ผมโมโหมาก ตั้งแต่เริ่มแดกยันจ่ายเงิน
จนตอนนี้ผมขับรถมาส่งนิ้งที่หน้ามหาลัยก็ยังหงุดหงิดไม่หาย นี่ถ้าไอ้เด็กเสิร์ฟนั่นมันทำมากกว่านั้นนะผมจะไม่ทำอะไรมันหรอก เชื่อดิ แต่จะพังร้านแม่งเลย
คะนิ้งยังมีท่าทางงุนงงไม่หาย ตอนที่เธอลงจากรถแล้วส่งหมวกกันน็อคให้ผม ผมพยายามแล้วที่จะไม่หงุดหงิดใส่เธอ แต่ก็เผลอกระชากหมวกกันน็อคมาอย่างรุนแรงนิดหน่อย นิ้งเซไปนิดๆ แล้วผมก็คว้าเอวเธอไว้อย่างเพิ่งรู้สึกตัว
“เฮ้ย ขอโทษ” เธอทำหน้าเหวอ ส่วนผมก็ได้แต่ขยี้หัวแรงๆ ในขณะที่จะผละมือออกเมื่อเธอทรงตัวได้แล้วร่างเล็กก็ดันมือผมออก “เราโทรไปหาส้มหวานอะไรนั่นของเธอแล้วนะ เดี๋ยวเพื่อนเธอจะตามมาทีหลัง”
ใช่ เพราะโทรศัพท์ของคะนิ้งแบตหมดผมก็เลยอาสาจะโทรหาเพื่อนเธอให้ ถึงแม้ตอนแรกเธอจะมีท่าทีไม่เต็มใจ แต่สุดท้ายเธอก็ไม่มีทางเลือกเลยให้ผมโทรให้อยู่ดี
ถึงผมจะหงุดหงิด แต่เธอก็คือที่หนึ่งในใจผมนะรู้ตัวไว้ซะด้วย
“อะ... โอเค” เธอพยักหน้า “งั้นหนูไปแล้วนะคะ ขอบคุณที่เลี้ยงก๋วยเตี๋ยวค่ะ”
เธอพูดขอบคุณเสร็จก็พร้อมจะหมุนตัวหนีเข้ารั้วมหาลัย แล้ววินาทีนั้นผมก็เห็นว่าผู้ชายที่เดินเข้าออกประตูหน้ามหาลัยเอาแต่มองตัวเล็กๆ ที่สมส่วนของคะนิ้งแบบไม่วางตา ก็เธอสวยแถมยังน่ารัก ความหงุดหงิดของผมก็เลยยิ่งเพิ่มขึ้นไปแบบทวีคูณ
“เดี๋ยว” และพอคิดได้แบบนั้นผมก็คว้าแขนเธอให้คะนิ้งหันมาเผชิญหน้าด้วย เธอเบิกตากว้าง ในขณะที่ผมจะกุมมือเธอไว้แน่น “เราเข้าไปรอด้วยได้มั้ยวะ?”
“หะ... หา”
“เราไม่อยากให้เธอนั่งคนเดียว ผู้ชายไม่น่าไว้ใจเยอะแยะ” ผมตัดสินใจที่จะพูดออกมาด้วยเจตนาตรงๆ ในขณะที่เลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้คะนิ้งที่แทบผงะหนี “พูดง่ายๆ คือเราหวงเธอ”
“...!”
“เราไม่อยากให้ใครจีบเธอทั้งนั้นอ่ะ แค่มองก็ไม่ชอบ”
“...”
“ให้เราไปเฝ้าเธอได้มั้ยวะ เดี๋ยวเย็นนี้เราไปส่งที่หอ สัญญาว่าจะไม่ทำอะไร”
“...”
