Masuk2
It’ s Bad! แย่แล้ว…เพื่อนสนิทฉันเป็นมาเฟีย ชีวิตเด็กทุน วันเปิดภาคเรียน ปี 1 มหาลัยหรูตรงหน้าขึ้นชื่อว่าเป็นมหาลัยอินเตอร์อันดับหนึ่งของประเทศ นอกจากจะรวยแล้วก็ต้องเก่งมาก มีทั้งนักศึกษาทั้งในไทยและแลกเปลี่ยนมาจากมหาลัยอื่น ๆ จึงทำให้มีหลายเชื้อชาติรวมตัวกันในมหาลัยนี้ แต่ส่วนมากก็เป็นคนไทยและลูกครึ่งไทยกันส่วนใหญ่ สัปดาห์แรกของการรับน้อง ขนมผิงยังไม่มีเพื่อนเพราะไม่กล้าทักใครก่อนเนื่องจากฐานะของตนเองไม่ได้มีมากเท่าคนอื่น ส่วนนักเรียนทุนในแต่ละปี แต่ละคณะก็นับคนได้ เวลาพักเที่ยงขนมผิงนั่งกินข้าวอยู่ใต้ร่มไม้ม้าหินอ่อนเพียงลำพัง เธอเลือกที่จะห่อข้าวมากินเพื่อความประหยัด “นี่เธอ…ฉันขอนั่งด้วยคนสิ” เสียงของใครบางคนเอ่ยขึ้นด้านหลัง ขนมผิงหันไปมองก็เห็นร่างของหนุ่มสาวหน้าตาดีสองคนมาขอนั่งโต๊ะร่วมกับเธอ สองคนนี้หน้าตาลูกครึ่งออกชัดเจน มีออร่าของคนดังแปลก ๆ ทั้งสวย ทั้งหล่อกันจนขนมผิงแอบประหม่า เธอยิ้มตอบเล็กน้อย “อื้อ” ตอบแล้วก็หันมาสนใจข้าวกล่องตรงหน้าตนเองต่อ “เธอชื่ออะไร ฉันมิซากะ ยูกินะ ส่วนนี้ คิม เจควอน เพื่อนฉันเอง เรามารวมกลุ่มกันดีไหม” ยูกิเอ่ยออกมาพร้อมกับแนะนำตัวเองและเพื่อนชายคนสนิท เธอคงเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น ส่วนคนที่มาด้วยน่าจะเป็นเสี้ยวเกาหลี หน้าตาเขาเพอร์เฟคเหมือนพวกไอดอลหรือดาราก็ไม่ปาน “เราขนมผิง เรียกผิงเฉย ๆ ก็ได้” “นั่งตรงนี้คนเดียวเหรอ” เจควอนเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับตักเมนูอาหารของลูกคนรวยเข้าปาก ขนาดโรงอาหารของที่นี่ยังหรู แต่ละจานก็แพง ๆ ทั้งนั้น ขนมผิงไม่กล้าซื้อกิน ถึงแม้บางครั้งเธออยากจะลองกินมันสักครั้งก็ตาม “ใช่…เรายังไม่มีเพื่อนอ่ะ” “ดีเลย งั้นก็ไปด้วยกันนี่แหละ” “แต่…เราไม่ได้รวยนะ ขนาดข้าวยังห่อมากินเลย เธอสองคน โอเคใช่ไหม…” “เลือกเพื่อนต้องเลือกฐานะด้วยรึไง ไม่จำเป็นต้องมองที่ฐานะเสมอไป” “จริง แกไม่ต้องไปซีเรียสหรอก” เจควอนและยูกิพูดออกมาแบบเป็นกันเอง ทำให้ขนมผิงหายเกร็งและเป็นกันเองมากขึ้น เธอยิ้มตอบและเอ่ยออกมา “แล้วทำไมถึงพากันมานั่งข้างนอกล่ะ” “ข้างในคนเยอะ ไม่ชอบเท่าไหร่” “คืองี้ เจควอนค่อนข้างมีชื่อเสียงอ่ะ คนมองมันเยอะ เห็นแกนั่งอยู่คนเดียวเลยขอมานั่งด้วย” พอได้ยินแบบนี้ขนมผิงก็พอจะเข้าใจว่าทั้งสองคงเป็นคนมีชื่อเสียงพอสมควร เพราะตลอดการนั่งทานข้าวกันอยู่ก็มีสายตาของนักศึกษาหลายคนมองมาเป็นระยะ “เราก็ไม่ชอบเหมือนกัน” “แกอยากลองชิมของฉันดูป่ะ ฉันอยากลองกินข้าวกล่องของแกบ้างอ่ะ หอมน่ากินจัง” ยูกิเอ่ยออกมาแล้วมองข้าวกะเพราไข่ดาวในกล่องข้าวขนมผิง “ได้สิ…” ขนมผิงตอบแล้วตักข้าวตนเองแลกกับยูกิ สองสาวแลกข้าวกันกินอย่างเป็นกันเองจนขนมผิงรู้สึกถูกชะตากับยูกิมาก เธอดูแรง แต่ใจดีและเป็นกันเองแถมยังไม่ถือตัวอีก และนับจากวันนั้นมาทั้งสามคนก็จับกลุ่มไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด จะมีบางครั้งที่สองสาวมักจะแยกไปกันเอง เพราะเจควอนก็มีกลุ่มเพื่อนผู้ชายของตนเองอยู่อีกกลุ่มตอนที่ทำกิจกรรมรับน้อง สัปดาห์ที่สองของการเปิดภาคเรียน “วันนี้เจคไม่ได้มาพร้อมแกเหรอ” ขนมผิงเอ่ยถามคนข้างกายในขณะที่พวกเธออยู่บนห้องเรียนแล้ว เช้านี้ขนมผิงเห็นยูกิมาเรียนคนเดียวจึงถามออกไป “มันบอกเดี๋ยวมาพร้อมกลุ่มเพื่อนผู้ชายมันนั่นแหละ” เธอตอบ สายตายังคงจับจ้องมองหน้าจอมือถืออยู่ ขนมผิงได้ยินเช่นนั้นก็เงียบ เธอเตรียมอุปกรณ์การเรียนขึ้นมาเพื่อรออาจารย์เข้า ในขณะนั้นเพื่อน ๆ ในเซคก็ต่างทยอยเดินเข้ามา แต่กลับมีหนึ่งกลุ่มที่สาว ๆ ในห้องแทบเก็บอาการตนเองไม่ไหว ถึงจะมีผู้หญิงน้อยแต่พวกเธอก็กรี๊ดกันเสียงดังจนขนมผิงตกใจ ส่วนยูกินิ่งเฉย ขนมผิงหันไปมองทางเข้าห้องเรียนก็เห็นกับห้าหนุ่มหล่อที่เดินเข้ามาในห้องเรียน เจควอนเดินเข้ามาพร้อมกับแบดซ์ ริวเซย์มาพร้อมกับเคเลน และคนสุดท้ายคือ ไคโร หนุ่มหน้านิ่งที่หล่อเหลาราวกับรูปปั้น แต่ละคนมีความหล่อเหลากันคนละแบบเพราะหน้าตาออกไปทางคนละเชื้อชาติอย่างชัดเจน เจควอนหล่อแบบไอดอลหรือพวกดาราที่ดาเมจทำลายล้าง แบดซ์ หน้าตาหล่อคมและแบดบอยสมชื่อ เขาดูดุ เคเลนหล่ออบอุ่นดูเป็นเด็กเรียน ลูกครึ่งทางฝั่งยุโรป ไคโรหล่อนิ่งความเย็นชาออกมาอย่างชัดเจน ขยับนิดหน่อยก็ดูมีเสน่ห์ไปหมด ส่วนคนสุดท้าย หล่อร้าย ดูโหดและน่ากลัว ขนมผิงหลบสายตาแล้วหันกลับมาสนใจอุปกรณ์การเรียนตัวเองต่อ “พวกนี้ เพื่อนกูเอง” เจควอนเดินเข้ามาทักยูนภดลแล้วบอก “พอจะรู้จักบ้างแล้ว พวกนายนั่งสิ ส่วนนี้ขนมผิง เพื่อนฉันเองแล้วก็เพื่อนพวกนายด้วย” ยูกิหันไปคุยกับสี่หนุ่มแบบไม่มีอาการเขินอายหรือเกร็งเหมือนสาว ๆ คนอื่นในห้อง “เอ่อ…หวัดดี” ขนมผิงหันไปยิ้มเจื่อนทักทายเพื่อน แล้วสี่หนุ่มก็เดินเลือกที่นั่ง เจควอนนั่งลงข้างยูกิ แบดซ์ เคเลน ไคโร นั่งถัดไป แต่มีคนเดียวที่เดินมานั่งลงข้างกายขนมผิง เธอเหลือบมองคนข้างกายเล็กน้อยแล้วขยับโต๊ะห่างออกมาเว้นระยะ “นั่งข้างเธอแล้วกัน…” ริวเซย์บอกด้วยสีหน้าเรียบ ขนมผิงจึงพยักหน้าตอบแล้วใช้โอกาสนั้นมองสำรวจใบหน้าคนข้างกาย