ผมโมโหมาก ตั้งแต่เริ่มแดกยันจ่ายเงิน
จนตอนนี้ผมขับรถมาส่งนิ้งที่หน้ามหาลัยก็ยังหงุดหงิดไม่หาย นี่ถ้าไอ้เด็กเสิร์ฟนั่นมันทำมากกว่านั้นนะผมจะไม่ทำอะไรมันหรอก เชื่อดิ แต่จะพังร้านแม่งเลย
คะนิ้งยังมีท่าทางงุนงงไม่หาย ตอนที่เธอลงจากรถแล้วส่งหมวกกันน็อคให้ผม ผมพยายามแล้วที่จะไม่หงุดหงิดใส่เธอ แต่ก็เผลอกระชากหมวกกันน็อคมาอย่างรุนแรงนิดหน่อย นิ้งเซไปนิดๆ แล้วผมก็คว้าเอวเธอไว้อย่างเพิ่งรู้สึกตัว
“เฮ้ย ขอโทษ” เธอทำหน้าเหวอ ส่วนผมก็ได้แต่ขยี้หัวแรงๆ ในขณะที่จะผละมือออกเมื่อเธอทรงตัวได้แล้วร่างเล็กก็ดันมือผมออก “เราโทรไปหาส้มหวานอะไรนั่นของเธอแล้วนะ เดี๋ยวเพื่อนเธอจะตามมาทีหลัง”
ใช่ เพราะโทรศัพท์ของคะนิ้งแบตหมดผมก็เลยอาสาจะโทรหาเพื่อนเธอให้ ถึงแม้ตอนแรกเธอจะมีท่าทีไม่เต็มใจ แต่สุดท้ายเธอก็ไม่มีทางเลือกเลยให้ผมโทรให้อยู่ดี
ถึงผมจะหงุดหงิด แต่เธอก็คือที่หนึ่งในใจผมนะรู้ตัวไว้ซะด้วย
“อะ... โอเค” เธอพยักหน้า “งั้นหนูไปแล้วนะคะ ขอบคุณที่เลี้ยงก๋วยเตี๋ยวค่ะ”
เธอพูดขอบคุณเสร็จก็พร้อมจะหมุนตัวหนีเข้ารั้วมหาลัย แล้ววินาทีนั้นผมก็เห็นว่าผู้ชายที่เดินเข้าออกประตูหน้ามหาลัยเอาแต่มองตัวเล็กๆ ที่สมส่วนของคะนิ้งแบบไม่วางตา ก็เธอสวยแถมยังน่ารัก ความหงุดหงิดของผมก็เลยยิ่งเพิ่มขึ้นไปแบบทวีคูณ
“เดี๋ยว” และพอคิดได้แบบนั้นผมก็คว้าแขนเธอให้คะนิ้งหันมาเผชิญหน้าด้วย เธอเบิกตากว้าง ในขณะที่ผมจะกุมมือเธอไว้แน่น “เราเข้าไปรอด้วยได้มั้ยวะ?”
“หะ... หา”
“เราไม่อยากให้เธอนั่งคนเดียว ผู้ชายไม่น่าไว้ใจเยอะแยะ” ผมตัดสินใจที่จะพูดออกมาด้วยเจตนาตรงๆ ในขณะที่เลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้คะนิ้งที่แทบผงะหนี “พูดง่ายๆ คือเราหวงเธอ”
“...!”
“เราไม่อยากให้ใครจีบเธอทั้งนั้นอ่ะ แค่มองก็ไม่ชอบ”
“...”
“ให้เราไปเฝ้าเธอได้มั้ยวะ เดี๋ยวเย็นนี้เราไปส่งที่หอ สัญญาว่าจะไม่ทำอะไร”
“...”
“สาบานเลยก็ได้”
ผมก็แค่อยากอยู่ใกล้ๆ เธอแค่นั้นว่ะ เอาจริงๆ
[จบพาร์ท : ฉลามดุ]
สุดท้ายฉันก็เลยต้องจำใจให้ฉลามดุมานั่งรอส้มหวานด้วยกัน
ถึงแม้ว่าฉันจะแอบกลัวๆ อยู่บ้าง แต่ฉันเป็นคนไว้ใจคนง่าย ดูแล้วฉลามดุก็แค่ใจร้อนแต่เขาก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร ฉันก็เลยพอจะคลายความกลัวลงได้บ้างนิดหน่อย
แต่... แต่ฉันก็ยังไม่ได้ชอบเขาหรอกนะ
“นิ้งนี่เนื้อหอมว่ะ” ฉันสะดุ้งเมื่อนั่งอยู่ด้วยกันดีๆ ฉลามดุก็โพล่งขึ้นมา นานแล้วที่เขาจอดรถแล้วเดินลากฉันเข้ามานั่งด้วยกันที่ม้าหินอ่อนหน้ามหาลัย มีแต่คนมองมาทางนี้ทั้งนั้น เขาก็เลยพูดมันขึ้นมาด้วยสีหน้าหงุดหงิดแบบนี้
“นะ... เนื้อหอม?” ว่าแต่... เขาพูดอะไรอ่ะ เนื้อหอมเหรอ ฉันเนื้อหอมตรงไหน? “ไม่เห็นเนื้อหอมเลย”
“นี่ไม่รู้ตัวเลยเหรอ” เขาหันมาทำสีหน้าไม่พอใจใส่ฉัน แล้วอยู่ๆ ก็ชี้ไปรอบๆ จนคนที่มองเราอยู่ต้องชะงัก “ก็เห็นอยู่ว่าพวกผู้ชายมองแต่เธอ”
“...”
“เราหงุดหงิดจะตายอยู่แล้วเนี่ย” เขาเลื่อนมือข้างนั้นมากอดอก ฉันก็เลยอึดอัดจนไม่รู้จะพูดอะไร ก็เขาอาจจะแค่มองมาทางนี้เฉยๆ ก็ได้นี่นา ก็ฉลามดุน่ะสะดุดตาคนจะตาย ดูเขาเถื่อนๆ แบบนี้แต่เขาก็หน้าตาดีนะ “เธอช่วยน่ารักน้อยลงหน่อยได้ปะ”
“...”
“ช่วยทำตัวให้น่ารักน้อยลงหน่อย คนมอง ไม่ชอบ”
ละ... แล้วจะให้ฉันทำยังไง นี่เขาพูดอะไรเนี่ย
“... ไม่เข้าใจที่คุณพูดเลย”
“ก็เธอน่ารักไง ไม่รู้เหรอ... คนอื่นเขาก็มองเธอไง มองแบบที่เรามองอ่ะ เราไม่ชอบ โคตรไม่ชอบ” ฉันทำสีหน้าตกใจเมื่อเขาพูดยืดยาวใส่ แล้วสีหน้าของฉลามดุก็ดูจะฉุนจัดเอามากๆ “บอกแล้วไงว่าเราหวง ไม่ได้เป็นอะไรก็หวง เข้าใจยัง”
อะ โอ้ย
“ขะ... เข้าใจก็ได้” ฉันแทบจะเบะหน้าอยู่ตรงนั้นเพราะพูดอะไรไม่ออก เขาพูดตรงเกินไปแล้วนะ ฉันทำตัวไม่ถูกอีกแล้วเพราะคำพูดของเขาเนี่ย “เค้าอาจจะมองเฉยๆ ก็ได้นะ ก็คุณ...”
