Masuk1
It’ s Bad! แย่แล้ว…เพื่อนสนิทฉันเป็นมาเฟีย จุดเริ่มต้น คฤหาสน์ Black swan แสงแดดช่วงยามสายสาดส่องเข้ามาภายในห้องนอนหรู ปลุกให้คนตัวเล็กที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงนอนขนาดหกฟุตรู้สึกตัวขึ้นมา ขนมผิงขยับร่างกายเอนหลังพิงกับหัวเตียงแล้วกวาดสายตามองบริเวณรอบห้องนอน ที่นี่ไม่ใช่ห้องทำงานบนตึกสูงสีดำตระหง่าน แต่เป็นห้องของใครบางคน เธอสำรวจมองร่างกายตนเองที่มีเพียงเชิ้ตขาวสวมอยู่เพียงชิ้นเดียว หรือเมื่อคืนไม่ใช่ความฝันแต่เป็นความจริง นี่เธอนอนกับเพื่อนตัวเองที่มีแฟนอยู่แล้วจริง ๆ เหรอ รอยดูดบนร่างกายและร่องรอยการร่วมรักบนเตียงบ่งบอกชัดเจน ขนมผิงมีสีหน้าเศร้า นึกละอายแก่ใจที่ทำอะไรแบบนั้นลงไป ขาเรียวก้าวลงมาจากเตียง ดวงตามองหาข้าวของของตนเอง แต่ไม่ทันที่เท้าจะแตะลงบนพื้นเสียงของใครบางคนก็เอ่ยขึ้นจากทางประตูห้อง “จะไปไหน” “ริว” เธออุทานชื่อเขาออกมาเสียงเบาพร้อมกับชักเท้าขึ้นบนเตียงด้วยท่าทางตกใจ ริวเซย์เดินเข้ามาใกล้แล้วหย่อนตัวนั่งลงปลายเตียง สายตาไล่มองสภาพคนตรงหน้า “จำได้ไหม ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น” “ผิงโดนแขกวางยา แล้วหลังจากนั้น…” “เราเอากัน” พอได้ยินคำนั้นออกมาจากปากริวเซย์ใบหน้าก็เห่อร้อนขึ้นมา ขนมผิงไม่กล้ามองหน้าเขา เธอหลบสายตา เข่าชันขึ้นแล้วใช้อ้อมแขนกอดตนเองขดอยู่บนเตียงต่อหน้าทายาทมาเฟียในคราบนักศึกษาคณะวิศวะ ขนมผิงไม่เคยรู้เบื้องหลังของริวเซย์มาก่อน พอมารู้แบบนี้ เธอเองก็ทำตัวไม่ถูก “ผิงจำไม่ค่อยได้ แล้วเราจะทำยังไงดี” “ข้อตกลงเมื่อคืนห้ามบอกใคร ยังจำได้รึเปล่า” “ตรงนี้จำได้ ห้ามบอกใคร โดยเฉพาะไดอาน่า” เธอทวนเบา ๆ ด้วยความเจ็บถึงก้นบึ้งหัวใจ เจ็บที่ตนเองปล่อยครั้งแรกกับคนมีเจ้าของ แต่เธอจะคิดซะว่าทำเพื่อพ่อที่กำลังนอนรอความตาย ทำเพื่อแม่ที่เสียชีวิตไปอย่างอนาถ “ผิงบอกว่าต้องการเงินไปจ่ายค่าผ่าตัดของพ่อ ริวจะรักษาคำพูด” พูดจบร่างหนาในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำและกางเกงขายาวตัวแพงสีเดียวกันก็ลุกขึ้นจากปลายเตียงแล้วเดินไปยังลิ้นชัก ริวเซย์หยิบเช็คเงินสดออกมาก่อนจะเขียนจำนวนเงินและฉีกออกมายื่นให้เพื่อนสาวคนสนิทที่นั่งอยู่บนเตียงในท่าเดิม ท่าทางของขนมผิงดูอิดโรยและเหนื่อยล้า “ขอบคุณริวนะ ที่ช่วยเมื่อคืน แล้วเรื่องเงินนี่ด้วย” “ผิงเองก็แลกมันมาด้วยร่างกายไม่ใช่เหรอ ถือว่าริวช่วยในฐานะเพื่อน” “ผิงขอถามอะไรหน่อยได้ไหม” ปากถามมือก็ขยํ้าผ้าห่มแน่นด้วยอาการประหม่า “ว่ามาสิ” “สัญลักษณ์ไม้กางเขน มันคืออะไร…” “มันไม่ใช่เรื่องที่ผิงควรยุ่ง” “…ริวไม่ใช่แค่นักศึกษาธรรมดาใช่ไหม” “อืม