ริวเซย์ตัดผมทรงวูฟคัทสีดำ ผมหน้าตกลงมาแสกกลางออกแนวเซอร์ ๆ ทำให้เห็นดวงตาคู่นั้นไม่ชัดเจนเท่าไหร่ เขาสวมชุดนักศึกษาพับแขนอวดรอยสักที่แขน เสื้อนักศึกษาปลดกระดุมสองสามเม็ด หน้าออกไปทางญี่ปุ่นผสมอังกฤษ เขาสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบ สวมต่างหูไม้กางเขนและสร้อยคอ เธอสำรวจอย่างถี่ถ้วนพลันหัวใจก็เต้นโครมครามเมื่อดวงตาคมกริบหันมามอง “…มองอะไร” “ปะ เปล่า…เราแค่…เอ่อ นายหน้าตาดี…” ขนมผิงบอกเสียงติดขัดแล้วเม้มปากแน่น “มีคนบอกแบบนั้นเยอะ” “….” ขนมผิงเงียบ เธอพยายามโฟกัสกับการเรียนและท่องเอาไว้ว่าเพื่อน เธอจะใจแตกกับเพื่อนกลุ่มเดียวกันไม่ได้ ถึงแม้เขาจะหล่อมากแค่ไหนก็ตาม ขนมผิงท่องในใจ “มีปากกาไหม” “มี นายไม่มีเหรอ ยืมเราก่อนไหม” “อืม” ว่าแล้วขนมผิงก็หยิบปากกาให้คนข้างกายยืม หลังจากวันนั้นเธอและเขาก็คุยกันมากขึ้นเรื่อย ๆ งานคู่ก็คู่กันมาตลอดกระทั่งถึงปีสี่ ปี 4 เทอม 1 ปัจจุบันนี้ทุกคนต่างมีแฟนกันไปเกือบทั้งกลุ่ม ริวเซย์คบกับรุ่นน้องที่เรียนอยู่ต่างประเทศ แบดซ์กลับไปคบกับแฟนเก่า ส่วนยูกิและเจควอนก็ดันกินกันเอง เคเลนโสด ส่วนไคโรมีคู่หมั้น กลายเป็นว่ามีแค่ขนมผิงและเคเลนที่ตอนนี้โสดสนิท แต่เธอก็ยังไม่อยากโฟกัสเรื่องนั้นเท่าไหร่นัก มันมีอะไรอีกหลายอย่างให้จัดการ ครืด~ ครืด~ ในขณะที่ขนมผิงกำลังทำงานอยู่ร้านพาร์ทไทม์ร้านประจำที่ตนเองทำมาสักพักใหญ่ ๆ อยู่นั่นก็มีเสียงโทรศัพท์เรียกเข้า เธอหยิบออกมาจากผ้ากันเปื้อนแล้วกดรับสายทันที “สวัสดีค่ะ” (น้องผิง ตอนนี้คุณอนุพงศ์เกิดอุบัติเหตุค่ะ โดนแทงที่ท้องต้องผ่าตัดด่วน รีบไปที่โรงพยาบาลนฤทัยตอนนี้เลยนะคะ) ฉัตรสุดาพี่พยาบาลที่คอยดูแลพ่อของเธออยู่โรงพยาบาลจิตเวชโทรมาบอกข่าวร้ายกับขนมผิง ทำให้ร่างกายคนตัวเล็กแทบหมดแรง เธอไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน “…ค่ะ ผิงจะรีบไป” เธอตอบเสียงสั่นแล้วกดตัดสาย “พี่เมทัสคะ ผิงขอลางานนะคะ พ่อผิงประสบอุบัติเหตุค่ะ” ขนมผิงรีบเดินมาที่หน้าเคาน์เตอร์แล้วถอดผ้ากันเปื้อนออก พี่เมทัสที่เธอเรียกคือเจ้าของร้านเบอร์เกอร์รี่ที่นี่ “ให้พี่ไปส่งไหม” “ไม่เป็นไรค่ะ ผิงไปเอง…” เธอตอบออกมาอย่างเร่งรีบก่อนจะออกเดินทางไปยังโรงพยาบาลนฤทัยทันที ขนมผิงใช้เวลาเดินทางไม่นานมากก็มาถึง และตอนนี้อนุพงศ์ก็กำลังอยู่ในห้องผ่าตัด เธอนั่งร้องไห้ กระวนกระวายกลัวว่าพ่อจะเป็นอะไรไป ครืด~ พี่ฉัตร : พ่อผิงหนีออกจากโรงพยาบาล ทางเราตามเจอตัวก็เกือบไม่รอดแล้ว ตำรวจบอกว่ามีคนลอบทำร้าย พี่ฉัตร : ผิงอย่าลืมมาที่สถานีตำรวจนะ ขนมผิง : ค่ะ เธอพิมพ์ตอบข้อความฉัตรสุดากลับไปด้วยนํ้าตา… ขนมผิงเหลือบมองเวลาตอนนี้ก็นานมากแล้วกระทั่งรอไปเกือบสามชั่วโมงคุณหมอก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด “ญาติคุณอนุพงศ์ใช่ไหมครับ” “ค่ะ หนูเป็นลูกสาว” “ตามหมอมาที่ห้องนะครับ” “….” เธอพยักหน้าตอบแล้วเดินตามคุณหมอไปยังห้องพักส่วนตัว คุณหมอนภดลจัดการกับตนเองเรียบร้อยก็เดินออกมานั่งคุยกับขนมผิงที่นั่งรออยู่บนเก้าอี้อยู่ก่อนแล้ว “อาการของคุณอนุพงศ์ค่อนข้างหนักและเสียเลือดมาก แผลโดนแทงบริเวณตับ เสียหายรุนแรงจนเราไม่สามารถซ่อมแซมหรือรักษาตับเดิมเอาไว้ได้ ผมจึงเปลี่ยนตับใหม่เพื่อรักษาชีวิตคนไข้ไว้ครับ ทีนี้ค่ารักษาจะสูงมาก ค่าผ่าตัดทั้งหมดรวมค่ารักษาต่าง ๆ อยู่ที่สี่ล้านห้าครับ คุณขวัญจิราสะดวกชำระเลยไหมครับ” “สี่ล้านห้าเลยเหรอคะ…” ขนมผิงตอบออกมาเสียงสั่นพร้อมกับสีหน้าซีดเผือด เงินมากมายขนาดนั้นเธอจะไปหามาจากไหนกัน “ครับ คุณอนุพงศ์ถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลเอกชนที่ใกล้ที่สุดเนื่องจากโรงพยาบาลของเรามีอวัยวะพร้อมสำหรับเปลี่ยนทันที หากนำไปส่งที่โรงพยาบาลอื่นที่ต้องเดินเรื่องก่อนจะใช้เวลานาน คนไข้อาจจะเสียเลือดมากและอาจจะไม่รอดได้” “เข้าใจแล้วค่ะ หนูขอผ่อนจ่ายได้ไหมคะคุณหมอ หนูมียังไม่ถึง…ช่วยหนูหน่อยนะคะ” “ผมจะออกค่าใช้จ่ายให้ก่อนก็แล้วกันนะครับ ส่วนคุณขวัญจิราหามาคืนผมให้ครบในระยะเวลาสามเดือนได้รึเปล่า” ถึงมันจะเร็วอยู่ดี แต่อย่างน้อยก็มีเวลาหา ต้องดิ้นรนทุกวิถีทางเพราะคุณหมออุตส่าห์ช่วย “ได้ค่ะ…หนูจะรีบหามาคืนคุณหมอให้เร็วที่สุด ขอบคุณมากเลยนะคะที่ช่วย” “ผมได้ยินมาว่าคนไข้เป็นผู้ป่วยจิตเวชด้วย ผมเลยอยากช่วยครับ ปกติคนไข้ของเราไม่ค่อยเจอเคสแบบนี้มาก่อนด้วย” “ใช่ค่ะ…พ่อเสียแม่ไป เลยทำให้แกกลายเป็นแบบนี้ ยังไงก็ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะ” ขนมผิงเอ่ยออกมาอีกครั้งทั้งนํ้าตาก่อนจะยกมือไว้ ถ้าเธอไม่เจอคุณหมอนภดลก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอนุพงศ์จะรอดไหม ไหนจะเรื่องค่าใช้จ่ายอีกด้วย 2 วันต่อมา ขนมผิงเดินทางกลับมาที่บ้านเกิดของตนเองอีกครั้ง บ้านหลังเดิมที่เคยอยู่กับพ่อและแม่ เธอพยายามค้นทั่วบ้าน ทุกซอก ทุกมุม เพื่อหาหลักฐานอะไรบางอย่างเกี่ยวกับงานของอนุพงศ์ เหตุการณ์ที่โดนแทงครั้งนี้ก็อาจจะเกี่ยวข้องกับงานเก่าของเขาก็ได้ แต่พอค้นหาหมดแล้วก็ไม่พบหลักฐานหรืออะไรแม้แต่ชิ้นเดียว จนเธอเริ่มหมดหวัง