“อะไร”
“ก็คุณ... ก็ไม่ได้แย่ ผู้หญิงก็มองคุณเหมือนกัน... นะ” ท้ายประโยคเสียงฉันเบาลงเพราะจู่ๆ ฉลามดุก็คว้าหมับเข้าที่ต้นแขน แล้วดึงให้เข้ามาใกล้ๆ จนใบหน้าของเขาอยู่ใกล้ปลายจมูกของฉันมาก แล้วร่างสูงก็เริ่มกระซิบ
“หึงเหรอ” ฉันเบิกตากว้างสุดๆ ในขณะที่จะมองไปทางอื่นอย่างเลิ่กลั่ก คนอื่นเค้ามองมาที่เรากันหมดแล้วนะ
“มะ... ไม่ได้หึง”
“แล้วพูดทำไมว่าผู้หญิงมองเยอะ” ฉันทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อเขาถามออกมาตรงๆ อย่างไม่คิดจะปล่อยคำถามทิ้งง่ายๆ ฉันอ้าปากจะตอบ แต่ต่อมาก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาทางที่นั่งของเราทั้งคู่จนฉันต้องเม้มปากเข้าหากันอย่างตกใจ
เธอเป็นผู้หญิงที่ดูสวยน่ารักมากคนหนึ่ง ฉันจำได้ลางๆ ว่าเธอเป็นดาวคณะนิเทศน์ แต่เธอไม่ได้สนิทกับฉันนี่ เราแทบไม่ได้คุยกันด้วยซ้ำ
“ดีจ้ะ” เธอมองฉลามดุสลับกับฉันแล้วคลี่ยิ้ม
“เอ่อ... ค่ะ” ฉันทำหน้าตื่นเมื่อเธอหันมาทักทายอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่ร่างบางจะหันไปอีกฝั่ง เหมือนเธอไม่ได้จงใจจะทักฉันตั้งแต่แรกแล้ว
“ชื่อไรเหรอ” แล้วพูดกับผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉัน วินาทีนั้นเขาคลายมือออก ส่วนฉันก็ดันตัวเองออกไปแล้วนั่งหันหน้าไปอีกทาง ไม่รู้ว่าเขาทำสีหน้าแบบไหน แต่ที่รู้ๆ ก็คือฉลามดุไม่ยอมตอบผู้หญิงคนนั้นกลับไปเลยจนเธอต้องถามย้ำ “นี่ นายอ่ะชื่อไร”
“ฉลามดุ” ฉันได้ยินเสียงเขาตอบสั้นๆ แล้วอยู่ดีๆ ก็รู้สึกแย่ขึ้นมา
ความจริงเขาจีบฉันอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงยอมตอบง่ายๆ เลยล่ะ หรือว่าที่เขาจีบฉันอยู่ฉลามดุจะไม่ได้จริงจังกันนะ
แต่ไม่รู้จะคิดเห็นแก่ได้แบบนั้นไปทำไม ยังไงสถานะเราก็เป็นแค่คนรู้จัก อีกอย่างฉันก็กลัวเขามาก ถ้าเขาจะไปคบกับใครคุยกับใคร มันก็ดีไม่ใช่เหรอ
“มีไลน์มั้ย เบอร์ก็ได้ เราชอบลุคนายอ่ะ” ฉันถึงกับเหวอเมื่อเธอพูดออกมาได้ตรงมาก ไม่คิดว่าจะพูดตรงขนาดนี้ แล้วก็ไม่คิดด้วยว่าดาวคณะจะชอบผู้ชายประมาณนี้ จนต้องหันกลับไปมองเธอที่ตอนนี้ก็หันมาจ้องหน้าฉันอยู่เหมือนกัน
ฉันหันไปมองคนตัวสูงข้างตัว แล้วก็เห็นว่าเขากำลังเลิกคิ้ว
“ชอบเหรอ?” เขาทวน “ชอบตรงไหน หน้า? หรือที่สัก?”
“ทุกอย่าง” เธอหันมาตอบเขาในทันที ส่วนฉันก็ตั้งท่าจะลุกหนีออกไปเพราะรู้สึกว่าตัวเองจะค่อนข้างเป็นส่วนเกินในบทสนทนานี้ไปแล้ว
หมับ
แต่ว่า
ฉลามดุกลับคว้าเอวของฉันไว้แล้วดึงให้นั่งลงข้างๆ เขาไหล่ชิดไหล่อย่างทันท่วงที ในขณะที่จะกอดเอวฉันเอาไว้แนบอกท่ามกลางสายตาของทุกคนที่มองมา หรือแม้แต่ผู้หญิงที่ยืนขอเบอร์เขาอยู่ตรงหน้าด้วย
