ฟะ... แฟนเหรอ!
ฉันทำหน้าเหวอทันทีเมื่อได้ยินเขาพูดเธอไปแบบนั้น พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าคนตัวโตก็กำลังสบตาฉันอยู่เช่นกัน ใบหน้าของเราอยู่ในระยะประชิดเพราะเขากอดฉันไว้แนบไหล่ ฉันเบนสายตาไปที่มือของตัวเองที่ยื้อไหล่ของฉลามดุเอาไว้จากเหตุการณ์กะทันหันเมื่อครู่ แล้วอยู่ดีๆ หน้าก็ร้อนขึ้นมา
แฟนอะไรกัน ไม่ใช่สักหน่อย
“เอ้ะ เราไม่เห็นรู้เลย” ผู้หญิงคนนั้นหน้าเสียไป ก่อนที่เธอจะหันมามองหน้าฉันอย่างงุนงง “แต่เราไม่เห็นได้ข่าวเลยว่าคะนิ้งดาวคณะอักษรจะมีแฟน”
อะ... อะไรน่ะ เธอรู้จักฉันด้วยเหรอ
“ดาวคณะ?” ฉลามดุทวนเสียงเข้มทันที ก่อนที่เขาจะก้มลงมามองฉันที่ก้มหน้างุด “จริงเหรอนิ้ง”
“อะ... อื้อ” ฉันตอบกลับไปเสียงอ้อมแอ้มอย่างไม่ค่อยอยากจะพูดถึงนัก ฉันไม่ค่อยชอบตำแหน่งนี้มาตั้งแต่แรก พยายามจะขอออกอยู่หลายครั้งแต่ไม่เคยสำเร็จสักที ทั้งๆ ที่ฉันพยายามทำตัวไม่ให้เป็นจุดเด่นมากแล้วนะ เธอก็ยังจำได้อีก
“แม่ง...” แต่ที่ผิดคาดกว่าคือฉลามดุดันสบถออกมาเหมือนไม่สบอารมณ์ แล้วกำชับอ้อมแขนแน่นขึ้นท่ามกลางสายตาของทุกคน “งี้คนก็จ้องแต่จะแอ้มเธออ่ะดิ ดีกรีดาวคณะไม่มีใครไม่อยากได้หรอก”
ฉันทำหน้างง ส่วนผู้หญิงคนนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิม เธอเลิกคิ้วออกมา
“เราไม่ชอบ ออกเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“...”
“ลาออกจากดาวคณะเดี๋ยวนี้เลย”
มาขอแบบนี้มันได้เหรอ!
“เมื่อกี้เราแค่ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธผู้หญิงคนนั้นว่ายังไง เธอไม่โกรธใช่มั้ย?”
ฉันทำหน้ามุ่ยเล็กๆ หลังจากที่ฉลามดุพูดประโยคนั้นจบ ดาวคณะนิเทศน์คนนั้นก็เลยขอตัวออกไปอย่างหัวเสีย ส่วนฉันก็รีบเด้งตัวออกจากหน้าตักของร่างสูงทันทีเมื่อเขาคลายมือออก แล้วขยับไปนั่งจนสุดขอบของเก้าอี้อย่างรักษาระยะห่าง แม้ว่าฉันจะเข้าใจเรื่องที่เขาไม่อยากให้ผู้หญิงคนอื่นมาจีบ เขาอาจจะอยากแสดงความจริงใจ หรืออะไรก็ตาม
แต่การที่ดึงฉันเข้ามาเกี่ยวด้วยนี่มันใช่แล้วเหรอ
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ” ฉันพูดกับเขาโดยไม่สบตา แล้วก็ได้ยินเสียงขยับตัวของคนข้างๆ
“ผิดเหรอ” และน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะตัดพ้อกลายๆ ของเขาทำให้ฉันชะงักไป “ที่ไม่มีสิทธิ์แต่หวงเธอเนี่ย”
“...”