ที่ไม่ได้บอกผิงกับยูเพราะกลัวตกใจกัน” “อื้อ ผะ ผิง ขอตัวกลับก่อนนะ” ขนมผิงเอ่ยออกมาเสียงสั่นด้วยความตกใจ ใครจะไปนึกว่าเพื่อนสนิทของตนเองจะกลายมาเป็นทายาทมาเฟียในวัยแค่ 22 ปี ริวเซย์ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขามองตามร่างคนตัวเล็กที่เดินไม่ถนัดจนกระทั่งเธอเดินออกไปจากห้องของเขาพร้อมกับข้าวของของตนเอง ก่อนจะออกจากห้องไปขนมผิงก็ไม่ลืมสวมซับในตัวเมื่อคืนแบบลวก ๆ เมื่อคืนขนมผิงจำอะไรไม่ค่อยได้ แต่เขาจำได้ทุกคำพูดและทุกการกระทำ บทสวาทเมื่อคืนมันไม่ได้หยุดแค่ที่ห้องทำงาน พอกลับมาที่คฤหาสน์ เขาและเธอก็ยังทำต่อจนหมดแรง “เพื่อนคุณริวขึ้นแท็กซี่กลับไปแล้วครับ” ไม่นานมากนิกมือขวาของริวเซย์ก็เดินเข้ามารายงาน “ไปสืบเรื่องอุบัติเหตุครั้งล่าสุดของพ่อเธอมา” “ครับ” มือขวาอย่างนิกรับคำสั่งก่อนจะเดินออกจากห้องนอนของริวเซย์ ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน เสียงรถกระบะคันเก่าเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าบ้านสองชั้นหลังใหญ่แต่ข้าวของภายในบ้านกลับไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ‘อนุพงศ์’ พาร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลเข้ามาในบ้านก่อนจะทรุดตัวหมดเรี่ยวแรงลงบนพื้น “พ่อ !” เด็กหญิงวัยสิบขวดพูดออกมาเสียงดังด้วยความตกใจพร้อมกับวิ่งเข้ามาหาอนุพงศ์ “พ่อ พ่อคะ…แม่ ! พ่อบาดเจ็บอีกแล้วค่ะ มาดูพ่อหน่อย” ‘ขนมผิง’ เรียกให้ ‘ใบบัว’ แม่แท้ ๆ ของเธอให้เข้ามาดูอาการอนุพงศ์ที่นอนครวญครางเจ็บเจียนตาย ดวงตากลมโตมองสำรวจร่างกายอนุพงศ์ก็พบว่าเขาโดนยิง เด็กสาวสั่นระริกด้วยความสงสารพ่อ ไม่นานมากใบบัวก็รีบวิ่งออกมาจากห้องครัวด้วยความตกใจ “คุณคะ…ผิงไปหยิบโทรศัพท์มาให้แม่” “อย่า อย่าเรียกรถพยาบาล…” นํ้าเสียงของคนใกล้จะหมดแรงเอ่ยออกมา ขนมผิงไม่ได้ฟังคำพูดอนุพงศ์ เธอรีบวิ่งไปหยิบโทรศัพท์ปุ่มกดเครื่องเก่ามายื่นให้ใบบัว “แต่คุณโดนยิงต้องไปโรงพยาบาล ฉันขอร้องเถอะค่ะ รอบนี้มันหนักมากจริง ๆ” ใบบัวเอ่ยพูดเสียงสั่น “เราตายแน่ถ้าผมไปโรงพยาบาล” “แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไงพงศ์” “ทำแผลให้ผม มันไม่ได้โดนจุดสำคัญ” อนุพงศ์พยายามเค้นเสียงพูด ทั้งใบบัวและขนมผิงก็พากันพยุงร่างอนุพงศ์มานอนลงบนเตียงนอนก่อนจะหยิบกล่องอุปกรณ์ทำแผลออกมา ขนมผิงนั่งกอดเข่ามองอนุพงศ์ที่กำลังใช้แอลกอฮอล์ราดลงแผลตนเองพร้อมกับเสียงครวญครางที่ร้องออกมาด้วยความทรมาน ข้างกายกันมีใบบัวที่นั่งร้องไห้และคอยช่วยสามีทำแผล ยังโชคดีที่กระสุนแค่เฉียดและไม่โดนจุดสำคัญจึงทำให้การทำแผลผ่านไปได้ด้วยดี