แล้วร่างสูงก็ทำให้ฉันแทบลืมหายใจด้วยประโยคนี้
“แต่เรามีแฟนแล้ว แฟนเราขี้หึงมากด้วย ขอโทษนะ”
[พาร์ท : ฉลามดุ]“ใครต่อยท้องเมียมึง?”“ไอ้เหี้ยโช” ผมพูดชื่อมันตอนที่ขับรถไปรับไอ้เดี่ยวที่อู่เจ๊เพท หน้าผมตอนนี้มันตึงเครียดมากจนไอ้เดี่ยวไม่คิดที่จะกวนส้นอะไร มันเอารถใหญ่มา ผมเป็นคนขับ ในขณะที่ต่อมาเจ๊เพทจะขึ้นมานั่งด้วย“เด็กๆ ของอีอักใช่มั้ยวะ” เจ๊เพทถาม เธอดูแค้นแทนผมมาก “กูเล่นเอง ไอ้เด็กเวรนี่มันไม่คณามือหรอก”“กูเอาค้อนมา” ผมพูดสั้นๆ คิดไว้แล้วว่าจะเล่นมันยังไง“เฮ้ย เดี๋ยวก็ได้เข้าตารางไปเจอพ่อมึงอีกหรอก” ไอ้เดี่ยวปรามผมทันที แน่นอนว่ามันคงกลัวผมถูกจับขังดัดสันดานอีกเพราะมันรู้ว่าผมเวลาเอาจริงเป็นยังไง ผมยิ่งไม่ค่อยดีกับที่บ้าน ถ้าเจอเรื่องนี้อีกคงต่อไม่ติด“เออ อีหลาม ใจเย็นๆ ดีกว่านะ” เจ๊เพทก็คิดแบบนั้น เธอปรามผมเสียงเข้มขึ้นตอนที่ผมสตาร์ทรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว “เรื่องนี้ให้พวกกูจัดการเหอะ”แต่ผมไม่สน เพราะมันกล้าเข้ามาถึงในห้องนิ้ง กล้าต่อยเธอ แปลว่ามันต้องเตรียมใจไว้แล้วไม่พิการมันก็ต้องตาย ผมคิดได้แค่นี้ผมถามสายที่อยู่แถวๆ นั้น มันบอกว่าหลังจากไอ้โชออกไปจากหอพักของคะนิ้ง มันก็ไปนอนค้างบ้านแฟนมันแถวๆ รัชดาพิเษกผมไม่ทำอะไรผู้หญิงหรอก ไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้หน้าตัวเมี
[พาร์ท : ฉลามดุ]สมเพชตัวเองดีทำตัวอ่อนแอต่อหน้านิ้งเพื่ออะไร? ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันตอนนี้คนตัวเล็กหลับไปแล้ว เธอกอดผมเอาไว้แน่นจนผมไม่รู้ว่าเธออยากกอดผมจริงๆ หรือแค่ละเมอ ตอนแรกผมเจ็บที่เธอดูกลัวเรื่องที่ผมถาม มันทำให้ผมเคว้ง ผมไม่แน่ใจว่าควรบอกเรื่องนั้นดีมั้ย เพราะขนาดครอบครัวแท้ๆ ยังรับไม่ได้ แล้วคะนิ้งเป็นอะไรเธอไม่ใช่แฟนผมด้วยซ้ำ แล้วก็ไม่รู้ว่าเธอจะชอบผมรึเปล่าเอาเป็นว่าผมจะไม่คาดหวังอะไร ถ้าถึงวันนั้นอดีตของผมมันแตกแล้วเธอรับมันไม่ไหว เธออยากจะเดินออกไป ผมจะไม่รั้งเธอไว้ผมเข้าใจ ทำใจไว้แล้วผมมองหน้าร่างเล็กตอนที่กำลังหลับสนิท คะนิ้งน่ารัก เธอเป็นผู้หญิงที่ผมอยากดูแล เป็นผู้หญิงที่ผมรักมาก ผมไม่เคยอยากปกป้องผู้หญิงคนไหนมากเท่าเธอมันไม่สำคัญว่าผมรักนิ้งมานานแค่ไหน ผมแค่คิดว่าเธอใช่สำหรับผม นอกนั้นแม่งก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จำเป็นแล้วผมลูบแก้มของเธอเบาๆ แล้วตัดสินใจดึงมือของเธอออกแล้วผุดลุกออกไป ผมคิดว่าตัวเองควรจะจัดการอะไรให้มันจบ ผมไม่อยากมานั่งอึดอัดเพราะไอ้เรื่องบัดซบนี่ แล้วผมจะบอกนิ้งทุกอย่างเองว่าทำไมผมถึงถามคำถามนั้นตอนนั้นก็คงต้องรอดูว่าเธอจะรับได้มั้ยผมกดส่ง
