเป็นอย่างแรกยังกะสนิทกันมานาน แล้วเขาก็ทำหน้าตายใส่ “ยังจะมาทำหน้าแบบนั้นอีก รู้มั้ยว่าน้องตกใจแค่ไหนเนี่ย อยู่ดีๆ ก็ลากนิ้งออกไปเลย!”
“ก็พี่แค่อยากอยู่กับนิ้ง” เขาตอบสั้นๆ แต่กลับทำให้ฉันตัวแข็งทื่อได้อย่างไม่น่าเชื่อ “ทำไมทุกคนถึงมองพี่ผิดๆ แบบนั้นกันนักวะ”
“พี่...!” ส้มหวานตั้งท่าจะพูดอะไรสักอย่าง หากแต่ว่าฉลามดุกลับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเสียก่อน เขามองหน้าฉัน แล้วเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มพร้อมกับล้วงกระเป๋ากางเกงของตัวเอง
“เลิกเรียนแล้วโทรมาเบอร์ที่พี่โทรไปนะ” เขาตบบ่าของส้มหวานเบาๆ แล้วเดินออกไปโดยไม่หันมามองหน้าฉันเลย แล้วนั่นก็ทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่า...
“ผิดเหรอ... ที่ไม่มีสิทธิ์แต่หวงเธอเนี่ย”
“ทำไมทุกคนถึงมองพี่ผิดๆ แบบนั้นกันนักวะ”
เขาพูดเหมือนกำลังน้อยใจฉันเลย
จบคลาสแล้ว และฉันก็ได้แต่ยืนกระวนกระวายใจอยู่ข้างๆ ส้มหวาน
ให้ตายเถอะ ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขาสักหน่อย เจอกันไม่กี่วันเอง แถมอีกฝ่ายก็เอาแต่จะวู่วามใส่อยู่ท่าเดียว แล้วทำไมฉันจะต้องมากังวลเรื่องที่เขาทำท่าเหมือนน้อยใจฉันด้วยนะ
“ส้มโทรหาพี่หลามแปปนะนิ้ง” ส้มหวานหันมาพูดกับฉันที่บังเอิญหันมามองหน้าเธออย่างขออนุญาตโดยไม่รู้ว่าทำไม ฉันแสร้งทำเป็นไม่สนใจตอนเธอยกโทรศัพท์ขึ้นมา แต่ก็แอบเงี่ยหูฟังเสียงปลายสายเมื่อเธอเริ่มพูดเมื่อฝั่งนั้นรับสายแล้ว “ฮัลโหล พี่หลาม! เลิกเรียนแล้วนะ”
[เหรอ] ฉันได้ยินเสียงปลายสายตอบกลับมา มันชัดมากเพราะส้มหวานเปิดสปีกเกอร์โฟนต่อหน้าฉันเลยหลังจากเห็นว่าฉันเอียงหน้าไปทางโทรศัพท์ของเธอมากเกินไปหน่อย ทำเอาหน้ามานไปเลยเมื่อเห็นว่าเธอจับได้ว่าฉันแอบฟังอยู่
เปล่าสนใจสักหน่อย
“พี่จะพูดแค่นี้เหรอ” เธอถามปลายสายและเหลือบมองฉัน แล้วฉันก็ทำเมินหน้าหนีไปมองทางอื่น
[อ่า... รู้แล้วว่าเลิกเรียน]
“...”