“สาบานเลยก็ได้”
ผมก็แค่อยากอยู่ใกล้ๆ เธอแค่นั้นว่ะ เอาจริงๆ
[จบพาร์ท : ฉลามดุ]
สุดท้ายฉันก็เลยต้องจำใจให้ฉลามดุมานั่งรอส้มหวานด้วยกัน
ถึงแม้ว่าฉันจะแอบกลัวๆ อยู่บ้าง แต่ฉันเป็นคนไว้ใจคนง่าย ดูแล้วฉลามดุก็แค่ใจร้อนแต่เขาก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร ฉันก็เลยพอจะคลายความกลัวลงได้บ้างนิดหน่อย
แต่... แต่ฉันก็ยังไม่ได้ชอบเขาหรอกนะ
“นิ้งนี่เนื้อหอมว่ะ” ฉันสะดุ้งเมื่อนั่งอยู่ด้วยกันดีๆ ฉลามดุก็โพล่งขึ้นมา นานแล้วที่เขาจอดรถแล้วเดินลากฉันเข้ามานั่งด้วยกันที่ม้าหินอ่อนหน้ามหาลัย มีแต่คนมองมาทางนี้ทั้งนั้น เขาก็เลยพูดมันขึ้นมาด้วยสีหน้าหงุดหงิดแบบนี้
“นะ... เนื้อหอม?” ว่าแต่... เขาพูดอะไรอ่ะ เนื้อหอมเหรอ ฉันเนื้อหอมตรงไหน? “ไม่เห็นเนื้อหอมเลย”
“นี่ไม่รู้ตัวเลยเหรอ” เขาหันมาทำสีหน้าไม่พอใจใส่ฉัน แล้วอยู่ๆ ก็ชี้ไปรอบๆ จนคนที่มองเราอยู่ต้องชะงัก “ก็เห็นอยู่ว่าพวกผู้ชายมองแต่เธอ”
“...”
“เราหงุดหงิดจะตายอยู่แล้วเนี่ย” เขาเลื่อนมือข้างนั้นมากอดอก ฉันก็เลยอึดอัดจนไม่รู้จะพูดอะไร ก็เขาอาจจะแค่มองมาทางนี้เฉยๆ ก็ได้นี่นา ก็ฉลามดุน่ะสะดุดตาคนจะตาย ดูเขาเถื่อนๆ แบบนี้แต่เขาก็หน้าตาดีนะ “เธอช่วยน่ารักน้อยลงหน่อยได้ปะ”
“...”
“ช่วยทำตัวให้น่ารักน้อยลงหน่อย คนมอง ไม่ชอบ”
ละ... แล้วจะให้ฉันทำยังไง นี่เขาพูดอะไรเนี่ย
“... ไม่เข้าใจที่คุณพูดเลย”
“ก็เธอน่ารักไง ไม่รู้เหรอ... คนอื่นเขาก็มองเธอไง มองแบบที่เรามองอ่ะ เราไม่ชอบ โคตรไม่ชอบ” ฉันทำสีหน้าตกใจเมื่อเขาพูดยืดยาวใส่ แล้วสีหน้าของฉลามดุก็ดูจะฉุนจัดเอามากๆ “บอกแล้วไงว่าเราหวง ไม่ได้เป็นอะไรก็หวง เข้าใจยัง”
อะ โอ้ย
“ขะ... เข้าใจก็ได้” ฉันแทบจะเบะหน้าอยู่ตรงนั้นเพราะพูดอะไรไม่ออก เขาพูดตรงเกินไปแล้วนะ ฉันทำตัวไม่ถูกอีกแล้วเพราะคำพูดของเขาเนี่ย “เค้าอาจจะมองเฉยๆ ก็ได้นะ ก็คุณ...”
“อะไร”
“ก็คุณ... ก็ไม่ได้แย่ ผู้หญิงก็มองคุณเหมือนกัน... นะ” ท้ายประโยคเสียงฉันเบาลงเพราะจู่ๆ ฉลามดุก็คว้าหมับเข้าที่ต้นแขน แล้วดึงให้เข้ามาใกล้ๆ จนใบหน้าของเขาอยู่ใกล้ปลายจมูกของฉันมาก แล้วร่างสูงก็เริ่มกระซิบ
“หึงเหรอ” ฉันเบิกตากว้างสุดๆ ในขณะที่จะมองไปทางอื่นอย่างเลิ่กลั่ก คนอื่นเค้ามองมาที่เรากันหมดแล้วนะ
“มะ... ไม่ได้หึง”