ฉันตัวชาไปหมดเมื่อเขาถามออกมาแบบนั้น ชะงักมือที่จะเช็ดผมของเขาไว้ ฉลามดุไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา ฉันก็เลยไม่รู้ว่าเขากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่ ไม่รู้ว่าที่เขาพูดมันเรื่องจริงจังหรือแค่หยอกฉันเล่นกันแน่“ละ... ล้อเล่นเหรอ” ฉันพูดเสียงสั่น ผละมือออกในทันที ฉลามดุเงยหน้าขึ้นมองฉันที่มีท่าทีตื่นกลัว เขาชะงักไปนิดหน่อย ก่อนที่ต่อมาจะขบกรามแน่น“เออ ใช่ เราล้อเล่น” เขาพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะ ฉันก็เลยถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่กลับเห็นว่าแววตาของเขาที่มองฉันมันกลับดูเจ็บปวด“อย่าล้อเล่นเรื่องแบบนี้อีกนะ” ฉันเอ็ดเขา ในขณะที่ฉลามจะหัวเราะออกมาอีก แต่มันดูเหมือนเขาฝืนทำซะมากกว่า“โอเค ไม่ทำแล้ว” เขาพูด ในขณะที่ฉันพยักหน้าแล้วทำท่าจะเช็ดผมให้เขา แต่ฉลามดุกลับผละตัวออกมา เขาหันเสี้ยวหน้าด้านข้างให้ฉัน แล้วพูดสั้นๆ “ไม่ต้องเช็ดแล้วนิ้ง เดี๋ยวมันก็แห้งเอง”ฉันไม่รู้ว่าเขาพูดด้วยน้ำเสียงแบบนั้นทำไม ฉลามดุไม่มองหน้าฉันเลย เขาพิงศีรษะตัวเองลงกับพนักพิงด้านหลัง เงยหน้าขึ้นมองเพดานแล้วพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่นิ่งขึ้น “ไปนอนเหอะ เดี๋ยวเราจะนอนข้างนอก”“เป็นอะไรรึเปล่า” ฉันถามเขา แต่ฉลามดุไม่ตอบ เขาแค่หลับตาลง“แค่ง
ย้อนไปเมื่อไม่กี่วันก่อน“แกก็น่าจะรู้นะฉลาม พ่อไม่ได้มีแกเพื่อให้มาก่อเรื่องซ้ำๆ ซากๆ”“ผมก็บอกแล้วว่าแค่ป้องกันตัว มันหมาหมู่กับผม จะให้ทำไง?” ผมย้อนถามพ่อที่นั่งอยู่ตรงหน้าในชุดตำรวจเต็มยศ ห้องที่เรานั่งเผชิญหน้ากันคือห้องไว้สอบสวนคนร้าย ผมไม่คิดว่าพ่อจะเรียกผมมาคุยที่นี่ มันคือหลักฐานว่าไม่ว่ายังไงพ่อก็ยังคงมองผมเหมือนเดิมหกปีที่ผ่านมาพ่อไม่เคยไว้ใจผม ข้อนี้ผมรู้ดี“แกจำสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เหรอ ที่แก...”“มันผ่านไปแล้วพ่อ” ผมพูดแทรกขึ้นมาเพราะไม่อยากฟัง “ก็บอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ผมชดใช้ทุกอย่างแล้ว”“แต่แกฆ่าคนตายนะฉลาม แกเป็นลูกของตำรวจแท้ๆ เป็นบุตรสีกากี แต่แกทำตัวแบบนั้น... แกคิดว่ามันจะเป็นแผลในชีวิตพ่อบ้างมั้ย?”พ่อผมค่อนข้างเป็นคนใจเย็นมากกว่าแม่ของผม เขาพยายามแล้วที่จะระงับอารมณ์แล้วคุยกับผมดีๆ แต่ผมก็รู้ว่าสายตาที่พ่อมองผมมันไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิม... พ่อยังเห็นผมเป็นไอ้ลูกไม่รักดี เป็นฆาตกรฆ่าคนตายที่ทำให้ครอบครัวของเราถูกมองเสียๆ หายๆเพราะผมอยากให้พ่อแม่ยอมรับกับเรื่องบัดซบนี่ ผมเลยออกมาใช้ชีวิตคนเดียว เรียนอาชีวะ ซ่อมเครื่องยนต์ หาเงินส่งตัวเองเรียนโดยไม่ขอพ่อแม่สักบ