“ผิดขนาดนั้นเลยเหรอ” ฉันหันกลับไปมองเขาทันที แล้วก็ผงะไปเมื่อเห็นว่าร่างสูงขยับตัวมาใกล้ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และพอเขาเห็นฉันสบตาด้วย ฉลามดุก็ท้าวแขนเข้ากับโต๊ะหินอ่อนทางด้านหลัง แล้วเลื่อนใบหน้าเข้ามาอย่างไม่แคร์สายตาของคนอื่นที่มองมาทางนี้เลย
“อะ... ใกล้เกินไปแล้ว” ฉันท้วงเขาแล้วเอากระเป๋ามาบังหน้าเอาไว้ ร่างสูงชะงักไป เขาถอยหลังในทันที แล้วเริ่มหัวเราะ
“ไม่ได้สักที” เขาพึมพำอะไรสักอย่าง แล้วฉันก็เริ่มอยากให้ส้มหวานมาที่นี่เร็วๆ เพราะฉันเริ่มรับมือกับเขาไม่ถูกแล้ว “เธอใจอ่อนเมื่อไหร่... เราจะไม่ปล่อยให้หนีแน่คอยดู”
ฉันเบิกตากว้าง มองเขาที่ยกไฟแช็คมาเปิดปิดเล่น ฉลามดุไม่ยอมลุกไปซะที เอาแต่นั่งข้างๆ ฉันจนกระทั่งฉันเห็นร่างบางของส้มหวานที่เดินบึ่งเข้ามาในประตูมหาลัย
“ส้ม... ส้มมาแล้วล่ะ” ฉันพูดกับเขา แล้วร่างสูงก็ยืดตัวมองตาม
“เห็นแล้ว” เขาตีหน้าเซ็ง ในขณะที่ทันทีที่มาถึงตัวส้มหวานก็เริ่มบ่นอุบ
“พี่หลาม! วันหน้าวันหลังอย่าลากนิ้งไปฉุกละหุกแบบนั้นอีกนะ อย่างน้อยก็บอกกันก่อน” เธอเอ็ดฉลามดุเป็นอย่างแรกยังกะสนิทกันมานาน แล้วเขาก็ทำหน้าตายใส่ “ยังจะมาทำหน้าแบบนั้นอีก รู้มั้ยว่าน้องตกใจแค่ไหนเนี่ย อยู่ดีๆ ก็ลากนิ้งออกไปเลย!”
“ก็พี่แค่อยากอยู่กับนิ้ง” เขาตอบสั้นๆ แต่กลับทำให้ฉันตัวแข็งทื่อได้อย่างไม่น่าเชื่อ “ทำไมทุกคนถึงมองพี่ผิดๆ แบบนั้นกันนักวะ”
“พี่...!” ส้มหวานตั้งท่าจะพูดอะไรสักอย่าง หากแต่ว่าฉลามดุกลับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเสียก่อน เขามองหน้าฉัน แล้วเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มพร้อมกับล้วงกระเป๋ากางเกงของตัวเอง
“เลิกเรียนแล้วโทรมาเบอร์ที่พี่โทรไปนะ” เขาตบบ่าของส้มหวานเบาๆ แล้วเดินออกไปโดยไม่หันมามองหน้าฉันเลย แล้วนั่นก็ทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่า...
“ผิดเหรอ... ที่ไม่มีสิทธิ์แต่หวงเธอเนี่ย”
“ทำไมทุกคนถึงมองพี่ผิดๆ แบบนั้นกันนักวะ”
เขาพูดเหมือนกำลังน้อยใจฉันเลย
จบคลาสแล้ว และฉันก็ได้แต่ยืนกระวนกระวายใจอยู่ข้างๆ ส้มหวาน
ให้ตายเถอะ ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขาสักหน่อย เจอกันไม่กี่วันเอง แถมอีกฝ่ายก็เอาแต่จะวู่วามใส่อยู่ท่าเดียว แล้วทำไมฉันจะต้องมากังวลเรื่องที่เขาทำท่าเหมือนน้อยใจฉันด้วยนะ
“ส้มโทรหาพี่หลามแปปนะนิ้ง” ส้มหวานหันมาพูดกับฉันที่บังเอิญหันมามองหน้าเธออย่างขออนุญาตโดยไม่รู้ว่าทำไม ฉันแสร้งทำเป็นไม่สนใจตอนเธอยกโทรศัพท์ขึ้นมา แต่ก็แอบเงี่ยหูฟังเสียงปลายสายเมื่อเธอเริ่มพูดเมื่อฝั่งนั้นรับสายแล้ว “ฮัลโหล พี่หลาม! เลิกเรียนแล้วนะ”
[เหรอ] ฉันได้ยินเสียงปลายสายตอบกลับมา มันชัดมากเพราะส้มหวานเปิดสปีกเกอร์โฟนต่อหน้าฉันเลยหลังจากเห็นว่าฉันเอียงหน้าไปทางโทรศัพท์ของเธอมากเกินไปหน่อย ทำเอาหน้ามานไปเลยเมื่อเห็นว่าเธอจับได้ว่าฉันแอบฟังอยู่
เปล่าสนใจสักหน่อย
“พี่จะพูดแค่นี้เหรอ” เธอถามปลายสายและเหลือบมองฉัน แล้วฉันก็ทำเมินหน้าหนีไปมองทางอื่น
[อ่า... รู้แล้วว่าเลิกเรียน]
“...”