ตอนนี้ร่างของอนุพงศ์เองก็ยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่บนเตียงหลังทำแผลเสร็จ “เมื่อไหร่คุณจะเลิกทำงานนี้สักที หรือต้องรอให้ตายไปก่อนถึงจะเลิก” “ถ้าผมหยุด แล้วครอบครัวเราจะอยู่ยังไง ไหนจะหนี้อีกหลายล้าน คุณกับลูกรับผิดชอบไหวเหรอ” “คุณไปทำงานอื่นก็ได้นี่ งานที่มันไม่อันตรายแบบนี้” “ไม่มีงานอื่นที่ได้เงินดีขนาดนี้แล้ว…” ขนมผิงนั่งฟังพ่อกับแม่คุยกันด้วยความอยากรู้ เธอรู้แค่ว่างานของอนุพงศ์อันตรายมาก แต่มันก็แลกมาด้วยเงินก้อนโต อนุพงศ์ไม่เคยบอกใบบัวหรือเธอเลยว่างานของเขาเกี่ยวกับอะไรและทำที่ไหน อนุพงศ์จะชอบหายไปทำงานทีละสองสามอาทิตย์หรือบางทีเป็นเดือน ไปแต่ละทีก็ติดต่อยาก ทิ้งให้เธอกับแม่ต้องอยู่ด้วยความหวังอย่างลำพัง หวังว่าทุกครั้งที่อนุพงศ์รอดกลับมาเขาจะไม่เป็นอะไรมาก และเหตุการณ์อย่างวันนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว “คุณบอกฉันสักทีได้มั้ยว่าคุณไม่ได้ทำงานผิดกฎหมายพงศ์” “ผมสัญญา หมดนี้แล้วผมจะหยุด” มันเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว อนุพงศ์ไม่ยอมบอกถึงงานที่ตนเองทำอยู่ สาเหตุที่พ่อของเธอต้องทำงานเสี่ยงอันตรายแบบนี้เพราะครอบครัวถูกคนไว้ใจหักหลัง ขโมยเงินและของสำคัญไปหมด แถมยังทำให้กิจการรับจำนำของครอบครัวขนมผิงต้องพังยับเยินไม่เป็นท่า ถึงแม้ตำรวจจะจับตัวคนร้ายได้แต่ทรัพย์สินของครอบครัวเธอก็ถูกนำไปละลายลงบ่อนพนันหมดแล้ว แถมคนร้ายยังถูกประกันตัวออกมาและหนีออกนอกประเทศไป พอตกที่นั่งลำบาก ไม่มีเงินสำรองในการหมุนก็เกิดปัญหาจนต้องไปกู้ยืมธนาคาร ธุรกิจโรงรับจำนำปิดตัวลงเพราะปัญหาหลายอย่าง พอเริ่มธุรกิจใหม่ก็มีแต่พังกับพัง ขาดทุน และเป็นหนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนอนุพงศ์ต้องถอนตัวออกมาและก้าวเข้าสู่อาชีพนี้ 5 ปีต่อมา เกือบสิบปีแล้วที่อนุพงศ์พงศ์ทำงานเสี่ยงอันตรายแบบนี้ ตั้งแต่ขนมผิงอายุ 5 ขวบ จนตอนนี้อายุของเธอครบ 15 ขนมผิงเรียนจบชั้นมัธยมต้น เธอถือใบประกาศนียบัตรกลับมาที่บ้านเพื่อจะอวดกับพ่อแม่ แต่พอกลับมาถึงก็เห็นตำรวจและเจ้าหน้าที่รายล้อมบริเวณบ้านเอาไว้หมด ชาวบ้านแถวนั้นมามุงดูขนมผิงยืนตัวแข็ง หัวใจเต้นแรง งุนงงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับบ้านของเธอ “หนู…” เสียงของใครบางคนแทรกเข้ามาในโซนประสาท จนทำให้ขนมผิงดึงสติกลับมา ปรากฏว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ “คะ ?” “หนูคือขวัญจิราลูกสาวของใบบัวใช่ไหม” “ค่ะ…มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ทะ ทำไม…” “หนูฟังลุงให้ดีนะลูก แม่ของหนู ไม่อยู่แล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดนั้นสมองของเธอก็อื้ออึงไปหมด หัวใจแตกสลายร่างกายแทบหมดเรี่ยวแรง นํ้าตามันไหลพรากออกมาจากดวงตาแบบไม่มีเหตุผล “ไม่จริง…” “…” “แม่หนู ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมคะ” ขนมผิงราวกับคนเสียสติ เธอทิ้งใบประกาศนียบัตรแล้ววิ่งฝ่าเจ้าหน้าที่เข้าไปภายในบ้านเพื่อจะดูศพของใบบัว “ใบบัว…อย่าทิ้งผมไป ใบบัว !” เธอยืนนิ่งเมื่อเห็นอนุพงศ์ร้องไห้โวยวายเหมือนคนเสียสติ เจ้าหน้าที่กำลังพยายามพาร่างเขาออกจากศพที่นอนจมกองเลือด ชิ้นส่วนของศพแทบแยกไม่ออกว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน ขนมผิงสติหลุด ภาพตรงหน้าพร่าเบลอ กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้ง เธอกรีดร้องออกมา พยายามสะบัดร่างกายออกเจ้าหน้าที่แล้วเข้าไปกอดอนุพงศ์ “พ่อคะ…พ่อ หนูอยู่นี่ ฮึก…” กลั้นไม่ไหวแล้ว นํ้าตามันไหลออกมาไม่หยุด สองพ่อลูกถูกเจ้าหน้าที่นำตัวออกไปจากเหตุการณ์น่าสลด หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นอนุพงศ์และขนมผิงก็จัดทำพิธีศพง่าย ๆ ให้กับใบบัว อนุพงศ์เชื่อว่าการตายของภรรยาไม่ปกติ แต่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ก็สรุปตรงกันว่าเป็นอุบัติเหตุ ทั้งที่สภาพศพมันไม่ควรสรุปการตายเป็นแบบนั้น อนุพงศ์เสียใจกับการจากไปของภรรยา เขาทำทุกวิถีทางเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับเธอแต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายอนุพงศ์ก็กลายเป็นคนเสียสติจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ส่วนขนมผิงก็ยังติดใจกับสาเหตุการเสียชีวิตของใบบัวมาตลอด และสักวันเธอจะต้องหาคำตอบให้ได้ เวลาล่วงเลยผ่านมาจนกระทั่งขนมผิงเรียนจบมัธยมปลาย โดยที่เธอเป็นคนหาเงินส่งตัวเองเรียนมาตลอดและยังคอยดูแลพ่อที่เสียสติอย่างอนุพงศ์ หลังจากการจากไปของใบบัว อนุพงศ์ก็ไม่ได้กลับไปทำงานอีกเลย ถึงแม้บางครั้งจะมีคนแปลก ๆ มาคอยจับตามองที่หน้าบ้านของเธอก็ตาม “พ่อคะ…หนูสอบได้ทุนเรียนมหาลัยที่กรุงเทพ ฯ เราย้ายไปอยู่กรุงเทพ ฯ กันนะ” เสียงหวานเอ่ยกับชายเสียสติตรงหน้า “ไม่ไป…ฉันไม่ไป ฉันจะอยู่กับภรรยาที่นี่” “เราต้องไปค่ะ แล้วจะพาแม่ไปด้วย ดีมั้ยคะ ?” “ไปด้วย ไปด้วย…ใบบัวไปด้วย” “ใช่ค่ะ แม่ไปด้วย” กริ๊ง~ เสียงกดกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น ขนมผิงหยุดคุยกับอนุพงศ์แล้วมองไปยังต้นเสียง “รอหนูอยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวมาค่ะ” เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้มก็เดินไปที่หน้าบ้าน มีชายสวมสูทดำลงมาจากรถตู้ยืนอยู่หน้ารั้ว “มีจดหมายมาส่งครับ” พูดจบชายคนนั้นก็ยื่นจดหมายให้ ขนมผิงรับจากช่องระหว่างรั้วแล้วเอ่ยถามออกไป “ของใครคะ…” “ของคุณอนุพงศ์” “ค่ะ” เธอพยักหน้าตอบน้อย ๆ แล้วชายในชุดสูทก็หายขึ้นไปบนรถตู้ ขนมผิงมองตามจนลับสายตาก่อนจะเดินกลับเข้ามาในบ้าน เธอเก็บจดหมายฉบับนั้นไว้แล้วพาพ่อขึ้นรถเพื่อย้ายไปอยู่กรุงเทพทันที โรงพยาบาลจิตเวช ชีวิตใหม่ของเธอและอนุพงศ์เริ่มต้นขึ้นด้วยเงินเก็บหนึ่งก้อน ถึงจะไม่มากนักแต่ก็พอตั้งหลักได้ ขนมผิงอยู่ห้องเช่าเล็ก ๆ ส่วนพ่อของเธอได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐ โดยมีพยาบาลจิตใจดีอย่างฉัตรสุดาเป็นคนดูแลและคอยติดต่อรายงานพฤติกรรมของอนุพงศ์กับขนมผิงเสมอ “พ่อชอบที่นี่ไหมคะ ที่นี่มีเพื่อนเยอะเลยนะ ต่อจากนี้พ่อจะได้ไม่ต้องเหงาอีกต่อไป” ขนมผิงชวนอนุพงศ์คุยในตอนที่เธอมาเยี่ยม แล้วในตอนนั้นเอง ฉัตรสุดาก็เดินเข้ามาหา “น้องผิงคะ มีคนมาขอเยี่ยมคุณอนุพงศ์ค่ะ” “พอทราบไหมคะว่าเขาเป็นใคร” “เห็นบอกว่าเป็นคนรู้จักค่ะ” “ให้เขาเข้ามาเลยค่ะ” ขนมผิงตอบออกไปไม่นานมาก ก็มีชายสวมสูทดำแต่งตัวเหมือนคนส่งจดหมายแต่คนละคนเดินตรงมาหาเธอและอนุพงศ์ “พี่ฉัตรคะ ผิงฝากดูพ่อแป๊บนึงได้ไหมคะ” “ได้ค่ะ” ฉัตรสุดาขานรับและพาอนุพงศ์ที่นั่งอยู่บนวิวแชร์เดินออกไปทางอื่น “สวัสดีค่ะ คุณคือ ?” “หัวหน้าในที่ทำงานของพ่อเธอ” ชายวัยกลางคนตอบ “คุณมาพบพ่อของหนู เพราะอะไร…” “พ่อเธอไม่ได้ทำงานนานมากแล้ว เจ้านายส่งฉันมาตามตัว” “แต่พ่อของหนูสติไม่ดีนะคะ หนูขอยุติงานของพ่อได้ไหม เขาเป็นแบบนี้คงทำงานต่อไม่ได้แล้ว” “ฉันเห็นสภาพแล้วก็คงกลับไปทำงานไม่ได้จริง ๆ ไว้ฉันจะรายงานกับเจ้านายให้ แล้วก็ขอแสดงความเสียใจเรื่องแม่ของเธอด้วยนะ” ชายกลางคนตอบก่อนจะลุกขึ้นจากม้านั่งตัวยาวเพื่อเดินห่างจากขนมผิงไป แต่ขนมผิงกลับเรียกเขาเอาไว้ก่อน “คุณคะ…” “…” ชายคนนั้นหยุดยืนนิ่งแต่ไม่ได้หันกลับมามอง “คุณบอกหนูได้ไหมว่าพ่อทำงานอะไร” “เธอไม่ควรยุ่งเรื่องนี้” จากนั้นเขาก็เดินห่างออกไป ทิ้งเพียงความสงสัยที่มันมากกว่าเดิมให้กับคนตัวเล็ก ก่อนที่เธอจะหยิบจดหมายฉบับนั้นออกมาจากกระเป๋าสะพายแล้วเปิดอ่านดู มันเป็นจดหมายเรียกตัวกลับไปทำงานและมีตราสัญลักษณ์ไม้กางเขน เหมือนเป็นองค์กรหรือสัญลักษณ์ของแก๊งมาเฟีย… —————————————————— ตอนนี้มีทั้งตอนปัจจุบันและย้อนจุดเริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมดในวัยเด็กของขนมผิงนะคะ จะเล่าจนมาถึงเหตุการณ์ปัจจุบันก่อนขนมผิงเข้ามาทำงานที่ตึก