[ฝากบอกนิ้งด้วยว่าวันนี้พี่ไม่ว่าง] ฉลามดุตัดสายไปในทันที ในขณะที่ฉันชะงักไป น้ำเสียงของเขาดูเรียบเฉยมากเลย จนกระทั่งส้มหวานเอาโทรศัพท์ออกแล้วเริ่มบ่น
“อะไรของพี่เค้าเนี่ย เสียมารยาทสุดๆ ตัดสายใส่ได้ยังไง” เธอทำหน้ามุ่ยตอนมองฉันที่นิ่งไป “งั้นเรากลับกันเถอะนิ้ง ดูพี่เค้าจะไม่ว่างนะ”
“อะ... อื้อ” ฉันพยักหน้าอย่างเก้ๆ กังๆ แล้วต่อมาก็โดนแรงจับจูงของส้มหวานให้เดินไปขึ้นสองแถวอีกฝั่งหนึ่ง ฉันถอนหายใจตอนขึ้นไปนั่ง แล้วก็ถอนหายใจอีกเมื่อยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู
เขาน้อยใจฉันเหรอ? หรือว่าเขาจะไม่จริงจังกับฉันกันแน่นะ
... ถ้าจะไม่มารับ ก็น่าจะส่งไลน์มาบอกกันบ้างสิ
“... อะ” ฉันสะดุ้งเมื่อเผลอคิดแบบนั้นออกไป เธอคิดอะไรอยู่นะคะนิ้ง เธอไม่ได้รอเขาสักหน่อย ตอนที่เรียนอยู่เธอแทบไม่นึกถึงเขาด้วยซ้ำ ถึงเขาจะมาหรือไม่มา จะจริงใจหรือไม่จริงใจเธอก็ไม่เห็นต้องไปสนใจเลยนี่
ใช่ ไม่เห็นจะต้องไปสนใจเลย
ฉันพยักหน้ากับตัวเอง เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีก
จนกระทั่ง...
ดึกแล้ว ท้องฟ้าเริ่มมืด แต่ก็ไม่มีเสียงโทรศัพท์สั่นเลยสักนิด
แต่ฉันไม่ได้กระวนกระวายใจเลยนะ ฉันนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือของส้มหวานที่เราจะผลัดกันมานั่งทำเวลามีงาน ในขณะที่ส้มเล่นโน้ตบุ๊คอยู่บนเตียง
ฉันเอาโทรศัพท์ไปวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงเลยล่ะ ถึงใครจะโทรมาฉันก็ไม่ได้ยิน...
“นิ้ง! พี่หลามโทรมา”
ฉันแทบจะหันไปทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่ต่อมาก็หันหน้าหนี แล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ระ... เหรอจ๊ะ ส้มรับให้หน่อยสิ”
“โอเค” เธอกดรับทันที ถึงแม้ว่าตอนแรกฉันอยากจะทิ้งไว้จนเขากดวางไปเอง แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนี้ “พี่หลามเหรอ! ส้มพูดนะ พอดีนิ้งอ่านหนังสืออยู่”
“...”
“อ้อ นิ้งไม่ว่าหรอก แค่อ่านทวนของวันนี้น่ะ ใกล้จะจบแล้ว ส้มแอบดูอยู่” ฉันตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินแบบนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฉลามดุคงคิดว่าฉันยุ่งอยู่เรื่องอ่านหนังสือ แต่ทว่า... “ฮะ? พี่อยู่หน้าหอเหรอ ยามไม่ให้เข้า?”
“...”
“โอเคๆ เดี๋ยวส้มบอกนิ้งให้”
ติ๊ด
ฉันได้ยินเสียงเธอวางสาย จนกระทั่งส้มหวานวางโทรศัพท์ฉันลงที่เดิมแล้วพูดขึ้น
“นิ้ง พี่หลามรออยู่หน้าหอเราอ่ะ นิ้งลงไปรับเขาขึ้นมาหน่อยสิ”
อะ... อะไรนะ