ซมซานมาที่กรุงเทพ ฯ เพื่อมาเยี่ยมอนุพงศ์ ขนมผิงนั่งร้องไห้อยู่ข้างเตียงพ่อ แล้วไม่นานมากพยาบาลก็เข้ามาเช็ดตัวเปลี่ยนชุดให้คนไข้ เธอนั่งรอและมองทุกเหตุการณ์จนกระทั่งสายตาเหลือบมองเห็นรอยสักไม้กางเขนที่หลังคออนุพงศ์ รอยสักนั้นเป็นอันเดียวกันกับสัญลักษณ์บนจดหมายที่ชายชุดดำส่งมาให้ก่อนที่เธอจะย้ายมาอยู่กรุงเทพ ฯ “เปลี่ยนชุดให้คุณอนุพงศ์เรียบร้อยแล้วนะคะ” พยาบาลวัยกลางคนเอ่ยบอก “ขอบคุณค่ะ” ขนมผิงพยักหน้าตอบแล้วส่งยิ้มให้ ก่อนที่พยาบาลสองคนจะเดินออกจากห้องไป เธอนั่งมองหน้าพ่อที่ยังคงนอนหลับอยู่ก่อนจะยกมือขึ้นปาดนํ้าตาที่เอ่อคลอเบ้าไม่หยุดออก “หนูจะไม่ปล่อยให้พ่อโดนทำร้ายแบบนี้ต่อไป แล้วหนูก็จะทวงคืนยุติธรรมให้แม่เอง พ่อไม่ต้องห่วงแล้วรีบตื่นขึ้นมาได้แล้วนะคะ” คนตัวเล็กเอ่ยออกมาด้วยหัวใจที่เจ็บปวด เธอมาเยี่ยมอนุพงศ์ได้พักใหญ่แล้วจึงปลีกตัวออกมาจากห้องพักฟื้นแล้วกลับมาที่ห้องพักของตนเอง ขนมผิงพยายามค้นหาสัญลักษณ์นั้นและหางานอื่นทำไปด้วย ไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับสัญลักษณ์นั้นเลยแต่ยังโชคดีที่มีงานหนึ่งกำลังหาคน เงินหนา และทำแค่คืนเดียว คืนเดียวหลายหมื่นแต่กฎเยอะและเสี่ยง ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับงานเช่นกัน มีแค่เบอร์ติดต่อ ขนมผิงลังเลก่อนจะหยิบมือถือมากดเบอร์แล้วโทรออก รอไม่นานมากปลายสายก็กดรับ (โทรมาติดต่องานใช่ไหมคะ) หญิงวัยสามสิบต้น ๆ ถาม สำเนียงของเธอดูเหมือนไม่ใช่คนไทย “ค่ะ” (ฉันจะส่งสถานที่ และนัดวันดูตัวไปให้คุณค่ะ) “แล้วต้องทำยังไงบ้างคะ” (ถ้าผ่านการเลือก ฉันจะแจ้งอีกที ขอบคุณค่ะ) พูดจบปลายสายก็ตัดไปทันที ขนมผิงมองด้วยความงงก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ไม่นานมากก็มีเมลแจ้งเข้ามานัดสถานที่และวันดูตัวมาให้ หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นขนมผิงก็ได้ไปดูตัวในตึกลึกลับแห่งนั้นตามวันเวลา สามวันต่อมาเธอก็ได้รับแจ้งว่าผ่านการเข้าไปทำงาน จึงเป็นเหตุผลให้เธอต้องมาโผล่อยู่ตึก Black swan อีกรอบ… (จบพาร์ทย้อนอดีต) ตอนนี้เป็นเหตุการณ์ไล่มาจากอดีตนะคะ จนถึงตอนปัจจุบันที่เกริ่นในบทนำ ส่วนเรื่องของพี่แบดซ์กับเจควอนมีแล้วนะคะ จบแล้วทั้งสองเรื่อง ตามอ่านกันได้น๊า 💗💗💗12It’s Bad! แย่แล้ว…เพื่อนสนิทฉันเป็นมาเฟียเข้าใกล้คำตอบตกเย็นริว่าเซย์ส่งคนมารับเธอที่หอพัก เพื่อไปสอนพิเศษที่คฤหาสน์ พอมาถึงขนมผิงก็เดินตามวิคตอเรียมาที่ห้องนั่งเล่น รอบนี้เปลี่ยนที่สอนทำเอาขนมผิงโล่งอกและสบายใจมากขึ้น