Black เลย แนะนำอย่าอ่านข้ามเนื้อหาส่วนนี้นะคะ เดี๋ยวอ่านไม่เข้าใจกัน เพราะค่อนข้างเป็นจุดสำคัญเลย 🫶🏻💖✨12It’s Bad! แย่แล้ว…เพื่อนสนิทฉันเป็นมาเฟียเข้าใกล้คำตอบตกเย็นริว่าเซย์ส่งคนมารับเธอที่หอพัก เพื่อไปสอนพิเศษที่คฤหาสน์ พอมาถึงขนมผิงก็เดินตามวิคตอเรียมาที่ห้องนั่งเล่น รอบนี้เปลี่ยนที่สอนทำเอาขนมผิงโล่งอกและสบายใจมากขึ้น ร่างเล็กเดินตรงเข้ามาหาริวเซย์ที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขาอยู่ในชุดวอร์มสีดำแมทกัน เนื้อผ้าบ่งบอกถึงราคา ท่อนขาตวัดไขว้กันด้วยท่าทางสบาย บนตักมีแมคบุ๊คที่เปิดค้างบทเรียนคราวก่อนเอาไว้“ที่เคยสอนไปทบทวนมาแล้วใช่ไหม” ขนมผิงเอ่ยถาม ร่างบางหย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามริวเซย์“เรียบร้อยแล้ว” เขาตอบพลางละสายตามองมาที่เธอ ขนมผิงสวมเสื้อยืดสีขาวพอดีตัว กางเกงยีนขาสั้นพร้อมกับม้วนผมขึ้นเป็นมวย มีปลอยผมตกคลอเคลียร์ข้างพวงแก้ม “ทีหลังแต่งตัวให้เรียบร้อยกว่านี้ ที่นี่ผู้ชายเยอะ”“ชุดนี้มันสบายดีอ่ะ ถ้าริวไม่โอเค ไว้รอบหน้าผิงจะแต่งให้มิดชิดกว่านี้”“ไปเจอกับไอ้ราฟมาเหรอ” ในขณะที่เธอกำลังเตรียมการสอน ริวเซย์ก็ถามขึ้นมาทันทีแบบไม่ทันได้ตั้งตัว“ราฟ…ริวหมายถึงใคร”“ไปเจอกับมันเรื่องอะไร” ริวเซย์ไม่ได้ตอบคำถามไขสือของเธอ เขากลับยิงคำถามต่อแล้วมองใบหน้าซีดเผือดอย่างต้องการคำตอบ ขนมผ
11It’s Bad! แย่แล้ว…เพื่อนสนิทฉันเป็นมาเฟียเข้าถ้ำเสือ 3 วันต่อมาขนมผิงนั่งจ้องมองนามบัตรติดต่อในมือตนเองด้วยอาการประหม่า เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะหนังสือข้างเตียงมุมประจำ ในสมองคิดชั่งใจว่าจะติดต่อกับเขายังไงให้ราฟาเอลยอมออกมาเจอ แต่แล้วมือบางก็กดโทรออกตามเบอร์โทรที่แปะไว้ ขนมผิงรอปลายสายรับไม่นานมากก็มีคนกดรับ ( สวัสดีครับ ไมเคิลพูดสายครับ ) บทสนทนาภาษาอังกฤษเอ่ยผ่านปลายสาย ขนมผิงจึงตอบกลับเป็นภาษาเดียวกัน “เรียนสายคุณราฟาเอลหน่อยค่ะ ที่รับนามบัตรติดต่อในสนามแข่งเมื่อสามวันก่อน” ( รอสักครู่นะครับ ) แล้วสายก็เงียบไปเกือบหนึ่งนาทีพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาใหม่ ( พูดธุระที่ติดต่อมาได้เลยครับ ) “ฉันอยากพบคุณราฟาเอลค่ะ เขาพอมีเวลาว่างบ้างไหมคะ พอดีมีเรื่องบางอย่างอยากจะคุยกับเขาด้วยค่ะ”( คุณราฟว่างเย็นนี้สองทุ่มครับ ถ้าอยากเจอมาที่โรงแรม Verite Suites ห้องอาหารบนชั้นยี่สิบแปด มาถึงแล้วจะมีคนนำเข้ามาครับ ) ปลายสายรายงาน ขนมผิงเม้มปากแน่นก่อนจะตอบตกลงออกไป หากเธอไม่ไปเจอเขาตอนนี้ อาจจะไม่มีโอกาสอีกเลยก็ได้ “เข้าใจแล้วค่ะ” ( ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว ผมขออนุญาตวางสายนะครับ ) “ค่ะ” หลังตอบต