[ฝากบอกนิ้งด้วยว่าวันนี้พี่ไม่ว่าง] ฉลามดุตัดสายไปในทันที ในขณะที่ฉันชะงักไป น้ำเสียงของเขาดูเรียบเฉยมากเลย จนกระทั่งส้มหวานเอาโทรศัพท์ออกแล้วเริ่มบ่น
“อะไรของพี่เค้าเนี่ย เสียมารยาทสุดๆ ตัดสายใส่ได้ยังไง” เธอทำหน้ามุ่ยตอนมองฉันที่นิ่งไป “งั้นเรากลับกันเถอะนิ้ง ดูพี่เค้าจะไม่ว่างนะ”
“อะ... อื้อ” ฉันพยักหน้าอย่างเก้ๆ กังๆ แล้วต่อมาก็โดนแรงจับจูงของส้มหวานให้เดินไปขึ้นสองแถวอีกฝั่งหนึ่ง ฉันถอนหายใจตอนขึ้นไปนั่ง แล้วก็ถอนหายใจอีกเมื่อยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู
เขาน้อยใจฉันเหรอ? หรือว่าเขาจะไม่จริงจังกับฉันกันแน่นะ
... ถ้าจะไม่มารับ ก็น่าจะส่งไลน์มาบอกกันบ้างสิ
“... อะ” ฉันสะดุ้งเมื่อเผลอคิดแบบนั้นออกไป เธอคิดอะไรอยู่นะคะนิ้ง เธอไม่ได้รอเขาสักหน่อย ตอนที่เรียนอยู่เธอแทบไม่นึกถึงเขาด้วยซ้ำ ถึงเขาจะมาหรือไม่มา จะจริงใจหรือไม่จริงใจเธอก็ไม่เห็นต้องไปสนใจเลยนี่
ใช่ ไม่เห็นจะต้องไปสนใจเลย
ฉันพยักหน้ากับตัวเอง เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีก
จนกระทั่ง...
ดึกแล้ว ท้องฟ้าเริ่มมืด แต่ก็ไม่มีเสียงโทรศัพท์สั่นเลยสักนิด
แต่ฉันไม่ได้กระวนกระวายใจเลยนะ ฉันนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือของส้มหวานที่เราจะผลัดกันมานั่งทำเวลามีงาน ในขณะที่ส้มเล่นโน้ตบุ๊คอยู่บนเตียง
ฉันเอาโทรศัพท์ไปวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงเลยล่ะ ถึงใครจะโทรมาฉันก็ไม่ได้ยิน...
“นิ้ง! พี่หลามโทรมา”
ฉันแทบจะหันไปทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่ต่อมาก็หันหน้าหนี แล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ระ... เหรอจ๊ะ ส้มรับให้หน่อยสิ”
“โอเค” เธอกดรับทันที ถึงแม้ว่าตอนแรกฉันอยากจะทิ้งไว้จนเขากดวางไปเอง แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนี้ “พี่หลามเหรอ! ส้มพูดนะ พอดีนิ้งอ่านหนังสืออยู่”
“...”
“อ้อ นิ้งไม่ว่าหรอก แค่อ่านทวนของวันนี้น่ะ ใกล้จะจบแล้ว ส้มแอบดูอยู่” ฉันตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินแบบนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฉลามดุคงคิดว่าฉันยุ่งอยู่เรื่องอ่านหนังสือ แต่ทว่า... “ฮะ? พี่อยู่หน้าหอเหรอ ยามไม่ให้เข้า?”
“...”