ร่างเล็กเดินตรงเข้ามาหาริวเซย์ที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขาอยู่ในชุดวอร์มสีดำแมทกัน เนื้อผ้าบ่งบอกถึงราคา ท่อนขาตวัดไขว้กันด้วยท่าทางสบาย บนตักมีแมคบุ๊คที่เปิดค้างบทเรียนคราวก่อนเอาไว้“ที่เคยสอนไปทบทวนมาแล้วใช่ไหม” ขนมผิงเอ่ยถาม ร่างบางหย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามริวเซย์“เรียบร้อยแล้ว” เขาตอบพลางละสายตามองมาที่เธอ ขนมผิงสวมเสื้อยืดสีขาวพอดีตัว กางเกงยีนขาสั้นพร้อมกับม้วนผมขึ้นเป็นมวย มีปลอยผมตกคลอเคลียร์ข้างพวงแก้ม “ทีหลังแต่งตัวให้เรียบร้อยกว่านี้ ที่นี่ผู้ชายเยอะ”“ชุดนี้มันสบายดีอ่ะ ถ้าริวไม่โอเค ไว้รอบหน้าผิงจะแต่งให้มิดชิดกว่านี้”“ไปเจอกับไอ้ราฟมาเหรอ” ในขณะที่เธอกำลังเตรียมการสอน ริวเซย์ก็ถามขึ้นมาทันทีแบบไม่ทันได้ตั้งตัว“ราฟ…ริวหมายถึงใคร”“ไปเจอกับมันเรื่องอะไร” ริวเซย์ไม่ได้ตอบคำถามไขสือของเธอ เขากลับยิงคำถามต่อแล้วมองใบหน้าซีดเผือดอย่างต้องการคำตอบ ขนมผ
11It’s Bad! แย่แล้ว…เพื่อนสนิทฉันเป็นมาเฟียเข้าถ้ำเสือ 3 วันต่อมาขนมผิงนั่งจ้องมองนามบัตรติดต่อในมือตนเองด้วยอาการประหม่า เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะหนังสือข้างเตียงมุมประจำ ในสมองคิดชั่งใจว่าจะติดต่อกับเขายังไงให้ราฟาเอลยอมออกมาเจอ แต่แล้วมือบางก็กดโทรออกตามเบอร์โทรที่แปะไว้ ขนมผิงรอปลายสายรับไม่นานมากก็มีคนกดรับ ( สวัสดีครับ ไมเคิลพูดสายครับ ) บทสนทนาภาษาอังกฤษเอ่ยผ่านปลายสาย ขนมผิงจึงตอบกลับเป็นภาษาเดียวกัน “เรียนสายคุณราฟาเอลหน่อยค่ะ ที่รับนามบัตรติดต่อในสนามแข่งเมื่อสามวันก่อน” ( รอสักครู่นะครับ ) แล้วสายก็เงียบไปเกือบหนึ่งนาทีพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาใหม่ ( พูดธุระที่ติดต่อมาได้เลยครับ ) “ฉันอยากพบคุณราฟาเอลค่ะ เขาพอมีเวลาว่างบ้างไหมคะ พอดีมีเรื่องบางอย่างอยากจะคุยกับเขาด้วยค่ะ”( คุณราฟว่างเย็นนี้สองทุ่มครับ ถ้าอยากเจอมาที่โรงแรม Verite Suites ห้องอาหารบนชั้นยี่สิบแปด มาถึงแล้วจะมีคนนำเข้ามาครับ ) ปลายสายรายงาน ขนมผิงเม้มปากแน่นก่อนจะตอบตกลงออกไป หากเธอไม่ไปเจอเขาตอนนี้ อาจจะไม่มีโอกาสอีกเลยก็ได้ “เข้าใจแล้วค่ะ” ( ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว ผมขออนุญาตวางสายนะครับ ) “ค่ะ” หลังตอบต