“แล้วพูดทำไมว่าผู้หญิงมองเยอะ” ฉันทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อเขาถามออกมาตรงๆ อย่างไม่คิดจะปล่อยคำถามทิ้งง่ายๆ ฉันอ้าปากจะตอบ แต่ต่อมาก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาทางที่นั่งของเราทั้งคู่จนฉันต้องเม้มปากเข้าหากันอย่างตกใจ
เธอเป็นผู้หญิงที่ดูสวยน่ารักมากคนหนึ่ง ฉันจำได้ลางๆ ว่าเธอเป็นดาวคณะนิเทศน์ แต่เธอไม่ได้สนิทกับฉันนี่ เราแทบไม่ได้คุยกันด้วยซ้ำ
“ดีจ้ะ” เธอมองฉลามดุสลับกับฉันแล้วคลี่ยิ้ม
“เอ่อ... ค่ะ” ฉันทำหน้าตื่นเมื่อเธอหันมาทักทายอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่ร่างบางจะหันไปอีกฝั่ง เหมือนเธอไม่ได้จงใจจะทักฉันตั้งแต่แรกแล้ว
“ชื่อไรเหรอ” แล้วพูดกับผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉัน วินาทีนั้นเขาคลายมือออก ส่วนฉันก็ดันตัวเองออกไปแล้วนั่งหันหน้าไปอีกทาง ไม่รู้ว่าเขาทำสีหน้าแบบไหน แต่ที่รู้ๆ ก็คือฉลามดุไม่ยอมตอบผู้หญิงคนนั้นกลับไปเลยจนเธอต้องถามย้ำ “นี่ นายอ่ะชื่อไร”
“ฉลามดุ” ฉันได้ยินเสียงเขาตอบสั้นๆ แล้วอยู่ดีๆ ก็รู้สึกแย่ขึ้นมา
ความจริงเขาจีบฉันอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงยอมตอบง่ายๆ เลยล่ะ หรือว่าที่เขาจีบฉันอยู่ฉลามดุจะไม่ได้จริงจังกันนะ
แต่ไม่รู้จะคิดเห็นแก่ได้แบบนั้นไปทำไม ยังไงสถานะเราก็เป็นแค่คนรู้จัก อีกอย่างฉันก็กลัวเขามาก ถ้าเขาจะไปคบกับใครคุยกับใคร มันก็ดีไม่ใช่เหรอ
“มีไลน์มั้ย เบอร์ก็ได้ เราชอบลุคนายอ่ะ” ฉันถึงกับเหวอเมื่อเธอพูดออกมาได้ตรงมาก ไม่คิดว่าจะพูดตรงขนาดนี้ แล้วก็ไม่คิดด้วยว่าดาวคณะจะชอบผู้ชายประมาณนี้ จนต้องหันกลับไปมองเธอที่ตอนนี้ก็หันมาจ้องหน้าฉันอยู่เหมือนกัน
ฉันหันไปมองคนตัวสูงข้างตัว แล้วก็เห็นว่าเขากำลังเลิกคิ้ว
“ชอบเหรอ?” เขาทวน “ชอบตรงไหน หน้า? หรือที่สัก?”
“ทุกอย่าง” เธอหันมาตอบเขาในทันที ส่วนฉันก็ตั้งท่าจะลุกหนีออกไปเพราะรู้สึกว่าตัวเองจะค่อนข้างเป็นส่วนเกินในบทสนทนานี้ไปแล้ว
หมับ
แต่ว่า
ฉลามดุกลับคว้าเอวของฉันไว้แล้วดึงให้นั่งลงข้างๆ เขาไหล่ชิดไหล่อย่างทันท่วงที ในขณะที่จะกอดเอวฉันเอาไว้แนบอกท่ามกลางสายตาของทุกคนที่มองมา หรือแม้แต่ผู้หญิงที่ยืนขอเบอร์เขาอยู่ตรงหน้าด้วย
แล้วร่างสูงก็ทำให้ฉันแทบลืมหายใจด้วยประโยคนี้
“แต่เรามีแฟนแล้ว แฟนเราขี้หึงมากด้วย ขอโทษนะ”