10It’s Bad! แย่แล้ว…เพื่อนสนิทฉันเป็นมาเฟียควบคุมมากขึ้นรถ Lamborghini Huracan คันสีดำเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าหอพัก ขนมผิงเอื้อมมือมาเปิดประตูก่อนจะเอ่ยบอกกับคนข้างกายแล้วแยกขึ้นห้อง“เจอกันที่มอพรุ่งนี้นะ” ปากเอ่ย รอยยิ้มบางก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้ากลบเกลื่อนอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย “กลับห้องแล้วนอนพัก ดึกแล้วอย่าออกไปไหนล่ะ” ประโยคท้ายที่ริวเซย์เอ่ยออกมา ทำให้ขนมผิงรู้สึกเหมือนตนเองโดนถูกควบคุม แต่เธอก็สลัดความคิดนั้นออก “ไม่ไปไหนหรอก จะนอนแล้ว ไปแล้วนะ” พูดจบร่างเล็กก็เดินลงมาจากรถคันหรู ขนมผิงเดินเข้าไปใต้หอพักแล้วเดินขึ้นบันไดมาบนห้องนอนตนเอง ริวเซย์มองจนลับสายตา ก่อนจะหยิบบุหรี่และไฟแช็กขึ้นมาสูบ ในขณะเดียวกันกระจกรถก็ถูกเลื่อนลงด้วยปลายนิ้วแกร่ง ริมฝีปากหยักพ่นควันสีขาวขุ่นให้ลอยคละคลุ้งออกมา มือหยิบมือถือขึ้นมากดเล่นก็เห็นข้อความจากนิกส่งเข้ามา ข้อความ : นิก นิก : เรียบร้อยแล้วครับ แววตาคู่คมฉายแววพึงพอใจออกมาเพียงครู่เดียว นิ้วแกร่งกดเข้าไปดูที่กล้อง ภาพการเคลื่อนไหวถูกถ่ายทอดผ่านกล้องสามตัวภายในห้องนอนขนมผิง เธอกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือ กำลังก้มอ่านอะไรบางอย่าง สายตาร
9It’s Bad! แย่แล้ว…เพื่อนสนิทฉันเป็นมาเฟียยอมแลก (NC)เสียงครางแผ่วเบาหลุดออกมาจากกลีบปากบางด้วยนํ้าเสียงเย้ายวน ขนมผิงบิดเร้าร่างกายเมื่อความอุ่นร้อนจากลิ้นละเลงลงบนหัวนมที่แข็งชันตอบรับ ริวเซย์ใช้ปากดูดอีกข้าง มือที่ว่างก็บีบเคล้นเต้าอวบขาวไปด้วย ชายหนุ่มไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดผิวกายขาวเนียนทำให้ขนมผิงร้อนวูบวาบไปหมด เธอกัดปากตนเองเบา ๆ แล้วมองการกระทำของคนตรงหน้าที่ยังคงใช้ลิ้นตวัดเลียอยู่ กระทั่งยอดอกเม็ดงามสีแดงเข้มเปียกชุ่ม “ชอบมั้ย ?” เสียงแหบพร่าถามออกมาหลังจากถอนริมฝีปากออกจากสิ่งยั่วยวนตรงหน้า ขนมผิงเม้มปากแน่นแล้วพยักหน้าตอบ “อื้อ ชอบ” “…” ริวเซย์เผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมาแทนคำตอบ เขาเริ่มถอดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ดจนครบก็กระชากออกจากร่างกายแล้วโยนลงบนพื้นอย่างไม่ใยดี คนตัวเล็กนอนมองตาละห้อย ไม่นานมากชิ้นต่อไปก็ถูกถอดออก มือหนาคว้าแก้วไวน์ที่เหลืออยู่ในแก้วขึ้นมากระดกดื่มรวดเดียวหมด ก่อนจะใช้มือช้อนใบหน้าหวานขึ้นมาแล้วป้อนไวน์ผ่านปาก ขนมผิงอ้าปากรับและปล่อยให้เครื่องดื่มไหลลงคอ เธอหลับตาพริ้มแล้วจูบต่อด้วยอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้าไม่หยุด เสียงจูบกันอย่างด