“เราชอบกันทั้งคู่ โอเคปะ” ฉันนิ่งไป จนเขาผละมือออก ฉันถึงได้คลี่ยิ้มกว้างออกมา“งั้นเราก็ดีกันแล้วใช่มั้ยอ่ะ”“จำไม่เห็นได้ว่าโกรธเธอตอนไหน” ฉันทำหน้าเอ๋อออกมาทันทีที่ได้ยินคำตอบของเขา “เราก็ไม่ได้ทะเลาะกันปะ”“อะ... แต่ว่าตอนนั้นฉลามไม่คุย...”“มันก็เรื่องตอนนั้น” เขาตัดบททันที แล้วฉันก็เม้มริมฝีปากเพราะพูดไม่ออก จนเขาเริ่มเปลี่ยนเรื่องคุย “แล้วเธอหิวไรปะ?”ฉันสั่นหน้าเบาๆ“... ไม่เลย”“แล้วหิวเราปะ” ฉันทำหน้าตื่นออกมาทันทีที่เห็นว่าถูกฉลามหยอกเล่น แล้วพอเห็นว่าเขายิ้มอยู่ฉันถึงได้ทำหน้ามุ่ย แต่ก็แอบดีใจที่เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว“เล่นแบบนี้ทุกทีเลย”“ก็นะ” เขาไหวไหล่ ดูมีความสุขที่ได้แกล้งฉัน ก่อนที่จะลูบผมฉันแล้วยันตัวลุกขึ้น “ไปอาบน้ำเหอะ เดี๋ยวถึงเวลาเราไปส่ง”ฉันมองเขานิ่ง แล้วฉลามก็หันกลับมามอง เขาเลิกคิ้วถาม “มองทำไม?”ฉันไม่ได้ตอบอะไร แต่ก็ขยับตัวเข้าไปหอมแก้มเขาเบาๆ“ขอบคุณค่ะ” ฉันพูดกับฉลามที่ชะงักไปกับการกระทำนั้นของฉัน ก่อนที่จะค่อยๆ ขยับตัวลงไปจากเตียงเพื่อไปหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อเข้าไปอาบน้ำตามที่เขาบอก“เอาเวลาไปรักมันเหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ดีกว่า”พี่เพทายพูดถูกจริงๆ น
[SALAMDU : SIDE]หลังจากเลิกงานผมก็ตามมานอนห้องนิ้งเหมือนเดิมเห็นเธอกับเจ๊ดูคุยไรกันปกติดีผมก็โล่งหน่อย คิดว่านิ้งจะคิดมากเรื่องหยก แต่ดูแล้วตอนขับมาส่งที่นี่เธอก็คุยกับผมดี ถึงจะดูเกร็งๆ ตอนคุย แต่เซ้นส์ผู้ชายมันบอกว่าเธอไม่ได้โกรธไร ผมเลยนอนห้องเธอได้สบายใจนิ้งหายไปอาบน้ำเพราะเธอรอผมอาบก่อน ผมก็งงๆ เหมือนกัน แต่ช่างแม่ง วันนี้เหนื่อย ผมว่าจะนอนเร็วหน่อยผมพลิกตัวนอนตะแคงตอนที่รู้สึกมึนๆ แต่วันนี้ก็แดกเหล้าไม่เยอะ นิ้งอยู่ อีกอย่างผมต้องขับรถไปส่งเธอ ถ้าขับไปคนเดียวก็ไม่เท่าไหร่ แต่มีนิ้งด้วยผมเลยต้องมีขีดจำกัดของตัวเองผมว่าจะหลับอยู่แล้วว่ะ ถ้าไม่รู้สึกเหมือนมีคนขึ้นเตียงมาคร่อมไว้พอลืมตาขึ้นมามองก็เห็นว่าเป็นนิ้ง แต่ที่ผมตกใจคือพอหรี่ตามองลงไปก็เห็นว่าเธอใส่ชุดผมอยู่ แต่กางเกงไม่ใส่งั้นข้างล่างแม่งก็...“จะนอนแล้วเหรอ” นิ้งถามผม แล้วผมก็จ้องหน้าเธอนิ่ง ก่อนที่จะพยักหน้า“อ่า”“... ทำไมรีบนอนอ่ะ”“เหนื่อยว่ะ” ผมตอบ ก่อนที่จะรู้สึกได้ว่าเสื้อผมมันใส่ทำงานมา เหม็นเหงื่อตายห่า “แล้วใส่เสื้อเราทำไม ไม่เหม็นไง?”เธอสั่นหน้า“สะ... เสื้อของฉลามเราไม่รังเกียจหรอก” ร่างเล็กพูดเสียงเบา