ฉันว่าฉันคิดดีแล้วล่ะเพราะหลังจากที่ฉันโทรไปบอกฉลามดุว่าจะเป็นแฟนกับเขา ฉลามก็ตัดสายใส่ทันทีเลย ฉันเองก็เขินจนไม่กล้าคุยต่อแล้วเหมือนกัน มันยากนะที่ต้องขอใครสักคนเป็นแฟนก่อนแบบนี้ ยิ่งกับอีกฝ่ายที่เป็นคนแบบเขาด้วยฉันไม่เคยพูด ไม่เคยคบกับใคร ก็เลยอายจนต้องซุกหน้าลงกับหมอนที่ตัวเองกอดอยู่แบบนั้นส้มหลับไปแล้ว เธอเพิ่งได้กลับมาค้างที่ห้องก็วันนี้ แต่เพราะทำกิจกรรมมาหนักก็เลยหลับไปตั้งแต่หัวค่ำ ประตูห้องปิดอยู่ ส่วนฉันก็นั่งอยู่ที่โซฟาข้างนอกห้อง ที่ฉันเงียบไปไม่ยอมคุยกับเขาก็เพราะตอนที่ไปเที่ยวกับเขาฉันมีความสุขมากจนเก็บอาการไม่อยู่แล้ว ฉันชอบฉลามดุ แล้วก็ชอบมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยฉันนั่งทำใจให้หายเขินอยู่นานมาก จนประตูห้องเหมือนถูกใครเคาะ เสียงค่อนข้างดังก็อกๆๆ!ฉันชะงักไป สงสัยนิดหน่อยว่าเป็นใคร ตอนเปิดประตูออกไปตัวก็แทบจะถลาไปด้านหลังเพราะถูกคนๆ นั้นโถมตัวเข้ามาหาทันทีฉันรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ท่วมตัวเขา ใจเต้นขึ้นมาทันทีพอเห็นว่าเป็นเสื้อยืดที่คุ้นเคย พอเขาผละออก ฉันก็ตกใจที่เห็นว่าเป็นฉลามเขา...“พูดจริงเหรอนิ้ง!” เขาผละออกมาแล้วคว้าไหล่ฉันมาเขย่าทันที ฉันเอ๋อไป ก็พอรู้อยู่นะว่าฉลาม
[พาร์ท : ฉลามดุ] “ฉลาม นิ้งอยากกินไอติม” ผมชะงักเมื่อได้ยินเสียงหวานๆ ของนิ้งดังขึ้นตอนที่เดินดูอะไรเล่นๆ ไปเรื่อยหลังจากกินอะไรเสร็จ ตอนแรกเธอบอกไม่อยากได้ถึงผมบอกว่าอยากจะซื้อให้เธอแค่ไหน ตอนที่เดินดูก็ทำเป็นไม่มองอะไร ผมก็รู้ว่าเธอขี้เกรงใจนะ แต่แล้วไง? ผมเลี้ยงเธอได้หมดอ่ะ แค่ออกปากขอ “ไอติม?” ผมเลิกคิ้วมองเธอที่เดินนำผมไปใต้ร่มร้านไอติมโบราณข้างหน้า คะนิ้งทำสีหน้าสดใสแบบที่ผมไม่ค่อยเห็น ผมก็เลยก้มหัวเข้าไปใต้ร่มบ้าง แต่เพราะตัวสูงถ้ายืดตัวหัวแม่งก็จะชนร่มผมก็เลยก้มตัวไปเกยคางไว้ที่ไหล่เธอแทน “เอาอันไหน” “เอากะทิได้มั้ย?” ร่างเล็กเอี้ยวตัวมาขออนุญาตจากผมทางสายตา ผมหัวเราะ มีหันมาขอจากผมด้วย น่ารักว่ะ “สั่งดิ” “นิ้งขอกะทิอันนึงนะคะ” เธอคลี่ยิ้มหวานให้ผมแล้วหันไปสั่งทันที ผมเหลือบมองเธอจากทางด้านข้าง พอป้าที่ขายคิดเงินผมก็ชิงจ่ายให้เธอก่อน คะนิ้งชะงักไป เธอหันมาหาผมเหมือนเก้อๆ ตอนที่เดินออกมา “อะ... ขอบคุณนะ” “เล็กน้อย” ผมยักไหล่ มากกว่านี้ผมก็ซื้อให้ได้ “ไปดูอย่างอื่นเหอะ” “อื้อ” คะนิ้งพยักหน้าแล้วก็เริ่มกินไอติมเหมือนเด็ก ผมมองเธออย่างเอ็นดู ก่อนที่จะยกแขนขึ้นพาดคอเธอดึงให