“โอเคๆ เดี๋ยวส้มบอกนิ้งให้”
ติ๊ด
ฉันได้ยินเสียงเธอวางสาย จนกระทั่งส้มหวานวางโทรศัพท์ฉันลงที่เดิมแล้วพูดขึ้น
“นิ้ง พี่หลามรออยู่หน้าหอเราอ่ะ นิ้งลงไปรับเขาขึ้นมาหน่อยสิ”
อะ... อะไรนะ
[พาร์ท : ฉลามดุ]“ใครต่อยท้องเมียมึง?”“ไอ้เหี้ยโช” ผมพูดชื่อมันตอนที่ขับรถไปรับไอ้เดี่ยวที่อู่เจ๊เพท หน้าผมตอนนี้มันตึงเครียดมากจนไอ้เดี่ยวไม่คิดที่จะกวนส้นอะไร มันเอารถใหญ่มา ผมเป็นคนขับ ในขณะที่ต่อมาเจ๊เพทจะขึ้นมานั่งด้วย“เด็กๆ ของอีอักใช่มั้ยวะ” เจ๊เพทถาม เธอดูแค้นแทนผมมาก “กูเล่นเอง ไอ้เด็กเวรนี่มันไม่คณามือหรอก”“กูเอาค้อนมา” ผมพูดสั้นๆ คิดไว้แล้วว่าจะเล่นมันยังไง“เฮ้ย เดี๋ยวก็ได้เข้าตารางไปเจอพ่อมึงอีกหรอก” ไอ้เดี่ยวปรามผมทันที แน่นอนว่ามันคงกลัวผมถูกจับขังดัดสันดานอีกเพราะมันรู้ว่าผมเวลาเอาจริงเป็นยังไง ผมยิ่งไม่ค่อยดีกับที่บ้าน ถ้าเจอเรื่องนี้อีกคงต่อไม่ติด“เออ อีหลาม ใจเย็นๆ ดีกว่านะ” เจ๊เพทก็คิดแบบนั้น เธอปรามผมเสียงเข้มขึ้นตอนที่ผมสตาร์ทรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว “เรื่องนี้ให้พวกกูจัดการเหอะ”แต่ผมไม่สน เพราะมันกล้าเข้ามาถึงในห้องนิ้ง กล้าต่อยเธอ แปลว่ามันต้องเตรียมใจไว้แล้วไม่พิการมันก็ต้องตาย ผมคิดได้แค่นี้ผมถามสายที่อยู่แถวๆ นั้น มันบอกว่าหลังจากไอ้โชออกไปจากหอพักของคะนิ้ง มันก็ไปนอนค้างบ้านแฟนมันแถวๆ รัชดาพิเษกผมไม่ทำอะไรผู้หญิงหรอก ไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้หน้าตัวเมี
[พาร์ท : ฉลามดุ]สมเพชตัวเองดีทำตัวอ่อนแอต่อหน้านิ้งเพื่ออะไร? ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันตอนนี้คนตัวเล็กหลับไปแล้ว เธอกอดผมเอาไว้แน่นจนผมไม่รู้ว่าเธออยากกอดผมจริงๆ หรือแค่ละเมอ ตอนแรกผมเจ็บที่เธอดูกลัวเรื่องที่ผมถาม มันทำให้ผมเคว้ง ผมไม่แน่ใจว่าควรบอกเรื่องนั้นดีมั้ย เพราะขนาดครอบครัวแท้ๆ ยังรับไม่ได้ แล้วคะนิ้งเป็นอะไรเธอไม่ใช่แฟนผมด้วยซ้ำ แล้วก็ไม่รู้ว่าเธอจะชอบผมรึเปล่าเอาเป็นว่าผมจะไม่คาดหวังอะไร ถ้าถึงวันนั้นอดีตของผมมันแตกแล้วเธอรับมันไม่ไหว เธออยากจะเดินออกไป ผมจะไม่รั้งเธอไว้ผมเข้าใจ ทำใจไว้แล้วผมมองหน้าร่างเล็กตอนที่กำลังหลับสนิท คะนิ้งน่ารัก เธอเป็นผู้หญิงที่ผมอยากดูแล เป็นผู้หญิงที่ผมรักมาก ผมไม่เคยอยากปกป้องผู้หญิงคนไหนมากเท่าเธอมันไม่สำคัญว่าผมรักนิ้งมานานแค่ไหน ผมแค่คิดว่าเธอใช่สำหรับผม นอกนั้นแม่งก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จำเป็นแล้วผมลูบแก้มของเธอเบาๆ แล้วตัดสินใจดึงมือของเธอออกแล้วผุดลุกออกไป ผมคิดว่าตัวเองควรจะจัดการอะไรให้มันจบ ผมไม่อยากมานั่งอึดอัดเพราะไอ้เรื่องบัดซบนี่ แล้วผมจะบอกนิ้งทุกอย่างเองว่าทำไมผมถึงถามคำถามนั้นตอนนั้นก็คงต้องรอดูว่าเธอจะรับได้มั้ยผมกดส่ง