10It’s Bad! แย่แล้ว…เพื่อนสนิทฉันเป็นมาเฟียควบคุมมากขึ้นรถ Lamborghini Huracan คันสีดำเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าหอพัก ขนมผิงเอื้อมมือมาเปิดประตูก่อนจะเอ่ยบอกกับคนข้างกายแล้วแยกขึ้นห้อง“เจอกันที่มอพรุ่งนี้นะ” ปากเอ่ย รอยยิ้มบางก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้ากลบเกลื่อนอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย “กลับห้องแล้วนอนพัก ดึกแล้วอย่าออกไปไหนล่ะ” ประโยคท้ายที่ริวเซย์เอ่ยออกมา ทำให้ขนมผิงรู้สึกเหมือนตนเองโดนถูกควบคุม แต่เธอก็สลัดความคิดนั้นออก “ไม่ไปไหนหรอก จะนอนแล้ว ไปแล้วนะ” พูดจบร่างเล็กก็เดินลงมาจากรถคันหรู ขนมผิงเดินเข้าไปใต้หอพักแล้วเดินขึ้นบันไดมาบนห้องนอนตนเอง ริวเซย์มองจนลับสายตา ก่อนจะหยิบบุหรี่และไฟแช็กขึ้นมาสูบ ในขณะเดียวกันกระจกรถก็ถูกเลื่อนลงด้วยปลายนิ้วแกร่ง ริมฝีปากหยักพ่นควันสีขาวขุ่นให้ลอยคละคลุ้งออกมา มือหยิบมือถือขึ้นมากดเล่นก็เห็นข้อความจากนิกส่งเข้ามา ข้อความ : นิก นิก : เรียบร้อยแล้วครับ แววตาคู่คมฉายแววพึงพอใจออกมาเพียงครู่เดียว นิ้วแกร่งกดเข้าไปดูที่กล้อง ภาพการเคลื่อนไหวถูกถ่ายทอดผ่านกล้องสามตัวภายในห้องนอนขนมผิง เธอกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือ กำลังก้มอ่านอะไรบางอย่าง สายตาร
9It’s Bad! แย่แล้ว…เพื่อนสนิทฉันเป็นมาเฟียยอมแลก (NC)เสียงครางแผ่วเบาหลุดออกมาจากกลีบปากบางด้วยนํ้าเสียงเย้ายวน ขนมผิงบิดเร้าร่างกายเมื่อความอุ่นร้อนจากลิ้นละเลงลงบนหัวนมที่แข็งชันตอบรับ ริวเซย์ใช้ปากดูดอีกข้าง มือที่ว่างก็บีบเคล้นเต้าอวบขาวไปด้วย ชายหนุ่มไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดผิวกายขาวเนียนทำให้ขนมผิงร้อนวูบวาบไปหมด เธอกัดปากตนเองเบา ๆ แล้วมองการกระทำของคนตรงหน้าที่ยังคงใช้ลิ้นตวัดเลียอยู่ กระทั่งยอดอกเม็ดงามสีแดงเข้มเปียกชุ่ม “ชอบมั้ย ?” เสียงแหบพร่าถามออกมาหลังจากถอนริมฝีปากออกจากสิ่งยั่วยวนตรงหน้า ขนมผิงเม้มปากแน่นแล้วพยักหน้าตอบ “อื้อ ชอบ” “…” ริวเซย์เผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมาแทนคำตอบ เขาเริ่มถอดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ดจนครบก็กระชากออกจากร่างกายแล้วโยนลงบนพื้นอย่างไม่ใยดี คนตัวเล็กนอนมองตาละห้อย ไม่นานมากชิ้นต่อไปก็ถูกถอดออก มือหนาคว้าแก้วไวน์ที่เหลืออยู่ในแก้วขึ้นมากระดกดื่มรวดเดียวหมด ก่อนจะใช้มือช้อนใบหน้าหวานขึ้นมาแล้วป้อนไวน์ผ่านปาก ขนมผิงอ้าปากรับและปล่อยให้เครื่องดื่มไหลลงคอ เธอหลับตาพริ้มแล้วจูบต่อด้วยอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้าไม่หยุด เสียงจูบกันอย่างด