“ก็ดูแม่งพูดดิ ไม่ให้เราโมโหได้ไง”ฉันยืนกอดอกหลวมๆ อยู่ตรงหน้าเขา ตอนนี้เราขับมาถึงเยาวราชแล้ว ฉันทนเก็บความไม่พอใจที่เขาไปหาเรื่องนักศึกษาสองคนนั้นไว้ตลอดทาง แต่พอมาถึงแล้วลงจากรถ ฉันแค่พูดออกมาคำเดียว ฉลามก็มีท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงทันที“แต่ฉลามก็ไม่ควรไปหาเรื่องเขานี่” ฉันปรามเขา เพราะคิดว่านิสัยคิดแล้วจะบวกอย่างเดียวของเขานั่นแหละที่เป็นปัญหาสุดๆ ในตอนนี้ แล้วร่างสูงก็ทำสีหน้าหงุดหงิด“ทำไม ปกป้องมันว่างั้น?” ฉันเหวอจนต้องคลายมือที่กอดอกลง นะ... นี่เขาเอาอะไรมาพูดเนี่ย “สงสัยผู้หญิงแม่งจะชอบจริงๆ ไอ้พวกผู้ชายสำอางค์ๆ งั้นอ่ะ”“อะ... อะไรนะ”“นิ้งก็ชอบอ่ะดิ ดูโกรธเราจัง” ฉันอ้าปากค้าง พูดไม่ออกเมื่อเขาพูดแทรกขึ้นมาทุกประโยค แถมยังมองฉันแบบผิดๆ อีก “เราจะบอกไรให้นะ ไอ้พวกนั้นอ่ะ พอบทหน้าสิ่วหน้าขวานมาไม่มีใครช่วยเธอได้สักคนหรอก”“...”“อย่างมากก็คง พี่ ผมไม่ได้ตั้งใจ เหมือนเมื่อกี้ที่พูดกับเราไง” ฉันมองฉลามอย่างจนใจ ไม่รู้จะพูดกลับไปยังไงดี ฉันก็แค่จะเตือนเขาเฉยๆ ว่าผู้ชายสองคนนั้นไม่ได้จะทำอะไรเราเลย อยู่ดีๆ ก็ไปหาเรื่องจะต่อยเขามันไม่ดีนะ แต่ก็ดูเขาสิ “พวกขี้แพ้ก็งี้”“ฉลาม” ฉันป
ฉลามยืนอยู่ตรงหน้าฉันพอมองเลยตัวใหญ่ๆ ของเขาไปก็เห็นรถมอเตอร์ไซค์ที่คุ้นเคย ฉันยังอึ้งอยู่ก็เลยได้แต่มองเขาตาปริบๆ จนร่างสูงโอบเอวฉันดึงให้เข้ามาหาด้วยแขนข้างที่ไม่ได้ดามเฝือกเอาไว้นักศึกษาที่เดินผ่านไปผ่านมาหน้าประตูมหาลัยต่างก็มองมาที่เราอย่างสนใจ เพราะผ้าพันแผลที่ศีรษะ ผ้าก็อซ และที่ดามแขนของฉลามดุมันสะดุดตาทุกคนมาก และหลังจากที่ฉันรู้สึกตัว ฉันก็พยายามดันเขาออกทันที“มะ... มาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย” คนตัวโตทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนที่จะตอบหน้าตาย“หนีมาหา” เขาพูดอย่างไม่สำนึกแล้วเกยคางไว้ที่ศีรษะของฉัน “คิดถึงนิ้งไง”“ปล่อยเลย” ฉันทำหน้ามุ่ย แล้วตีแขนเขาข้างที่ไม่เจ็บ “หนีออกมาทำไม ยังไม่หายดีเลยนะ แถมยังให้พี่เพทายมาจ่ายค่ารักษาให้อีก ทำไมถึงชอบทำให้คนอื่นเดือดร้อนอยู่เรื่อยเลย”ฉลามดุทำหน้าเบ้ เขาคว้าข้อมือฉันแล้วทำตัวเหมือนเด็กที่กำลังถูกดุ“บ่นเราอีกล่ะ” แล้วต่อมาก็เปลี่ยนมาทำสีหน้ากรุ้มกริ่ม “เป็นห่วงอ่ะดิ”“ก็ต้องเป็นห่วงสิ” ฉันตอบไปตามความจริง อีกฝ่ายชะงักไป ฉันถึงได้รู้สึกตัวว่าตัวเองชักจะเปิดเผยความรู้สึกมากเกินไปแล้ว ก็เลยทำกระแอมกระไอแล้วแก้ตัว “ไม่ใช่แค่เรานะ พี่เพทายก็เ