8It’s Bad! แย่แล้ว…เพื่อนสนิทฉันเป็นมาเฟียอยู่เป็นเพื่อน โรงแรม Celestia Palaceรถคันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าโรงแรมห้าดาว ขนมผิงมองออกไปนอกกระจกรถก็เห็นตึกสูงตระหง่านตรงหน้า ไม่นานมากนิกก็เปิดประตูลงไปก่อน แล้วหายเข้าไปในล็อบบี้ของโรงแรม ดวงตากลมโตมองคนข้างกายที่ยังคงเงียบอยู่ ริวเซย์เหมือนคิดอะไรอยู่ในหัวและเขาก็มองหน้าจอมือถืออยู่ตลอด “เรามาที่นี่ทำไม” ขนมผิงอดที่จะเอ่ยถามออกไปไม่ได้ “เดี๋ยวก็รู้” เขาตอบเสียงเรียบ ทั้งที่สายตาจดจ่ออยู่หน้าจอ ดวงตากลมโตเหลือบมองเห็นข้อความของคนข้างกายและแฟนสาวอย่างไดอาน่า ใจความในข้อความนั้นบอกว่าเธอกำลังปาร์ตี้กับเพื่อน เลยไม่ได้ตอบข้อความ พร้อมกับบอกว่าได้รับของขวัญแล้ว ตบท้ายด้วยประโยคออดอ้อน ซึ่งริวเซย์ก็พิมพ์ตอบกลับไปแค่คำว่า ‘ok’ ถึงจะพิมพ์ออกไปเช่นนั้น แต่สีหน้าของเขาก็ยังบ่งบอกออกมาอย่างชัดเจนว่าคิดมาก“ริวอย่าคิดมากเลยนะ น้องไม่มีทางทำเรื่องอะไรไม่ดีลับหลังริวแน่นอน” “แน่ใจ ? ขนาดเรายังนอนด้วยกันเลยนะ” ริวเซย์ตอบกลับเงียบ ๆ ทำเอาใบหน้าเนียนใสชาวาบ“…”“ริวพูดเล่น เรื่องนี้ริวต้องการเอง ไม่เกี่ยวกับผิง” พูดจบก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่นิก
7It’ s Bad! แย่แล้ว…เพื่อนสนิทฉันเป็นมาเฟียที่ระบาย (NC) หมับ!“อ๊ะ! ริว…” ไม่ทันที่สติของเธอจะครบถ้วน ริวเซย์ก็ใช้ท่อนแขนช้อนอุ้มร่างบอบบางขึ้นมาในท่าเจ้าสาว มือเล็กเกาะคอเสื้อตัวแพงเอาไว้ อีกข้างสอดคล้องลำคอหนาริวเซย์ไม่ได้ตอบอะไร เขาอุ้มร่างขนมผิงเดินออกมาจากห้องแล้วเดินมาที่ชั้นล่างผ่านฝูงชนมากมายที่มองมา กระทั่งมาถึงรถอัลพาร์ดที่จอดอยู่หน้าร้าน คนขับรถยืนรออยู่แล้ว พอเห็นเจ้านายออกมาก็ขึ้นประจำที่คนขับ ส่วนนิกก็เดินขึ้นไปนั่งข้างคนขับ“ไปโรงแรม” ริวเซย์เอ่ยสั่งกับคนขับรถ ไม่นานม่านกั้นก็ถูกเลื่อนมาสุดของอีกฝั่งจนมิดขนมผิงนั่งอยู่บนตักของทายาทมาเฟีย ริวเซย์ไม่รอช้าทันทีที่ม่านปิดสนิทเขาก็ดันใบหน้าหวานเข้ามาประกบจูบทันที ขนมผิงยอมเปิดปากและจูบตอบอย่างไร้เดียงสาเสียงหอบหายใจของคนทั้งสองดังออกมาเป็นระยะให้ได้ยิน ริวเซย์จูบริมฝีปากบางหอมหวานด้วยความหลงใหล และต้องการเธอจนควบคุมตนเองไม่อยู่ ขนมผิงเองหัวใจเต้นแรง เธอเคลิบเคลิ้มไปกับจูบที่ริวเซย์มอบให้สองสายตาสอดประสานมองกันด้วยห้วงอารมณ์แห่งความอยาก ริวเซย์ยังคงตักตวงความหอมหวานจากริมฝีปากนุ่มนิ่มอย่างไม่รู้จักพอ มือหนาอยู่