ฉันตัวชาไปหมดเมื่อเขาถามออกมาแบบนั้น ชะงักมือที่จะเช็ดผมของเขาไว้ ฉลามดุไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา ฉันก็เลยไม่รู้ว่าเขากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่ ไม่รู้ว่าที่เขาพูดมันเรื่องจริงจังหรือแค่หยอกฉันเล่นกันแน่“ละ... ล้อเล่นเหรอ” ฉันพูดเสียงสั่น ผละมือออกในทันที ฉลามดุเงยหน้าขึ้นมองฉันที่มีท่าทีตื่นกลัว เขาชะงักไปนิดหน่อย ก่อนที่ต่อมาจะขบกรามแน่น“เออ ใช่ เราล้อเล่น” เขาพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะ ฉันก็เลยถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่กลับเห็นว่าแววตาของเขาที่มองฉันมันกลับดูเจ็บปวด“อย่าล้อเล่นเรื่องแบบนี้อีกนะ” ฉันเอ็ดเขา ในขณะที่ฉลามจะหัวเราะออกมาอีก แต่มันดูเหมือนเขาฝืนทำซะมากกว่า“โอเค ไม่ทำแล้ว” เขาพูด ในขณะที่ฉันพยักหน้าแล้วทำท่าจะเช็ดผมให้เขา แต่ฉลามดุกลับผละตัวออกมา เขาหันเสี้ยวหน้าด้านข้างให้ฉัน แล้วพูดสั้นๆ “ไม่ต้องเช็ดแล้วนิ้ง เดี๋ยวมันก็แห้งเอง”ฉันไม่รู้ว่าเขาพูดด้วยน้ำเสียงแบบนั้นทำไม ฉลามดุไม่มองหน้าฉันเลย เขาพิงศีรษะตัวเองลงกับพนักพิงด้านหลัง เงยหน้าขึ้นมองเพดานแล้วพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่นิ่งขึ้น “ไปนอนเหอะ เดี๋ยวเราจะนอนข้างนอก”“เป็นอะไรรึเปล่า” ฉันถามเขา แต่ฉลามดุไม่ตอบ เขาแค่หลับตาลง“แค่ง
ย้อนไปเมื่อไม่กี่วันก่อน“แกก็น่าจะรู้นะฉลาม พ่อไม่ได้มีแกเพื่อให้มาก่อเรื่องซ้ำๆ ซากๆ”“ผมก็บอกแล้วว่าแค่ป้องกันตัว มันหมาหมู่กับผม จะให้ทำไง?” ผมย้อนถามพ่อที่นั่งอยู่ตรงหน้าในชุดตำรวจเต็มยศ ห้องที่เรานั่งเผชิญหน้ากันคือห้องไว้สอบสวนคนร้าย ผมไม่คิดว่าพ่อจะเรียกผมมาคุยที่นี่ มันคือหลักฐานว่าไม่ว่ายังไงพ่อก็ยังคงมองผมเหมือนเดิมหกปีที่ผ่านมาพ่อไม่เคยไว้ใจผม ข้อนี้ผมรู้ดี“แกจำสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เหรอ ที่แก...”“มันผ่านไปแล้วพ่อ” ผมพูดแทรกขึ้นมาเพราะไม่อยากฟัง “ก็บอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ผมชดใช้ทุกอย่างแล้ว”“แต่แกฆ่าคนตายนะฉลาม แกเป็นลูกของตำรวจแท้ๆ เป็นบุตรสีกากี แต่แกทำตัวแบบนั้น... แกคิดว่ามันจะเป็นแผลในชีวิตพ่อบ้างมั้ย?”พ่อผมค่อนข้างเป็นคนใจเย็นมากกว่าแม่ของผม เขาพยายามแล้วที่จะระงับอารมณ์แล้วคุยกับผมดีๆ แต่ผมก็รู้ว่าสายตาที่พ่อมองผมมันไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิม... พ่อยังเห็นผมเป็นไอ้ลูกไม่รักดี เป็นฆาตกรฆ่าคนตายที่ทำให้ครอบครัวของเราถูกมองเสียๆ หายๆเพราะผมอยากให้พ่อแม่ยอมรับกับเรื่องบัดซบนี่ ผมเลยออกมาใช้ชีวิตคนเดียว เรียนอาชีวะ ซ่อมเครื่องยนต์ หาเงินส่งตัวเองเรียนโดยไม่ขอพ่อแม่สักบ