ตอนนี้ก็ผ่านมาสามวันแล้วที่ฉันมาเยี่ยมเขาวันนี้ฉันอยู่ที่มหาลัย ทุกครั้งที่ฉันอยู่ที่นี่ฉลามจะชอบโทรมาตามว่าอยู่ไหน เขาอยากให้ไปหาที่โรงพยาบาล อยู่คนเดียวมันเหงา ฉันเองพอโดนเขารบเร้ามากๆ เข้าก็ใจอ่อนชอบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลทุกที แล้วฉันก็คิดว่าความสัมพันธ์ของเรามันลงตัวมากขึ้นกว่าเดิมแล้วนะ จากที่ตอนแรกฉันยังกลัวเขาอยู่ แต่พอเปิดใจรับเขา ฉันก็คิดว่าทุกอย่างมันดีขึ้นมากๆ เลยจะว่าไปแล้วฉันยังไม่ได้ให้คำตอบเลยว่าจะเป็นแฟนกับเขารึเปล่า นั่งคิดนอนคิดมาหลายวันแล้วล่ะ ฉันคิดว่าฉันยังมีความสุขที่ระหว่างเรามันเป็นแบบนี้ แต่มันก็ต้องคืบหน้าบ้างล่ะเนอะแต่เพราะฉันยังไม่เคยมีแฟน แล้วฉันก็ยังไม่ชินกับการที่จะต้องเป็นแฟนใคร มันก็เลย... ลำบากใจนิดหน่อยแฮะครืด ครืดฉันสะดุ้งเมื่อเปิดหนังสืออ่านแล้วก็นั่งคิดอะไรอยู่คนเดียวไม่ทันไรโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ ตัวก็มีสายเรียกเข้า พอเปิดขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นฉลามคนเดียวคนเดิม ฉันคลี่ยิ้ม คงจะโทรมาตามฉันอีกแล้วล่ะมั้ง“ฮัลโหล” ฉันกดรับแล้วทักปลายสายทันที ก่อนที่ต่อมาจะได้ยินเสียงโอดครวญดังลอดเข้ามา[นิ้ง คิดถึงว่ะ] ฉันเขินที่เขาพูดออกมาตรงๆ ถึงจะได้ย
“พูดแล้วนะ” ผมพูดชิดกับใบหน้าของเธอ ตอนนี้คะนิ้งอยู่ในอ้อมกอดของผม “พูดแล้วนะว่าจะเป็นแฟนเรา”“...”“เราให้เวลาเธอคิดได้ทั้งชีวิตอ่ะ แค่เธออย่าทิ้งเราก็พอ” ผมพูดแล้วยิ้มแฉ่ง คะนิ้งมองหน้าผม อยู่ดีๆ เธอก็หลุดยิ้มออกมา แล้วพยักหน้ารับตอนนั้นแหละ ผมรู้สึกเหมือนได้ตายแล้วเกิดใหม่เลยว่ะ“เราไม่ทิ้งฉลามหรอก” เธอพูดแค่นั้น แล้วซุกใบหน้าลงกับอกผมเหมือนเขิน ผมแม่ง... อารมณ์เหมือนถูกหวยสักสิบล้านอ่ะ ผมกอดเธอเอาไว้แน่น ยิ่งนิ้งยอมนั่งนิ่งๆ ให้ผมกอดไม่ขัดขืนนี่ผมแบบ... อธิบายไม่ถูกว่ะ มีความสุขโคตรตายตาหลับแล้วกูวันนี้“นิ้ง เราแม่งโคตรรักเธอเลยอ่ะ” ผมพูดอย่างตื้นตัน ชีวิตผมมาถึงจุดที่ผมคิดว่ามันโอเคแล้ว ตอนที่ผมเริ่มตามจีบเธอผมคิดถึงแต่เรื่องของนิ้ง ในหัวของผมไม่เคยมีเรื่องใครอยู่ในหัวเลย จะเรียกว่ารักเธอชิบหายหรือหลงหัวปักหัวปำก็คงคล้ายๆ กันมั้งคอยดู ถ้าวันไหนนิ้งยอมตกลงคบกับผมนะ ผมแม่งจะปิดซอยเลี้ยงฉลองเจ็ดวันเจ็ดคืน แดกให้สุด ไม่เมาไม่เลิก แดกให้ตาย คาอกเธอได้เลยยิ่งดี“อื้อ ปะ... ปล่อยได้แล้ว” ดูเหมือนนิ้งจะเขิน เธอดันผมออก แต่ผมกลับทำหน้าเสียดายใส่เธอ ก็เลยโดนตีที่แขนข้างที่เจ็บเบาๆ นิ้ง