[SALAMDU : SIDE]ผมไม่คิดว่าหยกจะตามมาถึงที่นี่ไอ้พวกรุ่นน้องแม่งก็ปากสว่าง เอาจริงๆ หยกมันสนิทกับไอ้วิน ไอ้เหี้ยนี่กว้างขวางจะตายห่า ที่ผมรู้จักหยกส่วนหนึ่งก็เพราะมัน“อะไรของมึงหยก”นิ้งมองผมหน้าตื่นทันทีตอนที่ผมสวนกลับไปก่อนที่มันจะได้เดินเข้ามา เพราะผมกลัวว่าหยกมันจะทำตัวแบบเมื่อก่อน ที่พอไม่ชอบหน้าใครก็ตบ ผมไม่เคยมีปัญหาเรื่องผู้หญิงเวลาคบกับแฟนคนไหน แต่เธอชอบเอาปัญหาห่าเหวนั่นมาใส่ให้ผมเองผมว่ากลับไปคราวนี้คงได้เคลียร์กับนิ้งยาว ตอนแรกมันกำลังดีๆ“แค่มาหามึงมันต้องมีอะไรด้วยเหรอวะ?”“...”“ถ้ากูไม่ถามไอ้วินคงไม่รู้หรอกว่ามึงอยู่ห้องนี้ มันบอกมึงอยู่กับเมีย” มันพูดอย่างหงุดหงิดแล้วปิดประตู ก่อนที่จะเหลือบมองร่างเล็กที่นั่งข้างๆ ผม “นี่ ออกไปก่อนได้ปะ จะคุยกับผัวเก่า”“หยก” ผมกัดฟันเรียกชื่อเธอ นิสัยไม่เปลี่ยนเลยว่ะ “มึงออกไปคุยกับกูข้างนอกเหอะ”“เดี๋ยวนี้หาได้อย่างนี้เหรอ ผิดกับเมื่อก่อนนะหลาม” มันไม่สนที่ผมพูดแล้วมองนิ้งแล้วฉีกยิ้ม “ไม่เชื่อเลยว่าเคยมาเอากู”“ออกไปคุยกับกูข้างนอก” ผมบีบมือนิ้งที่เริ่มทำหน้าซีดแล้วลุกขึ้นอย่างหงุดหงิด ผมไม่ชอบให้ใครทำท่าทางแบบนี้ใส่นิ้งไง โคตรไ
“เฮ้ย มีคนตามน้องนิ้งมาเหรอวะ”“เออ” ผมตอบสั้นๆ ตอนที่เจ๊ส่งไฟแช็คมาให้ผมต่อบุหรี่ตอนที่ผมล้วงซองมันขึ้นมา ตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่บ้านมัน วันนี้มันอยู่คนเดียว ไม่ได้ไปที่อู่ ผมก็รู้อยู่ถึงได้มาที่นี่ ความจริงกะจะมาอยู่แล้ว แต่ติดที่เจอหยกก่อน “แต่กูยังไม่ได้บอกนิ้ง”“เออ อันนี้กูเข้าใจ” มันพยักหน้า “แล้วได้เจอตัวปะ”“ยังว่ะ กูไปดูกล้องวงจรปิดมา แต่ไม่มีใครมีพิรุธ”“...”“กูคิดว่าอย่างน้อยก็ไปนอนห้องนิ้งทุกวันกันไว้ มีกูอยู่ดีกว่า”“อันนั้นก็ใช่” มันพยักหน้าอีก “แล้วงานช่วงดึกทำไง?”“กำลังคิดอยู่” ผมตอบแล้วจุดบุหรี่ดูดเงียบๆ “เอาเค้ามาทำงานด้วยดีมั้ยวะ ไม่อยากให้อยู่ห้องคนเดียว”“ก็ดี เดี๋ยวกูว่างกูจะแวะเข้าไปดูด้วย” มันเห็นด้วยกับความคิดผม “ถ้าน้องง่วงก็นอนที่ห้องพักได้ ถ้าเป็นผับไอ้วินใกล้บ้านกู กูแวะไปได้”“เออ” ผมตอบแค่นั้นพอเห็นว่าได้คำตอบที่พอใจมาง่ายๆ ก่อนที่จะพ่นควันออกมา ผมเห็นว่าเจ๊มองผมอยู่ ก็เลยจ้องกลับไปบ้าง “มองไร”“หัวมึงแตกเหรอวะ” มันถามแล้วมองแผลที่หัวผมที่นิ้งติดพลาสเตอร์ให้ ผมลูบหัวตัวเองนิดหน่อย แล้วครางรับสั้นๆ“ใช่”“เป็นไร? โดนดักตีหัวมาว่างั้น”“เปล่า อันนี้กูหาเรื่