ผมหงุดหงิดเมื่อเปิดมาก็เห็นข้อความของพราวที่เด้งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อคืน รวมถึงที่เธอโทรมาหาผมทางไลน์เพราะผมเปลี่ยนเบอร์ใหม่หนีเธออีก ผมไม่ใช่คนใจดำกับผู้หญิง แต่บางครั้งอดีตที่เธอทำมันก็สอนให้ผมรู้ว่าต้องทำตัวยังไงกับพราวตอนที่เธอทิ้งผมไปหาไอ้อักระ ผมไม่แม้แต่จะรั้งทั้งๆ ที่เจ็บแทบตาย แต่พอเธอจะกลับมา ทำแบบนี้มันง่ายเกินไปมั้ยผมไม่ได้สนใจเธอแล้วผมรักนิ้งผมอ่านแต่ไม่ตอบ ถ้าเธอไม่คิดที่จะให้ไอ้อักระออกมาเคลียร์ก็ไม่มีเรื่องจำเป็นอะไรต้องพูดกันอยู่แล้ว เรื่องมันไว้เดี๋ยวผมจะจัดการเองผมถอนหายใจหนัก ในขณะที่เสียงไลน์ดังขึ้นอีกผมหยิบขึ้นมาดูอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อยากรู้ว่าพราวจะพิมพ์อะไรส่งมาอีก ถ้าจะขอโทษพร่ำเพรื่อผมจะบล็อกเธอซะแต่ข้อความที่ถูกส่งมาใหม่ของเธอกลับทำให้ผมขมวดคิ้วP’row : อยากเจอกูนักเหรอP’row : ที่ไหนดีล่ะผมแทบจะผุดลุกออกมาจากเตียงที่นอนอยู่ หายปวดหัวทันทีที่เห็นข้อความถูกส่งเข้ามาจากไลน์ของพราว แต่ผมรู้ว่าคนที่พิมพ์มาคือใครไม่ใช่พราวพี่หลามคนจริง : ที่เดิมไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมากถ้าเป็นมัน ทันทีที่ผมส่งข้อความกลับไป โทรศัพท์ของผมก็ขึ้นว่ามีสายเรียกเข้าไม
ฉันไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่อยู่ดีๆ น้ำตามันก็เอ่อคลออยู่ที่ดวงตาทั้งสองข้าง เพราะจู่ๆ เขาก็ทำให้ฉันคิดถึงตัวเองตอนยังเด็กในชีวิตของฉันมีแต่คนรายล้อมมากมาย มีแต่คนรักฉันไม่เว้นแม้แต่คนที่ไม่ใช่ครอบครัวที่แท้จริงของฉัน ถึงฉันจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ แต่ครอบครัวของพี่คะนองก็ต้อนรับฉันอย่างอบอุ่นเสมอแต่ไม่รู้ทำไม... ทุกครั้งฉันกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ตัวคนเดียวฉันรู้อยู่แก่ใจว่าถึงพวกเขาจะรักฉันยังไง... แต่ครอบครัวนั้นก็เป็นของพวกเขา ไม่ใช่ครอบครัวจริงๆ ของฉันสักหน่อยคุณแม่ทิ้งฉันไปตั้งแต่จำความได้ ในชีวิตของฉันมีแค่คุณพ่อที่แสนดีและอบอุ่น ฉันรักท่านมาก เรามีความทรงจำดีๆ ร่วมกันหลายเรื่อง... จนท่านจากไปฉันก็แค่คิดถึงท่าน ฉันก็แค่อยากกลับไปอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ พร้อมกับคุณพ่อเท่านั้นเอง“ฮึก... ฮือ” ฉลามดุเกลี่ยน้ำตาของฉันออกทันทีที่เห็นว่าฉันร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ฉันเอามือทั้งสองข้างมาปิดหน้าไว้ ฉันไม่อยากให้เขาเห็นเลย“นิ้ง” ฉันได้ยินว่าเขาเรียกชื่อฉัน แต่ฉันกลับหยุดร้องไห้ไม่ได้ ฉันปล่อยโฮออกมาแล้วสะอึกสะอื้นเป็นเด็กๆ เอาหลังมือเช็ดน้ำตาจนแสบหน้าไปหมด ในขณะที่ต่อมาจะถูก