ผมหงุดหงิดเมื่อเปิดมาก็เห็นข้อความของพราวที่เด้งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อคืน รวมถึงที่เธอโทรมาหาผมทางไลน์เพราะผมเปลี่ยนเบอร์ใหม่หนีเธออีก ผมไม่ใช่คนใจดำกับผู้หญิง แต่บางครั้งอดีตที่เธอทำมันก็สอนให้ผมรู้ว่าต้องทำตัวยังไงกับพราวตอนที่เธอทิ้งผมไปหาไอ้อักระ ผมไม่แม้แต่จะรั้งทั้งๆ ที่เจ็บแทบตาย แต่พอเธอจะกลับมา ทำแบบนี้มันง่ายเกินไปมั้ยผมไม่ได้สนใจเธอแล้วผมรักนิ้งผมอ่านแต่ไม่ตอบ ถ้าเธอไม่คิดที่จะให้ไอ้อักระออกมาเคลียร์ก็ไม่มีเรื่องจำเป็นอะไรต้องพูดกันอยู่แล้ว เรื่องมันไว้เดี๋ยวผมจะจัดการเองผมถอนหายใจหนัก ในขณะที่เสียงไลน์ดังขึ้นอีกผมหยิบขึ้นมาดูอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อยากรู้ว่าพราวจะพิมพ์อะไรส่งมาอีก ถ้าจะขอโทษพร่ำเพรื่อผมจะบล็อกเธอซะแต่ข้อความที่ถูกส่งมาใหม่ของเธอกลับทำให้ผมขมวดคิ้วP’row : อยากเจอกูนักเหรอP’row : ที่ไหนดีล่ะผมแทบจะผุดลุกออกมาจากเตียงที่นอนอยู่ หายปวดหัวทันทีที่เห็นข้อความถูกส่งเข้ามาจากไลน์ของพราว แต่ผมรู้ว่าคนที่พิมพ์มาคือใครไม่ใช่พราวพี่หลามคนจริง : ที่เดิมไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมากถ้าเป็นมัน ทันทีที่ผมส่งข้อความกลับไป โทรศัพท์ของผมก็ขึ้นว่ามีสายเรียกเข้าไม
ฉันไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่อยู่ดีๆ น้ำตามันก็เอ่อคลออยู่ที่ดวงตาทั้งสองข้าง เพราะจู่ๆ เขาก็ทำให้ฉันคิดถึงตัวเองตอนยังเด็กในชีวิตของฉันมีแต่คนรายล้อมมากมาย มีแต่คนรักฉันไม่เว้นแม้แต่คนที่ไม่ใช่ครอบครัวที่แท้จริงของฉัน ถึงฉันจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ แต่ครอบครัวของพี่คะนองก็ต้อนรับฉันอย่างอบอุ่นเสมอแต่ไม่รู้ทำไม... ทุกครั้งฉันกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ตัวคนเดียวฉันรู้อยู่แก่ใจว่าถึงพวกเขาจะรักฉันยังไง... แต่ครอบครัวนั้นก็เป็นของพวกเขา ไม่ใช่ครอบครัวจริงๆ ของฉันสักหน่อยคุณแม่ทิ้งฉันไปตั้งแต่จำความได้ ในชีวิตของฉันมีแค่คุณพ่อที่แสนดีและอบอุ่น ฉันรักท่านมาก เรามีความทรงจำดีๆ ร่วมกันหลายเรื่อง... จนท่านจากไปฉันก็แค่คิดถึงท่าน ฉันก็แค่อยากกลับไปอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ พร้อมกับคุณพ่อเท่านั้นเอง“ฮึก... ฮือ” ฉลามดุเกลี่ยน้ำตาของฉันออกทันทีที่เห็นว่าฉันร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ฉันเอามือทั้งสองข้างมาปิดหน้าไว้ ฉันไม่อยากให้เขาเห็นเลย“นิ้ง” ฉันได้ยินว่าเขาเรียกชื่อฉัน แต่ฉันกลับหยุดร้องไห้ไม่ได้ ฉันปล่อยโฮออกมาแล้วสะอึกสะอื้นเป็นเด็กๆ เอาหลังมือเช็ดน้ำตาจนแสบหน้าไปหมด ในขณะที่ต่อมาจะถูก