ใจฉันกระตุกไปหมด แล้วก็หน้าแดงก่ำออกมา“อะ... อะไรอ่ะ อื้อ” ฉันสะดุ้งเฮือกตอนที่ถูกจูบอีกครั้ง แต่คราวนี้ลึกซึ้งมากขึ้น ฉลามไล้ริมฝีปากฉันด้วยปากเขา มันเหมือนที่เขาทำในทุกๆ ครั้ง มือของฉันถูกเลื่อนไปจนถึงตรงนั้น ฉันสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ในขณะที่กำลังถูกฉลามจูบหูฉันอื้อไปหมด ในขณะที่มือของตัวเองจะโดนอะไรตรงนั้น หน้าฉันร้อนจนชา ฉันไม่ได้ซื่อจนไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรอีกแล้ว เพราะมันเคยอยู่ในตัวฉัน ฉันจำได้ว่ามันเท่าไหน... และเจ็บแค่ไหนตอนที่อยู่ในนั้น“ถ้ายังไม่ห้าม เธอคงต้องทำให้เราด้วยว่ะ” ฉันสะดุ้งเฮือก เพราะคำพูดของฉลามดูมีความหมายแอบแฝง แต่ครั้งนี้ล่ะที่ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ “แต่ไม่ให้จับเฉยๆ”“...”“จะให้ใช้อย่างอื่น” เขากระซิบเสียงหนักตอนที่ขยับเข้ามาจนชิดกับใบหน้าของฉัน แล้วหรี่ตาลงมอง “อย่างเช่นปากเธอ”“...!”“ลองดูปะ” เขาถาม แล้วฉันก็รู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัยแปลกๆ“จะ... จะให้เราทำอะไรอ่ะ” ฉันถามไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ ฉลามนิ่งไป ก่อนที่เขาแค่นหัวเราะ“เธอไม่รู้เหรอวะ”“...”“ปกติเราใส่ทางนี้ใช่ปะ” เขาเริ่มพูดความหมายแฝงแล้วก้มลงมองที่ตรงนั้นของฉัน ฉันเบิกตากว้างทันที แล้วรีบเอามือ
ฉันไม่รู้ว่าฉลามเป็นอะไร ก็เห็นว่าตอนแรกเขาดูจะไม่อยากมานอนกับฉันนี่นา เห็นบอกว่าอยากให้ฉันโตขึ้นก็เลยจะให้นอนคนเดียวแต่อยู่ดีๆ ก็บอกว่าจะมานอนด้วยกันทุกวันถ้าวันไหนส้มไม่อยู่... บางทีฉันก็ตามอารมณ์เขาไม่ค่อยทันจริงๆ อ่ะตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนเตียงภายในห้องนอนของตัวเอง ความจริงตอนแรกว่าจะอ่านหนังสือ แต่พอเห็นว่าฉลามไม่ยอมเข้ามาในห้อง ไม่ยอมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ เอาเสื้อพาดไหล่ใส่แค่กางเกงยีนส์อยู่เหมือนเดิมแบบนั้น เขาเอาแต่นั่งแต่ขอบโซฟาแล้วจ้องไปที่บานประตูหน้าห้องเขม็ง ฉันก็เลยถึงได้นั่งมองเขาจากข้างในบ้างฉลามดูแปลกๆ มาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วจริงๆ ฉันก็รู้นะว่าสิ่งที่เขาสอนก่อนหน้านั้นมันแรงมาก มันทำให้ฉันรู้สึกแย่ในตอนนั้น แต่อยู่ดีๆ ก็มีความคิดหนึ่งผุดเข้ามาในหัวฉันว่าฉลามก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว เขาแค่สอนฉันในแบบของเขา ฉันไม่ได้ยอมเขาเพราะว่าฉันรักอย่างเดียวนะ แต่เพราะว่าฉันเข้าใจเขา แล้วก็รับรู้ได้จากการกระทำเหล่านั้นว่ามันไม่มีสิ่งใดแอบแฝงนอกจากความเป็นห่วงฉันคิดว่าฉลามจะไม่ทำร้ายฉันแน่นอน... ก็แค่คิดแบบนั้นเท่านั้นเอง สุดท้ายก็เลยไม่คิดมากอะไร“ฉะ... ฉลาม” ร่างสูงหันกลับมามองทันที ฉ