8It’s Bad! แย่แล้ว…เพื่อนสนิทฉันเป็นมาเฟียอยู่เป็นเพื่อน โรงแรม Celestia Palaceรถคันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าโรงแรมห้าดาว ขนมผิงมองออกไปนอกกระจกรถก็เห็นตึกสูงตระหง่านตรงหน้า ไม่นานมากนิกก็เปิดประตูลงไปก่อน แล้วหายเข้าไปในล็อบบี้ของโรงแรม ดวงตากลมโตมองคนข้างกายที่ยังคงเงียบอยู่ ริวเซย์เหมือนคิดอะไรอยู่ในหัวและเขาก็มองหน้าจอมือถืออยู่ตลอด “เรามาที่นี่ทำไม” ขนมผิงอดที่จะเอ่ยถามออกไปไม่ได้ “เดี๋ยวก็รู้” เขาตอบเสียงเรียบ ทั้งที่สายตาจดจ่ออยู่หน้าจอ ดวงตากลมโตเหลือบมองเห็นข้อความของคนข้างกายและแฟนสาวอย่างไดอาน่า ใจความในข้อความนั้นบอกว่าเธอกำลังปาร์ตี้กับเพื่อน เลยไม่ได้ตอบข้อความ พร้อมกับบอกว่าได้รับของขวัญแล้ว ตบท้ายด้วยประโยคออดอ้อน ซึ่งริวเซย์ก็พิมพ์ตอบกลับไปแค่คำว่า ‘ok’ ถึงจะพิมพ์ออกไปเช่นนั้น แต่สีหน้าของเขาก็ยังบ่งบอกออกมาอย่างชัดเจนว่าคิดมาก“ริวอย่าคิดมากเลยนะ น้องไม่มีทางทำเรื่องอะไรไม่ดีลับหลังริวแน่นอน” “แน่ใจ ? ขนาดเรายังนอนด้วยกันเลยนะ” ริวเซย์ตอบกลับเงียบ ๆ ทำเอาใบหน้าเนียนใสชาวาบ“…”“ริวพูดเล่น เรื่องนี้ริวต้องการเอง ไม่เกี่ยวกับผิง” พูดจบก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่นิก
7It’ s Bad! แย่แล้ว…เพื่อนสนิทฉันเป็นมาเฟียที่ระบาย (NC) หมับ!“อ๊ะ! ริว…” ไม่ทันที่สติของเธอจะครบถ้วน ริวเซย์ก็ใช้ท่อนแขนช้อนอุ้มร่างบอบบางขึ้นมาในท่าเจ้าสาว มือเล็กเกาะคอเสื้อตัวแพงเอาไว้ อีกข้างสอดคล้องลำคอหนาริวเซย์ไม่ได้ตอบอะไร เขาอุ้มร่างขนมผิงเดินออกมาจากห้องแล้วเดินมาที่ชั้นล่างผ่านฝูงชนมากมายที่มองมา กระทั่งมาถึงรถอัลพาร์ดที่จอดอยู่หน้าร้าน คนขับรถยืนรออยู่แล้ว พอเห็นเจ้านายออกมาก็ขึ้นประจำที่คนขับ ส่วนนิกก็เดินขึ้นไปนั่งข้างคนขับ“ไปโรงแรม” ริวเซย์เอ่ยสั่งกับคนขับรถ ไม่นานม่านกั้นก็ถูกเลื่อนมาสุดของอีกฝั่งจนมิดขนมผิงนั่งอยู่บนตักของทายาทมาเฟีย ริวเซย์ไม่รอช้าทันทีที่ม่านปิดสนิทเขาก็ดันใบหน้าหวานเข้ามาประกบจูบทันที ขนมผิงยอมเปิดปากและจูบตอบอย่างไร้เดียงสาเสียงหอบหายใจของคนทั้งสองดังออกมาเป็นระยะให้ได้ยิน ริวเซย์จูบริมฝีปากบางหอมหวานด้วยความหลงใหล และต้องการเธอจนควบคุมตนเองไม่อยู่ ขนมผิงเองหัวใจเต้นแรง เธอเคลิบเคลิ้มไปกับจูบที่ริวเซย์มอบให้สองสายตาสอดประสานมองกันด้วยห้วงอารมณ์แห่งความอยาก ริวเซย์ยังคงตักตวงความหอมหวานจากริมฝีปากนุ่มนิ่มอย่างไม่รู้จักพอ มือหนาอยู่







![ความลับของมาเฟีย [มาร์ติน×วีนัส]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)